พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เพียงแค่แต่ละคนปฎิบัติตาม ประเทศชาติต้องดีกว่านี้แน่นอน

    .
     
  2. ทองอ้วน

    ทองอ้วน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +135
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ake7440 [​IMG]
    เรื่องการตรวจทางนามนี่ ผมเองก็เคยหวังอยากจะมีบุญทำได้กับเขาเหมือนกันครับ
    แต่ว่าตอนนี้ก็เริ่มปลงแล้วครับ เดิมทีเคยฝึกสมาธิเพราะใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าการตรวจนามอย่างที่เขาทำกันได้นั้นเป็นอย่างไร
    แต่ตอนนี้เลิกมุ่งหวัง (แต่ไม่ได้ปฏิเสธนะครับ) หันมานั่งสมาธิด้วยจิตบริสุทธิ์ดีกว่าครับ นั่งแล้วสบายใจดี
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผมก็เคยคิดเหมือนกันกับคุณ ake7440 ในเรื่องที่ฝึกสมาธิเพื่อจะตรวจสอบทางนามครับ ตอนนี้ก็ได้เริ่มหัดนั่งสมาธิไปบ้างแล้ว แต่ยังนั่งในแต่ละครั้งได้ไม่นานเท่าไรครับ ยังไงก็จะพยายามสู้ต่อครับ สู้ครับ:VO
     
  3. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    สวัสดีครับคุณทองอ้วน เรียกผมว่า "หมอเอก" ก็ได้ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ
     
  4. ทองอ้วน

    ทองอ้วน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +135
    ยินดีที่ได้รู้จักเช่นเดียวกันครับ คุณหมอเอก ครับ
     
  5. nanodent

    nanodent เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,730
    ค่าพลัง:
    +943
    เที่ยวนี้หลวงปู่มาโปรดจริง...มีองค์ครูมา ๑ องค์ก็เที่ยวนี้แหละครับ...บุคคลพึงบรรลุได้ด้วยความเพียร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • R0014076.jpg
      R0014076.jpg
      ขนาดไฟล์:
      127.7 KB
      เปิดดู:
      64
    • R0014078.jpg
      R0014078.jpg
      ขนาดไฟล์:
      131 KB
      เปิดดู:
      56
    • R0014079.jpg
      R0014079.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.6 KB
      เปิดดู:
      57
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2008
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สู้โว้ย!! มะเร็งไม่ร้ายอย่างที่คิด

    http://hilight.kapook.com/view/28320

    [​IMG]

    มะเร็งอาจเป็นเพชฌฆาตร้ายอันดับหนึ่ง ที่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกอย่างไม่มีเยื่อใย แต่ใช่ว่าคนเป็นมะเร็งจะต้องนอนรอความตายสถานเดียว ยังมีคนอีกไม่น้อยที่โชคดีรอดจากการเป็นเหยื่อมัจจุราชได้อย่างอัศจรรย์ พวกเขามีคาถาอะไรดีในการพิชิตมะเร็ง และมะเร็งทำให้ชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ทีมข่าวสตรีไทยรัฐตามค้นหาคำตอบ เพื่อจุดประกายความหวังให้ผู้ป่วยมะเร็งได้มีกำลังใจต่อสู้ กับโรคร้ายต่อไป

    "อ.เผ่าทอง ทองเจือ" อดีตคณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองขั้นที่ 4 เมื่อ 14 ปีก่อน และจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 3 เดือน วินาทีแรกที่รู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง โลกทั้งโลกแทบดับลงตรงหน้า เขานอนซมหมดกำลังใจอยู่หลายวัน จนกระทั่งนึกถึงคำพูดของแม่ ทำให้มีสติฮึดสู้อีกครั้ง ​

    "เมื่อ 14 ปีก่อน ผมคลำเจอก้อนเนื้อขนาดเท่าเม็ดถั่วลิสง ที่ราวนมด้านขวา ตอนนั้นไปทำวิจัยด้านโบราณคดีที่ประเทศอังกฤษ 3 เดือน เป็นเรื่องบังเอิญมาก เพราะปกติชอบอาบน้ำจากตุ่ม ไม่ใช้ฝักบัวเลย แต่พอไปอยู่อังกฤษต้องอาบฝักบัว ทำให้คลำพบความผิดปกติ ตอนนั้นคิดว่าไม่เป็นอะไร เพราะกดยังไงก็ไม่เจ็บ เพียงแต่สังเกตว่าขนาดก้อนเนื้อโตขึ้นเรื่อยๆ จนใหญ่เท่าไข่เป็ด!! พอกลับเมืองไทยต้องขึ้นเหนือไปทำธุระที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เลยแวะไปหาเพื่อนที่เป็นหมอประจำโรงพยาบาลสวนดอก เล่าอาการให้ฟัง และวินิจฉัยตัวเองว่าคงไม่เป็นอะไร เพราะกดยังไงก็ไม่เจ็บ!! ปรากฏว่าเพื่อนหน้าเสียเลย รีบเรียกหมอเฉพาะทางมาตรวจ ถ้าถึงขั้นกดแรงๆ ยังไม่เจ็บ แสดงว่าอาการหนัก!! ตอนนั้นคุณหมอ (พญ. บุญสม ชัยมงคล) สั่งให้เข้าห้องผ่าตัดทันที เพื่อตัดก้อนเนื้อออกมาตรวจ เข้าไปตั้งแต่บ่ายโมง จนถึง 6 โมงเย็น

    ...คุณหมอ บอกว่า คุณต้องทำใจนะ เพราะเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ขั้นที่ 4 คงมีชีวิตอยู่ได้แค่ 3 เดือน!! ตอนนั้นปล่อยโฮเลย เหมือนถูกพิพากษา ไม่มีเรี่ยวแรงขยับตัว คิดแต่ว่ายังไม่อยากตาย และไม่เชื่อว่าตัวเองเป็นมะเร็ง เราอายุแค่ 37 กำลังมีหน้าที่การงานรุ่งโรจน์ จะมาตายตอนนี้ไม่ได้ แล้วแม่จะอยู่ยังไง มีลูกแค่คนเดียว แม่เคยพูดตลอดว่า ความทุกข์ที่สุดของแม่ คือเห็นลูกตายก่อนแม่ นึกถึงคำพูดนี้แล้วทำให้ฮึดสู้ คิดว่าเราต้องมีชีวิตอยู่เพื่อแม่ เราจะตายก่อนแม่ไม่ได้!! ​

