ขอ ท่านที่ปฏิบัติธรรมทุกท่านมา เสวนาในหัวข้อ " พลังจิต " มีจริงหรือ

พลังจิต มันก็ย่อมาเหลือ ฝ่ากกุศล ฝ่ายอกุศล และกลางๆ
หากจะย่อมาอีกมันก็จะเป็นเรื่องของความ ตั้งมั่น

สเตฟานนี่ มีพลังจิตแบบไหนหรือ

 

คนที่มีพลังจิต ก็คือ คนที่มีพลังงานบวก
ซึ่งคนละขั้ว กับ พลังงานลบ(ไม่ดี)

คนที่มีบ่วงโซ่มาก ใหญ่โต พันพัวกันยาวเหยียด มักจะปิดบังแล้วก็เบี่ยงเบนกรรมของตน อ้างว่า ตนไม่ได้ทำ ไม่ใช่ความผิดของตน พูดจาแบบ ดำน้ำ โสโครกไปเรื่อย ไม่ยอมรับถึงการทำชั่วของตน แล้วแสร้งนำเอาการปฎิบัติ การสวดมนต์แบบท่องจำ การทำบุญเนื่องในศาสนาต่างๆ มาบังหน้า โป้ปดให้สังคมรับรู้ว่า ตนเป็นคนดี ตนเองเข้าถึงศาสนา เข้าถึงคำสอน ซึ่งไม่จริงอย่างแน่นอน
คนประเภทนี้ มีเยอะมากในสังคม
แม้กระทั่งในเว็ปนี้ ก็มีเยอะมาก

 

วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะ
คุณ แอ๊บแบ๊ว น่าจะตั้งหัวข้อกระทู้ใหม่นะ
หาหัวข้อที่โดดเด่น สะดุดตา สะดุดใจ
แล้วก็โดนใจ stefa หน่อย
เอาแบบโดนๆๆๆๆ นะ
จะได้ช่วยกันนำเอาแง่คิดที่ดี นำพาชีวิตผู้คน ให้เดินถูกทาง

ตลกๆๆ ขำขันบ้างก็ได้ เพราะว่า
stefa ชอบ หัวเราะ สบายใจดี

 

ขออภัยครับ....ถามถามไปงั้น....เพราะพลังจิตที่ท่านกล่าวอ่ะครับ..เห็นกล่าวว่าดีอยู่อย่างเดียว...บริสุทธิอีกต่างหาก....ก็เลยถามไปงั้นๆ....ก็อยากรู้ท่านเข้าใจว่าอะไร...จะได้สนทนาต่อ

 

เอ่อท่านขวัญ...ขอนอกกระทู้หน่อยนะครับขอใช้สิทธิพาดพิง
ตั้งกระทู้ ชื่อว่า "ขายหัวเราะ ตกบันใด" ดีป่ะ... ^_^
รับรองตลก....เพราะถ้าไม่ตลก ก็คงขายไม่ออก
รับรองสดุด....เพราะถ้าไม่สดุด ก็คงไม่ตกบันได ....อ่ะนะ หุหุหุ

 

ท่านแอ๊บฯ หัวข้ออะไรก็ได้ ที่แว๊บแรกในความคิดของท่านนะแหละ
เจ๋งสุดแล้ว ขอบอก แต่จะถูกใจใคร หรือไม่ถูกใจ ก็อีกเรื่องนะ

ปล.ปุถุชนที่ยอมรับเรื่องผลของกรรมโดยดีด้วยความอดทน มีอุเบกขา แล้วเพียรทำแต่ความดี
น่ายกย่องทุกคน เหมือนคนที่สำนึกผิดแล้วกลับตัวกลับใจสร้างแต่ความดี

 

