ภูมิต่างๆในมหาสากลจักรวาลจากพระไตรปิฏก

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 26 กรกฎาคม 2008.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    ความเป็นจริงทางโลก
    ในสากลจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์มากมาย เหนือความสามารถของมนุษย์ธรรมดาทั่วไป ที่จะรับรู้ได้ นอกจากบุคคลที่มีจิตมั่นคง มีอำนาจสมาธิ จึงจะรับรู้สิ่งอัศจรรย์ที่มีอยู่ในสากลจักรวาล ที่นอกเหนือจากจักรวาลของมนุษย์เรานี้ ถ้าเรามองดูท้องฟ้าในคืนที่ปราศจากเมฆ จะเห็นดวงดาวเต็มไปทั่ว ซึ่งเป็นกลุ่มดาวขนาดเล็ก ๆ ของระบบสุริยะ (Solar System) มีความกว้าง 40,030 ปีแสง มีดาวประมาณ 10<SUP>9</SUP> ดวงหรือหนึ่งพันล้านดวง นับเป็นหน่วยย่อยที่เล็กมาก เมื่อเทียบกับจำนวนมหาศาลแห่งสากลจักรวาล

    นักดาราศาสตร์คำนวณว่า มีหมู่ดาวขนาดใหญ่อยู่ประมาณ 10 ล้านหมู่ และแต่ละหมู่มี 1 หมื่นแกแลคซี่ รวมกันแล้วมีถึง 10<SUP>11</SUP> แกแลคซี่หรือหนึ่งแสนล้านแกแลคซี่ แต่ละแกแลคซี่มี 10<SUP>11</SUP> ดวงดาวหรือหนึ่งแสนล้านดวง นอกจากดวงดาว ยังพบมวลสารใหญ่น้อย อีกมากมายเหลือคณานับ

    ที่น่าประหลาดก็คือ ทำไมสิ่งเหล่านี้ในจักรวาลของเรา จึงอยู่กันอย่างมีระเบียบ มีการเคลื่อนไหวโคจรที่ค่อนข้างคงที่ ทำให้นักดาราศาสตร์ สามารถคำนวณระยะทาง เวลา และทิศทางของดวงดาวได้อย่างแม่นยำ การที่จะเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ เช่น การชนกัน ก็มีน้อยมาก นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ได้อธิบายและยอมรับกันว่า มันเป็นไปโดยกลไกแห่งแควนตัม (Quantum Mechanics) ได้ตั้งขึ้นเป็นทฤษฎี เมื่อ ค.ศ. 1930 (พ.ศ. 2473) และนักวิทยาศาสตร์ได้พบว่ามีพลังควบคุมระหว่างกันและกันอยู่ ต่างให้แรงดึงดูด และแรงผลักที่มีดุลถ่วงกันพอดี มีผู้คำนวณว่าถ้าความพอดีนี้ ถูกกระทบกระเทือนด้วยแรงเพียงเล็กน้อย ก็จะเกิดการเสียดุล จะเกิดการโกลาหลในห้วงจักรวาลทันที พลังมหาศาลที่ควบคุมสิ่งต่าง ๆ ในจักรวาลนี้เรียกว่า พลังคอสมิค (Cosmic Energy)
    โลกใบนี้ของมนุษย์เป็นดาวเคราะห์บริวารของดวงอาทิตย์ ซึ่งได้รับรังสีรัศมีจากดวงอาทิตย์ และบางส่วนก็ได้พลังจากดาวนพเคราะห์ เช่น ดวงจันทร์ ดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวพฤหัส ดาวศุกร์ ดาวเสาร์ ที่รับพลังจากดวงอาทิตย์แล้ว นำไปผสมกับแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ สัตว์ พืช และทุกสิ่งที่ไม่มีชีวิต รวมทั้งแร่ธาตุอัญมณีต่าง ๆ ที่สามารถดูดซับพลังคอสมิคนี้ รวมทั้งแรงสั่นสะเทือนได้ตลอดเวลา