    ...ถ้าไม่อยากตายก็ต้องมารักษากัน คุณหมอกระตุ้นให้สู้!! แล้วบอกให้ลองรักษาด้วยการให้คีโมดับเบิลโดส โดยหมอจะอัดเข้าไปที่เส้นเลือดโดยตรง ถ้ารอดก็รอดไปเลย เราอยากรอดเพื่อแม่ เลยตอบตกลง แต่ยังไม่กล้าบอกแม่ว่าเป็นมะเร็ง เพราะยังทำใจไม่ได้!! ปรากฏว่าพอหมอฉีดยาดับเบิลโดสร่างกายเราทนไม่ไหว หัวใจหยุดเต้นและไม่รู้สึกตัว ปั๊มหัวใจยังไงก็ไม่ขึ้น จนทางโรงพยาบาลเข็นร่างไปไว้ที่ห้องซีซียู มีคนไข้นอนตายอยู่แล้ว 1 คน ตอนนั้นสลบไป 7 วัน จนวันสุดท้ายคุณหมอลองใช้ไฟฟ้าช็อต ทำให้ฟื้นขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์ แต่ยังลืมตาไม่ขึ้น จำได้แม่นเลยว่ามีนักศึกษาแพทย์เข้ามาดู และได้ยินเสียงพูดว่าศพนี้ซวยมากเลย เป็นทั้งโรคหัวใจและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ผมตะโกนเถียงสุดแรงว่า ไม่ซวยๆๆ ​

    ...หลังรอดจากการให้คีโมดับเบิลโดสมาได้ หมอก็เริ่มให้คีโมปกติ ให้ไปทั้งหมด 40 เข็ม ต้องนอนโรงพยาบาลอยู่ 40 อาทิตย์ ทรมานมาก ทั้งอาเจียน, ไข้ขึ้น เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวสลับกันทุก 3 ชั่วโมง หมอบอกว่าให้คีโมแล้วผมจะร่วง พอเข็มแรกผ่านไปก็ร่วงจริงๆ เรียกว่าไม่มีขนเหลือสักเส้นบนร่างกาย ช่วงนั้นเริ่มมีข่าวลือว่า "เผ่าทอง" เป็นเอดส์!! แต่คุณแม่ก็ให้กำลังใจ บอกว่าขอให้ลูกหายเร็วๆ นะ ตั้งใจรักษาตามหมอ แม่อยู่กรุงเทพฯ คนเดียวได้ ไม่ต้องห่วง ระหว่างที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล วันไหนที่ทนไม่ไหว รู้สึกท้อแท้ ก็จะโทรศัพท์หาแม่ แต่จะพยายามทำเสียงเข้มแข็ง บอกแม่ว่าลูกสบายดี"

    แม้การรักษาในช่วงปีแรกจะได้ผลเกินคาด แต่มะเร็งร้ายกลับลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นที่รักแร้, ต้นคอทั้งสองข้าง, ตับ, ขาหนีบ และต่อมลูกหมาก ทำให้ "อ.เผ่าทอง" ต้องทนทุกข์ทรมานกับการให้คีโมอย่างต่อเนื่องถึง 6 ปีเต็ม พร้อมกับการผ่าตัด 9 ครั้ง!! กว่าจะมายืนยิ้มได้อย่างทุกวันนี้ นอกจากกำลังใจที่ดีแล้ว การปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต ก็เป็นกุญแจสำคัญในการพิชิตมะเร็ง ​

    "กูตายมึงก็ตาย!! จะตะโกนขู่มะเร็งทุกเช้า เพื่อปลุกใจตัวเอง และคิดตลอดว่าเราต้องอยู่เพื่อแม่!! ถึงแม้ท่านจะเสียชีวิตไปได้หลายปีแล้ว ตั้งแต่เป็นมะเร็งได้ปรับเปลี่ยนชีวิตการกินอยู่ทุกอย่าง เพราะค้นพบว่าการกินมีผลต่อโรคภัยไข้เจ็บมาก เวลาเป็นอะไรต้องแก้ด้วยอาหาร อย่าไปพึ่งยา คุณหมอแนะนำให้ทานอาหารย่อยง่ายๆ ไม่เผ็ดไม่มัน เลิกทานไก่และหมู เพราะมีฮอร์โมนกระตุ้นมะเร็ง ควรทานเนื้อวัวเสริมโปรตีน แต่เราไม่ทานตั้งแต่เด็ก เลยเปลี่ยนมาทานปลาย่างปลาลวกแทน และเน้นทานผักผลไม้เยอะๆ หลังจากเป็นมะเร็งยังค้นพบสัจธรรมหลายอย่าง รู้สึกว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน เริ่มมีความพอเพียงมากขึ้น ไม่โลภมากอยากมีอยากได้แบบสมัยก่อน ทุกวันนี้คิดแต่ว่า เราโชคดีได้เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม" ​


    [​IMG]

    อีกหนึ่งคนดังที่เป็นตัวอย่างของคนสู้มะเร็ง ยังรวมถึง "คุณหญิงพญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์" ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งถูกคุกคามด้วยมะเร็งถึง 2 ครั้ง เริ่มจากมะเร็งที่ไทรอยด์ ลามไปถึงลำไส้ใหญ่ ​