ประเด็นที่๑
กำลังจิตดีเหนือกว่าความชั่วทั้งปวง
? เมื่อกำลังใจดี=จากการฝึกจิต(สมาธิ)เมื่อจิตสงบกำลังใจก็บริสุทธิ=กำลังใจมั่นคง(กำลังจิตบริสุทธิชั่วคราว)= ก็สามารถระงับความชั่วทั้งปวงคือกิเลสได้ชั่วคราวเพราะนิวรณ์สงบระงับลง= กำลังใจมั่นคงส่งรู้ตามจริง= ปัญญา=กำลังจิตพัฒนา= เป็นกำลังใจที่มีความเข้มแข็งสามารถต้านทานกิเลสอย่างหยาบได้มีศีลเป็นปกติ= เมื่อมีศีลเป็นปกติก็เป็นฐานกำลังใจก็ดีขึ้นกว่าก่อน =....ต่อมาก็ทำนองเดียวกัน...จนกระทั่งจิตถึงจิต= กำลังจิตบริสุทธิ( กำลังจิตบริสุทธินี้ไม่มีความหมายว่าดีเลว...คือพ้นจากความหมาย) คือมีความสมบูรณ์โดยธรรมชาติ= เอกจิต= ท้ายสุดก็เหนือกว่าความชั่วโดยสมบูรณ์
กำลังจิตดีจะต้องมาจากคนที่มีพลังจิตซึ่งคือคนที่มีพลังงานบริสุทธิ์
คนที่มีพลังงานบริสุทธิ์สามารถเอาชนะความชั่วที่เข้ามากระทบชีวิตของคนที่มีพลังจิตนี้ได้อย่างแน่นอนความชั่วนี้ต้องอยู่นอกกายนะ
? กำลังจิตบริสุทธิชั่วคราว= ละกิเลส(ความชั่ว)ได้ชั่วคราว
ไม่ใช่นำมาคิดรวมเอาอยู่ในกาย(? กิเลสอย่างละเอียด)ของคนที่มีพลังงานบริสุทธิ์อย่านำมาปะปนกัน
? กำลังจิตบริสุทธิ= เอกจิต= ละกิเลส(ความชั่ว)ได้ตลอดไป= จิตพ้น
.................... จบประเด็นที่๑.....................
ประเด็นที่๒
ความชั่วที่อยู่ในกายคนหรือว่ากายคนที่มีเจ้ากรรมนายเวรอยู่ก็คือคนที่สร้างเวรสร้างกรรมมาในชาติภพใดก็ตาม
คนแบบนี้จะต้องชดใช้กรรมนะ
? ตามกฏแห่งกรรม
การชดใช้จะไปทำบุญกรวดน้ำต่างๆ............. เพื่อที่จะมาชดใช้กรรมไม่ได้หรอก
? แต่ทำให้เบาบางได้ด้วยกรรมดีและกุศลวิบากนั้นให้ผล
อุปมาเรามีถังใส่น้ำสะอาดใบหนึ่งอันน้ำนั้นเราจะต้องดื่มทุกๆวันตลอดระยะเวลาที่ดำรงชีวิตอยู่ชีวิตเราจะได้รับสุขเป็นปกติได้ก็เพราะเราได้ดื่มน้ำสะอาดที่จืดสนิทแต่ด้วยความไม่รู้(หลง)จึงได้เติมเกลือ(อกุศลกรรม)ลงไปยิ่งเติมยิ่งเค็มขึ้นๆแรกๆการดื่มน้ำก็คงไม่รู้สึกอะไร(เสมือนว่าการเติมเกลือนั้นไม่มีผลอะไร= คิดว่าทำชั่วได้ดี) เมื่อเติมบ่อยๆหรือมากๆน้ำนั้นจะแสดงความเค็มให้ผู้ดื่มได้รับทุกข์ร้อนเพียงใด การบรรเทาความเค็มนั้นก็ด้วย การไม่เติมความเค็มลงไปเพิ่ม(ละอกุศลกรรม) และการเติมน้ำจืดสะอาด(เจริญกุศลกรรม) จึงบรรเทาทุกข์อันเกิดแต่ความเค็มได้ แม้ว่าปริมาณเกลือที่ละลายในน้ำนั้นจะอยู่เท่าเดิมแต่อัตราส่วนของเกลือต่อน้ำจืดจะน้อยลง ผลคือพอที่จะพบสุขอันเกิดแต่ความบีบคั้นแห่งทุกข์ลดลงดั่งอุปมาอัตราส่วนของเกลือต่อน้ำจืดจะน้อยลงนั่นคือความเค็มน้อยลงแลฯ
......สรุปแม้ว่าบุญกุศลและการอุทิศแผ่ส่วนบุญจะชดเชยกรรมที่เราทำลงไปไม่ได้(ถ้าได้ก็อโหสิกรรมกันไป) บุญนั่นก็ยังคงอยู่ยังให้ผลอันเป็นสุขอยู่เกิดกับผู้กระทำกุศลนั่นแล
......เมื่อพอได้รับสุขจากกุศลวิบาก....พอได้อยู่สุขสบายบ้าง...ก็เป็นปัจจัยให้ได้บำเพ็ญคุณธรรมเบื้องสูงต่อไปจนจิตหลุดพ้น ไม่ต้องพึ่งบุญบาปอีกต่อไป....จบ.

