พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 19 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 14 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, ภราดรสันติ, maxangle, ตั้งจิต+, ทองอ้วน </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ว่าไงครับคุณตั้งจิต ของลุงข้างบ้านเป็นไงบ้าง ลุงแกขับรถยนต์ BMW รีบมาหาผมอย่างด่วนจี๋ แกให้ถ่ายรูปพระของแก แล้วบอกว่า ลงเว็บให้ด้วย ให้คุณnongnooo ชม แกฝากบอกว่า ว่างๆก็ให้ไปตีกอล์ฟกับแกบ้าง

    แต่ผมสงสัยว่า ไปไม่ไหว อุปกรณ์แพงเหลือเกิน แถมไกลบ้านมากด้วย ไม่รุ่งแน่ถ้าตีกอล์ฟ

    .
     
  3. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    งั้นๆละครับ(ถ้าไมใช่ของผม)
    ถ้าว่างๆก็ขี่ BMX (ยังมีขายอีกมั้ยเนี่ย) มาหาผมแล้วไปตีกบกันก็ได้ หากไม่กลัวบาป[​IMG]
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แต่ถ้าไปนั่งเล่นหมากรุก ก็พอไหวครับ

    [​IMG]

    ไม่ต้องเสียตัง ยกเว้น ใครแพ้เลี้ยงโอเลี้ยงครับ
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 17 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 12 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, atha, hongsanart+, คนเล่นของ, ทองอ้วน </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดีครับพี่อ้อย พี่สาวที่น่ารักครับ

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ถ้าเป็น BMX ละก็ ผมไม่ไหวแล้วครับ
    เห็น BMX นึกถึงโอเลี้ยง ยกล้อครับ อยากกินอีก

    ส่วนตีกบขอบาย แต่ถ้าเพลงถ่ายไฟฉายตรากบ ก็ค่อยOK ครับ.
    [​IMG]
    ที่มา http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=fakefactor&month=06-2006&date=14&group=5&blog=1

    และสามารถเข้าไปฟังเพลงได้ ผมนำเนื้อร้องมาให้คุณตั้งจิตก่อน เพื่อระลึกถึงความหลังครับ

    ถ่านไฟฉายตรากบ
    Original Version


    ต้นตระกูลผม แต่ปางบรรพ์
    หลังย่ำสายัณห์ ดวงตะวันเลี่ยงหลบ
    จะเดินทางเยื้องย่างไปไหน
    จำเป็นต้องใช้ จุดไต้จุดคบ

    ปัจจุบันเห็นจะไม่ดี
    ขืนจุดไต้ซี ถ้ามีใครพบ
    อาจจะอายขายหน้าอักโข
    เขาต้องฮาต้องโห่ ว่าผมโง่บัดซบ

    ยุคนี้มันต้องทันสมัย
    เพื่อนผมทั่วไปใช้ถ่านไฟตรากบ
    ทั้งวิทยุ และกระบอกไฟฉาย
    คุณภาพมากมาย สะดวกสบายครันครบ

    ถ่านก็มีหลายอย่างวางกอง
    เขากลับรับรองว่า ต้องแพ้ตรากบ
    เหตุและผลเขาน่าฟังครับ
    ขอให้ลองสดับนะท่านที่เคารพ

    (...คือเขาบอกว่า ถ่านไฟฉายตรากบ ไม่ใช่ของนอกส่งมาขยอกเงินไทย และไม่ใช่ของทำภายในที่โกยกำไรส่งออกนอก...ถ่านไฟฉายตรากบ ทำในเมืองไทย โดยให้เงินกำไรหมุนเวียนอยู่ในเมืองไทย ทำให้ดุลการค้าของไทยดีขึ้น ...ฉะนั้น นอกจากผมจะเคยชอบตีกบ ชอบกินกบ ชอบเพลงพม่าแทงกบ และชอบเล่นไพ่กบแล้ว เดี๋ยวนี้...ผมยังชอบถ่านไฟฉายตรากบอีกด้วย อ๊บๆ)



    .
     
  7. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    อะอะ ลุงแก่แล้วจริงๆ:z3
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.luangporruesi.com/209.html

    คำสอน พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
    อานิสงส์การสร้างพระเจดีย์

