พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เรียน พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่านที่ร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ,ร่วมทำบุญที่ สภากาชาดไทย ,มูลนิธิชัยพัฒนา และมูลนิธิพระดาบส

    ผมขอเรียนให้ทราบว่า ผมยังต้องทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ,ร่วมทำบุญที่ สภากาชาดไทย ,มูลนิธิชัยพัฒนา และมูลนิธิพระดาบส ต่อไปเรื่อยๆ แต่เมื่องานร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ
    สิ้นสุดลง ผมจึงจะหยุดการบอกบุญ ส่วนงานร่วมทำบุญที่ สภากาชาดไทย ,มูลนิธิชัยพัฒนา และมูลนิธิพระดาบส ผมยังบอกบุญต่ออยู่ แต่หากผมหยุดการบอกบุญ ผมจะแจ้งให้ทุกๆท่านทราบเมื่อโอกาสนั้นมาถึงครับ

    จากเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา ถ้ามีการแสดงความคิดเห็นของบุคคลต่างๆที่ไม่ดีต่อกระทู้พระวังหน้าฯ ไม่ว่าจะมีการแสดงความคิดเห็นในกระทู้พระวังหน้าฯนี้ หรือกระทู้อื่นๆ ผมขอให้วางอุเบกขานะครับ หรือเพียงแต่แสดงความคิดเห็น(ไม่ต้องรุนแรง)ในกระทู้พระวังหน้าฯนี้เท่านั้น
    หรือหากเกิดเหตุการณ์ีที่ไม่ดี เช่น การปิดกระทู้พระวังหน้าฯ หรือการลบกระทู้พระวังหน้าฯ ก็ไม่ต้องแสดงความคิดเห็นอย่างไร ผมจะเป็นผู้ที่สอบถามเอง

    กรรมที่จะเกิดขึ้นกับผู้กระทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ ผลกรรมนั้นก็อยู่กับผู้กระทำและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน แต่ถ้าเป็นการปิดกระทู้พระวังหน้าฯ หรือการลบกระทู้พระวังหน้าฯ โดยที่ผมยังบอกบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ,ร่วมทำบุญที่ สภากาชาดไทย ,มูลนิธิชัยพัฒนา และมูลนิธิพระดาบส อยู่ กรรมนี้ยิ่งหนักหนาสาหัส และข้ามภพข้ามชาติกันเยอะ

    รักพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ และทุกๆท่านที่ร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ,ร่วมทำบุญที่ สภากาชาดไทย ,มูลนิธิชัยพัฒนา และมูลนิธิพระดาบส
    sithiphong

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    ยินดีและเต็มใจครับ เรามีกันเท่านี้ครับ(f)

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    น้องเอ อย่าไปพูดอะไรเลย ปล่อยวางดีกว่า ปล่อยให้เป็นกรรมที่เป็นสิ่งที่ติดตัวผู้กระทำและผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งชาตินี้ และข้ามภพข้ามชาติ ดีกว่า เพราะว่ากรรม ไม่มีใครหนีพ้นสักคนเดียว

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2008
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://d71233.u23.bangkokserver.net/tipitaka/pitaka_item/sutta_item.php?book=25&item=384


    <CENTER>พระไตรปิฏก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
    ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต</CENTER>