.................... จบประเด็นที่๒.....................

ขออนุโมทนาด้วยครับท่าน stefa
..................................................................................
ผิดถูกประการใดโปรดใช้วิจารณญาณ ...ขอบคุณครับ;aa44

 

รบกวนคุณ แอ๊บแบ๊ว ขยายความในแนวแบบ แบ๊ว แบ๊ว ให้ ผู้ชม ผู้เยี่ยมชม ได้อ่านพอ เข้าใจ แบบแบ๊ว แบ๊ว

 

...VS...

เอาล่ะวุ้ย... ศึกเสเตฟานนี่หมัดหนอน ปะทะ หลวงจีนแอ๊บแบ๊ว

 

.................................................................................................<O</O
กระผมจะพยายามขยายความตามความเข้าใจดูนะครับ;aa44
.................................................................................................
๑ พลังจิตมีความหมายในตัวสมบูรณ์?<O</O
? เอกจิต
.................................................................................................
๒ พลังจิตมีความหมายในด้านดีด้านเดียว?
? กำลังจิตบริสุทธิชั่วคราว = ละกิเลส(ความชั่ว)ได้ชั่วคราว
<O? กำลังจิตบริสุทธิ = เอกจิต= ละกิเลส(ความชั่ว)ได้ตลอดไป= จิตพ้น
.................................................................................................</O
๒ พลังจิตไม่นับรวมพลังจิตที่ไม่ดี?
<O? กำลังจิตที่ประกอบไปด้วยมิจฉาทิฏฐิ
....................................................................................................</O
อุปมาเสมือนเขื่อนกั้นน้ำ(สมาธิ)..พลังน้ำในเขื่อนก็คือพลังของจิต(ความสูงของสันเขื่อน = ระดับของสมาธิ)...จะกล่าวอุปมาพลังงานศักดิ์ของน้ำในเขื่อนเปรียบได้กับพลังจิต....แต่การปล่อยพลังของน้ำ(พลังงานจลน์)ในเขื่อนมันก็มาเป็นกระแสๆที่เห็นได้สัมผัสได้ที่เรียกว่ากระแสน้ำ...ข้อนี้คงอุปมาเปรียบกับกระแสจิตที่ปล่อยออกมาโดยจิต(ผู้เป็นประธาน)ในทุกกิริยาการกระทำคิดพูด...ตัวอย่างของพลังจิตที่ปล่อยออกมาเป็นกระแสจิต...ในรูปของนามธรรมที่รับสัมผัสได้...ก็มีกระแสเมตตา เป็นต้น...กระแสจิตจะปล่อยออกมาก็มีทั้งด้านดีและด้านร้ายขึ้นอยู่กับว่าได้อบรมบ่มจิต(ประธานการกระทำหรือผู้รู้)มาเพียงไร<O</O
........สรุป พลังจิตในที่นี้ ว่ามีความหมายเป็นกลางๆเป็นธรรมชาติของจิต
........แต่กระแสจิตจะปล่อยมาดีก็ดี....จะปล่อยออกมาร้ายก็ร้าย
.................................................................................................
๓ พลังจิตไม่มีโทสะราคะ? <O</O
พลังจิตไม่มีคิดชั่วทำชั่ว?<O</O
? พลังจิตในที่นี้ เป็นแต่เพียงพลังอันทรงอยู่กับจิต เป็นธรรมชาติของจิต จึงไม่มีอาการไปมาเพราะเป็นแต่เพียงพลังที่พร้อมในการขับเคลื่อนกระแสจิต(เจตสิก) ...... พลังจิตในที่นี้ จึงมี "ความสมบูรณ์เป็นเอกเทศ" อยู่ในตัว
.................................................................................................
หมายเหตุ คำว่า "พลังจิต ในที่นี้" เป็นพลังจิตในความหมายของข้าพเจ้า ไม่เกี่ยวกับใคร.. ไม่อ้างอิงใคร... อ้างอิงจากความเข้าใจของตัวเองเท่านั้น . ....ดังนั้นไม่มีใครผิดถูกเพราะไม่ได้หักล้างใคร.....จะผิดก็แต่ข้าพเจ้าเองและพร้อมน้อมรับการชี้แนะ....เพื่อเจริญปัญญาร่วมกัน
................................................ จบ ...................................................