    "หมอเจอมะเร็งที่แรกบริเวณไทรอยด์ ในปี 2542 ตอนอายุ 41 ย่าง 42 ปี จู่ๆ ยืนแล้วเหมือนโลกหมุนติ้ว เลยกังวลว่าตัวเองจะเป็นมะเร็งหรือเปล่า เพราะคุณแม่ก็เป็นมะเร็งที่ไทรอยด์และปอด เลยไปตรวจเช็กแต่ไม่พบอะไร จนกระทั่งขอตรวจที่ต่อมน้ำเหลือง แล้วใช้เครื่องมือตรวจเผื่อไปที่ไทรอยด์ เจอติ่งเนื้อขนาด 0.6 เซ็นติเมตร ที่ส่อเค้าเป็นเนื้อร้าย แต่ยังเป็นอาการเริ่มต้น เลยผ่าตัดออก ไม่ถึงขั้นต้องให้คีโม ​

    ...ช่วงปลายปีเดียวกันก็เกิดอาการปวดท้องอย่างแรง มีอาการหน่วงๆ ปวดท้องแต่ไม่ถ่าย ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เราเป็นหมออยู่แล้ว เลยตรวจตัวเองซะเลย โดยคลำทางทวารหนักจนเจอติ่งเนื้อ ซึ่งถ้าเป็นเนื้อลำไส้จะเป็นพื้นเรียบ แต่ตรวจคลำแล้วมีลักษณะคล้ายพรม จึงไปหาหมอตรวจอย่างละเอียด ทีแรกคุณหมอตรวจไม่เห็น แต่ก็ยืนยันกับคุณหมอว่าเป็นมะเร็ง!! จึงตรวจซ้ำจนพบว่า ตอนแรกที่ไม่เจอเพราะมันลอยสูง บริเวณลำไส้ที่เจอก้อนเนื้อมีขนาดถึง 7 เซ็นติเมตร ต้องตัดลำไส้ทิ้งไปฟุตกว่า แต่มะเร็งลำไส้ของเราต่างจากคนอื่น เพราะเราเป็นนักกินผักตัวยง และเป็นคนดูแลตัวเองมาก เลยสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นเพราะกรรมพันธุ์ ผ่าตัดมะเร็งทั้ง 2 ที่ห่างกันแค่ปีเดียว"

    ถึงแม้จะเป็นหมอมีความรู้มาก แต่เมื่อป่วยเป็นมะเร็ง ก็ต้องอาศัยธรรมะเข้าช่วยเพื่อต่อสู้กับโรคร้าย และเตือนสติตัวเอง ​

    "ตอนนั้นใจเสียเหมือนกัน แต่พยายามใช้ธรรมะเข้าข่ม บอกตัวเองว่ามะเร็งอยู่กับตัวเรา ต้องมองไปข้างหน้า พยายามคิดมุมบวก บอกตัวเองว่าเราต้องใช้ชีวิตที่เหลือสร้างความดีให้มากขึ้น ใครทำร้ายมาก็พยายามไม่พยาบาท โชคดีที่เป็นหมอผ่าศพ ได้เห็นได้ปลงมนุษย์มาเยอะ หมอเชื่อว่าคนเราเกิดมาเพราะยังไม่หมดกรรม จะหลุดจากวงจรเวียนว่ายตายเกิดได้ ก็ต้องรักษาความดี หลีกเลี่ยงการทำชั่ว เรื่องมะเร็งอยู่ที่ใจอย่างเดียว หมอยึดถือคุณแม่เป็นตัวอย่าง ตอนนั้นท่านเป็นมะเร็งปอด แล้วลุกลามไปที่สมองด้วย ซึ่งทรมานสุดๆ แต่ท่านก็ดูแลตัวเองดีมาก หมออยากเป็นคนไข้แบบคุณแม่ ท่านไม่ยอมให้ใครเดือดร้อนเพราะท่าน ​

    ...การดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้มะเร็งกลับมาเยือนอีก ก็เป็นเรื่องสำคัญมาก อย่างมะเร็งไทรอยด์ ผ่าตัดแล้วหายเลย เพราะหมอเป็นในช่วงอายุยังไม่มาก แต่มะเร็งลำไส้ทิ้งไม่ได้เลย หลังจากผ่าตัดแล้วเว้นไป 4 ปี หมอกลับไปตรวจซ้ำก็พบว่ามะเร็งกลับมาอีก ทำให้ต้องผ่าตัดครั้งที่ 2 คนที่เคยเป็นมะเร็งต้องคอยตรวจร่างกายประจำทุกปี ขณะเดียวกัน ก็ควรระวังเรื่องอาหารการกินให้มาก หมอใช้ชีวิตแบบชีวจิต หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ใหญ่ ทั้งเนื้อวัว, หมู และไก่ เน้นทานปลา หันมาออกกำลังกาย และตัดปัจจัยเสี่ยงทุกอย่าง โดยเฉพาะการสูบบุหรี่และดื่มเหล้า ส่วนเรื่องจิตใจ ต้องพยายามไม่เครียด เพราะถ้าเครียดมะเร็งจะกลับมาง่าย"



    [​IMG]

    สำหรับ "นงค์พงา เวียงสมุทร์" อดีตแอร์โฮสเตส สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก ต้องต่อสู้กับมะเร็งในเม็ดเลือด หรือลูคีเมีย ระยะสุดท้าย เป็นเวลา 3 ปี แม้จะต้องขายทรัพย์สมบัติแทบหมดตัว แต่เธอก็ไม่เคยยอมแพ้สักวินาทีเดียว!! ​