    http://www.luangporruesi.com/213.html
    อานิสงส์การบูชาพระเจดีย์

    http://www.luangporruesi.com/214.html


    อานิสงส์การสร้างพระเจดีย์



    จาก หนังสือ หลักการปฏิบัติธุดงค์


    ครั้นสมเด็จพระพุทธกัสสปได้ปรินิพพานไป คนทั้งหลายได้พากันสร้างพระเจดีย์สูง ๑ โยชน์ ด้วยอิฐทองคำ ในขณะที่กำลังสร้างอยู่นั้น ธิดาเศรษฐีจึงคิดว่า เราถูกสามีส่งกลับถึง ๗ ครั้งแล้ว เราจะต้องการอะไรด้วยชีวิต จึงให้คนทำลายเครื่องประดับของตน แล้วให้ปั้นเป็นอิฐทองคำนำไปสู่ที่เขาสร้างพระเจดีย์
    ในขณะนั้น อิฐขาดอยู่ก้อนหนึ่งพอดี นางจึงก่ออิฐของตนให้ติดกันเป็นอันเดียว แล้ววางดอกบัว ๘ กำไว้ในเบื้องบน กราบไหว้พระเจดีย์แล้วตั้งความปรารถนาว่า
    "ไม่ว่าข้าพเจ้าจะเกิดในที่ใด ๆ ขอให้กลิ่นกายของข้าพเจ้าหอมดังกลิ่นจันทน์ และขอให้กลิ่นปากของข้าพเจ้าหอมดังกลิ่นดอกบัว"
    ต่อมาบุตรเศรษฐีก็ได้ให้คนใช้ไปตามนางกลับมา ปรากฏว่ามีกลิ่นจันทน์และกลิ่นดอกบัวหอมฟุ้งไปทั้งบ้าน ครั้นสอบถามว่าเธอได้ทำสิ่งใดไว้ ธิดาเศรษฐีก็เล่าสิ่งที่ตนกระทำไว้ บุตรเศรษฐีก็มีความเลื่อมใส จึงได้นำผ้ากัมพลไปบูชา พระสุวรรณเจดีย์ อันสูงได้ ๑ โยชน์นั้น แล้วก็ประดับพระเจดีย์ด้วยดอกปทุมทองอันใหญ่เท่ากงเกวียน
    ครั้นธิดาเศรษฐีตายจากชาตินั้นแล้ว ก็ได้ไปเกิดในสวรรค์ จุติจากสวรรค์ก็ได้ลงมาเกิดเป็นราชธิดาในเมืองพาราณสี ส่วนบุตรเศรษฐีก็ได้จุติจากเทวโลกลงมาเกิดในตระกูลอำมาตย์ ต่อมาก็ได้เป็นพระราชาทรงพระนามว่า "พระเจ้านันทราช" แล้วได้อภิเษกกับราชธิดานั้น
    บุคคลทั้งสองจึงได้ทรงปรึกษากันว่า การที่ได้เสวยราชสมบัติอันยิ่งใหญ่นั้น เป็นเพราะผลบุญแต่ชาติปางก่อน ที่มีความศรัทธาต่อพระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีต บัดนี้ เรายังไม่ได้ทำกุศลไว้เป็นปัจจัยแห่งอนาคตเลย จึงได้ทรงถวายทานพร้อมทั้งสร้างบรรณศาลา ๕๐๐ หลัง ในพระราชอุทยาน ให้กับพระปัจเจกพุทธเจ้า ๕๐๐ องค์ อันมีพระมหาปทุมปัจเจกพุทธเจ้า เป็นประธาน
    เมื่อได้ทรงอุปถัมภ์บำรุงพระปัจเจกพุทธเจ้าดีแล้ว พระราชาก็ได้เสด็จไปชายแดน ในขณะที่ยังไม่เสด็จกลับมา อายุสังขารของพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายก็สิ้นไป ท่านได้เข้าฌานอยู่ตลอดราตรี พอเวลารุ่งขึ้นก็ยืนพิงพนักปรินิพพานไป
    ในเวลาตอนเช้า พระราชเทวีได้จัดที่นั่งของพระปัจเจกพุทธเจ้าไว้ แล้วก็ประทับนั่งรอการมาของท่าน เมื่อไม่เห็นก็ใช้ให้บุรุษหนึ่งไปตาม จึงทรงทราบว่าท่านยืนพิงพนักปรินิพพานไปหมดแล้ว พระนางก็ทรงกันแสงคร่ำครวญ จึงพร้อมกับประชาชนทั้งหลาย เสด็จออกไปสักการบูชาจัดการถวายพระเพลิง แล้วเก็บพระบรมธาติไปบรรจุไว้ในพระเจดีย์
    ครั้นพระราชาเสด็จกลับมาจากชายแดนแล้ว จึงได้ทรงทราบเรื่องราวจากพระราชเทวี ผู้เสด็จออกไปต้อนรับ จึงทรงดำริว่า บัณฑิตเห็นปานนั้นก็ยังตาย เราจักพ้นความตายได้อย่างไร จึงไม่เสด็จเข้าพระนคร ได้เสด็จเข้าไปสู่พระราชอุทยาน ตรัสสั่งให้พระราชโอรสองค์ใหญ่ไปเฝ้าแล้วทรงมอบราชสมบัติให้ พร้อมทั้งทรงสั่งสอนพอสมควร แล้วก็ทรงบรรพชา
    ฝ่ายพระราชเทวีก็ทรงดำริว่า เมื่อพระราชาบรรพชาแล้ว เราจักทำอะไร แล้วก็ทรงบรรพชาอยู่ในพระราชอุทยานแห่งเดียวกัน ทั้งสองพระองค์นั้นก็ได้ทำฌานสมาบัติให้เกิดขึ้น เวลาจุติจากชาตินั้นแล้วก็ได้ขึ้นไปเกิดในพรหมโลก ดังนี้