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ stefa


การไม่เลือกรับประทานอาหาร ทำให้ร่างกายอ้วนพี เหมือนหมู
คนที่ไม่รู้จักควบคุมจิตใจตัวเอง ในการกิน เช่น เนื้อ น้ำตก เป็ดย่าง หมูสเต๊ก หมูหัน หมูย่าง เนื้อสันใน ไก่ต่างๆ เป็ดสารพัดอย่าง
คนประเภทนี้ ไม่มีสติในการกิน กินอย่างอยาก อยาก อยากกกกก อย่างตะกละ กินไม่บันยะบันยัง
คนประเภทนี้ ไม่มีการยับยั้งชั่งใจตัวเอง
ไม่มีสติ หาสติไม่เจอ

คนแบบนี้นะ พลังจิต ไม่มีนะคะ
หรือที่เรียกว่า ไม่มีพลังจิต เลย

ขอยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ 1 เรื่อง
;17;17





</TD></TR></TBODY></TABLE>

รบกวนคุณ แอ๊บแบ๊ว ขยายความในแนวแบบ แบ๊ว แบ๊ว ให้ ผู้ชม ผู้เยี่ยมชม ได้อ่านพอ เข้าใจ แบบแบ๊ว แบ๊ว
..................................................................................

แอ๊บแบ้วจัดให้ครับ;aa44
................................................................................
การไม่เลือกรับประทานอาหาร ทำให้ร่างกายอ้วนพี เหมือนหมู
คนที่ไม่รู้จักควบคุมจิตใจตัวเอง ในการกิน เช่น เนื้อ น้ำตก เป็ดย่าง หมูสเต๊ก หมูหัน หมูย่าง เนื้อสันใน ไก่ต่างๆ เป็ดสารพัดอย่าง
คนประเภทนี้ ไม่มีสติในการกิน กินอย่างอยาก อยาก อยากกกกก อย่างตะกละ กินไม่บันยะบันยัง
คนประเภทนี้ ไม่มีการยับยั้งชั่งใจตัวเอง
? กำลังใจยังออ่นอยู่นี่(พลังจิตมีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี แต่ถูกกิเลสบัง ก็ท่านบอกเองนี่ว่า พลังจิตมีความหมายสมบูรณ์ในตัว) ก็ต้องฝึกต้องหัดกันไปตามแต่ปัญญาของตนๆ เพราะคนเรากำลังใจมันไม่เท่ากันนี่ครับ.
ไม่มีสติ หาสติไม่เจอ
? สติน่ะหาเจอแน่ไม่งั้นก็บ้าบอไปก็เท่านั้น....เพียงแต่ว่ากำลังใจยังออ่น...ยังฝึกไม่พอที่จะต้านกิเลสได้....ด้วยติดอยู่กับมัน(กิเลส)มาหลายภพชาติ...อยู่ๆจะฝึกให้เป็นไปตามประสงค์ได้เลยนั้น....ก็ต้องขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยด้วย
คนแบบนี้นะ พลังจิต ไม่มีนะคะ หรือที่เรียกว่า ไม่มีพลังจิต เลย