    <CENTER> </CENTER><CENTER>โกกาลิกสูตรที่ ๑๐
    </CENTER>[๓๘๔] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของ
    ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล โกกาลิกภิกษุ เข้า
    ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
    ครั้นแล้วได้กราบทูล พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระสารีบุตร
    และพระโมคคัลลานะ เป็นผู้มีความปรารถนาลามก ตกอยู่ในอำนาจแห่งความ
    ปรารถนาลามก พระเจ้าข้า ฯ
    [๓๘๕] เมื่อโกกาลิกภิกษุกราบทูลอย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัส
    กะโกกาลิกภิกษุว่า โกกาลิกะ เธออย่าได้กล่าวอย่างนี้ โกกาลิกะ เธออย่าได้
    กล่าวอย่างนี้ เธอจงยังจิตให้เลื่อมใสในสารีบุตรและโมคคัลลานะเถิด สารีบุตร
    และโมคคัลลานะมีศีลเป็นที่รัก ฯ
    แม้ครั้งที่ ๒ โกกาลิกภิกษุก็ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
    ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคทรงชักนำข้าพระองค์ให้จงใจเชื่อ ให้เลื่อมใส ก็จริง
    แต่พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเป็นผู้มีความปรารถนาลามก แม้ครั้งที่ ๒ พระ
    ผู้มีพระภาคก็ได้ตรัสกะโกกาลิกภิกษุว่า โกกาลิกะ เธออย่าได้กล่าวอย่างนี้ โกกา-
    *ลิกะ เธออย่าได้กล่าวอย่างนี้เลย เธอจงยังจิตให้เลื่อมใสในสารีบุตรและ
    โมคคัลลานะเถิด สารีบุตรและโมคคัลลานะมีศีลเป็นที่รัก ฯ
    แม้ครั้งที่ ๓ ...
    ลำดับนั้นแล โกกาลิกภิกษุลุกจากอาสนะ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค
    กระทำประทักษิณแล้วหลีกไป เมื่อโกกาลิกภิกษุหลีกไปแล้วไม่นานนัก ได้มีต่อม
    ประมาณเมล็ดพันธุ์ผักกาดเกิดขึ้นทั่วกาย ครั้นแล้ว เป็นต่อมประมาณเท่าเมล็ด
    ถั่วเขียว เท่าเมล็ดถั่วดำ เท่าเมล็ดพุดซา เท่าผลพุดซา เท่าผลมะขามป้อม เท่า
    ผลมะตูมอ่อน เท่าผลขนุนอ่อน แตกหัวแล้ว หนองและเลือดไหลออก ลำดับ
    นั้น โกกาลิกภิกษุมรณภาพเพราะอาพาธนั้นเอง ครั้นโกกาลิกภิกษุมรณภาพแล้ว
    ก็ย่อมอุบัติในปทุมนรก เพราะจิตคิดอาฆาตในพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ
    ครั้งนั้นแล ท้าวสหัมบดีพรหม เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว มีรัศมีงามยิ่ง ทำพระ
    เชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว
    ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่
    พระองค์ผู้เจริญ โกกาลิกภิกษุมรณภาพแล้ว ครั้นแล้วอุบัติในปทุมนรก เพราะ
    จิตคิดอาฆาตในพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ท้าวสหัมบดีพรหมครั้นกราบ
    ทูลดังนี้แล้ว กระทำประทักษิณแล้ว ได้อันตรธานไปในที่นั้นเอง ฯ
    ครั้นพอล่วงราตรีนั้นไป พระผู้มีพระภาคตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกร
    ภิกษุทั้งหลาย เมื่อคืนนี้ เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว ท้าวสหัมบดีพรหม มีรัศมีอัน
    งามยิ่ง ทำวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสว เข้ามาหาเราถึงที่อยู่ อภิวาทแล้วยืน
    อยู่ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ โกกา-
    *ลิกภิกษุมรณภาพแล้วอุบัติในปทุมนรก เพราะจิตคิดอาฆาตในพระสารีบุตร และ
    พระโมคคัลลานะ ท้าวสหัมบดีพรหม ครั้นกล่าวดังนี้แล้ว กระทำประทักษิณ
    แล้ว ได้อันตรธานหายไปในที่นั้นเอง ฯ
    [๓๘๖] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุรูปหนึ่งได้ทูลถาม
    พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ประมาณอายุในปทุมนรกนานเพียงใด
    พระเจ้าข้า ฯ
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ ประมาณอายุในปทุมนรกนานนัก
    การนับประมาณอายุในปทุมนรกนั้นว่า เท่านี้ปี เท่านี้ร้อยปี เท่านี้พันปี หรือว่า
    เท่านี้แสนปี ไม่ใช่ทำได้ง่าย ฯ
    ภ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระองค์สามารถจะทรงกระทำการเปรียบ
    เทียบได้หรือไม่ พระเจ้าข้า ฯ
    พระผู้มีพระภาคทรงรับว่า สามารถ ภิกษุ ดังนี้แล้ว ตรัสว่า ดูกรภิกษุ
    เปรียบเหมือนเกวียนที่บรรทุกงาหนัก ๒๐ หาบของชาวโกศล เมื่อล่วงไปได้
    ร้อยปี พันปี แสนปี บุรุษพึงหยิบเมล็ดงาขึ้นจากเกวียนนั้นออกทิ้งเมล็ดหนึ่งๆ
    ดูกรภิกษุ เกวียนที่บรรทุกงาหนัก ๒๐ หาบของชาวโกศลนั้น จะพึงถึงความ
    สิ้นไปโดยลำดับนี้เร็วเสียกว่า แต่อัพพุทนรกหนึ่งจะไม่พึงถึงความสิ้นไปได้เลย
    ดูกรภิกษุ ๒๐ อัพพุทนรกเป็นหนึ่งนิรัพพุทนรก ๒๐ นิรัพพุทนรกเป็นหนึ่ง
    อัพพนรก ๒๐ อัพพนรกเป็นหนึ่งอหหนรก ๒๐ อหหนรกเป็นหนึ่งอฏฏนรก
    ๒๐ อฏฏนรกเป็นหนึ่งกุมุทนรก ๒๐ กุมุทนรกเป็นหนึ่งโสคันธิกนรก ๒๐
    โสคันธินรกเป็นหนึ่งอุปลกนรก ๒๐ อุปลกนรกเป็นหนึ่งปุณฑรีกนรก ๒๐ ปุณฑรีก
    นรกเป็นหนึ่งปทุมนรก อย่างนี้ ก็โกกาลิกภิกษุอุบัติในปทุมนรกเพราะจิตคิด
    อาฆาตในสารีบุตรและโมคคัลลานะ ฯ
    พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้จบลงแล้ว
    จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปว่า
    [๓๘๗] ก็วาจาหยาบเช่นกับขวาน เกิดในปากของบุรุษแล้ว เป็น
    เหตุตัดรอนตนเองของบุรุษผู้เป็นพาล ผู้กล่าวคำทุพภาษิต ผู้
    ใดสรรเสริญคนที่ควรนินทา หรือนินทาคนที่ควรสรรเสริญ
    ผู้นั้นย่อมก่อโทษเพราะปาก ย่อมไม่ได้ความสุขเพราะโทษ
    นั้น การแพ้ด้วยทรัพย์เพราะเล่นการพนันเป็นโทษเพียง
    เล็กน้อย โทษของผู้ที่ยังใจให้ประทุษร้ายในท่านผู้ปฏิบัติดีนี้
    แล เป็นโทษมากกว่า บุคคลตั้งวาจาและใจอันลามกไว้แล้ว
    เป็นผู้ติเตียนพระอริยะเจ้า ย่อมเข้าถึงนรกตลอดกาลประมาณ
    ด้วยการนับปี ๑๐๐,๐๐๐ นิรัพพุทะและ ๔๐ อัพพุทะ ผู้
    กล่าวคำเท็จย่อมเข้าถึงนรก อนึ่ง ผู้ทำกรรมอันลามกแล้ว
    กล่าวว่าไม่ได้ทำ ก็ย่อมเข้าถึงนรกอย่างเดียวกัน แม้คนทั้ง
    สองนั้นเป็นมนุษย์มีกรรมอันเลวทราม ละไปแล้วย่อมเป็นผู้
    เสมอกันในโลกเบื้องหน้า ผู้ใดประทุษร้ายต่อคนผู้ไม่ประทุษ
    ร้าย ผู้เป็นบุรุษหมดจด ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน บาปย่อม
    กลับมาถึงผู้เป็นพาลนั้นเอง เหมือนธุลีละเอียดที่บุคคลซัดไป
    ทวนลมฉะนั้น ผู้ที่ประกอบเนืองๆ ในคุณคือความโลภ
    ไม่มีศรัทธา กระด้าง ไม่รู้ความประสงค์ของผู้ขอ มีความ
    ตระหนี่ ประกอบเนืองๆ ในคำส่อเสียด ย่อมบริภาษผู้อื่น
    ด้วยวาจา แน่ะคนผู้มีปากเป็นหล่ม กล่าวคำอันไม่จริง ผู้
    ไม่ประเสริฐ ผู้กำจัดความเจริญ ผู้ลามก ผู้กระทำความชั่ว
    ผู้เป็นบุรุษในที่สุด มีโทษ เป็นอวชาต ท่านอย่าได้พูด
    มากในที่นี้ อย่าเป็นสัตว์นรก ท่านย่อมเกลี่ยธุลี คือ กิเลส
    ลงในตนเพื่อกรรมมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ท่านผู้ทำกรรมหยาบ
    ยังติเตียนสัตบุรุษ ท่านประพฤติทุจริตเป็นอันมากแล้วย่อม
    ไปสู่มหานรกสิ้นกาลนาน กรรมของใครๆ ย่อมฉิบหายไปไม่
    ได้เลย บุคคลมาได้รับกรรมนั้นแล เป็นเจ้าของแห่งกรรมนั้น
    (เพราะ) คนเขลาผู้ทำกรรมหยาบ ย่อมเห็นความทุกข์ในตน
    ในปรโลก ผู้ทำกรรมหยาบย่อมเข้าถึงสถานที่อันนายนิรยบาล
    นำขอเหล็กมา ย่อมเข้าถึงหลาวเหล็กอันคมกริบและย่อม
    เข้าถึงก้อนเหล็กแดงโชติช่วง เป็นอาหารอันสมควรแก่กรรม
    ที่ตนทำไว้อย่างนั้น สัตว์นรกทั้งหลายจะพูดก็พูดไม่ได้ จะ
    วิ่งหนีก็ไม่ได้ ไม่ได้ที่ต้านทานเลย นายนิรยบาลลากขึ้นภูเขา
    ถ่านเพลิง สัตว์นรกนั้นนอนอยู่บนถ่านเพลิงอันลาดไว้ ย่อม
    เข้าไปสู่กองไฟอันลุกโพลง พวกนายนิรยบาลเอาข่ายเหล็ก
    พัน ตีด้วยฆ้อนเหล็กในที่นั้น สัตว์นรกทั้งหลายย่อมไปสู่
    โรรุวนรกที่มืดทึบ ความมืดทึบนั้นแผ่ไปเหมือนกลุ่มหมอก
    ฉะนั้น ก็ทีนั้น สัตว์นรกทั้งหลาย ย่อมเข้าไปสู่หม้อเหล็ก
    อันไฟลุกโพลง ลอยฟ่องอยู่ ไหม้อยู่ในหม้อเหล็กนั้นอันไฟ
    ลุกโพลงสิ้นกาลนาน ก็ผู้ทำกรรมหยาบจะไปสู่ทิศใดๆ ก็
    หมกไหม้อยู่ในหม้อเหล็กอันเปื้อนด้วยหนองและเลือดในทิศ
    นั้นๆ ลำบากอยู่ในหม้อเหล็กนั้น ผู้ทำกรรมหยาบหมกไหม้
    อยู่ในน้ำอันเป็นที่อยู่ของหมู่หนอน ในหม้อเหล็กนั้นๆ แม้
    ฝั่งเพื่อจะไปก็ไม่มีเลย เพราะกะทะครอบอยู่โดยรอบมิดชิด
    ในทิศทั้งปวง และยังมีป่าไม้มีใบเป็นดาบคม สัตว์นรก
    ทั้งหลายย่อมเข้าไปสู่ป่าไม้ ถูกดาบใบไม้ตัดหัวขาด พวกนาย
    นิรยบาล เอาเบ็ดเกี่ยวลิ้นออกแล้ว ย่อมเบียดเบียนด้วยการ
    ดึงออกมาๆ ก็ลำดับนั้น สัตว์นรกทั้งหลายย่อมเข้าถึงแม่น้ำด่าง
    อันเป็นหล่ม ย่อมเข้าถึงคมมีดโกนอันคมกริบ สัตว์นรกทั้งหลาย
    ผู้กระทำบาป เป็นผู้เขลา ย่อมตกลงไปบนคมมีดโกนนั้นเพราะ
    ได้กระทำบาปไว้ ก็สุนัขดำ สุนัขด่าง และสุนัขจิ้งจอก ย่อม
    รุมกัดกินสัตว์นรกทั้งหลาย ผู้ร้องไห้อยู่ที่นั้น ฝูงกาดำ แร้ง
    นกตะกรุม และกาไม่ดำ ย่อมรุมกันจิกกิน คนผู้ทำกรรม
    หยาบ ย่อมเห็นความเป็นไปในนรกนี้ยากหนอ เพราะฉะนั้น
    นรชนพึงเป็นผู้ทำกิจที่ควรทำในชีวิตที่ยังเหลืออยู่นี้ และไม่
    พึงประมาท เกวียนบรรทุกงา ผู้รู้ทั้งหลายนับแล้วนำเข้าไป
    เปรียบในปทุมนรก เป็น ๕๑,๒๐๐ โกฏิ นรกเป็นทุกข์
    เรากล่าวแล้วในพระสูตรนี้ เพียงใด สัตว์ทั้งหลายผู้ทำ
    กรรมหยาบ พึงอยู่ในนรกแม้นั้น ตลอดกาลนานเพียงนั้น
    เพราะฉะนั้น บุคคลพึงกำหนดรักษาวาจา ใจ ให้เป็นปรกติ
    ในผู้สะอาด มีศีลเป็นที่รักและมีคุณดีงามทั้งหลาย ฯ


