ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    กราบขอบพระคุณและโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะครับที่ได้ร่วมกันทำบุญเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา
    โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ
    ซึ่งในงานวันนั้นก็มีผู้ที่ได้ร่วมบริจาคเงินเพิ่มเติมผ่านทางผมมาก็ขอประกาศรายชื่อให้
    ได้ทราบทั่วๆกันเพื่อโมทนาบุญด้วยกันครับดังนี้
    1.ท่าน อ.ประถม อาจสาคร 300 บาท
    2.พจอ.ณัฐสิทธิ์-เกศสุดา ดีเชียง 300 บาท
    3.คุณ เรืองสิน ดีเชียง 300 บาท
    4.คุณ ฉัตรชัย ทวยหาญรักษา 400 บาท
    5.คุณ ศรีสงกรานต์ ปลั่งกระโทก 200 บาท
    6.คุณ ดิเรก ศรีเจริญ 500 บาท
    7.คุณ สิทธิพงษ์ สงวนศักดิ์ 700 บาท
    8.ร.ต.อ. ศิรณวิชญ์ อินทร 500 บาท
    9.คุณ โกเมธ นาคศิลป์และครอบครัว 1500 บาท
    10.อ.ธนภัทร ภูรีพิทักษ์ 4000 บาท
    11.อ.สุวิทย์ ดำรงค์ชาติ 1000 บาท
    12.คุณแม่จุไร จันทโร 500 บาท
    13.คุณ กรรณิกา งามกิจการ 100 บาท
    14.คุณ ดวงสมร หมั่นเพียร 200 บาท
    15.คุณ สิริพัชร์ ศรีธนาอุทัยกร 500 บาท
    16.คุณแม่อ่อน-คุณพ่อสำราญ 100 บาท
    17.คุณแม่ประไพ-คุณพ่อสมร คุณแม่ใหญ่หวี 100 บาท
    18.คุณธณวัฒน์-คุณศิริวรรณ์ ด.ช.พิชาภพ 200 บาท
    19.คุณทิพย์ธัญรดี ปัณชญายศอนันต์ 500 บาท
    20.คุณวราลี ตลาดปรุ,คุณ จักรพงษ์ ศิริไพบูลย์ 600 บาท
    21.คุณไพรัช ช้อยบำเพ็ญ 1500 บาท
    22.คุณ ภัทรพร พิณเพราะ-คุณดวงฤดี เฉลิมชัยลัคณา 700 บาท
    23.คุณ อนุพงศ์ษ์ สวงวนทรัพยากร 500 บาท
    24.คุณ ประวิทย์-สุภาพันธ์(Onimaru_u) 300 บาท
    25.ครอบครัวศิริธรรม-คุณยายแจ้ แซ่โค้ว
    และคุณอณาธร ศรีสกุลพานิช 600 บาท
    26.คุณ ณรงค์เวทย์-รำไพ ชัยช่วย 500 บาท
    27.คุณ สุชิต-สุนัน ชัยช่วย 100 บาท
    28.คุณ บรรจง-บรรจง หิปะนัด 200 บาท
    29.คุณ จารุวรรณ จันทร์ตำรา 50 บาท
    30.คุณ นายสติ และครอบครัว 500 บาท
    31.เงินที่เหลือจากค่าภัตตาหารเมื่อวันนที่ 22 มิ.ย. 80 บาท