    อานิสงส์การบูชาพระเจดีย์



    จาก หนังสือ หลักการปฏิบัติธุดงค์


    พระมหากัสสปเถระ ผู้ได้ตั้งอยู่ในตำแหน่งอันเลิศนั้น ได้ถึงซึ่งความเป็นพระสาวกผู้ใหญ่ แล้วจึงได้ระลึกถึงบุพกรรมของตน เมื่อจะประกาศซึ่งการอบรมบารมีมาแต่ปางก่อน จึงได้กล่าวว่า
    "ปทุมุตตะรัสสะ ภะคะวะโต.. เป็นต้นว่า เมื่อพระปทุมุตรสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นใหญ่ในโลก ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว เทพยดามนุษย์ทั้งหลายก็ได้ทำสักการบูชา พุทธศานิกชนก็มีจิตร่าเริงบันเทิง บ้างก็เกิดความสลดใจ แต่ความปีติก็ได้เกิดแก่เรา
    เราได้ชักชวนญาติมิตรทั้งหลายว่า พระพุทธเจ้าผู้แกล้วกล้าใหญ่ได้ปรินิพพานแล้ว เราทั้งหลายพากันกระทำสักการบูชาเถิด ญาติมิตรเหล่านั้นก็รับว่า ดีละ แล้วก็ทำให้เกิดความยินดีแก่เรายิ่งขึ้น เราได้สะสมบุญไว้ในพระพุทธเจ้าผู้เป็นที่พึ่งของโลก เราได้กระทำผ้าให้เป็นม่านกั้นพระเจดีย์ มีส่วนสูงได้ ๑๐๐ ศอก มีส่วนกว้างได้ ๑๕๐ ศอก
    ครั้นเราได้กระทำผ้ากั้นพระเจดีย์แล้ว ก็มีจิตเลื่อมใสได้บูชาพระเจดีย์อันประเสริฐสุด พระเจดีย์นั้นรุ่งเรืองดังกองเพลิงในอากาศ เบิกบานดังต้นพระยารัง ทำให้ทิศทั้ง ๔ สว่างไสวเหมือนกับดวงอาทิตย์ เมื่อเราทำจิตให้เลื่อมใสในพระเจดีย์นั้นแล้ว ได้กระทำกุศลไว้เป็นอันมาก ได้ระลึกถึงบุพกรรมแล้ว ก็ได้เกิดในดาวดึงส์สวรรค์
    ทิพยสมบัติทั้งปวงก็ได้เกิดขึ้นแก่เรา คือ ปราสาทของเราสูงถึง ๗ ชั้น มีศาลาจตุรมุขอยู่ข้างหน้าปราสาท เรือนยอดที่สำเร็จด้วยแก้วมณีมีอยู่รอบทิศแห่งปราสาทนั้น มีแสงสว่างเต็มที่ โดยรัศมีแห่งเรือนเหล่านั้น เราได้ครอบงำเทพเจ้าทั้งปวง ด้วยบุญกุศลที่ได้สละผ้าทำเป็นเพดานกั้นพระเจดีย์ในคราวนั้น
    เราได้เป็นกษัตริย์ผู้สูงสุด ผู้ชนะโลก มีมหาสมุทร ๔ เป็นขอบเขต อยู่ในกัปที่ ๖ หมื่น มาถึงกัปนี้ เราก็ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิอีก ๓๐ ชาติ ได้เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ ได้เป็นใหญ่ในทวีปทั้ง ๔ ที่อยู่ของเราในคราวนั้นสูงประหนึ่งว่า วิมานของพระอินทร์ฉะนั้น
    พระนครของเราชื่อว่า รัมมนคร มีอาณาเขตกว้างใหญ่ เกลื่อนไปด้วยหมู่มนุษย์เหมือนกับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เราได้ครอบครองรัมมนครนั้น แล้วก็ได้ไปเกิดเป็นเทพเจ้าอีก ความสมบูรณ์ด้วยตระกูลไม่ได้แก่เราแล้วในภพสุดท้าย
    เราได้เกิดในตระกูลพราหมณ์ ซึ่งสมบูรณ์ด้วยแก้วเป็นอันมาก เราได้สละทรัพย์ ๘๐ โกฏิออกบรรพชา เราได้สำเร็จปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖ แล้ว เราได้กระทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ดังนี้ฯ

    เรื่องธาตุวิวัณรเปตวัตถุ(โทษของการห้ามผู้ไปบูชาพระบรมธาตุ)

    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่มที่ 45 หน้า 439-446

    ครั้งหนึ่ง พระกัสสปเถระได้แสดงอภินิหาร ให้เปรตปรากฏ ต่อผูงชน แล้วซักถามถึงความเป็นมา

    พระเถระถาม:"ท่านยืนอยู่ในอากาศ มีกลิ่นเน่าเหม็น หนอนชอนไชเต็มปาก เพราะทำกรรมอะไรไว้?"

    เปรต:"เมื่อก่อนกระผมเป็นผู้มั่งคั่งในกรุงราชคฤห์ได้ห้ามปรามภริยาฯ ขวางข่าวบุญ ไม่ให้ไปบูชาพระบรมสารีริกธาตุ จึงต้องทนทุกข์ทรมานอย่างนี้ ถ้าได้ไปเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งคงจะได้บูชาพระบรมสารีริกธาตุเนื่องๆและประกาศบอกให้ประชาชนมาบูชาพระบรมสารีริกธาตุ เป็นแน่แท้"
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วินาทีทองจ๊า วินาทีทอง อย่าพลาดโอกาสนี้กัน
    วินาทีทอง ของการปรามาสพระวังหน้า ไม่ว่าเป็นทางตรงและทางอ้อมทุกๆกรณี และการขวางบุญการสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ไม่ว่าเป็นทางตรงและทางอ้อมทุกๆกรณี

    ปรามาสกันให้ทุกวัน วันละหลายๆเวลา ก่อนและหลังอาหารเช้า ,ช่วงเบรคภาคเช้า ,ก่อนและหลังอาหารกลางวัน ,ช่วงเบรคภาคบ่าย ก่อนและหลังอาหารเย็น ,ก่อนนอน และที่สำคัญ ทุกๆเวลาที่นึกได้ ให้รีบปรามาสกันให้เยอะๆ ให้มากๆ

    ผมไม่รู้จัก จักไม่ต้องไปเยี่ยมใน...