    <CENTER>จบโกกาลิกสูตรที่ ๑๐
    </CENTER>
    เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๙๔๓๕ - ๙๕๕๕. หน้าที่ ๔๑๐ - ๔๑๕.
    http://d71233.u23.bangkokserver.net/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=9435&Z=9555&pagebreak=0

    อ่านโดยใช้เครื่องหมาย [เลขข้อ] เป็น เกณฑ์แบ่งข้อ ที่ :-
    http://d71233.u23.bangkokserver.net/tipitaka/pitaka_item/sutta_item.php?item=384&book=25&bookZ=&pagebreak=0&mode=[]
    ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
    http://d71233.u23.bangkokserver.net/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=384
    สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕
    http://d71233.u23.bangkokserver.net/tipitaka/read/?สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่_๒๕</U>
    http://d71233.u23.bangkokserver.net/tipitaka/pitaka_item/mean_reverse.php?text=25&Aindex=%CA%D2%C3%BA%D1%AD


    บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖.
    บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙.
    การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจาก พระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ.
    หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ DhammaPerfect@yahoo.com
    .
    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระมหาโมคคัลลานเถระ
    http://www.dhammathai.org/monk/monk59.php

    ท่านมหาโมคคัลลานะ เป็นบุตรพราหมณ์ผู้เป็นนายบ้านชื่อว่า โกลิตะ มารดาชื่อนางโมคคัลลี แต่เดิมชื่อว่า โกลิตะ ตามโคตรแห่งบิดา และถูกเรียกชื่อเพราะ เป็นบุตรนางโมคคัลลีว่า โมคคัลลานะ พอเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาแล้ว พวกภิกษุเรียกกันว่า พระโมคคัลลานะ ทั้งนั้นท่านเกิดใน โกลิตคามไม่ห่างจากเมืองราชคฤห์ สมัยเป็นเด็กได้เป็นสหายที่รักใคร่กันกับอุปติสสมาณพ ผู้มีอายุคราวเดียวกัน และตระกูลของทั้งสองนั้นมั่งคั่ง สมบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์และบริวารเท่า ๆ กัน มีความคุ้นเคยสนิทสนมกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เมื่อโกลิตมาณพเจริญวัยขึ้นก็ได้ำปศึกษาเล่าเรียนศิลปะด้วยกันกับอุปติสสมาณพ แม้จะไปเที่ยวหรือไปทำธุระอะไรก็มักจะไปด้วยกันอยู่เสมอ จนกระทั่งเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาก็บวชพร้อมกัน ต่างกันแต่ว่าได้ดวงตาเห็นธรรมครั้งแรกนั้นไม่พร้อมกัน เรื่องราวต่าง ๆ ก่อนอุปสมบทคล้าย ๆ กับพระสารีบุตรตามที่ได้บรรยายมาก่อนหน้านี้
    หลังจากอุปสมบทแล้ว ๗ วัน ได้ไปทำความเพียรอยู่ที่บ้านกัลลวาลมุตตคาม แขวงมคธ เกิดความอ่อนใจนั่งโงกง่วงอยู่ พระบรมศาสดาเสด็จไปที่นั่น ทรงสั่งสอน และแสดงอุบายสำหรับระงับความง่วง ๘ ประการ คือ
    ๑. โมคคัลลานะ เมื่อเธอมีสัญญาอย่างไร ความง่วงนั้นย่อมครอบงำได้ เธอควรทำในใจถึงสัญญานั้นให้มาก จะละความง่วงนั้นได้
    ๒. หากยังละไม่ได้ เธอควรตรึกตรองพิจารณาถึงธรรมตามที่ตนได้ฟังและได้เรียนมาแล้วด้วยใจของเธอเอง จะละความง่วงได้
    ๓. หากยังละไม่ได้ เธอควรสาธยายธรรมตามที่ตนได้ฟังและได้เรียนมาโดยพิสดาร จะละความง่วงได้
    ๔. หากยังละไม่ได้ เธอควรยอนหูทั้งสองข้างและลูบด้วยฝ่ามือ จะละความง่วงได้
    ๕. หากยังละไม่ได้ เธอควรลุกข้นยืน ลูบนัยน์ตาด้วยน้ำ เหลียวดูทิศทั้งหลาย แหงนดูดาวนักษัตรฤกษ์ จะละความง่วงได้
    ๖. หากยังละไม่ได้ เธอควรทำในใจถึงอาโลกสัญญา คือความสำคัญในแสงสว่าง ตั้งความสำคัญว่ากลางวันไว้ในใจ ให้เหมือนกันทั้งกลางวันและกลางคืน มีจิตใจแจ่มใสไม่มีอะไรห่อหุ้ม ทำจิตอันมรแสงสว่างให้เกิด จะละความง่วงได้
    ๗. หากยังละไม่ได้ เธอควรอธิษฐานจงกรม กำหนดหมายว่าจะเดินกลับไปกลับมา สำรวมอินทรีย์ มีจิตไม่คิดไปภายนอก จะละความง่วงได้
    ๘. หากยังละไม่ได้ เธอควรสำเร็จสีหไสยาสน์ คือนอนตะแคงเบื้องขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมกัน มีสติสัมปชัญญะ ตั้งใจว่าจะลุกขึ้น พอเธอตื่นแล้วควรรีบลุกขึ้น ด้วยการตั้งใจว่าจะไม่ประกอบสุขในการนอน จะไม่ประกอบสุขในการเอนหลัง จะไม่ประกอบสุขในการเคลิ้มหลับ