    รวมเงินทั้งสิ้น 17,530 บาท

    โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ
     
  2. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    กราบขอบพระคุณและโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะครับที่ได้ร่วมกันทำบุญเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา
    โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ
    ซึ่งในงานวันนั้นก็มีผู้ที่ได้ร่วมบริจาคเงินเพิ่มเติมผ่านทางผมมาก็ขอประกาศรายชื่อให้
    ได้ทราบทั่วๆกันเพื่อโมทนาบุญด้วยกันครับดังนี้
    1.ท่าน อ.ประถม อาจสาคร 300 บาท
    2.พจอ.ณัฐสิทธิ์-เกศสุดา ดีเชียง 300 บาท
    3.คุณ เรืองสิน ดีเชียง 300 บาท
    4.คุณ ฉัตรชัย ทวยหาญรักษา 400 บาท
    5.คุณ ศรีสงกรานต์ ปลั่งกระโทก 200 บาท
    6.คุณ ดิเรก ศรีเจริญ 500 บาท
    7.คุณ สิทธิพงษ์ สงวนศักดิ์ 700 บาท
    8.ร.ต.อ. ศิรณวิชญ์ อินทร 500 บาท
    9.คุณ โกเมธ นาคศิลป์และครอบครัว 1500 บาท
    10.อ.ธนภัทร ภูรีพิทักษ์ 4000 บาท
    11.อ.สุวิทย์ ดำรงค์ชาติ 1000 บาท
    12.คุณแม่จุไร จันทโร 500 บาท
    13.คุณ กรรณิกา งามกิจการ 100 บาท
    14.คุณ ดวงสมร หมั่นเพียร 200 บาท
    15.คุณ สิริพัชร์ ศรีธนาอุทัยกร 500 บาท
    16.คุณแม่อ่อน-คุณพ่อสำราญ 100 บาท
    17.คุณแม่ประไพ-คุณพ่อสมร คุณแม่ใหญ่หวี 100 บาท
    18.คุณธณวัฒน์-คุณศิริวรรณ์ ด.ช.พิชาภพ 200 บาท
    19.คุณทิพย์ธัญรดี ปัณชญายศอนันต์ 500 บาท
    20.คุณวราลี ตลาดปรุ,คุณ จักรพงษ์ ศิริไพบูลย์ 600 บาท
    21.คุณไพรัช ช้อยบำเพ็ญ 1500 บาท
    22.คุณ ภัทรพร พิณเพราะ-คุณดวงฤดี เฉลิมชัยลัคณา 700 บาท
    23.คุณ อนุพงศ์ษ์ สวงวนทรัพยากร 500 บาท
    24.คุณ ประวิทย์-สุภาพันธ์(Onimaru_u) 300 บาท
    25.ครอบครัวศิริธรรม-คุณยายแจ้ แซ่โค้ว
    และคุณอณาธร ศรีสกุลพานิช 600 บาท
    26.คุณ ณรงค์เวทย์-รำไพ ชัยช่วย 500 บาท
    27.คุณ สุชิต-สุนัน ชัยช่วย 100 บาท
    28.คุณ บรรจง-บรรจง หิปะนัด 200 บาท
    29.คุณ จารุวรรณ จันทร์ตำรา 50 บาท
    30.คุณ นายสติ และครอบครัว 500 บาท
    31.เงินที่เหลือจากค่าภัตตาหารเมื่อวันนที่ 22 มิ.ย. 80 บาท

    รวมเงินทั้งสิ้น 17,530 บาท

    โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ

     
  3. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    เป็นความตั้งใจที่ผมต้องการเผยแพร่ความรู้ที่ได้เรียนรู้ จากการบอกเล่าจากท่าน อ.ประถม อาจสาคร พี่จิ๋วลูกชายท่านอ.ประถม อาจสาคร พี่ใหญ่และอีกหลายๆท่านและจากที่ประสพมาจากการที่ได้สัมผัส ,เก็บสะสมรวบรวมพระต่างๆทั้งของพระวังหน้าและในวงการ นำมาให้ท่านที่มาร่วมงานได้รู้ได้เห็นได้ส่องดูพิจารณากันจากของจริงๆที่ได้ผ่านการตรวจเช็คและรับรองเรียบร้อยแล้ว สิ่งใดที่ผมให้ความรู้หรือบอกได้ก็จะบอกกันอย่างไม่ปิดบังเพราะเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่ต้องการแสวงหาหรือเก็บสะสมเพื่อบูชาพระในสกลุลวังหน้า อีกทั้งยังเป็นการสืบทอดเจตนารมย์ของท่านอ.ประถม อาจสาคร ที่ท่านต้องการเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดรและคณะพระธรรมฑูตและพระเครื่องในสกุลวังหน้าให้กับทุกๆท่านที่มีความสนใจ ในครั้งที่แล้วมาผมนำพระไปให้ชมและศึกษากันน้อยไปหน่อย เอาไว้คราวหน้าจะนำไปให้ศึกษากันเพิ่มเติม และในการทำบุญครั้งหน้า (ครั้งที่ 8)ผมจะนำพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า และพระสมเด็จปูนสอ(สมเด็จเจ้าฟ้าหรือสมเด็จอัศนี)แท้ๆไปให้ได้ชมและศึกษากันครับ ไว้พบกับคราวหน้าครับ
     
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    สำหรับพระพิมพ์สมเด็จเขียว หรือพระสมเด็จปีระกา ในวันนั้นมีผู้จองไว้กับผม 3 องค์ จำชื่อไม่ได้หมด เมื่อวานได้มาแล้ว 5 องค์ จากท่านที่เก็บเอาไว้และทันเห็นตอนเจดีย์ล้ม เป็นพิมพ์ที่คัดแล้วว่าสมบูรณ์ที่สุด มีพิมพ์ใหญ่ เส้นด้าย ฐานคู่ คงเหลืออีก 2 องค์ ใครสนใจจองได้ครับเพราะจะได้นำพระที่ตนเองจองมาเรียนต่อในงานบุญครั้งต่อไปในวันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม 2551 นี้ครับ หากใครจองจะ pm หรือแจ้งมาในกระทู้ก็ได้จะได้เก็บรายชื่อไว้ให้
     