    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมนำมาฝากลุงตั้งจิต บังเอิญไปเจอเข้า ลุงว่าไง เพลงเพราะหรือเปล่าครับ

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ลุงเพชร ยังไม่บอกผมเลยว่า ใช้มือผีป่าว หรือมือพ่อมดป่าวคับ

    .
     
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เจตนาถ่ายมัวๆ 55555
     
  13. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    นั่นสิ คุณหนุ่ม มือผี หรือเปล่า สงสัยๆๆ แต่เอาไว้ก่อนมะครับ เผื่อจริงจะได้ไม่เสียดาย
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ลุงข้างบ้านคุณnongnooo ฝากมาให้คุณnongnooo ชมนะครับ

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 19 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 14 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

    </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, ภราดรสันติ, maxangle, ตั้งจิต+, ทองอ้วน </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ว่าไงครับคุณตั้งจิต ของลุงข้างบ้านเป็นไงบ้าง ลุงแกขับรถยนต์ BMW รีบมาหาผมอย่างด่วนจี๋ แกให้ถ่ายรูปพระของแก แล้วบอกว่า ลงเว็บให้ด้วย ให้คุณnongnooo ชม แกฝากบอกว่า ว่างๆก็ให้ไปตีกอล์ฟกับแกบ้าง

    แต่ผมสงสัยว่า ไปไม่ไหว อุปกรณ์แพงเหลือเกิน แถมไกลบ้านมากด้วย ไม่รุ่งแน่ถ้าตีกอล์ฟ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    มือถือผมถ่ายรูปไม่ค่อยชัดครับ
    ไว้ผมเก็บตังก่อน ว่าจะซื้อกล้องถ่ายรูปครับคุณเพชร

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อำนาจของกรรม
    โดย บุษกร เมธางกูร [20 มี.ค. 2549 , 08:54:49 น.]
    http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=8827&page=1


    <CENTER>อำนาจของกรรม </CENTER>


    <DD></DD>ณ ร่มเงาของอชปาลนิโครธองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปริวิติอย่างยิ่ง ถึงธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้ อันเป็นคุณวิเศษอย่างยิ่ง ยากที่เหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลายจะพึงรู้ได้ ทรงท้อพระทัยที่จะทรงแสดงธรรมสั่งสอน พระองค์ทรงใช้เวลาพิจรณาในระหว่างนั้นอีกวาระหนึ่ง ด้วยพระปัญญาแห่งพระทศพลญาณ จึงได้ทรงรู้ว่ายังมีบุคคลบางประเภท ผู้ประกอบด้วยอินทรีย์ทั้ง ๕ อันแก้กล้ามีอยู่ (อินทรีย์ ๕ คือ ศรัมธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ) และมีความอ่อนแก่ลดหลั่นลงไปตามลำดับ ทรงอุปมาได้ดั่งบัง ๔ เหล่า.


     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อำนาจของกรรม
    โดย บุษกร เมธางกูร [20 มี.ค. 2549 , 08:54:49 น.]
    http://www.thaimisc.com/freewebboard...ic=8827&page=1


    [FONT=ms Sans Serif,]๑. ดอกบัวที่ตั้งขึ้นพ้นน้าแล้วมีอยู่ ย่อมคอยวันสัมผัสรัศมีแห่งดวงอาทิตย์ และจักบาน ณ วันนี้

    ๒. บัวที่ตั้งขึ้นเสมอน้ำ ย่อมจักบานในวันพรุ่งนี้

    ๓. ดอกบัวที่ยังไม่ขึ้นเสมอน้ำ ตั้งอยู่ภายในน้ำ ลดหลั่นลงไป ย่อมจักบานในวันต่อๆไป

    ๔. ดอกบัวเหล่าสุดท้ายที่อยู่ในโคลนตมย่อมไม่อาจโผล่พ้นน้ำ เพื่อรับรัศมีแห่งอาทิตย์ จึงย่อมต้องเป็นอาหารของเต่า ปู ปลา ไปก็มีอยู่

    <DD><DD>อุปมาดอกบัว ๔ เหล่านี้จะบานแตกต่างกันฉันใด เหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลาย ย่อมมีความแตกต่างกันในการรับพระธรรมอันพระองค์ได้ตรัสรู้แล้วฉันนั้น.
    </DD>
    [/FONT][FONT=ms Sans Serif,]ผู้มีอินทรีย์อันแก่กล้าย่อมมีกิเลสหลงเหลือเล็กน้อย สามารถรู้ธรรมโดยง่าย และเข้าถึงธรรมอันวิเศษได้โดยฉับพลัน.

    ผู้มีอินทรีย์ปลานกลางถ้าได้รับการอบรมในเบื้องแรก เขาย่อมบรรลุธรรมอันวิเศษได้ดุจเดียวกัน

    ผู้มีอินทรีย์ยังอ่อนย่อมหนาแน่นไปด้วยกิเลส สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการอบรมในธรรมเบื้องต้นไปก่อน เพื่อขัดเกลาและปรับปรุงอุปนิสัยให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ และเมื่อได้อบรมแล้วเขาย่อใหหนทางบรรลุธรรมอันวิเศษนี้ได้.