    ครั้นตรัสสอนอุบาย สำหรับระงับความง่วงอย่างนี้แล้ว ทรงสั่งสอนให้สำเหนียกอย่างนี้ว่า "เราจักไม่ชูงวง (คือการถือตัว) เข้าไปสู้ตระกูล จักไม่พูดคำที่เป็นเหตุให้คนเถียงกัน เข้าใจผิดต่อกัน และตรัสสอนให้ยินดีด้วยที่นั่งที่นอนอันเงียบสงัด และควรเป็นอยู่ตามลำพังสมณวิสัยไ เมื่อตรัสสอนอย่างนี้แล้ว พระโมคคัลลานะกราบทูลถามว่า "โดยย่อข้อปฏิบัติเพียงเท่าไร ภิกษุชื่อว่าน้อมไปแล้วในธรรมที่สิ้นตัณหา มีความสำเร็จล่วงส่วนเกษมจากโยคะธรรม เป็นพรหมจารีบุคคลยิ่งกว่าผู้อื่น มีที่สุดกว่าผู้อื่น ประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายไ พระบรมศาสดาตรัสตอบว่า "โมคคัลลานะ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ไดเสดับแล้วว่า ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น เธอทราบชัดธรรมทั้งปวงด้วยปัญญาอันวิเศษ ย่อมกำหนดรู้ธรรมทั้งปวงได้ เธอได้ประสบเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี มิใช่สุขมิใช่ทุกข์ก็ดี เธอพิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยง พิจารณาเห็นด้วปัญญาเป็นเครื่องหน่าย เป็นเครื่องดับ เป็นเครื่องสละ คืนในเวทนาทั้งหลายนั้น เมื่อพิจารณาเห็นดังนั้น ย่อมไม่ยึดมั่น ถือมั่น สิ่งอะไร ๆ ในโลกไม่มีความสะดุ้งหวาดหวั่น ย่อมดับกิเลสให้สงบได้ด้วยตนเอง และทราบชัดว่า ชาตินี้สิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่จะต้องทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะทำอย่างนี้อีกมิได้มี ว่าโดยย่อข้อปฏิบัติเพียงเท่านี้แหละ ภิกษุได้ชื่อว่าน้อมไปแล้วในธรรมเป็นที่สิ้นตัณหา" ท่านพระโมคคัลลานะได้ปฏิบัติตามโอวาท ที่พระบรมศาสดาตรัสสั่งสอน ก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในวันนั้น
    ครั้นได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว พระโมคคัลลานะได้เป็นกำลังสำคัญของพระบรมศาสดาในการดำเนินกิจการต่าง ๆ ตามที่พระองค์ทรงดำริให้สำเร็จเพราะท่านเป็นผู้มีฤทธิ์มาก จึงได้รับการยกย่องจากสมเด็จพระบรมศาสดาว่า "เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางเป็นผู้มีฤทธิ์" และทรงยกย่องว่าเป็นคู่พระอัครสาวก คู่กันกับพระสารีบุตรในการอุปการะภิกษุผู้เข้ามาบวชในพระธรรมวินัย ดังกล่าวในประวัติพระสารีบุตรว่า สารีบุตรเปรียบเหมือนมารดาผู้ยังบุตรให้เกิด โมคคัลลานะเปรียบเหมือนนางนมผู้เลี้ยงทารกที่เกิดแล้ว สารีบุตรย่อมแนะนำให้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล โมคคัลลานะแนะนำให้ตั้งอยู่ในคุณเบื้องบน ที่สูงกว่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงมีคำยกย่องว่าพระสารีบุตรเป็นพระอัครสาวกฝ่ายขวา พระโมคคัลลานะเป็นพระอัครสาวกฝ่ายซ้าย พระธรรมเทศนา ของพระโมคคัลลานะไม่ค่อยจะมีที่เป็นโอวาทให้แก่ภิกษุสงฆ์มีเพียงแต่อนุมานสูตร ซึ่งว่าด้วยธรรมินทำให้คนเป็นผู้ว่ายากหรือง่าย ในมัฌิมนิกายกล่าวว่า ท่านพระโมคคัลลานะเข้าใจในนวกรรมคือการก่อสร้าง เพราะฉนั้นเมื่อนางวิสาขามหาอุบาสิกาสร้างบุพพาราม ในเมืองสาวัตถี พระบรมศาสดารับสั่งให้ท่านเป็นนวกัมมาธิฏฐายี คือผู้ควบคุมการก่อสร้าง
    ท่านพระโมคคัลลานะ ปรินิพพานก่อนพระบรมศาสดา มีเรื่องเล่าว่า ครั้งเมื่อท่านพำนักอยู่ ณ ตำบลกาฬศิลา แคว้นมคธ พวกเดียรถีย์ปรึกษากันว่า บรรดาลาภสักการะ ทั้งหลายที่เกิดขึ้นแก่พระบรมศาสดาในครั้งนั้น ก็เพราะอาศัยพระโมคคัลลานะ เพราะสามารถนำข่าวในสวรรค์และนรกมาแจ้งแก่มนุษย์ ชักนำให้ประชาชนเกิดความเลื่อมใส ถ้าพวกเรากำจัดพระโมคคัลลานะเสียได้แล้ว ลัทธิของพวกเราก็จะเจริญรุ่งเรืองขึ้น ลาภสักการะต่าง ๆ ก็จะมาหาพวกเราหมด เมื่อปรึกษากันดังนั้นแล้วจึงจ้างโจรผู้ร้ายให้ลอบฆ่าพระโมคคัลลานะ เมื่อโจรมาท่านพระโมคคัลลานะทราบเหตุนั้นจึงหนีไปเสียสองครั้ง ครั้งที่สามท่านพิจารณาเห็นว่ากรรมตามทันจึงไม่หนี พวกโจรผู้ร้ายจึงได้ทุบตีจนร่างกายแหลกเหลว ก็สำคัญว่าตายแล้ว จึงนำร่างท่าน ไปซ่อนไว้ในพุ่มไม้แห่งหนึ่งแล้วพากันหนีไป ท่านพระโมคคัลลานะยังไม่มรณะ เยียวยาอัตภาพให้หายด้วยกำลังฌานแล้วเข้าไปเฝ้าสมเด็จพระบรมศาสดา แล้วทูลลากลับปรินิพพาน ณ ที่เกิดเหตุ ในวันเดือนดับ เดือน ๑๒ หลังพระสารีบุตร ๑๕ วัน สมเด็จพระบรมศาสดาได้เสด็จไปทำฌาปนกิจแล้วรับสั่งให้นำอัฐิธาตุ มาก่อเจดีย์บรรจุไว้ ณ ที่ใกล้ประตูวัดเวฬุวัน

    http://www.dhammathai.org/monk/monk59.php

    <TABLE width=500 align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    เลือกอ่าน ประวัติพระพุทธสาวก ได้ที่นี่ :
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width=500 align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD vAlign=bottom width="50%" height=25><FORM name=form1>
    <SELECT onchange="MM_jumpMenu('parent',this,0)" name=menu1> <OPTION selected>+ ประวัติพระพุทธสาวก +</OPTION> <OPTION value=monk45.php>พระกังขาเรวตะเถระ</OPTION> <OPTION value=monk63.php>พระกัปปเถระ</OPTION> <OPTION value=monk66.php>พระกาฬุทายีเถระ</OPTION> <OPTION value=monk42.php>พระกิมพิลเถระ</OPTION> <OPTION value=monk20.php>พระกุมารกัสสปะเถระ</OPTION> <OPTION value=monk19.php>พระโกณฑธานะเถระ</OPTION> <OPTION value=monk49.php>พระขทิรวนิยเรวตเถระ</OPTION> <OPTION value=monk05.php>พระคยากัสสปเถระ</OPTION> <OPTION value=monk04.php>พระควัมปติชิเถระ</OPTION> <OPTION value=monk52.php>พระจุนทเถระ</OPTION> <OPTION value=monk17.php>พระจูฬปันถกเถระ</OPTION> <OPTION value=monk10.php>พระชตุกัณณี</OPTION> <OPTION value=monk07.php>พระติสสเมตเตยยเถระ</OPTION> <OPTION value=monk36.php>พระโตเทยยเถระ</OPTION> <OPTION value=monk77.php>พระทัพพมัลลบุตรเถระ</OPTION> <OPTION value=monk08.php>พระโธตกเถระ</OPTION> <OPTION value=monk58.php>พระนทีกัสสปเถระ</OPTION> <OPTION value=monk21.php>พระนันทกเถระ</OPTION> <OPTION value=monk62.php>พระนันทกเถระ</OPTION> <OPTION value=monk13.php>พระนันทะเถระ</OPTION> <OPTION value=monk25.php>พระนาคิตะเถระ</OPTION> <OPTION value=monk27.php>พระนาลกเถระ</OPTION> <OPTION value=monk65.php>พระปิงคิยะเถระ</OPTION> <OPTION value=monk43.php>พระปิณโฑลภารทวาชะเถระ</OPTION> <OPTION value=monk73.php>พระปิลันทวัจฉเถระ</OPTION> <OPTION value=monk34.php>พระปุณณกเถระ</OPTION> <OPTION value=monk57.php>พระปุณณชิเถระ</OPTION> <OPTION value=monk39.php>พระปุณณมันตานีบุตรเถระ</OPTION> <OPTION value=monk11.php>พระโปสาลเถระ</OPTION> <OPTION value=monk50.php>พระพากุลเถระ</OPTION> <OPTION value=monk23.php>พระพาหิยทารุจิริยะเถระ</OPTION> <OPTION value=monk15.php>พระภัคุเถระ</OPTION> <OPTION value=monk55.php>พระภัททิยเถระ</OPTION> <OPTION value=monk14.php>พระภัททิยะเถระ</OPTION> <OPTION value=monk37.php>พระภัทราวุธเถระ</OPTION> <OPTION value=monk33.php>พระมหากัจจสยนเถระ</OPTION> <OPTION value=monk48.php>พระมหากัปปินเถระ</OPTION> <OPTION value=monk06.php>พระมหากัสสปเถระ</OPTION> <OPTION value=monk47.php>พระมหาโกฎฐิตเถระ</OPTION> <OPTION value=monk02.php>พระมหานามเถระ</OPTION> <OPTION value=monk80.php>พระมหาปรันตปเถระ</OPTION> <OPTION value=monk70.php>พระมหาปันถกเถระ</OPTION> <OPTION value=monk59.php>พระมหาโมคคัลลานเถระ</OPTION> <OPTION value=monk74.php>พระมหาโสภิตเถระ</OPTION> <OPTION value=monk78.php>พระเมฆิยเถระ</OPTION> <OPTION value=monk61.php>พระเมตตคูเถระ</OPTION> <OPTION value=monk38.php>พระโมฆราชเถระ</OPTION> <OPTION value=monk56.php>พระยสเถระ</OPTION> <OPTION value=monk79.php>พระยโสชเถระ</OPTION> <OPTION value=monk16.php>พระรัฏฐปาลเถระ</OPTION> <OPTION value=monk12.php>พระราธเถระ</OPTION> <OPTION value=monk40.php>พระราหุลเถระ</OPTION> <OPTION value=monk71.php>พระลกุณฏกภัททิยเถระ</OPTION> <OPTION value=monk72.php>พระวักกลิเถระ</OPTION> <OPTION value=monk46.php>พระวังคีสเถระ</OPTION> <OPTION value=monk28.php>พระวัปปเถระ</OPTION> <OPTION value=monk03.php>พระวิมลเถระ</OPTION> <OPTION value=monk26.php>พระสภิยเถระ</OPTION> <OPTION value=monk75.php>พระสาคตเถระ</OPTION> <OPTION value=monk32.php>พระสารีบุตรเถระ</OPTION> <OPTION value=monk76.php>พระสีวลีเถระ</OPTION> <OPTION value=monk30.php>พระสุพาหุเถระ</OPTION> <OPTION value=monk18.php>พระสุภูติเถระ</OPTION> <OPTION value=monk53.php>พระเสลเถระ</OPTION> <OPTION value=monk44.php>พระโสณกุฏิกัณณะเถระ</OPTION> <OPTION value=monk69.php>พระโสณโกฬิวิสเถระ</OPTION> <OPTION value=monk09.php>พระเหมกเถระ</OPTION> <OPTION value=monk54.php>พระองคุลิมาลเถระ</OPTION> <OPTION value=monk60.php>พระอชิตเถระ</OPTION> <OPTION value=monk41.php>พระอนุรุธเถระ</OPTION> <OPTION value=monk29.php>พระอัสสชิเถระ</OPTION> <OPTION value=monk01.php>พระอัญญาโกณฑัญญะเถระ</OPTION> <OPTION value=monk68.php>พระอานนทเถระ</OPTION> <OPTION value=monk64.php>พระอุทยเถระ</OPTION> <OPTION value=monk24.php>พระอุทายีเถระ</OPTION> <OPTION value=monk67.php>พระอุบาลีเถระ</OPTION> <OPTION value=monk51.php>พระอุปวาณเถระ</OPTION> <OPTION value=monk35.php>พระอุปสีวเถระ</OPTION> <OPTION value=monk22.php>พระอุปเสนเถระ</OPTION> <OPTION value=monk31.php>พระอุรุเวลกัสสปเถระ</OPTION></SELECT> ​
    </FORM></TD><TD height=25>[​IMG] สารบัญประวัติพระพุทธสาวก </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <CENTER> </CENTER>