    สำหรับมนุษย์เองจะมีรังสีรัศมีจากกายในที่เรียกว่ากายทิพย์ เป็นคลื่นอนุภาคเหนือการรับรู้ของมนุษย์ในสภาพปกติ รังสีรัศมีนี้เป็นคลื่นสั่นสะเทือนจากอำนาจสมาธิจิต ที่เชื่อมโยงกับอนุภาคของจักรวาล และจะดูดซับพลังที่มีคุณค่ามหาศาลนี้ เข้าและออกจากร่างกายได้ตลอดเวลา รังสีรัศมีเหล่านี้ มนุษย์ทุกคนมีสิทธิที่จะใช้เป็นพลังงาน นั่นคือพลังคอสมิค ที่มีอยู่หนาแน่นรอบตัว พร้อมที่จะพุ่งเข้าสู่ภายในกาย เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิต เพื่อซ่อมแซมสิ่งที่ชำรุดบกพร่อง เพื่อขจัดตัวเชื้อโรคเช่นไวรัสต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ สัตว์ และพืช นี่คือกลไกระบบของจักรวาล แห่งโลกมนุษย์ใบนี้
    ความเป็นจริงทางธรรม
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้ตรัสรู้ และรู้แจ้งถึงความเป็นจริงของธรรมชาติ ในมหาสากลจักรวาล พระองค์ท่านได้สั่งสอนเรื่องของบาป บุญ คุณ โทษ สอนเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ทรงแสดงกำเนิดของสัตว์ นรก เปรต อสูรกาย ที่จะต้องไปทนทุกข์ทรมาน ตามกรรมที่ทำมาในอีกหลาย ๆ จักรวาลที่เป็นภพภูมิของสัตว์นรก ซึ่งหมายถึงจักรวาลเหล่านั้น มีแต่ความเดือดร้อน ทนทุกข์ทรมานอยู่เป็นนิจ สัตว์นรกเหล่านั้นได้แต่คร่ำครวญ ร่ำไห้ด้วยความทุกข์ ด้วยถูกไฟเผาตามทวารทั้ง 9

    บางจักรวาลเต็มไปด้วยฝูงสัตว์นรก ที่ต้องทนทุกข์ทรมาน ด้วยการไต่บนภูเขาเหล็กที่ร้อนแรง แล้วก็หล่นลงเบื้องล่าง ด้วยอำนาจของลมและไฟ ลงระหว่างแท่งเปลวไฟที่ร้อนแรง สัตว์นรกมีแต่ความทุกข์ที่ไม่มีว่างเว้นเลย เหตุของกรรมที่ก่อในขณะที่เป็นมนุษย์อยู่ โดยการทำลายลูกในครรภ์ของตน ไม่เชื่อในบุญบาป ไม่เชื่อว่าตายแล้วเกิด พ่อแม่ไม่มีบุญคุณ ยุยงสงฆ์ให้แตกแยก ไม่มีศีลไม่มีสัตย์ มนุษย์เหล่านี้ เมื่อถึงกาลกิริยา ก็ต้องไปเกิดในจักรวาลที่มีแต่ความทุกข์ มากน้อย ตามแต่ละจักรวาลที่ตนจะต้องไปรับกรรม
    บางจักรวาลก็เป็นภพภูมิของเปรต ซึ่งเปรตเหล่านี้มีความเดือดร้อนอดอยาก หิวโหย ไม่สามารถรับบุญกุศลที่ญาติมิตรได้อุทิศให้ ต้องทนทุกข์ทรมานจนกว่าจะสิ้นกรรม เปรตบางจำพวกที่มีรูปร่างเล็ก มีอำนาจอยู่บ้าง อาศัยอยู่ในจักรวาลของมนุษย์ เช่น อยู่ตามป่าเขา ตามต้นไม้ และตามศาลที่มนุษย์ปลูกสร้างไว้ มีฤทธิ์อำนาจที่จะแสดงได้ตามสมควร ซึ่งบางครั้ง ก็ทำให้มนุษย์หลงเชื่อว่า เป็นเทพเทวดาไปก็มี และก็มีมนุษย์บางจำพวก ที่ได้รับอุบัติเหตุโดยไม่รู้ตัว ถึงแก่ความตายกะทันหัน จิต เจตสิก และกายทิพย์ไม่สามารถ ที่จะไปสู่จักรวาลอื่นตามผลกรรมที่ทำไว้ เมื่อพ้นจากกายมนุษย์ที่ตนอาศัย ก็เกิดทันทีที่เราเรียกว่า สัมภเวสี โอปาปาติกะ อยู่ในอีกมิติหนึ่งใกล้เคียงกับมนุษย์ พวกนี้บางคนเมื่อเป็นมนุษย์ มีจิตใจชั่วร้าย เมื่อตายไปหาที่เกิดใหม่ไม่ได้ หรือลงไปเสวยกรรมในจักรวาลนรก ก็วนเวียนทนทุกข์ทรมานในโลกของจักวาลนี้อยู่ พวกนี้ยังมีจิตชั่วร้าย ก็คอยกลั่นแกล้งเข้าสิงมนุษย์ ทำให้เจ็บป่วยพิกลพิการก็มีอยู่มากมาย
    พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงผลของบาปไว้อย่างชัดเจน สำหรับบุคคลที่เมื่อมีชีวิตอยู่ ได้ประกอบกรรมทำความชั่วร้ายไว้มากมาย ก็ต้องไปเกิดในจักรวาล ที่เรียกว่า นรก ซึ่งมีอยู่หลายแสนจักรวาล ที่มนุษย์จะต้องเสวยกรรม ในแต่ละจักรวาลตามกรรมชั่วของตน
    ส่วนจักรวาลที่เรียกว่าภพภูมิที่ดีมีความสุข เป็นที่เกิดของมนุษย์ที่ประพฤติสุจริตด้วยกุศล ผู้ที่ปฏิบัติชอบ บำเพ็ญตบะ ถือศีลเจริญสมาธิ เรียกว่า จักรวาลแห่งสุคติภูมิ มี 3 ภูมิคือ
    1. กามสุคติภูมิ มี 7 ภูมิจักรวาล
    2. รูปาวจรภูมิ มี 16 ภูมิจักรวาล
    3. อรูปาวจรภูมิ มี 4 ภูมิจักรวาล