    พวกสุดท้ายหามีอินทรีย์ไม่ แม้จะได้รับการอบรมเพียงใด ย่อมไม่สามารถเข้าถึงธรรมอันวิเศษนี้ได้เลย
    [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif,][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif,][FONT=ms Sans Serif,]ครั้นเมื่อพระพุทธองค์ทรงได้พิจรณารู้แจ้งชัดเจนเช่นนี้แล้ว ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง ทรงปรารถนาที่จะให้เหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลายได้พ้นทุกข์ พระองค์ได้ทรงประกาศศาสนา นำเอาธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้นั้น มาบัญญัติแต่งตั้ง เพื่อให้รู้เข้าใจง่ายขึ้น ทั้งพยัญชนะและอัตถะโดยเอนกปริยาย มีความไพเราะในเบื้องต้น ท่ามกลาง ดุจดั่งบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด ชี้ทางแก่ผู้หลงทาง เป็นแสงสว่างในที่มืดและที่สุด.

    น้ำทะเลมีรสเค็มรสเดียวฉันใด ธรรมของพระพุทธองค์ก็มีรสเดียวฉันนั้น คือ วิมุติรส พระองค์ได้ทรงแสดงพระธรรมเทศนาโปรดเหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลาย ตราบจนพระองค์ท่านทรงดับขันธปรินิพพาน.

    ถึงแม้กระนั้นพระองค์ก็ยังทรงห่วงใยในธรรมะอันเป็นคุณวิเศษที่ได้ทรงตรัสรู้ [B]จึงได้ทรงแต่งตั้งพระธรรมเป็นองค์ศาสดาแทนพระตถาคต[/B] และในกาลข้างหน้า หากปล่อยตามยถสกรรมแล้ว ธรรมอันวิเศษนี้จะถูกบิดเบือน.
    [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif,][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif,][FONT=ms Sans Serif,][COLOR=#0000ff]จึงได้ทรงมีพระราชดำรัสใน[B]ปัจฉิมสมัย[/B]ว่า..

    [SIZE=4][COLOR=#0000ff]" ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราแม้กล่าวเตือน ท่านจงทราบว่า สังขารทั้งหลายย่อมมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ขอเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมกันเถิด"[SIZE=4][COLOR=#0000ff] นี่เป็นปัจฉิมโอวาทของเราตถาคต.

    [SIZE=4][COLOR=#990066]ความไม่ประมาท=การเจริญสติปัฏฐาน (กุศล)

    [SIZE=4][COLOR=#9966ff]ถึงพร้อม = สมบรูณ์ = โลกุตตรกุศล

    [SIZE=4][COLOR=#0000ff]คือการเจริญโลกียมรรคโดยตั้งต้นที่สติปัฏฐาน ๔ จนให้วิปัสสนาญาณเกิดขึ้นไปตามลำดับ (๑๖ ญาณ) จนกระทั่ง มรรคจิต ๔ ผลจิต ๔ เกิดขึ้นเพื่อรับอารมณ์พระนิพพาน.[/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR]
    [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif,][COLOR=#0000ff][SIZE=4][COLOR=#0000ff][SIZE=4][COLOR=#0000ff][SIZE=4][COLOR=#990066][SIZE=4][COLOR=#9966ff][COLOR=#0000ff][/COLOR][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif,][COLOR=#0000ff][SIZE=4][COLOR=#0000ff][SIZE=4][COLOR=#0000ff][SIZE=4][COLOR=#990066][SIZE=4][COLOR=#9966ff][INDENT]
    [FONT=ms Sans Serif,][SIZE=2][SIZE=4][COLOR=#0000ff]กรรมตามความหมาย.

    <DD></DD>[/COLOR][/SIZE][/SIZE][/INDENT][SIZE=2][SIZE=4][COLOR=#0000ff][B]กริยติ กมมํ [/B]คือ สภาวะใดอันสัตว์ทั้งหลายกระทำ [B]สภาวะนั้น ชื่อว่ากรรม[/B]การกระทำของบุคคลเรานั้น ไม่ว่าจะกระทำในเรื่องอะไร จะต้องมีเหตุในการกระทำ และก่อให้เกิดผล จากการเจตนาในการกระทำนั้นๆ เป็นวิบากเสมอไป.

    [SIZE=4][COLOR=#990066][B]ลักษณะของกรรม[/B]

    [SIZE=4][COLOR=#996633]๑.การกระทำที่เป็นบุญ ที่เกิดขึ้นจากจิตที่ไม่เศร้าหมอง สามารถให้เกิดคุณประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นได้ [B]กรรมนั้นเรียกว่า กุศลกรรม (บุญ)[/B]

    [SIZE=4][COLOR=#006633]๒.การกระทำใดๆ ที่ทำให้จิตเศร้าหมอง เร่าร้อนด้วยความเป็นทุกข์ เป็นโทษภัยแก่ตนเองและผู้อื่น [B]กรรมนั้นเรียกว่า อกุศลกรรม (บาป)[/B]

    [SIZE=4][COLOR=#3300ff]ซึ่งกรรมทั้ง ๒ ประเภทนี้แสดงออกได้ทาง มโนกรรม กายกรรม และวจีกรรม.