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ชุดพระสมเด็จปูนสอของผมเอง จะนำไปให้เรียนกันด้วยครับ ส่วนพระสมเด็จอัสนีย์ (สายฟ้าผ่า) ก็จะนำไปด้วยเช่นกัน อีก 2 องค์ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2376+1.JPG
      IMG_2376+1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      194.2 KB
      เปิดดู:
      115
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2008
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    วันนี้เพิ่งจะได้รูปการรักษาพยาบาลสงฆ์อาพาธ และรูปถ่ายของ รพ.จากจนท.ของ รพ. 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ จ.อุบลฯ ส่งมาให้ดูครับ และนี่ล่ะคือเหตุผลที่ทำไมเราถึงต้องกระจายความช่วยเหลือไปยัง รพ.ที่รักษาสงฆ์อาพาธในต่างจังหวัด และหากมีการบริจาคมากไปกว่านี้ ก็จะพยายามบริหารงบบริจาคที่ได้กระจายไปยังอีสานเหนือ หรือทางภาคอื่นๆ ต่อไปครับ

    พันวฤทธิ์

    30/6/51
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    วันนี้ขอพูด เรื่อง กำลังใจครับ

    จากการที่ได้พบกับพี่ๆ ท่านที่ผ่านมา


    1. ผมพบว่า เราต้องหมั่นตรวจสอบใจเสมอๆ

    เดินทางถูกไหม (เป็นสัมมาทิฏฏิไหม คือ ความเห็นตรง คือ ? ต้องพิจารณา )

    เราได้ทำสิ่งใดถูกผิดไหม คอยดูใจตนเรื่อยๆ


    2. สัมมาสมาธิ คอยปฏิบัติสมาธิเนืองๆ เพื่อให้รู้สึกตัวเป็นในเบื่องต้น


    3. มาจาก 1. + 2. และเพียร บวกอดทนครับ


    สาธุครับ
     
  8. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    นิทานธรรมะ..........มะม่วงเทวดา
    กาลครั้งหนึ่ง ยังมีพระมหากษัตริย์องค์หนึ่งชื่อว่า พระยาทธิวาหนะอยู่ในเมืองพาราณสี พระองค์ได้เก็บมะม่วงสุกผลหนึ่งซึ่งเป็นของเทวดา
    หล่นลอยมาตามกระแสน้ำ ผลมะม่วงนั้นสุกหอมงดงาม ดูประหลาด พระองค์จึงเสวยอย่างอร่อย แล้วจึงรับสั่งให้นายอุทยานนำเมล็ดไป
    ปลูก และให้รดด้วยน้ำนมสด เจิมด้วยน้ำมันหอม ประดับด้วยดอกไม้หอม ต้นมะม่วงจึงให้ผลงาม หอม หวาน แต่เมื่อพระองค์จะประทาน
    ไปเมืองอื่น จะให้ทำลายเมล็ดด้วยเหล็กแหม เพื่อมิให้ขึ้นที่เมืองอื่น

    ยังมีพระราชาอีกองค์หนึ่งคิดอิจฉามะม่วงวิเศษ จึงจ้างคนปลอมไปเป็น
    ผู้ดูแลสวนมะม่วงให้พระราชา พอได้ที่ก็ปลูกบอระเพ็ดให้พันต้นมะม่วงจากต้นจนตลอดยอด ครั้นปีรุ่งขึ้นมะม่วงออกลูกมาก็ขมกินไม่ได้
    พระราชาจึงไปถามปุโรหิต (ซึ่งเป็นอดีตชาติหนึ่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) ปุโรหิต พิจารณาด้วยปัญญา จึงกล่าวกับพระราชาว่า
    ต้นมะม่วงนี้มีรสขมเพราะถูกล้อมรอบด้วยความขมจากดินถึงยอด จึงทำให้ผลมีรส ขมด้วย พระราชาจึงให้ถอนต้นบอระเพ็ดออก รวมทั้งขุด
    ดินขม ๆ ทิ้ง แล้วใส่ดินบริสุทธ์ รดด้วยน้ำนมสด จนต้นกลับมีรสหวานอีกครั้ง

    คติธรรม นิทานเรื่องนี้ยกมาให้เห็นว่า แม้แต่ผลไม้ยังกลับกลายเป็นของดีและชั่วได้ ด้วยความเกลือกกลั้วไปด้วยรสหวานและรสขม
    ใจของมนุษย์ย่อมกลายเป็นชั่ว หากเกลือกกลั้วไปกับคนพาล เราจึงควรเลือกคบแต่นักปราชญ์ ซึ่งจะนำซึ่งความสุขความเจริญมาให้

    ขอขอบคุณ
    http://www.geocities.com/samadhinet/
     
  9. poh

    poh Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2007
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +59
    ผมขอจองไว้ 2 องค์ครับ
    ให้ลูกชายฝาแฝด
     