    1. กามสุคติจักรวาล
    ได้แก่ มนุษย์ และสัตว์ที่บังเกิดในจักรวาลนั้น เนื่องจากเต็มไปด้วยกิเลสตัณหา มีอยู่ 7 ภูมิ
    มนุษย์ภูมิ 1 เทวภูมิ 6 ได้แก่
    1. จาตุมหาราชิกาภูมิ
    2. ตาวติงสาภูมิ
    3. ยามาภูมิ
    4. ดุสิตตาภูมิ
    5. นิมมานรตีภูมิ
    6. ปรนิมมิตวสวัตตีภูมิ
    มนุษย์ภูมิ คือ จักรวาล เป็นที่อยู่ที่อาศัยของคนทั้งหลาย เรียกว่า ทวีปใหญ่หรือพื้นแผ่นดินทั้ง 4 ทิศ คือ
    1. อุตตรกุรุทวีป อยู่ทางทิศเหนือ มนุษย์ในทวีปนี้มีใบหน้ารูปสี่เหลี่ยม มีการรักษาศีล 5 มีคุณสมบัติ 3 ประการคือ
    1) ไม่ยึดถือเอาทรัพย์สินเงินทองเป็นของตน
    2) ไม่มีการยึดถือในบุตร ภริยา สามี ว่าเป็นของตน
    3) มีอายุยืน 1,000 ปี
    2. ปุพพวิเทหทวีป อยู่ทางทิศตะวันออก ใบหน้ากลมคล้ายบาตรมีอายุยืน 700 ปี
    3. อปรโคยานทวีป อยู่ทางทิศตะวันตก มีใบหน้ากลมคล้ายพระจันทร์ อายุ 500 ปี
    4. ชมพูทวีป อยู่ทางทิศใต้ มีใบหน้ารูปไข่ จิตใจของมนุษย์ในทวีปนี้ มีความกล้าแข็งทั้งฝ่ายด ีและฝ่ายไม่ดี ถ้าอยู่ในฝ่ายดี ก็จะมีอายุยืนยาว สามารถบำเพ็ญบารมีสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า ตลอดจนเป็นพระเจ้าจักรพรรดิได้ มนุษย์มีชื่อว่ามีความเข้าใจ รู้ในเหตุที่ควรและไม่ควร ถ้าอยู่ในฝ่ายไม่ดี ก็จะอายุสั้น และเมื่อตายลงก็จะไปยังจักรวาลนรก อายุขัยของมนุษย์ภูมินี้มีประมาณ 80 ปี
    จักรวาลของเทวภูมิทั้ง 6
    1. จักรวาลแห่งภูมิเทวดาชั้นที่ 1 คือ จาตุมหาราชิกาภูมิ มีเทวดา 4 องค์
    1) ท้าววธตรัฎฐิ อยู่ทางทิศตะวันออก
    2) ท้าววิรุฬหก อยู่ทางทิศใต้
    3) ท้าววิรูปักขะ อยู่ทางทิศตะวันตก
    4) ท้าวกุเวระหรือท้าวเวสสุวรรณ อยู่ทางทิศเหนือ