    [SIZE=4][COLOR=#ff0066]เช่น การกระทำในอกุศลกรรมบถ ๑๐ ซึ่งเป็นทั้ง กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต

    [SIZE=4][COLOR=#0000ff]หรือ ตั้งตนอยู่ในกุศลกรรมบถ ๑๐ อันเป็นทั้ง กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต

    [SIZE=4][COLOR=#501400]ตลอดจนกระทั่งการทำกุศลในบุญกิริยาวัตถู ๑๐ ประการ อันได้แก่ ทาน ศีล ภาวนา

    [/COLOR][/SIZE]
    [INDENT]
    [FONT=ms Sans Serif,][SIZE=2]<CENTER>[SIZE=4][COLOR=#ff3366]เจตนาหํ ภิกฺขเว กมมํ วทามิ

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราตถาคตกล่าวว่า
    [SIZE=4][COLOR=#006633][B]เจตนา คือ กรรม[/B] </CENTER>

    [SIZE=4][COLOR=#0000ff]พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงจัดระบบของกรรม ให้เป็นระเบียบอย่างรัดกุม ซึ่งน่าศึกษาอย่างยิ่ง ในการประกอบเพื่อให้เกิด[B]กัมมัสสกตาสัมมาทิฏฐิ[/B]โดยแท้จริง.

    [SIZE=4][COLOR=#996633]กรรมจำแนกตามลักษณะ มี ๓ ประเภท ในการให้ผลของกรรม ได้แก่...

    [SIZE=4][COLOR=#006633]๑.. ตามหน้าที่
    ๒..ตามความหนักเบา
    ๓..ตามลำดับเวลาแห่งการให้ผลของกรรม

    [SIZE=4][COLOR=#996633]๑. กรรมที่เป็นผลโดยทำหน้าที่ในการปฏิสนธิ ในภพภูมิใหม่ เรียกว่า [B]ชนกกรรม[/B]ทำหน้าที่ให้ปฏิสนธิจิต และกัมมชรูป ปรากฏขึ้นในทุคติภูมิ หรือ สุคติภูมิ ตามอำนาจของอกุศล และกุศลกรรมในอดีตจากจุติจิตของภพชาติที่แล้ว อันจะเป็นสภาพจิตที่ประณีต ต่ำทราม หยาบแค่ไหนก็ขึ้นกับอกุศล และกุศลเหตุ ที่เป็นผลของการกระทำในอดีตชาติ และยังมีอำนาจผันแปรเสริมสร้าง รูป(กัมมชรูป) ให้เป็นไปตามลักษณะภพภูมิที่ปฏิสนธิจิตนั้นปรากฏเกิดขึ้นด้วย

    [SIZE=4][COLOR=#0000ff]เช่น ปฏิสนธิด้วยอกุศลวิบากวิญญาณ ภพภูมินั้นก็ต้องเป็นไปในอบายภูมิ ๔ มี นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน. [/COLOR][/SIZE]
    [/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/SIZE][/INDENT][SIZE=2][SIZE=4][COLOR=#ff3366][SIZE=4][COLOR=#006633][SIZE=4][COLOR=#0000ff][SIZE=4][COLOR=#996633][SIZE=4][COLOR=#006633][SIZE=4][COLOR=#996633][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/SIZE][/FONT][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/SIZE][/FONT][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR]
    [/FONT]
    [/FONT]
    [/FONT]
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อำนาจของกรรม
    โดย บุษกร เมธางกูร [20 มี.ค. 2549 , 08:54:49 น.]
    http://www.thaimisc.com/freewebboard...ic=8827&page=1

    [FONT=ms Sans Serif,]๒.อุปถัมภกกรรม กรรมที่ตามมาสนับสนุนและช่วยแต่งเสริมชนกกรรมที่นำเกิดขึ้น ตั้งแต่ปฏิสนธิ จนกระทั่งจุติจากภพภูมินั้นๆ ที่เรียกว่าในปวัตติกาล (จุติ = เคลื่อนย้ายภพ ) (ปวัตติกาล = ระยะเวลาตั้งแต่เกิดจนตาย )

    เช่น คนที่เป็นคนชอบมีโทสะ และมักผูกโกรธ กรรมนี้จะช่วยทำให้บุคคลผู้นี้ มักเป็นผู้มีโทสะและความผูกโกรธไว้เพิ่มขึ้นไปอีก

    คนที่ชอบลักขโมยในอดีตที่สร้างสมไว้อุปถัมภกกรรม ในชาตินี้ ก็จะคอยเสริมสนับสนุนให้ เป็นผู้ลักขโมยอยู่เรื่อยๆ เป็นการเพิ่มความเข้มข้นของการลักขโมยขึ้นไปอีก

    บางท่านสั่งสมบุญไว้ เป็นผู้มักไม่โกรธ ใจดี มีใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คอยที่จะให้ และทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นในอดีตชาติ ในปัจจุบันที่กุศลนำส่งให้มาเกิดเป็นมนุษย์เขาก็จะมีอุปนิสัยอันดีงามดังกล่าว และอุปถัมภกกรรมก็จะเป็นตัวเสริมสนับสนุนให้เขา กระทำบุญกุศลเพิ่มขึ้นไปอีก