    "รู้ว่าเป็นมะเร็งตอนปี 2540 คือมีอาการอาเจียน นอนไม่หลับ ทานข้าวไม่ได้ มีเลือดออกทางจมูก ออกๆหยุดๆ น้ำหนักลดฮวบ เลยไปหาหมอหลายโรงพยาบาลมาก กว่าจะเจอว่าเป็นมะเร็งกินเวลาเป็นปี!! ไม่เคยคิดว่าจะเป็นมะเร็ง เพราะตรวจร่างกายทุก 6 เดือน และครอบครัวไม่มีประวัติเป็นมะเร็งเลย จนกระทั่งได้ดูรายการทีวีที่พูดถึงโรคลูคีเมีย อาการเหมือนเราเลย จึงขอให้คุณหมอตรวจดูความหนาแน่นของเลือด ปรากฏว่ามีแต่เม็ดเลือดขาว แทบไม่มีเม็ดเลือดแดงเลย พอคุณหมอบอกว่าคุณเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดระยะสุดท้าย มีเวลาอยู่ไม่ถึง 1 ปี ก็ช็อกเลย!! ตอนนั้นกำลังมีปัญหาครอบครัวด้วย เหลือลูกอยู่คนเดียว คุณพ่อก็ป่วย ปัญหารุมเร้าทำให้เราสติแตก จู่ๆ ก็หมดสติไปเลย จำใครไม่ได้ แม้แต่ลูกก็จำไม่ได้ ต้องนอนโรงพยาบาลนาน 3 เดือน สติถึงฟื้น จากนั้นก็เริ่มให้คีโมรักษามะเร็งอยู่เป็นปี

    ...ตอนหลังอาการยังไม่ดีขึ้น จึงตัดสินใจเดินทางไปผ่าตัดเปลี่ยนกระดูกไขสันหลังที่อเมริกา โดยพักรักษาตัวอยู่นาน 3 เดือน เมื่อกลับมาก็มีปัญหาอีก เพราะยีนไม่เข้ากัน เลยต้องกลับมารักษาด้วยคีโม ซึ่งทรมานมาก โชคดีที่ได้สเต็มเซลล์จากหลานแท้ๆ มาใช้ผ่าตัดปรับเปลี่ยนไขกระดูกสันหลังอีกครั้งที่เมืองไทย ครั้งนี้ได้ผลดีทำให้หายจากโรคร้าย หลังจากเข้าๆออกๆ โรงพยาบาลกว่า 3 ปี และต้องหมดเงินไปถึง 10 ล้านบาท" ​

    แม้จะหายจากมะเร็งในเม็ดเลือด แต่ "นงค์พงา" ก็ยังเคร่งครัดกับการดูแลสุขภาพร่างกายมาก ไม่แตกต่างจากเมื่อครั้งถูกคุมคามด้วยมะเร็ง เพราะไม่อยากกลับไปเผชิญกับฝันร้ายอีกแล้ว

    "ทุกวันนี้ต้องยืนหยัดด้วยตัวเอง อาศัยใจสู้ และดูแลตัวเองดีๆ อย่างเรื่องอาหารจะทานผักผลไม้ที่ปลอดสารพิษจริงๆ ไม่ซื้อของสดที่ตลาด ถ้าไม่มีจริงๆ ต้องกินผักในตลาดก็จะแช่น้ำเกลือ หรือด่างทับทิม แล้วนำไปลวกก่อนปรุง ส่วนเนื้อหมู, ไก่, ปลาน้ำจืด ตัดทิ้งหมด จะไม่กินเลย เพราะมีสารเร่งโต แต่จะกินเนื้อวัวแทน เพื่อให้โปรตีนกับร่างกาย เนื้อวัวที่กินก็ต้องคัดแบบโคขุน โดยนำมาปรุงง่ายๆ เอาไปย่างในกระทะพอให้สุก และจิ้มน้ำปลามะนาว อาหารหลักของตัวเองคือมื้อเช้า ส่วนมื้อกลางวันและเย็นจะเน้นผักผลไม้ หรือนมถั่วเหลืองเท่านั้น การออกกำลังกายก็ช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว ทุกวันนี้จะตื่นตี 4 ครึ่ง ทำบุญใส่บาตร แล้วออกไปวิ่ง จนสายๆ ค่อยกลับบ้านเพื่อทำกิจกรรมอย่างอื่น ส่วนเรื่องทางใจต้องไม่เครียด ถ้าเราสู้ซะอย่างก็ต้องผ่านพ้นไปได้ เคยคิดในใจพูดกับโรคมะเร็งว่าอยากอยู่กับฉันใช่ไหม อยากอยู่ก็อยู่ไป เราแบ่งๆ กันอยู่ แต่อย่าเบียดเบียนกัน แบ่งที่ให้ฉันบ้างแล้วกัน สุดท้ายก็อยู่ได้มาถึงปัจจุบัน" ​

    สู้โว้ย!! ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยมะเร็งทุกคน และร่วมกันรณรงค์ ช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ผ่านมูลนิธิจุฬาภรณ์ฯ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ด้วยการอุดหนุน "พิงค์ ริบบิ้น" โบสีชมพู เพียงชิ้นละ 10 บาท ที่แผนก Lingerie Salon เดอะมอลล์ทุกสาขา, ดิ เอ็มโพเรียม และพารากอน


    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ท่านใดที่ชื่นชอบก๋วยเตี่ยว ลองไปหาอ่านดูว่า จะไปทานกันได้ที่ไหนได้บ้างครับ

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=alt1 width="100%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD>[​IMG]</TD><TD></TD><TD width="100%">palungjit.org > ทั่วไป </TD></TR><TR><TD class=navbar style="FONT-SIZE: 10pt; PADDING-TOP: 1px" colSpan=3>[​IMG] ท่องเที่ยว - อาหารการกิน </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=tborder id=threadslist cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY id=threadbits_forum_76><TR><TD class=alt1 id=td_threadtitle_29074 title="<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=641 align=center border=0><TBODY><TR><TD height=96><a href=" target="_blank" h_noodle.gif
    ? images Travel www.manager.co.th http:></TD></TR><TR><TD style="CURSOR: default" background='images/noodle_bg.jpg..."'><A href="http://palungjit.org/forumdisplay.php?f=76&daysprune=-1&order=asc&sort=title" rel=nofollow>ชื่อกระทู้ / <A href="http://palungjit.org/forumdisplay.php?f=76&daysprune=-1&order=asc&sort=postusername" rel=nofollow>ผู้ตั้งกระทู้

