ขอ ท่านที่ปฏิบัติธรรมทุกท่านมา เสวนาในหัวข้อ " พลังจิต " มีจริงหรือ

คุณจร ให้ผมกระแทกธรรมคุณให้เอาไหม.

 

555555555 ดูคนแก่งอน น่ารักดี 55555555

:z2

 

อยากบอกว่า การสื่อสารเพื่อให้นัยสำคัญ ที่เราต้องการสื่อ
ถึงผู้รับอย่างไม่บิดเบือน ผู้รับเขาต้องเปิดใจด้วย
ไม่งั้นก็เหมือนสีซอให้... ฟัง เสียเวลา เสียโอกาสของผู้อื่น
ถ้าผู้รับที่เราต้องการสื่อด้วย ปิดหูไม่รับฟัง แต่เปิดบ้านให้เดินไปหาได้
หมายถึงเขาต้องการอย่างอื่นไม่ได้ต้องการฟัง
ถ้าลุงอ่านอยู่นะ แล้วยังไม่เลิกความตั้งใจ ลองหาวิธีใหม่ที่เจ๋งๆ เนียนๆนะ


ปล. แล้วตรูมายุ่งไรกับเขาเนี่ย

 

^
^
^
จะทำไรก็ทำไปละกัน แค่เสียดายเวลาที่เสียไปกับคน1คน
แล้วไม่รู้ว่าจะดีหรือร้าย ทุกวันนี้ก็เห็นแต่วิบากกรรม รับกรรมอยู่แล้วเห็นๆ
ท่านจะทำให้กรรมมันแสดงเด่นชัดขนาดให้รู้สึกตัวได้ ก็โมทนาด้วย
ถ้าเข้าใจผิดก็ขออภัย ++

 

ไม่มีใครได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่มีสิ่งตรงกันข้าม

 

เม้ากระจาย ปัญญากระเจิง กิเลสเถลิง เจริญศัตรู

ขออภัยที่ถาม....กระทู้นี้ชื่อว่าอันหยังคับ....??? ...........(เผื่อหลงเข้ามาอ่ะ)
ชื่อว่า .... " เม้ากระจาย ปัญญากระเจิง " ...... อ๊ะป่ะนี่?? .....
ไม่มีอะไรมากมาย...แค่ต้องการเรียกสติให้เข้าประเด็น...เพื่อเจริญปัญญาร่วมกันเท่านั้นอ่ะ
เท่าที่อ่านมา .....อัตราส่วนนอกกระทู้มากกว่าอ่ะ ...เด๋วจะกลายเป็นว่า....."เม้ากระจาย ปัญญากระเจิง กิเลสเถลิง เจริญศัตรู" เด๋วจาปายกานหย่ายเติมเอส (หย่ายเติมเอส = หย่ายยยยยย... มากมาย)
..... หวังว่าคงเข้าใจในเจตนานะครับ .....
ถ้าไม่เข้าใจก็ขอ ..อโหสิๆ ...ด้วยล่ะครับ;10

 

ขออนุโมทนา...ท่านคีตเสวี ที่นำบทกลอนมาฝาก...กลอน"เพื่อนหลาย" ที่แต่งขึ้นนี้นำมาฝาก เป็นการตอบแทนน้ำใจไมตรีที่ได้รับ.....ครับ:VO

..........................................................
บทกลอน(ขัดแตะ) : เพื่อนหลาย
.......ประพันธ์โดย : แอ๊บแบ้ว 21/7/51
....จุดประสงค์เพื่อ : เจริญปัญญา (ถูกผิดโปรดใช้วิจารณญาณ)
............มอบแด่ : ท่านคีตเสวี . ท่านเต้าเจียว และเพื่อนธรรมทุกท่าน
.........................................................