    ทั้ง 4 องค์ เป็นผู้ดูแลรักษามนุษย์ในโลกนี้ด้วย มีชื่อว่า ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ทรงปกครองดูแลมนุษย์ และเทวดาที่มีที่อยู่อาศัยดังนี้
    เทวดาที่อยู่บนพื้นแผ่นดิน เรียกว่า ภูมมะเทวดา
    เทวดาที่อยู่ที่ต้นไม้ เรียกว่า รุกขะเทวดา
    เทวดาที่อยู่ในอากาศ เรียกว่า อากาสะเทวดา
    และยังมีเทวดาในภพภูมิจักรวาลชั้นต่ำนี้ที่มีความโหดร้ายอีก 4 จำพวก ได้แก่
    1. เทวดาคันธัมมะ ที่สิงสถิตอยู่ภายในต้นไม้มีกลิ่นหอม เรียกว่า นางไม้ ชอบรบกวน มนุษย์ให้เกิดอุปสรรคขัดข้อง ทำให้เกิดเจ็บป่วย ทำให้ทรัพย์สมบัติเสียหายกับมนุษย์ผู้นั้น ที่นำไม้ที่มีนางไม้ของตนอาศัยอยู่มาใช้หรือนำมาปลูกบ้านเรือน
    2. เทวดากุมภัณฑ์ เป็นเทวดาที่รักษาสมบัติ เพชร พลอย รักษาป่า ภูเขา แม่น้ำ ถ้ามนุษย์ทำล่วงล้ำก้ำเกินก็ให้โทษต่าง ๆ
    3. เทวดานาค (นาคี) มีวิชาเวทมนต์คาถาต่างๆ ท่องเที่ยวอยู่ในจักรวาลของมนุษย์ บางทีก็เนรมิตเป็นคนหรือสัตว์สำแดงฤทธิ์ได้
    4. เทวดายักษ์ พอใจที่เบียดเบียนสัตว์นรก เทวดา และมนุษย์
    ซึ่งเทวดาทั้ง 4 ภูมินี้ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดตลอดไป
    อายุโดยประมาณของเทพเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา นับได้ 500 ปีทิพย์ เทียบอายุมนุษย์ได้ประมาณ 9 ล้านปี