    .

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=62670&sid=660230f4f712420ed8cbe71c5a612ad9

    ตกลงกรรมมีจริงๆ หรือ?
    ผู้ตั้งกระทู้ sassy

    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TH width=150 height=28>ผู้ตั้ง</TH><TH width="100%">ข้อความ</TH></TR><TR><TD class=row1 vAlign=top align=middle rowSpan=2>sassy
    บัวผลิหนอ
    [​IMG]


    เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2008
    ตอบ: 4
    ที่อยู่ (จังหวัด): Bkk., Thailand
    [​IMG] </TD><TD class=row1 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=postdetails>[​IMG]ตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2008, 5:00 pm</TD><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>การที่เราใช้หัวข้อแบบนี้เพราะเราสงสัยจริงๆ ว่าที่ๆ เค้าพูดกันว่า
    กรรมมีจริง กรรมติดจรวด กรรมตามสนอง น่ะ มีจริงๆ หรือ?

    เรื่องของเรื่องคือแม่เรามีลูก 5 คน ลูกสาว 2 คน ลูกชาย 3 คน คนที่ 2 ของบ้านเป็นลูกชายคนโตของบ้าน บ้านเราเป็นคนจีน แต่พ่อจะรักลูกสาว แม่รักลูกชาย และแม่ก็เป็นแม่ที่รักลูกชายคนโตคนนี้มากๆ เราขอไม่เรียกเค้าว่า "พี่ชาย" เพราะเราคิดว่าเค้าไม่ใช่มานานแล้ว

    เวลาลูกชายคนนี้ของแม่อยากได้อะไร ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยจนทำงาน อยากได้มือถือ แม่ซื้อให้
    อยากได้รถ แม่จ่ายให้
    อยากได้อะไร แม่หาให้
    ทุกอย่างแม่ไม่เคยปฏิเสธ

    เราไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี เพราะเรื่องมันยาวและซับซ้อนมาก เราจะพยายามพูดสั้นๆนะ จะได้ไม่เบื่อกัน

    ตอนนี้คนๆนี้อายุ 35 ปี จบปริญญาตรีคนแรกของบ้านที่มหาวิทยาลัยเอกชนมีชื่อแห่งหนึ่ง ตอนทำงานไม่เคยแบ่งเงินเดือนที่ได้มาให้แม่ แม่บอกว่ามีครั้งเดียวให้มา 3,000 บาท และก็ไม่เคยให้อีกเลย สักพักทำงานไม่นาน ติดพนัน แทงบอล เล่นสนุ๊กฯ ทุกอย่าง ขโมยเงินของบริษัท ขโมยเงินของอากู๋ น้องชายแม่ เบ็ดเสร็จเป็นสิบกว่าล้าน แล้วก็หายหัว พ่อกับแม่ต้องใช้หนี้แทน ทำให้จากครอบครัวที่มีฐานะ กลายเป็นยาจกไปในพริบตา

    ปัจจุบันไม่ได้ทำงาน เกาะแม่กิน แม่เราเป็นแม่ค้าขายเนื้อหมูที่ตลาดแห่งหนึ่งแถวบ้าน แม่เลยให้ไปช่วย เชื่อมั้ย...เค้าเอาค่าแรงด้วยนะ แม่ให้วันละ 200 บาท จะกินข้าวก็ใช้แม่ไปซื้อ แม่วานให้ซื้อไรให้หน่อย ถ้าออกตังค์ไปก่อนก็จะกลับมาบ้านมาทวงคืนทุกบาททุกสตางค์ กินข้าววันละเป็นสิบๆมื้อ เช่นตื่นปุปกินปับ เสร็จหละไปนอนสัก 2 ชม. ตื่นมากินต่อ กินไปเรื่อยๆ กินแบบชนิดยิ่งกว่าตะกละอีก แม่ซื้อไรมา ไม่เคยได้แตะ คนอื่นๆในบ้านกินของเหลือจากเค้าทุกคน อย่างตอนเย็นแม่เราทำกับข้าวเสร็จสัก 5 โมงเย็น เค้าจะรีบมากินคนแรก เสร็จหละอีก 2 ชม. มากินอีกรอบ หละก็ไปอาบน้ำ เสร็จมากินต่อ หละขึ้นไปนอน ดึกๆเที่ยงคืน ลงมากินอีก เป็นอย่างนี้ตลอด ผลไม้ในตู้เย็นที่พ่อปอกให้ลูกๆทุกคนได้กิน คนอื่นๆรวมทั้งเราแทบไม่เคยได้แตะ งานบ้านก็ไม่เคยช่วย ทำอะไรไม่เคยรับผิดสักอย่าง โทษว่าคนอื่นไม่ดี เราเคยโดนเค้าทำร้ายด้วย ทั้งบีบคอ ทั้งตบหน้าจนเส้นเลือดที่ตาแตก เลือดออกจากตาเลย ตาเกือบบอด ยังมีอะไรอีกสารพัดที่เราคงเล่าไม่หมดแน่ๆ เค้าเป็นคนที่โลภมาก โมหะ โทสะ โลภะ มีหมด