...........เพื่อนหลาย..............
เพื่อนหลายวาจาสงวน ......ระวังนา
เพียรรักษ์ใจใสเสมอ ....... บ่เว้น
ถูกผิดธรรมชี้เฉพาะส่วน ....เพื่อนรู้
บาปกรรมมิตกต้องตน ......เพิ่มพูน


เพื่อนหลายหลายคิด .......มากความ
ถูกผิดมีบ้างนำใจข้อง ......หมองเอง
เพื่อนหลายศีลเสมอ .......ควรคบ
ต่างศีลต่างกรรมเราอยู่ ....ได้ฤา
........................................

 

หนทางต่างรู้ได้ .............. เท่าเทียม พี่เอย
บ้างหลงบ้างยังเตรียม ....... จิตตั้ง
กิเลศเผาใหม้เกรียม ......... ห่อนรู้ ปล่อยใจ
ยามยลจิตว่างได้ ............ แน่แท้ เบาลง

 

ชื่นกมลยลจิต สุดถวิล
หมื่นมิตรแม้น ฤ เท่าหนึ่งชิด
คนสนิทจิตผูก สัมผัสได้
กู่ก้องรู้ใจ บ่เอ่ยรู้
เชิดชูเสริมสร้าง ต่อพยน์

คนคิดคู่สู่สู เสี่ยวสร้าง
ใครคิดล้างส่งสู้ สูสาง
สิบปองสาปมิตร สูเสียบ
หนึ่งคนคอยเสริมสู สูงสุดสอย

 

การไม่เลือกรับประทานอาหาร ทำให้ร่างกายอ้วนพี เหมือนหมู
คนที่ไม่รู้จักควบคุมจิตใจตัวเอง ในการกิน เช่น เนื้อ น้ำตก เป็ดย่าง หมูสเต๊ก หมูหัน หมูย่าง เนื้อสันใน ไก่ต่างๆ เป็ดสารพัดอย่าง
คนประเภทนี้ ไม่มีสติในการกิน กินอย่างอยาก อยาก อยากกกกก อย่างตะกละ กินไม่บันยะบันยัง
คนประเภทนี้ ไม่มีการยับยั้งชั่งใจตัวเอง
ไม่มีสติ หาสติไม่เจอ

คนแบบนี้นะ พลังจิต ไม่มีนะคะ
หรือที่เรียกว่า ไม่มีพลังจิต เลย

ขอยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ 1 เรื่อง
;17;17

 

คนอีกประเภทหนึ่งนะ คนที่ไม่มีศีล โดยเฉพาะ ศีล5
ถ้ารักษาไม่ได้นะ
คนนั้นนะ ไม่มี พลังจิต หรอก

;15;15

 

;ปรบมือ เข้าลู่กระทู้ ท่านขวัญแล้ว อนุโมทนาด้วยครับ ...ผิดถูกอย่างไรค่อยมาปรับความกัน แล้วโน้มนำมาพัฒนาตนต่อไปครับ ....(good)

<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
;aa55 .......................................................;aa8​

<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<​

 

การฝึกวรยุทธ

ขั้นที่หนึ่ง......ฝึกกระบวนท่า
ขั้นที่สอง......ไร้กระบวนท่า
ขั้นที่สาม......ร้อยรวมเป็นหนึ่ง
ขั้นที่สี่.........กระบี่อยู่ที่ใจ ....(ไม่ว่าอะไรก็ใช้เป็นกระบี่ได้ แม้แต่ใบหญ้า)
และอุปมาทั้งสี่ขั้นนั้นก็คือกระบวนการฝึกพลังจิตครับ......ท่านเข้าใจว่าอย่างไรในอุปมาดังที่กล่าวฤา?

 

คิด....ติด....ดล....ปัญญา

ฝากไว้ให้คิด...ติดไว้ให้ฉงน
ฝากไว้ให้ดล...ปัญญาพาเฉลย (...นับถือ....นับถือ...)