    แนะนำ <A href="http://palungjit.org/showthread.php?t=29074" target=_blank>รวมก๋วยเตี๋ยว ที่ไม่ธรรมดา ([​IMG] <A href="http://palungjit.org/showthread.php?t=29074" target=_blank>1<A href="http://palungjit.org/showthread.php?t=29074&page=2" target=_blank>2<A href="http://palungjit.org/showthread.php?t=29074&page=3" target=_blank>3<A href="http://palungjit.org/showthread.php?t=29074&page=4" target=_blank>4<A href="http://palungjit.org/showthread.php?t=29074&page=5" target=_blank>5<A href="http://palungjit.org/showthread.php?t=29074&page=6" target=_blank>6<A href="http://palungjit.org/showthread.php?t=29074&page=7" target=_blank>7<A href="http://palungjit.org/showthread.php?t=29074&page=8" target=_blank>8<A href="http://palungjit.org/showthread.php?t=29074&page=9" target=_blank>9<A href="http://palungjit.org/showthread.php?t=29074&page=10" target=_blank>10<A href="http://palungjit.org/showthread.php?t=29074&page=11" target=_blank>11<A href="http://palungjit.org/showthread.php?t=29074&page=12" target=_blank>12<A href="http://palungjit.org/showthread.php?t=29074&page=13" target=_blank>13<A href="http://palungjit.org/showthread.php?t=29074&page=14" target=_blank>14)

    sithiphong
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 263, จำนวนอ่าน: 32,706"><A href="http://palungjit.org/forumdisplay.php?f=76&daysprune=-1&order=desc&sort=lastpost" rel=nofollow>ข้อความล่าสุด
    วันนี้ 08:51 PM

    โดย <A href="http://palungjit.org/member.php?find=lastposter&t=29074" target=_blank>sithiphong <A href="http://palungjit.org/showthread.php?p=1467401#post1467401" target=_blank>[​IMG]

    </TD><TD class=alt1 align=middle><A href="http://palungjit.org/forumdisplay.php?f=76&daysprune=-1&order=desc&sort=replycount" rel=nofollow>คำตอบ
    <A href="http://palungjit.org/misc.php?do=whoposted&t=29074" target=_blank>263
    </TD><TD class=alt2 align=middle><A href="http://palungjit.org/forumdisplay.php?f=76&daysprune=-1&order=desc&sort=views" rel=nofollow>เปิดอ่าน
    32,706
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <A href="http://palungjit.org/showthread.php?t=29074" target=_blank>http://palungjit.org/showthread.php?t=29074

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้มีเพื่อนท่านนึง แจ้งความกับผม

    แจ้งผ่าน pm มาว่า

    เพื่อนผมได้อาจารย์มาสอนเรื่องของการปฎิบัติ แต่เพื่อนผมท่านนี้ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ก็มาแจ้งความกับผมว่า ขอหยุดเข้ากระทู้พระวังหน้าฯ 2 สัปดาห์ เพื่อปฎิบัติธรรมตามที่อาจารย์ของเพื่อนผมบอกมา

    ขอให้สำเร็จ ๆ ๆ และเป็นกำลังใจให้ครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มีpm สอบถามเข้ามาหาผม

    <TABLE class=tborder style="BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat colSpan=2>ข้อความส่วนตัว: สอบถาม</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- post # --><TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] เมื่อวานนี้, 11:11 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 08:48 AM
    วันที่สมัคร: Aug 2008
    ข้อความ: 0
    ได้ให้อนุโมทนา: 0
    ได้รับอนุโมทนา 0 ครั้ง ใน 0 โพส
    <IF condition="">
    </IF>พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->[​IMG] สอบถาม
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ไม่ทราบว่ายังพอมีสมเด็จกรมท่ากับสมเด็จปัจสิริแบ่งให้บูชาไหมครับ
    <!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผมขอตอบในกระทู้พระวังหน้าฯครับ
    http://palungjit.org/showthread.php?t=22445&page=1042

    ผมเองยังไม่ได้ถ่ายรูปพระพิมพ์ที่ผมจะนำมามอบให้กับท่านที่ร่วมทำบุญ(ซักกะที) ไว้ผมจะถ่ายรูปและนำลงให้ทราบในกระทู้พระวังหน้าฯและกระทู้ร่วมสร้างพระเจดีย์อีกครั้งครับ

    โมทนาสาธุครับ
    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

    และ

    ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ
    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เห็นแล้วชื่นใจมากๆ เป็นอย่างไรบ้างครับ สำหรับเยาวชนของชาติที่เดิมนั้น บางคนไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ อยู่กับปู่ ย่า ตา ยาย หรือลุง ป้า น้า อา ไม่มีเงินเรียนหนังสือ

    เมื่อหลวงพ่อแผน ท่านได้นำมาบวชเรียน ได้มีโอกาสเรียนหนังสือ ต่อๆไปก็เป็นอนาคตที่ดี เป็นกำลังให้กับชาติบ้านเมืองของเรา โอกาสที่น้องเณรได้เรียนหนังสือ เพราะใคร เพราะเงินที่ทุกๆท่านได้ร่วมกันทำบุญให้กับ สนส.บ่อเงินบ่อทองครับ

    http://palungjit.org/showthread.php?t=21733&page=104
    ภาพด้านล่างพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่าน..อบรมทุกๆ ประจำเดือน เพื่อให้
    โอวาทแก่น้องเณร...
    [​IMG]

    ส่วนที่เหลือ ติดตามได้ใน ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณร บช.ออมทรัพย์ 2030-06304-5 บัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทองบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม

    http://palungjit.org/showthread.php?t=21733&page=104

    โมทนาสาธุครับ
     
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ภาพบรรยากาศต่างจากที่เคยไปมาเลยนะครับ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  13. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เห็น แล้วชื่นใจมากๆ เป็นอย่างไรบ้างครับ สำหรับเยาวชนของชาติที่เดิมนั้น บางคนไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ อยู่กับปู่ ย่า ตา ยาย หรือลุง ป้า น้า อา ไม่มีเงินเรียนหนังสือ