? ข้อนี้ก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณา....กระผมไม่สามารถไปตัดสินใจให้ได้ครับ...หวังว่าท่านคงจะเข้าใจในข้อความที่ได้กล่าวไปแล้ว
ขอยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ 1 เรื่อง
? ก็ตอบตามความเข้าใจของกระผมไป 1 เรื่อง ...... ถูกผิดประการใดโปรดใช้วิจารณญาณเองเถิดครับ ......จบ

 

<TABLE class=tborder id=post1356542 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>คีตเสวี<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1356542", true); </SCRIPT>
ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค



เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 06:59 PM
วันที่สมัคร: Jan 2007
อายุ: 38
ข้อความ: 914
ได้ให้อนุโมทนา: 6,089
ได้รับอนุโมทนา 5,694 ครั้ง ใน 1,089 โพส
<IF condition="">
</IF>พลังการให้คะแนน: 167




</TD><TD class=alt1 id=td_post_1356542 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->พักสายตาสักเล็กน้อยครับ




การจุดไฟ แห่งปัญญา จะนำมา ซึ่งตัวรู้

ขจัด ความมืดดู จึงได้รู้ ในแนวจริง

อวิชชา ถูกกำจัด การผูกมัด หายทุกสิ่ง

จึงรู้ แจ้งเห็นจริง ว่าทุกสิ่ง อนัตตา

เพียรกว่า จะได้เห็น แทบลำเค็ญ เป็นยากหนา

อิทธิบาท เร่งรัดพา ให้ตูข้า มุ่งฝ่าฟัน

รู้ละ ขันธ์ทั้งห้า รู้ชัดว่า ไม่ใช่ฉัน

จึงปล่อย ออกจากมัน ไม่ยึดกัน ฉันจึงเบา

จิตโล่ง จึงบังเกิด ตรองดูเถิด หมดความเขลา

นิพพาน นั้นช่างเบา เพียรละเอา เข้าตำรา
<!-- / message --><!-- sig -->__________________
ความสุขที่แท้จริง ไม่ใช่สิ่งที่ต้อง แสวงหา
เพียงอยากให้รู้ว่า สิ่งนั้นมีอยู่แล้ว ในตัวคุณ
<!-- / sig --><!-- edit note -->

</TD></TR></TBODY></TABLE>

<!-- currently active users --><TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>แอ๊บแบ้ว, k.kwan, stefa+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

แอ๊บแบ้วจัดให้ครับ;aa44

 

มนุษย์ทุกคน มีสมอง มีความคิด มีการดำรงชีวิตอยู่
การกิน การอยู่ การเรียน การทำงาน การแต่งกาย
ทุกคนควรเลือกไม๊ คู่ชีวิต คบเพื่อน และอื่นๆอีกมาก