 

พลังจิต คือ พลังงานของจิตใจของคน ที่มีสติในการคิดพิจารณา
ไม่ว่าจะทำสิ่งใด คิดอะไร
พลังจิต ที่แข็งแกร่ง จึงจะสามารถทนทานต่อความอยาก เพื่อการกระทำที่ผิดศีล 5
คนที่ผิดศีล 5 ไม่ว่าข้อใดก็ตาม แสดงว่า ยับยั้งชั่งใจตัวเองไม่อยู่
แค่ตัวเองคนเดียว ยังห้ามใจ ห้ามการกระทำไม่ได้เลย
แบบนี้เรียกว่า มีพลังจิตหรือ

 

พลังจิตที่ดี ต้องสามารถขับเคลื่อนจิตใจตนเองและของผู้อื่นให้โน้มนำ ไปสู่สิ่งดีๆ เป็นคนดี กระทำความดี
พลังจิตที่ดี ต้องสามารถพัฒนาจิตตนเองและผู้อื่นให้ ใสสะอาด และละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อจิตใส ละเอียด กายก็จะใส ละเอียด สะอาด สะอ้าน
บุคลิกลักษณะก็จะดี มีมารยาท วาจาสุภาพ เป็นที่เคารพรักของคนทั่วไป น่าคบหาด้วย

 

ผู้คนมักหลงตัวเอง เกี่ยวกับเรื่องพลังจิต
แล้วมักสร้างเรื่องราว เหมือนนิยายเผยแพร่ออกสู่ภายนอก
ให้คนทั่วไป หลงเชื่อ งมงาย
โดยอาศัยศาสนาบังหน้า
เลือกเอาเทพต่างๆนาๆ มาสิงสู่ตัวเอง
สวดคาถาอาคมต่างๆไปเรื่อย แบบท่องจำ
สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างชื่อเสียง

คนแบบนี้นะ ไม่มีพลังจิต อย่างที่โม้หรอก

บางครั้ง หาสิ่งของมาเสกพลังจิตใส่ อ้างว่าแจกมั่ง ขายมั่ง ทำบุญมั่ง

พวกนี้ผิดศีล เต็มๆๆ

 

มีพลังจิต

พลังจิต คือ พลังงานของจิตใจของคน (?พลังจิต=กำลังใจ) ที่มีสติ(?สมาธิ = กำลังใจมั่นคง) ในการคิดพิจารณา (?ปัญญา = กำลังใจที่รับรู้ตามจริง)ไม่ว่าจะทำสิ่งใด คิดอะไร พลังจิต (?พลังจิต=กำลังใจ)ที่แข็งแกร่ง(?กำลังใจพัฒนา) จึงจะสามารถทนทาน(?อดทน=ขันติ) ต่อความอยาก(?กิเลส=กำลังใจไฝ่ต่ำ) เพื่อการกระทำที่ผิดศีล 5
คนที่ผิดศีล 5 ไม่ว่าข้อใดก็ตาม แสดงว่า ยับยั้งชั่งใจตัวเองไม่อยู่(?กำลังใจยังต่ำอยู่)แค่ตัวเองคนเดียว ยังห้ามใจ ห้ามการกระทำไม่ได้เลย(?แต่ก็สามารถพัฒนากำลังใจให้เข้มแข็งได้) แบบนี้เรียกว่า มีพลังจิตหรือ(ถ้า " ?.... " ท่านเห็นด้วย ก็ขอตอบว่า " มีพลังจิต " ครับแต่....จะสูงต่ำดำขาวอีกเรื่องหนึ่ง )

 