    ล่าสุด วันก่อนช่วงสงกานต์ที่แหละ แม่แค่เตือนเค้าเรื่องหม้อหุงข้าวแค่ว่า เวลาปิดฝาหม้อ ปิดเบาๆนะ เดี๋ยวมันพังอีก คือเค้าเป็นประเภทชอบทำลายข้าวของ ใครว่า ใครด่าไม่ด่า จะโมโห พูดหรือเตือนเฉยๆ ก็ไม่ได้ ประมาณข้านี่ใหญ่ ข้าเป็นคุณชายของบ้านนี้ ขนาดไปคุยโม้ชาวบ้านว่า ตัวเองไม่ต้องทำงานก็มีเงินใช้ ใช่สิ...เงินที่มาจากน้ำพักน้ำแรงแม่ไง

    ต่อนะ...พอแม่เราเตือน เค้าก็โมโห โวยวายลั่นบ้าน หละก็โทษแม่เราต่างๆนาๆ ตะคอกใส่แม่ ด่าแม่ เค้าบอกเค้าโค-ตะ-ระ เหนื่อยกับการช่วยแม่ เงินก็ให้แค่ 200 บาท ซื้อข้าวให้กินก็ยังไม่จ่ายเค้า ซื้อข้าวให้สุนัขที่บ้านก็ยังไม่ให้เค้า เค้าขาดทุน เหนื่อยแทบขาดใจ เค้าว่างั้น แม่น้อยใจ แม่พูดกลับแล้วแม่หละ แม่แทบจะไม่ได้กินไรเลยทั้งวัน เค้าว่ากลับว่าก็ไม่กินเอง เราอยู่ในเหตุการณ์ตลอด แต่ทำอะไรไม่ได้ รวมทั้งพี่สาวเราด้วย พ่อเราก็อยู่ แต่ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้สักคน คิดหละกันว่าเรา พ่อ พี่สาว เจ็บขนาดไหน แม่ไม่เคยเชื่อ หรือ ฟังอะไรที่ เรา พ่อ พี่สาว บอกสักครั้ง จนเรา 3 คนทั้งเหนื่อยใจ ทั้งสงสาร ทั้งเจ็บใจ ทุกความรู้สึกปะดังปะเดเข้ามา แม่ร้องไห้ เค้ายังไม่สนใจ ยังนั่งกินข้าว ไม่สนใจอะไรเลย

    เรากับพี่สาวบอกให้แม่ขายบ้านหลังนี้ แบ่งเงินก้อนหนึ่งให้เค้าไปที่ไหนก็ได้ไม่ต้องกลับมาอีก หละไปซื้อบ้านหลังเล็กๆอยู่กัน เดี๋ยวเรากับพี่สาวจะเลี้ยงแม่กับพ่อเอง แม่ก็ไม่เอา บอกไม่ขายอย่างเดียว เราไม่ได้อคติกับแม่ แต่แม่ไม่เคยเชื่อ หรือ เข้าใจถึงความหวังดีของเรากับพี่สาวเลยสักครั้ง เราบอกให้แม่เลิกขายของ เพราะอายุมากแล้ว สุขภาพร่างกายก็ไม่ดี ต้องออกจากบ้าน ตี3 ไปขายของทุกวัน ไม่มีวันหยุดเลย แล้วจะไม่ให้เราห่วงได้อย่างไร

    ที่เราเล่าๆมาไม่ได้หวังให้ใครบอกว่า เรากับพี่สาวเป็นลูกกตัญญูหรอก แต่เราแค่สงสัยว่า ทำไมคนชั่วๆอย่างเค้าคนนี้ถึงไม่ได้รับกรรมอะไรเลยสักที จนบางทีเราแอบคิดว่า จ้างคนมาเก็บเค้าเลยดีไหม ทั้งๆที่เราไม่ได้อยากทำ แต่ตอนนี้ใจเราร้อนเป็นไฟ น้ำตาตกใน เครียดมาก พูดกับใครก็ไม่ได้ มันทรมานมากเลยนะ ที่เห็นแม่เป็นแบบนี้ แม่ไม่เคยเชื่อใครในบ้าน แม่ทั้งรักทั้งหลงทั้งเชื่อกับลูกเลวๆคนนี้คนเดียว เราไม่เข้าใจว่าทำไม

    ทำไมเค้าไม่ได้รับกรรมอะไรสักที เราคิดนะคงเป็นกรรมของแม่ที่ชาติที่แล้วอาจจะทำอะไรกับเค้าไว้ แต่ชาตินี้แม่เป็นแม่ของเค้า เป็นคนที่ให้กำเนิดเค้ามา แม้เค้าจะทำร้ายร่างกายเรา พี่สาว หรือ พี่ๆอีก 2 คน มันยังไม่รู้สึกเจ็บใจที่เค้าทำกับพ่อกับแม่เลย เรารู้สึกแย่มากๆในตอนนี้ ที่ทำอะไรไม่ได้ ทั้งๆที่วางแผนคิดทุกอย่างให้กับพ่อและแม่หมดแล้ว

    สงสัยใช่มั้ยว่าแล้วพี่ชายอีก 2 คนของเราหละ พี่ชายคนที่ 2 คนกลางของบ้าน แต่งงานไปอยู่ข้างนอก วันอาทิตย์ไหนว่างก็มาเยี่ยมพ่อ ส่วนพี่ชายคนที่ 3 คนที่4ของบ้าน ก็ไม่ค่อยจะอะไร ทำงานธรรมดาเพราะเรียนไม่จบ ทำงานทีก็กลับมาดึกหละ แทบจะไม่รับไม่รู้ไม่เห็นอะไรในบ้านเลย

    ใครก็ได้ช่วยตอบเราทีได้มั้ยว่า ทำไมคนเลวๆคนนี้ถึงยังรอดนวลอยู่ ถึงไม่ได้รับกรรมอะไรสักที</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row2 vAlign=top align=middle rowSpan=2>sittidet
    บัวผลิหนอ
    [​IMG]


    เข้าร่วม: 26 ธ.ค. 2007
    ตอบ: 51
    ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
    [​IMG] </TD><TD class=row2 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=postdetails>[​IMG]ตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2008, 10:45 pm</TD><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>เรื่องกรรมมันเป็นอะไรที่ซับซ้อนมากครับ อย่างไรผมแนะนำให้คุณทำความเข้าใจ ที่ http://www.dungtrin.com/ อ่านหัวข้อเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัวนะครับ คำถามของคุณน่าจะมีคำตอบแน่นอนครับ มันเป็นลักษณะของคำถามและคำตอบจากทางบ้านครับที่สงสัยเรื่องเวรกรรมครับ ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ครับ [​IMG]</TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row1 vAlign=top align=middle rowSpan=2>รุ่งลลิดา สกุลงาม
    บัวผลิหนอ
    [​IMG]


    เข้าร่วม: 21 ก.ค. 2007
    ตอบ: 51
    ที่อยู่ (จังหวัด): 75/8 ม.3 ม.จามจุรี 2 ต.ท่ามะกา อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120
    [​IMG] </TD><TD class=row1 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=postdetails>[​IMG]ตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2008, 11:59 pm</TD><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>สิ่งที่ยุติธรรมที่สุดคือกรรม ไม่มีฉ้อราษฏร์ ไม่มีสินบน ทำสิ่งใดย่อมได้ผลสิ่งนั้น
    ไม่มีลำเอียง [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row1 vAlign=top align=middle rowSpan=2>RARM
    บัวพ้นดิน
    [​IMG]


    เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
    ตอบ: 219

    [​IMG] </TD><TD class=row1 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=postdetails>[​IMG]ตอบเมื่อ: 18 เม.ย.2008, 11:57 am</TD><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>กรรมน่ะมีจริงๆครับ แต่ว่า บุญที่เค้าสร้างมานั้น ยังหนุนอยู่ครับ

    รอให้หมดบุญเมื่อไหร่ แล้วอะไรๆ มันจะชัดเจนครับ

    ในกรณีนี้นะครับ ถือว่าเป็นน้อง ๆ อนัตริยกรรม

    อนัตริยกรรมมี 5 ข้อครับ

    คือ
    1 ฆ่า พ่อ
    2 ฆ่าแม่
    3 ฆ่า พระอรหันต์
    4 ทำพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต
    5 ทำ(พระ)สงฆ์ให้แตกแยกกัน