    2. จักรวาลแห่งภูมิเทวดาชั้นที่ 2 คือ ตาวติงสาภูมิ เป็นที่อยู่ของมนุษย์ที่ทำกุศลในการสร้างถนนหนทาง ทำความสะอาดให้กับชุมชน ตั้งโรงทานเลี้ยงดูผู้คนที่อดอยาก ตั้งน้ำสะอาดให้ผู้คนได้ดื่มกิน สร้างศาลาที่พักให้ผู้สัญจรไปมา เมื่อถึงอายุขัยก็มาเกิดในชั้นที่ 2 นี้ ผู้ที่เป็นผู้นำทำการกุศลได้เกิดเป็นพระอินทร์ ผู้ที่เข้าร่วมได้บังเกิดเป็นเทวดาชั้นผู้ใหญ่ทั้งหมด ความเป็นอยู่ของเทวดาในชั้นดาวดึงส์ หรือ ตาวติงสา ล้วนแต่เป็นผู้ผู้เสวยทิพย์สมบัติจากบุญกุศลในอดีตของตน มีความเป็นหนุ่มเป็นสาว ไม่มีความเจ็บไข้ บริโภคอาหารที่เป็นทิพย์ พร้อมทั้งวิมานเป็นที่อยู่ของตน มีรัศมีสว่างไกลถึง 100 โยชน์ และผู้ที่จะเกิดเป็นพระอินทร์ มีศักดิ์ใหญ่ในชั้นดาวดึงส์นั้นต้องประกอบด้วยคุณธรรม 7 ประการ คือ
    1) เลี้ยงดูบิดามารดา
    2) เคารพต่อผู้ใหญ่ในตระกูล
    3) มีวาจาอ่อนหวาน
    4) ไม่กล่าวเท็จส่อเสียดนินทา
    5) ไม่มีความตระหนี่เหนียวแน่น ใจคับแคบ
    6) มีแต่ความซื่อสัตย์สุจริต
    7) ระงับความโกรธได้
    3. จักรวาลแห่งสวรรค์ชั้นที่ 3 ยามาภูมิ จักรวาลแห่งนี้ เป็นภูมิที่มีความสวยงามประณีตกว่าชั้นตาวติงสา จึงปราศจากความลำบากมีแต่ความสุขสำราญ มีความรื่นรมย์ที่เป็นทิพย์ มีวิมานที่งดงาม ทิพย์สมบัติและร่างกายของเทพเทวดาชั้นนี้สวยงามประณีต อายุยืนยาวกว่าชั้นตาวติงสามาก ยามาภูมินี้มีบริเวณแผ่กว้างไพศาล เสมอด้วยกำแพงจักรวาล มีวิมานอันเป็นที่อยู่ของเทพเทวดายามานี้อยู่ทั่วบริเวณ ผู้ที่ได้มาเกิดในชั้นยามานี้เป็นมนุษย์ที่ได้ประกอบกรรมดี มีใจเป็นกุศล มีใจช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก รักษาดูแลผู้เจ็บป่วยด้วยจิตที่เมตตา ทำทานด้วยใจบริสุทธิ์ ทำกุศลให้เจริญตลอดกาล เมื่อถึงกาลกิริยาก็จะมาเกิดในชั้นยามาจักรวาลนี้ด้วย
    เทพเทวดาชั้นยามามีกำหนดอายุโดยประมาณได้ 2 พันปีทิพย์ อายุยืนกว่าเทพเทวดาในชั้นตาวติงสา 4 เท่า

    4. จักรวาลแห่งสวรรค์ชั้นที่ 4 ดุสิตาภูมิจักรวาลแห่งดุสิตาภูมินี้ เป็นภูมิสวรรค์ที่ปราศจากความร้อนใจ มีความยินดีแช่มชื่นอารมณ์ในทิพย์สมบัติของตนอยู่ตลอดเวลา เป็นสวรรค์ภูมิ เป็นที่อยู่ของเทพเทวดาที่มีปัญญาเฉลียวฉลาด จากการได้เจริญสมาธิเมื่ออยู่ในภูมิมนุษย์ พระโพธิสัตว์ทั้งหลายทุกพระองค์ก่อนที่จะมาเกิดในโลกมนุษย์ เพื่อสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ย่อมจะเกิดอยู่ในดุสิตาภูมินี้เป็นภพสุดท้าย ฉะนั้นเทพเทวดาในชั้นนี้จึงนับว่าเป็นภูมิที่ประเสริฐกว่าเทวดาภูมิชั้นอื่น ๆ
    เทพเทวดาในชั้นจักรวาลดุสิตานี้ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ได้ประกอบกรรมดี รักษาศีล มีจิตใจกล้าแข็งในการบำเพ็ญทาน มีสติตั้งมั่น เพียรเจริญสมาธิ ศึกษาในพระธรรม เพื่อรู้แจ้งในปัญญา ทำกุศลในพุทธศาสนาตลอด
    เทพเทวดาในชั้นดุสิตา มีอายุประมาณ 4 พันปีทิพย์ อายุยืนกว่าชั้นยามา 2 เท่า