? ..... ท่านเข้าใจอย่างไร หากเข้าใจไม่ตรงกันก็ช่วยไขให้กระผมบ้าง

พลังจิตที่ดี ต้องสามารถขับเคลื่อนจิตใจตนเอง(?นำตนให้พ้นทุกข์=บำเพ็ญประโยชน์ตน)และของผู้อื่นให้โน้มนำ ไปสู่สิ่งดีๆ เป็นคนดี กระทำความดี(?บำเพ็ญประโยชน์ท่าน....แต่ตนต้องทำให้เกิดมีในตนก่อนจึงจะสำเร็จประโยชน์สมบูรณ์ไม่เป็นโทษ โทษเพราะความที่ตนไม่สมบูรณ์นั่นเอง)
พลังจิตที่ดี ต้องสามารถพัฒนาจิตตนเองและผู้อื่นให้ ใสสะอาด และละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ (? ถ้าตนสำเร็จประโยชน์ตนสมบูรณ์แล้ว คือใสสะอาดแล้ว พ้นจากความขุ่นข้องแห่งกองทุกข์แล้ว...จึงจะอยู่ในฐานะที่ทำได้...หากใจตนยังไม่ใส...จะนำใครให้ใสได้!)
เมื่อจิตใส ละเอียด กายก็จะใส ละเอียด สะอาด สะอ้าน
บุคลิกลักษณะก็จะดี มีมารยาท วาจาสุภาพ เป็นที่เคารพรักของคนทั่วไป น่าคบหาด้วย (?เมื่อใจใสแล้ว กาย วาจา มันก็ใสไปด้วยกันหมดเพราะใจมันนั่งเป็นประธานอยู่นี่)
(!....แต่ก็ต้องระวังการมองกิริยาแต่เพียงภายนอก...ที่เห็นว่า บอๆ ในสายตาโลก...แต่ธรรมท่านบริสุทธิแล้วหลงไปปรามาสท่านด้วยแค่เพียงกริยาที่แสดง...อย่างนี้ก็เคยมีปรากฏ...ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดโทษทุกข์แก่ตนต้องคุมใจให้อยู่กับตนเป็นหลัก(สติปัฏฐาน)เพื่อให้เกิดความเคยชิน...การแสดงออกของตนที่แสดงออกไปภายนอกนั้นก็เพียงเพื่อแสวงหาปัญญาเครื่องรู้(และเมตตา กรุณา ด้วยหวังประโยชน์สุขแด่ผู้อื่น หากพบปทปรมะ[ปะ-ทะ-ปอ-ระ-มะ] ก็ต้องถอยเหมือนกัน เพราะไม่อยู่ในวิสัยที่จะแสดงให้เข้าใจได้ )...แล้วโน้มนำมาใส่ตัวมาพิจารณาอีกทีตามสติกำลังของเรา...เราก็เข้าใจอย่างนี้อ่ะนะ ..ถูกผิดท่านใช้วิจารณญาณเองและกัน...จะได้ไม่เกิดโทษแก่กระผมผู้แสดง)
.............................................ขออนุโมทนาด้วยครับ........

 

?....สุดแต่ท่านจะพิจารณา..หวังว่า กัลยาณธรรม จะช่วยชี้แนะบ้าง.....จบ.