    เมื่อหลวงพ่อแผน ท่านได้นำมาบวชเรียน ได้มีโอกาสเรียนหนังสือ ต่อๆไปก็เป็นอนาคตที่ดี เป็นกำลังให้กับชาติบ้านเมืองของเรา โอกาสที่น้องเณรได้เรียนหนังสือ เพราะใคร เพราะเงินที่ทุกๆท่านได้ร่วมกันทำบุญให้กับ สนส.บ่อเงินบ่อทองครับ

    http://palungjit.org/showthread.php?t=21733&page=104
    ภาพด้านล่างพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่าน..อบรมทุกๆ ประจำเดือน เพื่อให้
    โอวาทแก่น้องเณร...
    [​IMG]

    ส่วนที่เหลือ ติดตามได้ใน ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณร บช.ออมทรัพย์ 2030-06304-5 บัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทองบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม

    http://palungjit.org/showthread.php?t=21733&page=104

    โมทนาสาธุครับ

    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  14. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ว่าไงครับ ท่านปา-ทาน วันนี้เงียบจัง หุ หุ โอ้วันนี้ตาลุงได้วิธีล้างพระพิมพ์ ลับ ลวง พราง หุ หุ แจ่มเลยครับ แปลกความมันจะค่อยๆขึ้นเลยครับ ......
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ยุ่งๆเหมือนยุงตีกันเลยครับ เรื่องที่ล้างพระพิมพ์ ลับ ลวง พราง ทำไงอย่าลืมบอกกันมั่ง จะไปไปทำมั่ง ขอเข้าก๊วน ลับ ลวง พราง บ้าง เหอๆๆๆๆ

    ว่าแต่ว่า วันที่นัดพบกันในครั้งต่อไป น่าจะสนุก คงได้เรียนรู้กันเพิ่มเติมอีกมาก

    ถ้าพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่านที่จะไป โปรดหาซื้อเจดีย์เพื่ออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม และพวงมาลัยไปด้วยนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าไม่บอกกันล่วงหน้า พลาดแล้วพลาดเลยครับ

    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สร้างนิสัยการออมเงินด้วยตัวเอง
    http://www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9510000102954
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 กันยายน 2551 11:19 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>นิทานการลงทุน
    ต้นกล้ากับกระปุกออมสิน


    ...10 ปีผ่านไป

    “ถึงแม้การลงทุนในกองทุนรวมในบ้านเรา จะเริ่มคุ้นหูนักลงทุนมากขึ้น แต่ถ้าพูดถึงสัดส่วนการลงทุนในปัจจุบันแล้ว ยังถือว่าค่อนข้างน้อย หากเทียบกับเงินฝาก หรือหากจะเทียบกับประเทศที่พัฒนาไปไกลอย่างสหรัฐแล้ว ถือว่าน้อยมาก เพราะเงินส่วนใหญ่ของเขาจะอยู่ในกองทุนรวมเป็นหลัก...” ต้นกล้าเอามือทั้งสองข้างไขว้หลัง...แล้วเดินจากฝั่งขวาของห้องไปฝั่งซ้าย ก่อนจะเดินหลับมาหยุดอยู่ตรงกลางห้อง...เขาวางมาดเป็นผู้นำได้เป็นอย่างดีทีเดียว

    ต้นกล้าหยุดนิ่งครู่หนึ่ง...เขากวาดสายตาไปยังน้องๆ พนักงานใหม่ที่เข้ามานั่งฟังเขาพูดอย่างตั้งอกตั้งใจ “ที่ผมพูดเปรียบเทียบแบบนี้ ผมไม่ได้บอกว่า เราจะต้องทำให้กองทุนรวมเติบโตได้อย่างเขา แต่ผมกำลังจะบอกว่า กองทุนรวมเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับเงินของนักลงทุนได้…”

    ต้นกล้าพูดต่อ “ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำคือ พยายามสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนรวมมากขึ้น นอกเหนือจากความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับกองทุนรวมแล้ว ต้องอธิบายให้ผู้ลงทุนเข้าใจว่า เงินที่เขาให้เรามานั้น จะเอาไปซื้ออะไร ลงทุนนานแค่ไหน ผลตอบแทนจะได้มาจากไหน แล้วความเสี่ยงมันเป็นยังไง...ซึ่งคำถามเหล่านี้ เราต้องย้ำและบอกให้ผู้ลงทุนเข้าใจ...ในแง่มุมของเราที่เป็นคนขายของ เราอาจจะมองว่ามันไม่จำเป็น แค่เขาซื้อกองทุนของเราก็พอแล้ว ถ้าใครคิดแบบนี้อยู่ ผมขอให้เปลี่ยนความคิดตอนนี้เลย เพราะหากเราคิดเช่นนี้ แน่นอนว่าผลที่ตามมาคือ ผู้ลงทุนจะไม่ได้ลงทุนด้วยความเข้าใจ สุดท้าย พอลงทุนไปแล้วปรากฏว่า มันไม่ออกมาอย่างที่เขาคาดหวัง เพราะเขาไม่เข้าใจตั้งแต่แรก จะทำให้เขามีภาพไม่ดีต่อการลงทุนกองทุนรวม ซึ่งอาจจะแย่ถึงขั้นเข็ดขยาดกับการลงทุนไปเลยก็ได้”

    เขามองไปที่พนักงานชายคนหนึ่ง แล้วถามว่า “เวลาที่คุณอธิบาย หรือพูดอะไรก็ตาม ที่เกี่ยวกับกองทุนรวม คำถามที่คุณมักจะได้ยินเสมอ คือคำถามว่าอะไร”

    พนักงานคนนั้นหยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกับมาว่า “จะขาดทุนไหม?”