    ดังนั้น การให้สิ่งทั้งหลายแก่สัตว์ อันเป็นสิ่งสมควรที่จะให้ได้นั้นไม่เป็นการสูญเสียอะไรเลย แท้จริงกลับเป็นการให้แก่ตัวเอง
    [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif,][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif,][FONT=ms Sans Serif,]๓. อุปปีฬกกรรม หมายถึงกรรมที่คอยเบียดเบียนกรรมชนิดที่เป็นฝ่ายตรงข้ามเสมอ เช่นคนที่กำลังมีความสุขเนื่องจากอำนาจของฝ่ายกุศลกำลังให้ผล อกุศลกรรมชนิดนี้จะคอยเบียดเบียนให้ไม่ได้รับผลฝ่ายบุญได้เต็มที่ดังนั้น คนเรามักจึงเห็นว่าทำดีไม่ได้ดี หรือคนที่กำลังเสวยสุขอยู่ เนื่องจากอำนาจของกุศลกรรมหนุนส่งอยู่ ถึงแม้จะทำความชั่วสักปานใด เขาย่อมไม่ได้รับผลของความชั่ว (อกุศล) ในขณะที่อำนาจของกุศลกำลังส่งอยู่ แต่ผลของการกระทำบาปนั้นจะต้องมีผลต่อไปในอนาคตข้างหน้าอย่างแน่นอน

    [SIZE=4][COLOR=#666699]บางคนกำลังมีความสุขเพราะบุญเก่าสนับสนุนอยู่ แต่อกุศลกำลังคอยจ้องจะมาตัดรอนบุญนั้นอยู่ ผู้นั้นเกิดความประมาทโดยใช้ความพยายาม(ปโยคะ) ที่จะเปิดช่องให้อกุศลนั้นทำการได้สำเร็จเช่นไปดื่มสุรา ไปใช้ไม้ตีศีรษะใครเข้า หรือไปด่าว่าใครเข้า ย่อมอาจทำให้เกิดความทุกข์ขึ้นมาได้

    [SIZE=4][COLOR=#ff0066]ดังนั้น การไม่ประมาทในชีวิตเป็นการ[B]ไม่พยายามเปิดช่องให้อกุศล[/B] เข้ามาทำลายได้จึงเป็นวิธีหนึ่ง ที่หลีกเลี่ยงความทุกข์อันเกิดจากอกุศลกรรมที่เราสร้างไว้ และคอยจ้องหาโอกาสอยู่ หรือการศึกษาธรรมะ ถือศีล ทำทาน เจริญ ภาวนาเหล่านี้ ก็จะเป็นวิธีหนึ่งที่ป้องกันเคราะห์ภัยที่จะเกิดขึ้น [SIZE=4][COLOR=#996633]หรือจะเรียกว่า เป็นการสะเดาะเคราะห์ เพื่อกั้นไม่ให้บาปเกิดและเป็นการเปิดช่องทางให้บุญกุศลเหตุที่เรามีอยู่ได้ทำกิจของเขาต่อไป [B]ความทุกข์ก็ไม่อาจเกิดขึ้นกับเราได้[/B] นี่คือความละเอียนอ่อนและสลับซับซ้อนของกฎแห่งกรรม.[/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE]
    [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif,][SIZE=4][COLOR=#666699][SIZE=4][COLOR=#ff0066][COLOR=#996633][/COLOR][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif,][SIZE=4][COLOR=#666699][SIZE=4][COLOR=#ff0066]
    [FONT=ms Sans Serif,][SIZE=2][SIZE=4][COLOR=#3300ff]๔. อุปฆาตกกรรม เป็นกรรมที่ตัดรอนในขั้นเฉียบขาด รุนแรงมาก [B]มีกิจที่ฆ่ากรรมอื่น[/B]ที่เป็นวิบาก(ผลแห่งกรรมอื่น) ให้หมดสิ้นลงไปโดยสิ้นเชิง มีทั้ง ๒ อย่าง คือ อุปฆาตกรรมที่เป็นฝ่ายบาปและบุญ เช่นในการฆ่ามารดาบิดาฯลฯ [B]จะกั้นผลไม่ให้ผู้นั้นทำกุศลอันสูงสุดได้สำเร็จ [/B]หรือถ้าเป็นฝ่ายบุญ เช่น [B]ได้มรรค นิพพาน[/B] แล้วก็สามารถสกัดกั้นไม่ให้อกุศลฝ่ายบาปอย่างรุนแรงที่จะต้องไปปฏิสนธิในทุคติภูมิได้อีก กรรมชนิดนี้มีชื่ออย่างหนึ่งว่า[B] “อุปัจเฉทกกรรม” [/B]

    <CENTER>[SIZE=4][COLOR=#ff3366]สรุปหน้าที่ของกรรม </CENTER>

    [SIZE=4][COLOR=#0000ff][B]ชนกกรรม [/B]มีหน้าที่ในการนำสัตว์ไปเกิดและมีผลถึงปวัตติกาล (ตั้งแต่เกิดจนกระทั้งตาย) คือกำหนดรูปร่างลักษณะของสัตว์ตามภพภูมิที่ตนนำไปแล้วยังต้องให้สัตว์นั้นรักษาสัญชาตญาณ (ภพชาติ) อันเป็นหน้าที่ของภวังคจิต จนกว่าจะพ้นจากภพภูมินั้นไปอยู่ในภพภูมิใหม่

    [SIZE=4][COLOR=#996633]การรักษาสัญชาตญาณของความเป็นมนุษย์ไว้ทางธรรมเรียกว่า [B]ภวังค์[/B] ซึ่งมีหน้าที่รักษาองค์แห่งภพของตน มนุษย์เราย่อมต้องมีสัญชาตญาณของความเป็นมนุษย์ไว้ตราบเท่าสิ้นชีวิตลง

    [SIZE=4][COLOR=#9900ff][B]อุปถัมภกกรรม[/B] ทำหน้าที่เป็นตัวเสริมสนับสนุนคอยช่วยเหลือให้สัตว์นั้นมีการกระทำในสิ่งที่เป็นอุปนิสัยเดิม ให้คงอยู่ตลอดไป โดยไม่คำนึงว่าจะเป็นความดีหรือความชั่ว จึงเป็นการเพิ่มความเข้นข้นของบุญและบาปให้มากยิ่งขึ้นต่อไป