มนุษย์ควรเลือกในสิ่งที่เหมาะสมกับตนเอง และสุขภาพ ถูกต้องนะ
สมอง และ ความคิด ทุกคนเกิดมาก็มี นะ
แต่ว่า เมื่อมีสิ่งยั่วยวน ที่คุณๆทั้งหลายเรียกว่า กิเลส เช่น เงินทอง การคอรัปชั่น อยากรวย อยากมีรถหรูๆ อยากมีบ้านใหญ่โต เป็นต้น ทำให้เกิดความอยากสุมรุมอยู่ในหัวสมอง คิด คิด ทำยังไงนะ ถึงจะมีกับเขาบ้าง

 

สมอง และ ความคิด ยังไม่ใช่ สติ นะ
คนทุกคนมีสมอง มีความคิด ยังไม่รวม สติ นะ
คนบ้าบอไม๊
ไม่บ้าบอหรอก
อันนี้ stefa แจกแจง ละเอียด แยกแยะ นะ

 

เมื่อคนมีสมอง และ ความคิด
ก็ดำรงชีวิตอยู่ได้ในสังคมได้แล้ว
รู้จัก เลือก ไม๊
รู้จักแน่นอน รู้จักคิด รู้จักเลือก เลือกกิน เลือกอยู่ เลือกอยาก เลือกได้ เลือกเอา เลือก ............
เลือกอยากรวย เลือกคอรัปชั่น เลือกโกหก เลือกผิดชู้ผิดเมีย เลือกในสิ่งที่ผิดศีล เลือกทำผิด เลือกทำชั่ว ก็ยังเลือกอยู่ นะ

อากัปกิริยาที่แสดงออกในการเลือกนะ ก็แสดงว่า ยังมีสมอง และ ความคิด อยู่
ผิดหรือว่าถูก
ชั่วหรือว่าดี
อาหารเนื้อสัตว์ทานมากๆๆๆ ไม่ทานผัก ดีหรือไม่ดี

สมอง และ ความคิด นะ ก็ยังคิดได้ ว่า
แบบนี้ดีนะ แบบนี้ชั่วนะ

 

สติ ก็คือ สิ่งที่ พลังจิต ขับเคลื่อนออกมา ต่อสู้

ต่อสู้กับ อะไร ล่ะ
สู้กับ กิเลส ที่คุณๆๆเรียกกัน
สู้กับ ความอยากในด้านลบ หรือ ด้านที่ไม่ดี ด้านผิด ด้านชั่ว
สู้กับ การกินที่ไม่ถูกต้อง ทำให้สุขภาพไม่ดี
สู้กับ ความอยากในอาหารที่ทำให้ อ้วนพี
สู้กับ ความอยากรวย
สู้กับ โทสะ โมหะ
สู้กับ .............

 

สติ สร้าง ความยังยั้งชั่งใจ ตัวเอง ได้
สตื รู้ว่า สิ่งใดดี สิ่งใดชั่ว
สติ รู้ว่า ควรทำในสิ่งที่ดี คือ ทำความดี

 

พลังจิต ต้อง บริสุทธิ์นะ คือว่า ไม่ติดเจ้ากรรมนายเวร

มนุษย์หรือว่า คนทั่วไป นะ ไม่ใช่ว่า จะมีเจ้ากรรมนายเวร กันทุกคน

คนที่มีเจ้ากรรมนายเวรติดตัว มีเป็นส่วนน้อย

แต่ว่า คนที่ถูก คนชั่วกระทำ ในหลายๆภพชาติ มีเยอะมากกกกกก

คนชั่ว คือ คนที่มี เจ้ากรรมนายเวร ติดตัว
คนดี คือ คนที่ถูก คนชั่ว กระทำร้าย ทารุณ ช่มเหง ต่างๆ

 

คนชั่ว จะทำชั่ว ตลอด บ่อยๆ ซ้ำๆ ซากๆ
ทำแล้วทำอีก กี่ภพ กี่ชาติ ก็ยังกระทำอยู่
เพราะฉะนั้น คนชั่ว 1 คน จะทำร้ายคนดีได้มากมาย มหาศาล
เมื่อรวมๆกันแล้ว จึงเยอะมาก