    ซึ่งในกรณีนี้นั้น อยู่ในข่าย ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ถึงจะไม่ตาย แต่เป็นการฆ่าทางอ้อมครับ เป็นกรรมหนักสุดๆ แล้วครับ

    ไม่ต้องพูดถึงเรื่องมรรคผลนิพพานเลย ชาตินี้หมดแล้วครับ

    เตรียมตัวรอ ลงนรกอย่างเดียวน่ะครับ
    เช่นในพระสูตร เรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับพระโมคคัลลานะเถรเจ้า
    ชาติหนึ่งเคยเกิดเป็นพราหมณ์ มีภรรยาที่ไม่ดี ภรรยาไม่ชอบพ่อแม่ ของพระโมคคัลลานะ ก็แกล้งสารพัด แล้วยังเป่าหูสามีให้เอาพ่อแม่ไปทิ้งเสียอีก พระโมคคัลลานะหลงเชื่อ ก็เอาพ่อแม่ขึ้นเกวียนไปในป่าเพื่อเอาไปทิ้งไว้ อ้อ พ่อแม่ท่านตาบอดน่ะครับ ครั้นแล้ว เมื่อไปถึงกลางป่า พระโมคคัลลา ทำทีมีโจรป่ามา ก็ร้องเสียงดัง และก็ทุบตีพ่อแม่ด้วย พ่อแม่ท่านได้ยิน ก็บอกให้พระโมคคัลลานะ หนีไปเสีย ตัวเองแก่แล้ว จะตายอยู่ที่นี่แทน พระโมคคัลลานะได้ยินดังนั้นก็ได้สติ ตัวเองทำผิดเสียแล้วที่หลงเชื่อเมีย ก็ได้พาพ่อแม่กลับบ้าน และได้ว่ากล่าวภรรยาของตนเองต่างๆ นานา ตั้งแต่นั้นมาท่านก็ได้ดูแลพ่อแม่เป็นอย่างดี เพื่อชดเชยความผิด

    แต่ที่ไหนได้ ความผิดนั้นได้เกิดขึ้นแล้วทำแล้ว แก้ไขส่วนอดีตไม่ได้แล้ว ก็ต้องรับกรรมที่ตนเองทำไว้นั่นเอง พระโมคคัลลานะตายจากชาตินั้น ก็ไปตกนรก อเวจี อยู่ 1 กัปล์ และก็เวียนว่ายตายเกิดมาจนเกิดเป็นพระโมคคัลลานะ บรรลุเป็นพระอรหันต์และเข้านิพพานก่อนเข้านิพพานได้โดนทุบตีด้วยโจรเพราะเศษของกรรมที่ทำกับทุบตีพ่อแม่ไว้ในชาตินั้น

    แผ่เมตตาเยอะนะครับ กรรมจะได้เบาบางลง
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row1 vAlign=top align=middle rowSpan=2>กรัชกาย
    บัวแก้ว
    [​IMG]


    เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
    ตอบ: 1170

    [​IMG] </TD><TD class=row1 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=postdetails>[​IMG]ตอบเมื่อ: 18 เม.ย.2008, 8:11 pm</TD><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>
    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14591&postdays=0&postorder=asc&start=15

    “กรรม” ท่านเจ้าคุณพระพรหมคุณาภรณ์มีข้อสังเกตว่า

    ในประเทศไทยนี้

    เมื่อพูดถึงคำว่า “กรรม”

    ความเข้าใจของคนทั่วไป

    ก็จะเพ่งไปยังกาละส่วนอดีตเจาะจงเอาการกระทำในชาติที่ล่วงแล้ว หรือชาติก่อนๆ บ้าง

    เพ่ง ไป ยังปรากฏการณ์ส่วนผล คือ นึกถึงผลที่ปรากฏในปัจจุบันของการกระทำในอดีตบ้าง

    เพ่ง ไปยังแง่ที่เสียหาย เลวร้าย คือ การกระทำชั่วฝ่ายเดียวบ้าง

    เพ่ง ไปยังอำนาจแสดงผลร้ายของการกระทำความชั่วในชาติก่อนบ้าง

    และโดยมาก เป็นความเข้าใจตามแง่ต่างๆ เหล่านี้รวมๆกันไปทั้งหมด

    ซึ่งเมื่อพิจารณาตัดสินตามหลักกรรมที่แท้จริงในพุทธธรรมแล้ว

    จะเห็นได้ชัดว่า เป็นความเข้าใจที่ห่างไกลจากความหมายที่แท้จริงเป็นอันมาก
    </TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row2 vAlign=top align=middle rowSpan=2>กรัชกาย
    บัวแก้ว
    [​IMG]


    เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
    ตอบ: 1170

    [​IMG] </TD><TD class=row2 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=postdetails>[​IMG]ตอบเมื่อ: 18 เม.ย.2008, 8:28 pm</TD><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>
    ศึกษาเรื่องนี้ได้จากหนังสือพุทธธรรมเปิดหน้า 151 ....บทว่าด้วย กรรมในฐานะหลักธรรม

    ที่เนื่องอยู่ในปฏิจจสมุปบาท


    แค่เห็นชื่อปฏิจจ- ก็ยากแล้ว เพราะท่านอธิบายถึงเรื่องจิตใจหรือความดำริแต่ละขณะๆ

    ลึกลงไปถึงเจตนา ฉะนั้นเมื่อพูดถึงกรรมและผลกรรม (กรรมวิบาก) จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

    ที่จะเข้าใจ จึงมีคำถาม-ตอบ-และการปฏิบัติต่อเรื่องนี้ในรูปต่างๆ


    การที่เราใช้หัวข้อแบบนี้เพราะเราสงสัยจริงๆ ว่าที่ๆ เค้าพูดกันว่า

    กรรมมีจริง กรรมติดจรวด กรรมตามสนอง น่ะ มีจริงๆ หรือ?



    ถามว่า กรรมมีจริงไหม ?

    ตอบว่า มีจริง คือ การกระทำทางกาย ทางวาจา และทางใจ

    (กายกรรม วจีกรรม และ มโนกรรม)


    -ที่เค้าพูดๆ กันว่า กรรมติดจรวด (คงหมายถึงให้ผลเร็ว เหมือนจรวด)

    ตอบ....กรรมและผลของกรรม (กรรมและวิบาก) ให้ผลเร็วยิ่งกว่าจรวดอีกครับ

    คิดจบปุ๊บ ผลเกิดปั๊บ เดี๋ยวนั้นขณะนั้นเลย (เรายังไม่ทันเอื้อมมือไปกดปุ่มจรวดด้วยซ้ำ)


    -กรรมตามสนอง..

    -มันก็สนองอยู่แล้วนี่ครับ เมื่อคิดจบ ผลเกิดแก่บุคคลนั้นทันทีดังกล่าว

    แม้คิดอยู่ในใจ ดี-ไม่ดี (กุศลจิต-อกุศลจิต) เล็กๆน้อยๆ ยังไม่แสดงออกทางกาย ทางวาจา

    ก็ตาม ผลแห่งมโนกรรม ก็ไม่สูญเปล่า มันจะค่อยๆสั่งสมเป็นอุปนิสัยปัจจัย

    เป็นบุคลิกภาพ เป็นนิสัยถาวรประจำตัวคนๆ นั้น พูดให้ชัดก็ว่า ใครคิดอย่างไร ได้อย่าง

    นั้น ที่เขาเป็นอย่างนั้นๆ เพราะเขาคิดๆ และทำๆ อย่างนั้นๆ เป็นอาจิณ

    เช่น บุคคลในครอบครัวคุณ sassy (ของมนุษย์ทุกคน) ทุกคนล้วนเป็นไปตามกรรม

    ได้รับผลของกรรม (มโนกรรมสำคัญที่สุด เพราะเป็นต้นกำเนิดกายกรรม วจีกรรม)

    ที่ใกล้ตัวที่สุดก็คือ เพราะรู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเอง ใจร้อนเป็นไฟเลย

    (= มโนกรรม)

    คุณพูดถูกว่า ใจเป็นไฟเลย กิเลสพระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนไฟ 3 กอง

    (ราคัคคิ โทสัคคิ โมหัคคิ)