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    รับทราบครับ แต่ต้องไปรับพระและเรียนรู้ด้วยตัวเองในวันทำบุญที่ 27/7/51 นี้ ทั้งนี้ เพื่อความเข้าใจในพิมพ์ และเนื้อหา ที่สำคัญก็คือไปทำบุญด้วยกัน โดยพระพิมพ์ที่ให้จองนี้ นำมาให้เพื่อการศึกษา ไม่เกี่ยวกับทุนนิธิฯ หรือการทำบุญแต่อย่างใดครับ เพียงแต่นำมาประกอบในกิจกรรมเท่านั้น และไม่รับส่งทางไปรษณีย์เช่นกัน เพราะพระอาจแตกหักง่าย ที่สำคัญก็คือกว่าจะหามาให้เรียนรู้กันได้เสียดายพระครับ หากเกิดการชำรุด คนเสกท่านก็สิ้นชีพิตักษัยแล้ว พระองค์ละแค่ 300.- เงินหาง่ายกว่า ที่จริง แล้วพระที่อ้างถึงมีคนจองหมดแล้วทั้ง 5 องค์ เท่าที่ทราบ แต่ละคนที่จองและคนที่เรียน รู้คุณค่าของพระดี ดังที่ อ.ประถม เคยบอกกับผม และน้อง ณรงค์เวทย์ว่า นี่ล่ะ พระสมเด็จแท้ จะไปหาที่ไหนกันได้ ใช้องค์นี้ละแทนวัดระฆังองค์ละแสนองค์ละล้าน สบายมาก (ต้องลองดูแล้วจะรู้เอง) แต่เนื่องจาก คุณเคยเป็นผู้ที่ทำบุญร่วมกับทุนนิธิฯ มา ยังไงก็ต้องหาให้ครับ ช่วยตอบยืนยันการไปร่วมงานก่อนวันที่ 23/7 ด้วยครับเพราะไม่งั้นจะได้นำพระมอบให้ผู้อื่นต่อไป ขอบคุณอีกครั้ง

    พันวฤทธิ์
    1/7/51
     
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE height="95%" width="99%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="75%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE borderColor=white cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 27 มีนาคม 2551 10:28:32 น.-->พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๒๖ : พระเจ้าพิมพิสารเสด็จไปเฝ้า
    <!-- Main -->[SIZE=-1]พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๒๖ : พระเจ้าพิมพิสารเสด็จไปเฝ้า[/SIZE]

    [SIZE=-1]พระเจ้าพิมพิสารเสด็จไปเฝ้า ทูลขอปฏิญาณว่า[/SIZE]
    [SIZE=-1]ถ้าตรัสรู้แล้วขอให้มาโปรดก่อน[/SIZE]

    [SIZE=-1]พระเจ้าพิมพิสารเมื่อได้ทราบความที่ชาวเมืองต่างโจษจันกัน ถึงเรื่องนักบวชหนุ่มผู้ทรงความสง่างามผิดจากนักบวชอื่นๆ เข้ามาในเมือง จึงทรงสั่งเจ้าพนักงานไปสืบความดูว่า [/SIZE]
    [SIZE=-1]"ท่านจงสะกดตามบทจรไปดู ให้รู้ตระหนักแน่ แม้ว่าเป็นเทพยดา ก็จะเหาะไปในอากาศ ผิวะเป็นพญานาคก็ชำแรกปฐพีไปเป็นแท้ แม้ว่าเป็นมนุษย์ ก็จะไปนั่งบริโภคภัตตาหารโดยควรประมาณแก่ตนได้ จงไปพิจารณาดูให้รู้เหตุประจักษ์" [/SIZE]

    [SIZE=-1]ฝ่ายพระมหาบุรุษเมื่อทรงรับอาหารบิณฑบาตพอควรจากชาวเมืองแล้ว ก็เสด็จออกจากเมืองไปที่เงื้อมภูเขานอกเมืองแห่งหนึ่ง แล้วทรงตั้งสติพิจารณาปรารภที่จะเสวยอาหารที่ทรงได้มาจากการเสด็จบิณฑบาต อาหารที่ว่านี้เป็นจำพวกที่เรียกว่า "มิสกภัตร" คือ อาหารที่คละระคนปนกันทุกชนิด ทั้งดีและเลว ทั้งน้ำและแห้ง ทั้งคาวและหวาน [/SIZE]

    [SIZE=-1][​IMG][/SIZE]

    [SIZE=-1]พระเจ้าพิมพิสารกับพระมหาบุรุษทรงเป็น "อทิฏฐสหาย" กัน แปลว่า ทรงเป็นพระสหายที่เคยแต่ได้ยินพระนามกันมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นกันและกันเลย เมื่อทรงทราบเรื่องจากเจ้าพนักงานกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว พระเจ้าพิมพิสารจึงเสด็จไปเฝ้าพระมหาบุรุษ ทรงทราบว่าเป็นเจ้าชายจากศากยสกุล จึงตรัสเชิญพระมหาบุรุษให้เสด็จอยู่ครองเมืองด้วยกัน พระมหาบุรุษทรงปฏิเสธและทรงแจ้งถึงความแน่วแน่ในพระทัยที่จะแสวงหาความตรัสรู้ [/SIZE]