    5. จักรวาลสวรรค์ชั้นที่ 5 นิมานรติภูม เป็นจักรวาลสวรรค์ชั้นที่ 5 เทพเทวดาที่เกิดในสวรรค์ชั้นนี้ มีความสนุกเพลิดเพลินในกามคุณทั้ง 5 ที่ตนสามารถเนรมิตขึ้นมาได้ตามความพอใจของตน ในเทวภูมิตั้งแต่ชั้นจาตุมหาราชิกา ตาวติงสา ยามาและดุสิตา ทั้ง 4 ภูมิสวรรค์นี้ บรรดาเทพเทวดาทั้งหลายที่สถิตอยู่ ย่อมมีคู่ครองของตนเป็นประจำอยู่มากบ้างน้อยบ้าง ตามบุญญาธิการแห่งตน แต่ในชั้นนิมานรติ ไม่มีคู่ครองประจำ เทพบุตรหรือเทพธิดาในชั้นที่ 5 นี้ เวลาใดที่ปรารถนาใคร่เสพกามคุณ เวลานั้นก็เนรมิตเทพบุตรหรือเทพธิดาขึ้นมาตามความปรารถนาและเมื่อได้เพลิดเพลินกับกามคุณสมใจแล้ว สิ่งที่เนรมิตขึ้นมาก็หายไป
    นิมานรติภูมิจักรวาลนี้ อยู่เหนือจักรวาลของดุสิตาขึ้นไป เทพเทวดาที่อยู่ในชั้นนี้มีร่างกายสวยงามประณีตกว่าเทวดาชั้นดุสิตา มีอายุขัยยืนยาวกว่าเทวดาในชั้นดุสิตา 4 เท่า

    6. จักรวาลสวรรค์ชั้นที่ 6 ปรนิมมิตวสวัตตีภูมิ เป็นจักรวาลชั้นที่ 6 เป็นภูมิที่เทพเทวดามีความสุขความเพลิดเพลินในกามคุณทั้ง 5 เมื่อปรารถนาใคร่เสวยกามคุณเมื่อใด เทพเทวดาองค์อื่นรู้ใจคอยปรนนิบัติ โดยเนรมิตให้ตามความต้องการ มีผู้คอยรับใช้ให้เสวยสุขอยู่ตลอดเวลา วิมานที่อยู่ทิพย์สมบัติ ร่างกายมีความสวยงาม ประณีตมากกว่าเทพเทวดาชั้นที่ผ่านมา มีอายุยืนยาวเป็นยอดจักรวาลแห่งเทวดาภูมิทั้งหลายในจักรวาลสวรรค์
    การเสวยกามคุณของเทพเทวดาในชั้นจาตุมหาราชิกาและตาวติงสา ทั้งสองจักรวาลสวรรค์นี้ มีความประพฤติเป็นไประหว่างเทพบุตรเทพธิดาทั้งหลาย เหมือนกับความประพฤติของพวกมนุษย์
    การเสวยการคุณของเทพเทวดาชั้น ดุสิตา นั้น เพียงแต่ใช้สัมผัสมือต่อกันก็สำเร็จกามกิจ
    การเสวยกามคุณขององค์เทพเทวดาชั้น นิมมานรติ มีการแลดูและส่งยิ้มให้แก่กันก็สำเร็จกามกิจ
    การเสวยกามคุณของเทพเทวดาชั้น ปรนิมมิตวสวัตตี เพียงใช้สายตาจ้องดูกันก็สำเร็จกามกิจ แปลความว่า บรรดาเทพเทวดาทั้ง 4 ชั้นที่กล่าวมา ย่อมเสวยกามคุณด้วยการจับคู่ เช่นเดียวกับมนุษย์นั่นเอง แต่สำหรับพวกสัตว์นรกและพวกเปรตนั้น ในสองจำพวกนี้ไม่มีการเสพกามคุณกันเลย เพราะทั้งสองจำพวกนั้น ต้องเสวยทุกข์เวทนาแสนสาหัส ในจักรวาลแห่งนรก จนไม่มีเวลาที่จะนึกถึงกามคุณได้เลย
    เทพเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตีมีอายุยืนยาว 1 หมื่น 6 พันปีทิพย์