ผู้คนมักหลงตัวเอง เกี่ยวกับเรื่องพลังจิต(?มันก็น่าหลงอยู่หรอก...แต่ถ้าอยู่ในสัมมาทิฏฐิก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร...แต่ก็นั่นแหละเมื่อถูกความอยากดี เด่น ดัง ครอบงำแล้ว สิ่งที่เคยเป็นเครื่องรู้ก็กลับกลายเป็นอุปทานไป ก็เพราะจิตมันย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำอยู่แล้วนี่...อีกอย่างคือเมื่อเพียรทวนกระแสได้ระดับหนึ่ง กลับปล่อยลงตามกระแสสู่ที่ต่ำอีกทำไม...แต่ก็ไม่แปลกกิเลสมันมีมายาเยอะนี่ แม้ผู้ปฏิบัติกรรมฐานหวังพระนิพพานหลายๆท่านยังหลงมาแล้ว...หลงว่าตัวเองสำเร็จขั้นนั้นขั้นนี้(เพราะความที่กิเลสระงับลงชั่วคราว) แล้วก็นิ่งนอนใจไม่เพียรต่อ ...ต่อมาญาณเสื่อมสิ่งที่รู้ก็กลับกลายเป็นอุปทานไป หรือมีเหตุอย่างอื่นที่ทำให้กิเลสถูกกระตุ้นแสดงตัว...นั่นล่ะจึงถึงบางอ้อ...แต่ถ้าบางท่านไม่ใส่ใจนำพาจิตก็ลดระดับไปเรื่อยๆ...จนอุปทานครอบงำเหนียวแน่นด้วยคิดว่าข้าแน่...ข้าแน่ๆ...ข้ารู้...ข้าเห็น...เหอๆๆ อะไรประมาณนี้ แล้วก็ยึดเอาอันนั้นไปอวดใครต่อใคร...แล้วยอมใครไม่เป็น...อันนี้สังเกตุได้ไม่อยาก)
แล้วมักสร้างเรื่องราว เหมือนนิยายเผยแพร่ออกสู่ภายนอกให้คนทั่วไป หลงเชื่อ งมงาย โดยอาศัยศาสนาบังหน้า (?นี่ก็อุปทานขั้นรุนแรง...ทำให้ภาพในมุมมองของศาสนาที่ตนนับถือหมองไปด้วย )
เลือกเอาเทพต่างๆนาๆ มาสิงสู่ตัวเองสวดคาถาอาคมต่างๆไปเรื่อย แบบท่องจำ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างชื่อเสียง(?นี่ก็อุปทานขั้นแรงน้อยกว่าอันบนหน่อย...อย่างหลังนี่บางพวกพอที่จะยกระดับจิตได้ เพราะอาจจะทำไปก็เพราะความไม่รู้ / หลง ...อย่างเช่นท่านอาจารย์มั่นท่านแนะนำชาวป่าชาวเขาให้เลิกนับถือผี หันมารับไตรสรณคมณ์ ถือศีล เป็นต้น แต่ก็ต้องอยู่ในวิสัยของแต่ละท่านที่จะแนะนำสั่งสอนด้วย ด้วยเพราะบำเพ็ญบารมีมาไม่เหมือนกันบางท่านมีภูมิที่จะแนะนำได้ บางท่านมีอุบายแนะนำน้อย เช่นท่านพระอาจารย์มั่น กับพระอาจารย์เสาร์ เป็นต้น ...Google)
คนแบบนี้นะ ไม่มีพลังจิต อย่างที่โม้หรอก (?พลังจิตหรือกำลังใจ...มีแต่ต้องอาศัยอามิสเข้าหนุนช่วยหรือถ่วงลงก็แล้วแต่...แต่โดยมากสิ่งที่แสดงมักเป็นอุปทาน...เพราะมีกิเลสความอยากเจือ)
บางครั้ง หาสิ่งของมาเสกพลังจิตใส่ อ้างว่าแจกมั่ง ขายมั่ง ทำบุญมั่งพวกนี้ผิดศีล เต็มๆๆ ( ?ถ้าเจตนาหลอกลวงก็ผิด....?ถ้าเป็นกุศโลบายก็ไม่ผิดเพราะบางครั้งบุคคลแต่ละคนก็ยึดถืออะไรแตกต่างกันการที่จะแนะนำโดยตรงเห็นจะไม่เป็นผล..อย่างเช่นสมเด็จพุฒาจารย์โต ท่านทำพระพิมพ์แจกนี้เป็นต้น ...ท่านเจตนาดี .... แต่คนที่รับไปไม่เข้าใจเจตนาท่านก็เท่านั้น (เรื่องนี้ก็พอมีตัวอย่างอยู่ แต่ไม่ขอยกมาอ้าง...Google)....และก็มีพวกพ่อค้าหัวใสไปสร้างเรื่องให้ขลังแล้วปั่นราคากันเพลินอย่างนี้ท่านว่าใครผิดใครถูก ก็วินิจฉัยเองและกันใครมีศีลใครไม่มีก็สุดแต่ท่านจะพิจารณา ).
................ สรุปก็ขออนุโมทนากับท่าน stefa ด้วย .............
ที่เขียนแสดงความเห็นไปทั้งหมดนั้นไม่ได้โต้แย้งอะไร ?บางแห่งก็เขียนเพิ่มเพื่อสนับสนุน ?บางแห่งก็เพื่อขยายมุมมอง ?บางแห่งก็เขียนเพิ่มเข้าไปก็ด้วยเข้าใจอย่างนั้น ผิดถูกประการใดก็หวังว่า กัลยาณธรรม จะช่วยชี้แนะบ้าง.....จบ.