    [SIZE=-1]พระเจ้าพิมพิสารจึงตรัสขอปฏิญาณว่า ถ้าได้ตรัสรู้แล้วขอให้เสด็จมาโปรด พระมหาบุรุษก็ทรงรับคำปฏิญาณนั้น[/SIZE]


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. poh

    poh Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2007
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +59
    ขอบพระคุณมากครับ
    ยืนยันว่าจะไปร่วมทำบุญในวันที่ 23/7 ครับ
    ขออนุโมทนาครับ
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    คำอธิษฐานอันน้อยนิด แต่มีผลสัมฤทธิที่กว้างไกล


    [​IMG]

    ขอได้มี ส่วนร่วม เพียงเล็กน้อย
    ขอได้พลอย ร่วมบูญ หนุนส่งเสริม
    ขออนุโมทนา งานบุญ ช่วยต่อเติม
    ขอได้เพิ่ม ปัญญา บารมี


    ขอได้พบ ดวงแก้ว แคล้วบ่วงมาร
    ขอประหาร มารร้าย ในจิตนี่
    ขอได้พบ พระสัจธรรม นำชีวี
    ขอได้มี แต่สุข ทุกภพไป

    ขอได้พบ พระศรีอารย์ อันงามเลิศ
    ขอได้เกิด ในชาติ ธรรมพิศมัย
    ขอได้ฟัง รสธรรม อ่าอำไพ
    ขอได้ไกล จากพาล ผลาญผจญ


    ขอได้สุข สดชื่น และสมหวัง
    ขอได้ดั่ง ตั้งจิต สำเร็จผล
    ขอได้ยล พระนิพพาน ไม่ปลอมปน
    ขอได้พ้น ห้วงวัฏฏะ ละภพภูมิ



    http://www.dhammathai.org/kaveedhamma/view.php?No=1273
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE borderColor=white cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 27 มิถุนายน 2551 10:56:49 น.-->[​IMG]

    วิธีแก้... ความหลง

    <!-- Main -->[SIZE=-1]<STYLE>table {background-color: transparent;border-style: none;border-spacing: none;}TD {border: none;border-color: none;background: none;}</STYLE><STYLE>body, ul, li, p{font: normal "MS Sans Serif",Tahoma;font-size:12pt;color:"#000000";}</STYLE><STYLE>body{background-image:url("http://www.bloggang.com/data/plewtaamlom/picture/1214538219.jpg");}</STYLE>[/SIZE]
    [SIZE=-1]พุทธวิธีแก้หลง[/SIZE]
    [SIZE=-1]โดย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก[/SIZE]



    [SIZE=-1]ไม่ว่าโลภะหรือโทสะก็ตาม มีมูลเหตุเกิดจากกิเลสตัวสำคัญคือโมหะ ที่เรียกเป็นคำไทยง่ายๆ ว่า ความหลง อันหมายถึงความรู้ความคิดที่ไม่ถูกต้องตามความจริง

    [SIZE=-1]ความหลงนี้เห็นจะพอเปรียบได้กับยาดำ คือมีแทรกอยู่ในกิเลสทุกกองทุกประเภท ตั้งแต่หยาบสุดถึงละเอียดสุด พูดให้ถูกก็คือความหลงหรือโมหะเป็นเหตุให้เกิดกิเลสทั้งปวง เป็นพื้นฐานของกิเลสทั้งปวง [/SIZE]

    [SIZE=-1]ความรักความชอบก็เกิดจากโมหะ [/SIZE]
    [SIZE=-1]ความชังก็เกิดจากโมหะ [/SIZE]
    [SIZE=-1]ความปรารถนาก็เกิดจากโมหะ [/SIZE]
    [SIZE=-1]ความเกียจคร้านก็เกิดจากโมหะ [/SIZE]
    [SIZE=-1]แม้ความโลภก็เกิดจากโมหะ [/SIZE]
    [SIZE=-1]และความโกรธก็เกิดจากโมหะ [/SIZE]

    [SIZE=-1]ภาวะของจิตที่สิ้นกิเลสอย่างสิ้นเชิงแล้วเท่านั้น ที่ปราศจากโมหะหรือความหลงเข้าไปเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย เป็นภาวะเดียวจริงๆ ที่พ้นจากโมหะหรือความหลง ภาวะอื่นของจิตมีความหลงเป็นเหตุแทรกซึมอยู่ทั้งนั้น [/SIZE]

    [SIZE=-1]ด้วยเหตุนี้ ตราบใดที่ยังมีความหลงให้บรรเทาเบาบางไม่ได้ ตราบนั้นจิตยังจะต้องมืดมิด และเร่าร้อนวุ่นวายกระสับกระส่ายอยู่ด้วยอารมณ์รุนแรงร้อยแปด เช่น [/SIZE]