    [SIZE=4][COLOR=#669966][B]อุปปีฬกกรรม[/B] ทำหน้าที่เป็นตัวคอยเบียดเบียนกรรมฝ่ายตรงข้ามกับตน ถ้าเป็นกรรมฝ่ายอกุศลก็จะทำหน้าที่เบียดเบียนอุปปีฬกกรรมฝ่ายกุศลให้เบี่ยงชิดซ้ายไปทันที่เป็นต้น

    [SIZE=4][COLOR=#990066][B]อุปฆาตกกรรม[/B] ทำหน้าที่ตัดรอนกรรมที่มีลักษณะตรงข้ามกับตนอย่างเฉียบขาดรุนแรงซึ่งไม่เหมือนกับอุปปีฬกกรรมที่มีลักษณะค่อยเป็นไปอย่างช้าๆ
    [/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE]
    [SIZE=4][COLOR=#0000ff][SIZE=4][COLOR=#996633][SIZE=4][COLOR=#9900ff][SIZE=4][COLOR=#669966][SIZE=4][COLOR=#990066]
    [/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE][/SIZE][/FONT][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/SIZE]
    [/FONT]
    [/FONT]
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อำนาจของกรรม
    โดย บุษกร เมธางกูร [20 มี.ค. 2549 , 08:54:49 น.]
    http://www.thaimisc.com/freewebboard...ic=8827&page=1


    โดย หยาดอรุณ [22 มี.ค. 2549 , 13:43:43 น.]

    [FONT=ms Sans Serif,]ขออนุญาตเพิ่มเติมเรื่องการ "ละ" กิเลส อันเป็นเครื่องทำไปให้เกิด "กรรม" สักนิด เท่าที่รู้มานะคะ

    การละกิเลส ท่านว่า มีอยู่ 3 ระดับด้วยกันคือ

    1. สมาทานปหาน - คือ การตั้งใจละโดยการตั้งจิตอธิษฐาน เช่น การสมาทานศีล การตั้งใจจะไม่ทำความชั่วทางกาย วาจา และไม่คิดในสิ่งที่เป็นอกุศล

    2. วิขัมปนปหาน - คือ การตั้งใจละโดยใช้ฌานหรือสมาธิ เช่น คนที่ทำสมาธิข่มความต้องการตัวเองเอาไว้ ทำให้ไม่รู้สึกโกรธ รัก หลงเพลินไปกับสิ่งใดๆ

    3. สมุจเฉทปหาร - คือ การละอย่างเด็ดขาดโดย ความสว่างของปัญญา คือ วิชชา ที่จะทำให้อุปาทานในขันธ์ทั้ง 5 ดับลงไป หมดสิ้นความยึดถือในสิ่งทั้งหมดทั้งปวงด้วยการเห็น อริยสัจ 4 ตามความเป็นจริง

    เมื่อ วิชชา เกิดขึ้นแล้ว เหล่ากิเลส อุปาทานในขันธ์ 5 กรรม และกองทุกข์ก็จะหลุดร่วงไปทั้งยวงเลย และเป็นการหลุดไปอย่างถาวร เข้าถึง โลกุตตรธรรม อย่างแท้จริง ปิดกั้นทางอบายได้ตลอดกาล เข้าถึงอริยมรรค และ อริยผล คือ พระโสดาบัน เป็นต้น นั่นเอง

    ซึ่ง ปัญญา จะเกิดได้เมื่อ สมาธิเกิด และสมาธิจะเจริญได้เมื่อ ศีล คือ อินทรียสังวร เกิดอย่างแก่กล้า

    ถ้ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดผิดพลาด ขออภัยด้วยนะคะ ... อรรถาธิบายตามความเข้าใจ ยินดีให้เพิ่มเติมแก้ไขได้ค่ะ

    อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ...

    [FONT=ms Sans Serif,][/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif,]
    [/FONT]
    [/FONT]
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มาแนะนำหนังสือสักนิด ถ้าต้องการค้นคว้าข้อมูล แนะนำให้ไปที่ หอสมุดแห่งชาติ (ที่เทเวศน์)


    หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือในเชิงวิเคราะห์ เกี่ยวกับพระสมเด็จ และพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้คือ ปรัศนี ประชากร (ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร) ได้มอบหนังสือชื่อ หนังสือวิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จฯ และพระสมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่า เจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุญนาค)

    มอบไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ จำนวน 2 เล่ม และได้รับใบประกาศเรื่องการใช้ภาษาที่ถูกต้องด้วยครับ

    ซึ่งหนังสือน้อยเล่มมากที่จะได้มีโอกาสที่ทางหอสมุดแห่งชาติจะยินดีและยินยอมรับหนังสือที่เกี่ยวกับพระเครื่องไว้ครับ

    แต่ปัจจุบันนี้ มีผู้ที่เข้าไปอ่าน แล้วมือบอน ฉีกบางหน้าไป หลังจากนี้ ท่านที่เข้าไปอ่าน อย่าไปฉีกมาอีกนะครับ เพราะว่า ผู้ที่สนใจจะเข้าไปศึกษา จะไม่เห็นครบทุกหน้า (หลังจากโดนฉีกไปแล้วบางส่วน)




    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...