    ที่มา http://www.khunya.in.th/Menu6.asp?intTopicId=43
     
  2. PrasertN

    PrasertN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +195
    อ่านมาหลายเล่มก็มีนี่แหละที่ได้ความรู้เพิ่มเรื่องการเสพกามคุณของเทวดา
    หลายปีก่อนเคยยืนอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่ร้านดอกหญ้ารามคำแหง แต่ไม่ได้ซื้อมา
    เป็นประสบการณ์ฝันหรือเข้าภวังคจิตของฝรั่งเจ้าของประสบการณ์ ที่เล่าว่าเจอผู้มาเยือน4-5 คน ผู้หญิงในกลุ่มยื่นมือมาสัมผัสตัวเขา คล้ายๆเป็นการแลกเปลี่ยนความสมดุลย์ของพลังงาน ทำนองว่าเป็นการเสพสมอะไรทำนองนี้ แล้วเธอก็รู้สึกอายและขอโทษเขา แต่ในหนังสือหน้าที่เปิดอ่านไม่ได้บอกว่าเป็นเทวดา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2008
  3. junior phumivat

    junior phumivat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,346
    ค่าพลัง:
    +1,688
    ผู้ถาม : เมื่อทำบุญแล้ว ถ้าจะอุทิศส่วนกุศลภายหลังจะได้ไหมคะ...........?
    หลวงพ่อ : การทำบุญไปแล้วครั้งหนึ่งสักกี่ปี ๆ บุญก็ยังมีอยู่ถ้าทำไปแล้วสัก ๓๐ ปี ก็ยังอุทิศส่วนกุศลได้ บุญมันไม่หาย ไม่ใช่เราทำบุญแล้ว เดี๋ยวเดียวมันหายไปไม่ใช่อย่างนั้นนะ
    ผู้ถาม :แล้วถ้าเผื่อทำบุญแล้ว ไม่ได้อุทิศส่วนกุศลจะได้บุญเต็มที่ไหมคะ...?
    หลวงพ่อ : ก็ได้เต็มที่อยู่แล้ว เราเป็นผู้ได้สมบูรณ์แบบ แต่อยู่ที่ว่าเราจะให้เขาหรือไม่ให้ การอุทิศส่วนกุศล นี่นะ ถ้าเราไม่ให้ เราก็กินคนเดียวใช่ไหม..... ทีนี้ถ้าเราให้เขาของเราก็ไม่หมดอีก ส่วนที่เราให้ไปไม่ได้ยุบไปจากของเดิม อย่างเรื่องของ พระอนุรุทธ สมัยที่ท่านเกิดเป็นคนเกี่ยวหญ้าช้างของมหาเศรษฐี เวลาที่ท่านทำบุญแล้ว เจ้านายขอแบ่งบุญ ท่านก็สงสัยว่าการแบ่งบุญน่ะจะแบ่งได้ไหม จึงไปถามพระปัจเจกพุทธเจ้า ที่ท่านรับบาตรนะ ท่านก็เปรียบเทียบให้ฟังว่า

    "สมมุติว่าโยมมีคบ แล้วก็มีไฟด้วย คนอื่นเขามีแต่คบ ไม่มีไฟ ทุกคนต้องการแสงสว่าง ก็มาขอต่อไฟที่คบของโยมแล้วคบทุกคนสว่างไสวหมด อยากทราบว่าไฟของคุณโยมจะยุบไปไหม....?
    ท่านอนุรุทธก็บอกว่า ไม่ยุบ
    แล้วท่านก็บอกว่า "การอุทิศส่วนกุศลก็เหมือนกัน ให้เขา เขาโมทนา แต่บุญของเราเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์"


    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ

    ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายโดยเร็วด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด หากท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาเพียงใด ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราชจงเป็นสักขีพยานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอเธอเมื่อใด ขอให้เธอได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ด้วยเถิด ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
    <!-- / message -->​

    <!-- / message -->
     
  4. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,688
    ค่าพลัง:
    +9,239

    ไม่เคยมีความรู้มาก่อนเลย
    แต่สงสัยว่า ทำไมผู้ตั้งกระทู้ wellrider ไม่เคยให้อนุโมทนากับท่านใดเลยคะ
    ขออนุโมทนาค่ะ(smile)
     

แชร์หน้านี้

Loading...