    [SIZE=-1]อารมณ์รัก [/SIZE]
    [SIZE=-1]อารมณ์ชัง [/SIZE]
    [SIZE=-1]อารมณ์ยินดี [/SIZE]
    [SIZE=-1]อารมณ์ปรารถนา [/SIZE]
    [SIZE=-1]เหล่านี้เป็นต้น [/SIZE]

    [SIZE=-1]แต่ถ้าเมื่อใดทำความหลงให้บรรเทาเบาบางลงได้ เมื่อนั้นจิตก็จะผ่องใสและเยือกเย็นเป็นสุขขึ้น ด้วยไม่มากด้วยอารมณ์รุนแรงร้อยแปดดังกล่าว[/SIZE]



    ขอขอบคุณสำหรับบทความ
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=plewtaamlom&month=06-2008&date=27&group=26&gblog=11http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=luckyme&group=4


    [/SIZE]


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>





    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2008
  15. เทพารักษ์

    เทพารักษ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +980
    ร่วมทำบุญเพิ่มค่ะ

    เดือนนี้ร่วมทำบุญ จำนวน 300 บาท นะคะ

    ขอบคุณมากนะคะ

    ***************************************

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC03274.jpg
      DSC03274.jpg
      ขนาดไฟล์:
      509.6 KB
      เปิดดู:
      37
  16. ถังไม้

    ถังไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +167
    วันนี้โอนเงินร่วมทำบุญ 505 บาทครับ

    ขอถามนิดซิครับ เวลาโอนทำบุญแล้วต้องแสดงใบโอนเพื่อยืนยันยอดด้วยหรือครับ
     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    ไม่จำเป็นครับ เพราะนายสติ ซึ่งเป็นเหรัญญิกจะ up book และก็จะดูยอดเงินตามวันที่แจ้งในกระทู้ในแต่ละวันแยกเป็นแต่ละรายการ ถึงเวลาจะใช้ดินสอเขียนชื่อเอาไว้ว่าใครโอนในวันไหน เสร็จแล้วจะส่งให้พี่ใหญ่ที่นับถือว่าท่านเป็นฌาณลาภีบุคคล ดูทีละช่วงในระหว่างการไปประชุมคณะกรรมการทุนนิธิฯ เพื่อขอบารมีท่านข้างบนให้รับทราบถึงผู้ที่มีใจเป็นกุศล เพื่อทำบุญให้สงฆ์อาพาธในแต่ละครั้ง ศัพท์ของคณะกรรมการฯ เรียกการขอบารมีนี้ว่า "การฝากบุญ" ไว้ก่อน เหมือนกับเราทำอะไรดีมา เราก็เล่าให้เจ้านาย หรือเล่าให้พ่อให้แม่เราฟัง เพราะเผื่อเหลือเผื่อขาด เจ้านายเรา หรือพ่อแม่เราจะได้นึกถึงเรา นึกถึงเรื่องที่เราทำดี หรือจำความดีที่เราทำขึ้นได้ง่าย ยิ่งฝากบ่อย ก็เหมือนเราบอกเจ้านายเราบ่อยๆ ถึงเวลาเลื่อนขั้น ท่านก็จะนึกถึงเราก่อน หรือถึงเวลาเราขอให้ท่านช่วย ท่านก็จะยินดีที่จะช่วยเราเพราะเรามีเรื่องดีๆ เล่าให้ท่านฟังบ่อยๆ ไงครับ อุปมาคร่าวๆ ประมาณนี้ แต่จริงๆ แล้ว บุญได้เกิดขึ้นแก่คุณถังไม้ นับตั้งแต่มีเจตนาแล้ว พอมีรูปมาทำให้เกิดการกระทำตามเจตนา ผลที่เกิดขึ้นจึงสมบูรณ์พร้อมแล้ว ยิ่งแล้ว ด้วยกุศล...ขอสาธุการในจิตที่เป็นกุศลในการช่วยสงฆ์อาพาธ ของคุณอีกครั้งหนึ่งครับ

    พันวฤทธิ์

    2/7/51
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    น้อมใจ-ไหว้พระ-นะโม



    น้อมใจ ไหว้พระ นะโม
    พุทโธ ท่านจบ ภพสาม
    อมตะ ใสสด งดงาม
    พ้นความ ตายเกิด เลิศจริง

    น้อมใจ ไหว้พระ นะโม
    ธัมโม หลักใจ ใหญ่ยิ่ง
    มรรคผล พาสุข ทุกสิ่ง
    เป็นมิ่ง มงคล ดลงาม

    น้อมใจ ไหว้พระ นะโม
    สังโฆ เด่นศรี ที่สาม
    ร่มเย็น เป็นผู้ รู้ตาม
    ถึงความ วิมุติ หลุดไป

    น้อมใจ ไหว้พระ ทุกครา
    ศรัทธา ไม่พรั่น หวั่นไหว
    แจ่มจิต แจ้งชัด รัตน์ตรัย
    สิ้นภัย พ้นทุกข์ สุขเอย




    ขอขอบคุณ
    http://www.dhammathai.org/kaveedhamma/view.php?No=1395
     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]


    <TABLE align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    เพื่อนแท้ ต้องช่วยเหลือ...เมื่อมีภัย ครับ !