    ต้นกล้าพยักหน้า แล้วส่งคำถามผ่านทางสายตา ไปที่พนักงานหญิงคนหนึ่ง “แล้วคุณละ…คำถามที่ได้ยินบ่อยที่สุดคืออะไร”

    “ฉันจะเจอเหตุการณ์เหมือนลุงช่วยไหม?” เธอตอบกลับมา

    ต้นกล้าถามคำถามเดียวกันกับพนักงานอีกหลายคน...ซึ่งหลังจากที่พนักงานหญิงคนที่สอง พูดถึงลุงช่วยขึ้นมา...เขาก็ได้รับคำตอบแบบเดียวกันหมดจากพนักงานคนอื่นๆ

    “สาเหตุจริงๆแล้ว ปัญหาของเหตุการณ์นี้คืออะไรไม่มีใครทราบ เพราะเป็นไปได้ทั้ง 2 กรณี ไม่ว่าจะเกิดจากคนที่ขายกองทุนให้ลุงช่วย ไม่ได้อธิบายให้เข้าใจถึงการลงทุนอย่างแจ่มแจ้ง หรือไม่ก็ลุงช่วยเอง ที่ไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังลงทุนอะไรอยู่ เห็นแค่ผลตอบแทนสูงๆ ก็กระโจนเข้าใส่ โดยไม่รู้เลยว่าความเสี่ยงเป็นยังไง...ที่ผมพูดไปเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นภาพเท่านั้น ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ถ้าทั้งคนขายและคนซื้อ ไม่เข้าใจการลงทุนของกองทุนนั้นเลย”

    ต้นกล้ากวาดสายตาไปรอบห้องอีกรอบ เพื่อดูให้มั่นใจว่า ทุกคนเข้าใจที่เขาพูดอย่างแจ่มแจ้งแล้ว...บรรยากาศในห้องอบรมพนักงานใหม่ ดูจะซีเรียสไปหน่อยแล้ว

    “เอาละ...ถ้าทุกคนเข้าใจดีแล้ว ผมอยากฝากไว้อีกซักเล็กน้อยว่า...ผมอยากให้พวกคุณทุกคน มองว่าลูกค้า ก็เสมือนพ่อแม่เรา สามีเรา ภรรยาเรา หรือลูกของเรา ที่ต้องดูแลเอาใจใส่...ถ้าเราคิดแบบนี้ได้แล้ว เราก็คงไม่อยากเห็นลูกค้าที่เป็นเสมือนคนที่เรารัก ต้องกลุ้มใจกับเงินที่เขาฝากให้เราดูแล ถึงแม้มันจะไม่ใช่หน้าที่เราโดยตรง เพราะนั่นคือหน้าที่ของผู้จัดการกองทุน แต่หน้าที่ในการให้ข้อมูลการลงทุนที่ถูกต้อง เปิดเผย ถือเป็นจรรยาบรรณที่เราต้องยึดถือปฏิบัติ”

    หลังจากทุกคนพยักหน้าพร้อมๆ กัน...ซึ่งเป็นคำตอบว่าทุกคนเข้าใจและพร้อมปฏิบัติแล้ว ต้นกล้าก็เปิดโอกาสให้พนักงานใหม่ทุกคนแนะนำตัว และทำความรู้จักกัน...วิธีนี้ ถือเป็นการผ่อนคลายจากเรื่องเครียดๆ ที่ผ่านมาตลอดทั้งวันได้ดีทีเดียว

    ********************************

    “คุณพ่อกลับมาแล้ว” ออมสินตะโกนออกมา หลังจากได้ยินเสียงข้าวต้มมัดเห่าอยู่หน้าบ้าน...เขาวิ่งไปหน้าประตูบ้าน โดยมีข้าวต้มมัดรออยู่...ประตูรั่วบ้านค่อยๆ เปิดออกทีละน้อยด้วยระบบอัตโนมัติ...ต้นกล้าเลี้ยวรถเข้ามาในบ้าน เขาจอดรับออมสินและข้ามต้มมัดยืนรออยู่แล้ว...ถึงแม้ระยะทางจากประตูรั่วเข้าไปในบ้าน จะไม่ไกลมากนัก แต่ออมสินและข้าวต้มมัด มักจะออกมารออยู่ที่หน้าประตู แล้วขอติดรถต้นกล้าเข้าไปทุกครั้ง...

    สองพ่อลูกเดินจูงมือกันเข้าไปในบ้าน... “พ่อกลับมาแล้วคราบ” ออมสินบอกคนในบ้านให้รู้

    “เหมือนพ่อไม่มีผิดเลย” กระปุกบ่นในใจ ขณะที่กำลังเก็บของเล่นที่ออมสินทิ้งเอาไว้ก่อนจะวิ่งออกไปรับพ่อของเขาเมื่อสักครู่นี้

    ส่วนคุณนายสุขใจและฟาง ภรรยาของต้นกล้า ที่กำลังง่วนอยู่ในครัว...หันมามองสองพ่อลูกด้วยความเอ็นดู ก่อนจะหันมายิ้มให้กัน แล้วลงมือทำครัวต่อ...

    ต้นกล้านั่งลงที่โซฟาหน้าที่วี ที่คุณปู่ของออมสินนั่งอยู่ โดยมีออมสินเบียดเข้าไปนั่งแทรกตรงกลาง

    “มานั่งตักปู่ดีกว่าลูก” คุณปู่อุ้มหลานขึ้นมานั่งบนตัก

    “วันนี้หนูซนไหมลูก” ต้นกล้าถามออมสิน

    “ไม่ซนคับ” ออมสินตอบ

    “ไม่ซนจริงเหรอลูก” คุณปู่แย้ง

    ออมสินเงยหน้ามองปู่แล้วยิ้มแบบอายๆ...

    “วันนี้หยอดเงินให้ลุงกระปุกเขารึยังคับ” ต้นกล้าถามออมสิน

    “หยอดแล้วคับพ่อ...วันนี้ได้ตั้ง 65 บาทคับพ่อ” ออมสินอวดพ่อเป็นการใหญ่

    “แล้วลูกไปเอามาจากไหนตั้ง 65 บาทแนะ”

    “ก็จะเอาจากไหนซะอีกละ...”คุณปู่ตอบแทน “พอกลับมาจากโรงเรียนปับ ก็เดินจูงมือกระปุกไปทั่วบ้านเลย...”