    อยากขอยก ตำนาน มาขานไข
    ครั้งสมัย พุทธกาล นิทานกล่าว
    ท่านเศรษฐี มีมิตร ศิษย์รุ่นราว
    เมื่อครั้งคราว เล่นฝุ่น คุ้นเคยกัน

    มิตรของท่าน เศรษฐี มีทุกข์มาก
    ตกระกรรม ลำบาก ยากมหันต์
    จึงมาขอ งานทำ เป็นสำคัญ
    แต่ญาติเศรษฐีนั้น กีดกันทาง

    เหตุเพราะชื่อ เพื่อนเศรษฐี กาลีบ้าน
    ชื่อนายกาฬ กรรณี ที่บาดหมาง
    กลัวสินทรัพย์ มลาย วายอัปปาง
    กลัวทุกอย่าง ไมีดี กาลีเมือง

    ท่านเศรษฐี มีจิต คิดสงสาร
    จึงให้งาน เพื่อนรัก ไม่มากเรื่อง
    ตำแหน่งยาม คนใหม่ ไม่ขุนเคือง
    ช่วยปลดเปลื้องทุกข์เพื่อน เหมือนญาติตน

    ท่านเศรษฐี กล่าวว่า อย่าเพราะชื่อ
    อย่าได้ถือ ชื่อใดใด ไร้เหตุผล
    แล้วทิ้งเพื่อน ถึงแม้น เขาแสนจน
    เพื่อนคือคน รักจริง ไม่ทิ้งกัน

    และวันหนึ่ง มีโจร มาปล้นบ้าน
    เพื่อต้องการ สินทรัพย์ นับมหันต์
    ท่านเศรษฐีไม่อยู่ มันรู้ทัน
    แต่โจรนั้น ผิดหวัง แผนพังครืน

    ด้วยเพราะยาม คนใหม่ ในกล้าหาญ
    วางแผนการ ต่อสู้ อยู่ดาษดื่น
    เกณฑ์เพื่อนฝูง มากัน ทั้งวันคืน
    ทำครึกครื้น ไม่ขลาด ไม่หวาดกลัว

    โจรล่าถอย คนมาก ปล้นยากยิ่ง
    แท้ที่จริง แผนการมิตร คิดถ้วนทั่ว
    ถึงเพื่อนเป็น เศรษฐี แต่ดีชัวร์
    จึงทุ่มตัว อุทิศ ช่วยมิตรเอย[/col

    ....เศรษฐีได้ทีจึงพูดว่า " เห็นไหม ถ้าเราไล่เพื่อนของเราตามคำของพวกท่าน ทรัพย์สินของเราคงสูญสิ้นไปมิใช่น้อยในวันนี้ ธรรมดาชื่อไม่เป็นประมาณ จิตที่เกื้อกูลเท่านั้นเป็นประมาณ "แล้วให้ทุนทรัพย์แก่มิตรเพิ่มขึ้นอีก ได้ไปกราบทูลพระพุทธเจ้า แล้วได้กล่าวคาถานี้ว่า
    " บุคคลชื่อว่าเป็นมิตร ด้วยการเดินร่วมกัน ๗ ก้าว ชื่อว่าเป็นสหาย ด้วยการเดินร่วมกัน
    ๑๒ ก้าว และชื่อว่าเป็นญาติ ด้วยการอยู่ร่วมกันเดือนหนึ่งหรือครึ่งเดือน ส่วนผู้ชื่อว่า
    มีตนเสมอกัน ก็ด้วยการอยู่ร่วมกันยิ่งกว่านั้น เราจะละทิ้งมิตรชื่อว่ากาฬกัณณี
    ผู้ชอบพอกันมานาน เพราะความสุขส่วนตัวได้อย่างไร "


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ข้อคิดเรื่องเพื่อนที่น่าคิดจริงๆ ครับ

    ขอขอบคุณ
    http://www.dhammathai.org/kaveedhamma/view.php?No=1284
     
  20. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    หลักสากลของการภาวนา #1

    <TABLE width=600 align=center border=0><TBODY><TR><TD align=middle>หลักสากลของการภาวนา
    พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย)
    วัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา


    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width=600 align=center border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2><DD>ปกติแล้วเรานับถือ พระพุทธศาสนา มีพระพุทธศาสนาเป็นหลักประจำใจ สถาบันอันสูงสุดของเรามีประเทศชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ สิ่งที่เราเคารพนับถือและยึดมั่น เป็นหลักจิตหลักใจอย่างแท้จริงอันหนึ่งคือพระพุทธศาสนา <DD>คำว่าพระพุทธศาสนานั้นหมายถึงหลักคำสอนของท่านผู้รู้ เฉพาะประเทศไทยส่วนมากคนไทยเรานับถือพระพุทธศาสนา คือศาสนาของพระพุทธเจ้า ส่วนที่นับถือศาสนาอื่นๆ นั้นมีจำนวนน้อย แต่จะด้วยประการใดก็ตาม ทุกๆ ศาสนามุ่งที่จะสอนคนให้เป็นคนดีด้วยกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้น หลักคำสอนของพระพุทธศาสนาจึงไม่ขัดกับหลักคำสอนของศาสนาอื่นๆ <DD>เมื่อพิจารณากันให้ดีแล้ว ทุกศาสนาก็อยู่ที่ใจ ศาสดาของแต่ละศาสนานั้นมีกายกับใจ การค้นคว้าคือพิสูจน์หาหลักความจริงในธรรมะของแต่ละศาสนานั้นอาศัยกายกับใจเป็นหลัก ดังนั้น ในทำนองเดียวกัน พระพุทธเจ้าซึ่งถือว่าเป็นศาสดาผู้เลิศในโลกและโดยเฉพาะถือว่าเป็นพระศาสดาของเรา พระองค์ท่านก็มีกายกับใจ การค้นคว้าหาหลักธรรมะตามแนวทางแห่งความเป็นจริงนั้น พระพุทธองค์อาศัยกายกับใจเป็นหลัก ตัวอย่างในหลักการดำเนินวิถีชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์คือความบริสุทธิ์ก็อาศัยกาย อาศัยเวทนา อาศัยจิต อาศัยธรรมะ <DD>กายก็หมายถึงกายของเราเอง เวทนาก็หมายถึงสุขทุกข์ที่เกิดภายในใจของเราเอง จิตหมายถึงผู้นึกคิดคือจิตของเราเอง ธรรมก็คือสภาวะที่ปรากฏขึ้นภายในความรู้สึกของเราไม่ว่าอะไรทั้งนั้น รวมทั้งกายใจ สถานการณ์และสิ่งแวดล้อมทั้งหลาย ได้ชื่อว่าเป็นธรรมทั้งนั้น ดังนั้น ผู้ใดมีกายมีใจก็เป็นผู้ควรแก่ธรรมะ ฉะนั้น การศึกษาธรรมะให้รู้กันจริงๆ นั้น เราไม่จำเป็นจะต้องอาศัยตำรับตำราให้มากนัก เราอาศัยกายกับใจของเราเองเป็นเครื่องพิสูจน์ เราจะได้รู้ข้อเท็จจริงของธรรมะภายในตัวของเรา <DD>ถ้าหากจะมีปัญหาถามว่าธรรมะคืออะไร เราก็จะได้คำตอบว่าธรรมะคือความจริงของชีวิต ความจริงของชีวิตของคนเราแต่ละคนมีอะไรบ้างเราก็ย่อมจะพิจารณารู้กันทุกคน หากพูดกันตามตำรับตำรา ความจริงของชีวิตก็คือ เกิด แก่ ตาย เกิด แก่ ตาย พระพุทธเจ้าท่านว่าอย่างนี้ <DD>เมื่อเราพูดถึงความจริงของชีวิตของคนเราแต่ละคนๆ นับตั้งแต่เราตื่นเช้ามา วันหนึ่งๆ เราจะทำอะไรบ้าง เมื่อเราตื่นขึ้นมาแล้วเราจะต้องเข้าห้องน้ำ แปรงฟัน ขับถ่ายและอาบน้ำ แต่งตัว ประกอบปรุงอาหาร รับประทาน แล้วก็ออกไปทำงาน อันนี้เป็นความจริงของชีวิตที่คนเราจะต้องประสบอยู่ทุกวัน ผู้เป็นพ่อบ้านแม่เรือนมีหน้าที่ที่จะพึงปฏิบัติต่อกันอย่างไร โดยถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน เข้าใจกัน มีความลดหย่อนผ่อนปรน ผ่อนสั้นผ่อนยาวเข้าหากัน ซึ่งอาศัยหลักเกณฑ์ที่เราให้คำปฏิญาณกันแต่เบื้องต้นว่าเราจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตลอดชีวิต ดังนั้น เพื่อที่เราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข เราก็ต้องพิจารณาว่าหน้าที่ของเรามีอะไรบ้าง นี่แหละคือความจริงของชีวิต อันเป็นธรรมะที่เราจะต้องศึกษาให้รู้อันเป็นกิจประจำวัน </DD></TD></TR><TR><TD colSpan=2 height=10></TD></TR><TR><TD align=middle colSpan=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    เห็นเดี๋ยวนี้มีแต่การคุยถึงเรื่อง สากลนิยม ผมเลยนำ หลักสากลมาฝากบ้างครับ;)

    ขอขอบคุณ
    แหล่งที่มา >>ClickHere<<
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...