    “เห็นตัวเล็กๆ แค่นี้ แต่ร้ายจริงๆนะเรา…” ต้นกล้าเอามือยีหัวออมสินด้วยความรัก ก่อนจะกำชับลูกชายตัวน้อยว่า “อย่ามัวแต่ให้คนอื่นหยอดกระปุกนะคับ...ออมสินต้องเอาเงินของตัวเองหลอดลงไปได้ จะได้สร้างนิสัยการออมเงินให้ตัวเอง…เข้าใจไหมลูก?”

    “เข้าใจคับพ่อ…ลุงกระปุก ก็บอกออมก็บอกออมสินแบบนี้เหมือนกัน”

    ต้นกล้ามองไปที่กระปุก...เขายิ้มให้เพื่อแสดงความขอบคุณ “งั้นต่อไป ออมสินต้องหัดออมด้วยตัวเองนะคับ” ต้นกล้ากำชับลูกอีกรอบ

    “คับพ่อ…” ออมสินจ้องไปที่หน้าของต้นกล้า

    “มองหน้าพ่อทำไมลูก”

    “วันนี้พ่อยังไม่หยอดเงินให้ลุงกระปุกเลยนะคับ…”

    คุณปู่หัวเราะในความไร้เดียงสาของออมสิน...แต่ต้นกล้ากลับขำไม่ออก ได้แต่จำใจควักเหรียญในกระเป๋าออกมาให้ลูกไปหยอดลงกระปุกออมสิน

    จบ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    วันนี้ไปเยี่ยมอาจารย์ปู่ประถมมา ได้ความรู้เยอะเลยครับ ท่านใดมีโอกาสไปเยี่ยมท่านอย่าลืมขอความรู้ทางธรรมและประวัติศาสตร์ต่างๆด้วยนะครับ ถ้าเป็นไปได้อย่าให้ท่านส่องพระพิมพ์มากเนื่องจากท่านเพิ่งผ่าตัดตามา

    อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แหม ที่พี่โทร.ไปชวนล่ะก็ไม่ว่าง แอบไปเองล่ะสิ

    สงสัยลืมพี่แล้ว

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มองโลกให้บวก

    http://hilight.kapook.com/view/28364

    [​IMG]


    หลายองค์กรพิจารณารับคนโดยดูเรื่องของทัศนคติเป็นสำคัญ เพราะเชื่อว่าถ้าคนคนนั้นมีทัศนคติที่ดีต่อองค์กรแล้ว การทำงานร่วมกันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็น เช่นเดียวกับที่หลายองค์กรเชื่อว่า หากคนในองค์กรคิดบวกแล้วการก้าวเดินไปข้างหน้าย่อมไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงอะไร แม้จะต้องฝ่ากระแสคลื่นลมแรงก็ตาม

    ในหนังสือ "มองโลกให้บวก" หรือ Hard Optimism เขียนโดย Price Pritchet และแปลโดย ดร.ทรรศนะ บุญขวัญ เขาบอกว่า ความหวังนั้นมีพลัง ​


    ความหวังเป็นอารมณ์ความรู้สึกหนึ่งที่ชี้นำเราไปสู่สิ่งดีๆ เป็นแรงผลักดันชีวิต เปรียบเสมือนเป็นแบตเตอรี่​

    ความหวังเชื่อมโยงโดยตรงกับระดับความมั่นใจในตัวเอง ทำให้เรามีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ดังนั้นควรใส่ความพยายามให้มากขึ้น และสะสมความหวังให้มากขึ้น​

    ปกติแล้วความหวังเป็นพฤติกรรมทางด้านจิตใจ จิตใจที่คิดแง่บวก ทำให้เราคิดดีๆ ได้มากมายหลายอย่าง เช่น

    [​IMG] ทำให้เราคิดว่าเราต้องทำให้ได้ แทนที่จะปฏิเสธว่าทำไม่ได้​

    [​IMG] ทำให้เราสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ได้ ไม่ใช่ปล่อยให้สถานการณ์ควบคุมเรา​

    [​IMG] ทำให้เราได้คิดว่า เราจะนำจุดแข็ง และความสามารถของเรามาเป็นพลังในการทำงานได้อย่างไร​

    [​IMG] ทำให้เรามองสิ่งต่างๆ ในแง่บวก เช่นว่าอะไรที่นำไปใช้แล้วได้ผล​

    [​IMG] และทำให้เราคิดว่าทุกอย่างเป็นไปได้ ​

    ฉะนั้น เราต้องฝึกฝนให้รู้จักตั้ง ความหวัง เช่นเดียวกับนักดนตรีที่ต้องฝึกซ้อมทุกวัน

    ให้ความหวังต่อสู้เพื่อสร้างโอกาส เปลี่ยนความผิดหวังให้เป็นพลัง ความหวัง และความปรารถนา ให้ความหวังมีบทบาทสำคัญในการก่อร่างสร้างสิ่งที่คุณรับผิดชอบ และสิ่งต่างๆ บนเส้นทางชีวิตของเรา​

    เพราะว่าไม่ช้าก็เร็วเราจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหา การมองแง่บวกสามารถทำให้เราต่อยตรงเป้า นั่นคือแก้ปัญหาได้ตรงจุด และการมองในแง่บวกยังทำให้คุณได้รับผลประโยชน์จากโอกาสและสถานการณ์ต่างๆ ที่กำลังเผชิญอยู่ ​



    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ประชาชาติธุรกิจ
    [​IMG]
    คอลัมน์ : book is captital​
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียน พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ

    พี่จิ๋ว ถูกยิงเมื่อตอนตีสอง กระสุนทะลุปอด และทะลุออกหลัง ได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้อยู่ที่รพ.วชิระ ผมจะไปเยี่ยมวันนี้ เดี๋ยวจะขออนุญาตเจ้านายออกไปครับ

    ขอพระบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ,องค์พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ ,องค์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และหลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ทุกๆพระองค์ โปรดช่วยปกปักรักษาและคุ้มครองพี่จิ๋วให้ปลอดภัยด้วยเทอญ

    โมทนาสาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...