    เมื่อคิดและเป็นอย่างว่าบ่อย ๆ ก็จะเป็นดังกล่าวแล้วนั้นตามกฎธรรมชาติ

    โดยสภาวะกรรม-วิบาก มันสนองทันทีอย่างนี้

    ส่วนเราต้องการจะให้เป็นอย่างอื่นจากนี้ ต้องมีปัจจัยภายนอกหรือ นิยามอื่นร่วมด้วย
    </TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row1 vAlign=top align=middle rowSpan=2>กรัชกาย
    บัวแก้ว
    [​IMG]


    เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
    ตอบ: 1170

    [​IMG] </TD><TD class=row1 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=postdetails>[​IMG]ตอบเมื่อ: 19 เม.ย.2008, 7:21 am</TD><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>
    ได้กล่าวพาดพิงถึง “เจตนา” ไว้ แต่มิได้ขยายความตามนัยพุทธศาสนา

    เจตนานัยนี้ มีความหมายลึกซึ้งกว่าที่เข้าใจกันในภาษาไทย

    จึงขอเสริมความเข้าใจความหมายของคำว่า เจตนา

    ตามพุทธพจน์ที่ว่า "ภิกษุทั้งหลาย เจตนานั่นเอง เราเรียกว่ากรรม บุคคลจงใจแล้ว

    จึงกระทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ" เป็นต้น

    (องฺ.ฉกฺก. 22/334/463)
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row2 vAlign=top align=middle rowSpan=2>กรัชกาย
    บัวแก้ว
    [​IMG]


    เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
    ตอบ: 1170

    [​IMG] </TD><TD class=row2 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=postdetails>[​IMG]ตอบเมื่อ: 19 เม.ย.2008, 7:25 am</TD><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>
    (จากพุทธธรรมหน้า 176 )

    เจตนาในทางธรรม มีความหมายละเอียดอ่อนกว่าที่เข้าใจกันทั่วไปในภาษาไทย


    กล่าวคือ

    ในภาษาไทย มักใช้เจตนาต่อเมื่อต้องการเชื่อมโยงความคิดที่อยู่ภายใน กับการกระทำที่

    แสดงออกมาในภายนอก เช่น พูดพลั้งไป ไม่ได้เจตนา หรือ เขากระทำการโดยเจตนา ฯลฯ

    แต่ในทางธรรม คือ ตามหลักกรรมนี้ การกระทำการพูดที่แสดงออกภายนอกโดยจงใจก็ดี

    ความคิดต่างๆ แม้เล็กๆน้อยๆ ที่เกิดขึ้น ๆ ชั่วครู่ชั่วขณะแล้วผ่านไปๆ ภายในจิตใจก็ดี

    การคิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งในลักษณะใดลักษะหนึ่งก็ดี ความรู้สึกและท่าทีของจิตใจต่อสิ่งต่างๆ

    ที่ได้ประสบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และที่ระลึกหรือนึกขึ้นมาในใจก็ดี ล้วนมีเจตนาประกอบ

    อยู่ด้วยทั้งสิ้น

    เจตนาจึงเป็นเจตน์จำนง ความจงใจ การเลือกอารมณ์ของใจ ตัวนำที่หันเหชักพาทำให้จิต

    เคลื่อนไหวโน้มน้อมไปหาหรือผละไปจากสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือมุ่งไป

    ในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง เป็นหัวหน้าเป็นผู้จัดการ หรือตัวเจ้ากี้เจ้าการของจิตว่า จะเอาอะไร

    ไม่เอาอะไร กับเรื่องใดอย่างไร เป็นตัวการจัดแจงแต่งวิถีทางของจิต และในที่สุดก็เป็นตัวการ
    ปรุงแต่งจิตนั้นให้เป็นไปต่างๆ

    เมื่อเจตนาเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง ก็คือกรรมเกิดขึ้นทีหนึ่ง เมื่อกรรมเกิดขึ้นแล้วก็มีผลทันที

    เพราะเมื่อเจตนาเกิดขึ้น ก็คือกิจกรรมเกิดขึ้นในจิตแล้ว จิตมีการเคลื่อนไหว

    หรือไหวตัวแล้ว แม้เป็นเพียงความคิดอะไรเล็กน้อย ซึ่งถึงจะไม่มีผลอะไรสำคัญ

    แต่ก็ไม่ไร้ผลเสียเลย อย่างน้อยก็เป็นละอองกรรมอันละเอียดที่สั่งสม หรือ พอกเข้าไว้

    เป็นเครื่องปรุงแต่งคุณสมบัติของจิตอยู่ภายใน เมื่อมากขึ้น เช่น จิตเสพความคิดนั้นบ่อยๆ

    หรือความคิดนั้นรุนแรงขึ้น จนออกมาภายในอก ผลก็แรงขึ้นขยายออกมาเป็นลักษณะนิสัย

    บุคลิกภาพเป็นต้น

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row1 vAlign=top align=middle rowSpan=2>กรัชกาย
    บัวแก้ว
    [​IMG]


    เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
    ตอบ: 1170

    [​IMG] </TD><TD class=row1 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=postdetails>[​IMG]ตอบเมื่อ: 19 เม.ย.2008, 7:29 am</TD><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>
    (ต่อ)

    เช่น เจตนา ในทางทำร้าย ไม่ต้องพูดถึงกรรมร้ายแรงถึงขั้นจะฆ่าคน แม้แต่การทำลาย

    สิ่งของเล็กๆน้อยๆเหลือเกิน ถ้าทำด้วยเจตนาทำร้าย คือประกอบโทสะจิตหรือ

    มีความโกรธ

    อย่างคนฉีกกระดาษด้วยความฉุนเฉียว ทั้งที่กระดาษนั้นไม่มีคุณค่าสำคัญอะไร

    แต่ย่อมมีผลต่อคุณภาพจิต หาเหมือนกันไม่กับฉีกกระดาษของคนที่ทำด้วยจิตปกติ

    โดยรู้ว่าจะไม่ใช้กระดาษนั้นแล้ว


    เมื่อทำอะไรๆ ด้วยเจตนาอย่างนั้นบ่อยๆ ผลแห่งการสั่งสมก็จะปรากฏชัดยิ่งขึ้น และอาจขยาย

    กว้างออกไปในระดับต่างๆโดยลำดับ เปรียบเหมือน ฝุ่นละออกที่ปลิวเข้ามาในห้องทีละเล็ก

    ละน้อยอย่างที่มิได้สังเกตเลย ย่อมไม่มีส่วนใดที่ไร้ผลเสียเลย แต่ผลนั้นจะสำคัญแค่ไหน

    นอกจากเป็นไปตามแรงและปริมาณของที่สั่งสมแล้ว ยังสัมพันธ์กับคุณภาพและการใช้งาน

    ของจิตในระดับต่างๆอีกด้วย

    ฝุ่นละอองปลิวลงจับท้องถนนกว่าจะทำให้รู้สึกสกปรก ก็ต้องมีปริมาณมากมาย

    ฝุ่นละอองปลิวลงพื้นเรือน แม้น้อยกว่านั้น ก็รู้สึกสกปรก

    ฝุ่นละอองน้อยกว่านั้น ลงจับโต๊ะเขียนหนังสือ ก็สกปรกและรบกวนงาน

    น้อยกว่านั้นอีกลงจับกระจกเงาส่องหน้า ก็รู้สึกเปื้อนและกระทบการใช้งาน

    ธุลีละอองนิดเดียวลงจับแว่นตา ก็รู้สึกได้และทำให้การเห็นพร่ามัวได้

    อุปมาอย่างอื่น เช่น เอามีดขีดที่พื้นถนน ที่พื้นห้อง ที่กระจกแว่นตา ก็ทำนองเดียวกัน ฯลฯ


    รวมความคือเจตน์จำนงคือเจตนาหรือกรรมนั้นแม้เล็กน้อย ก็มิได้ไร้ผล

    อาจอ้างพุทธศาสนสุภาษิตว่า “กรรมดีหรือชั่วทุกอย่างที่คนสั่งสมไว้ ย่อมมีผล ขึ้นชื่อว่า

    กรรม แม้จะนิดหน่อย ที่จะว่างเปล่าไปเลย ย่อมไม่มี” ขุ.ชา.27/2054/413

    (แต่ไม่พึงสับสนกับเรื่องกรรมที่ไม่ให้ผลในระดับวิถีชีวิตภายนอก)


    และว่า “กรรมไม่ว่าดีหรือชั่ว ย่อมไม่สูญเปล่าเลย” ขุ.ชา.28/864/306

    -ผลทางด้านกรรมนิยามในระดับจิตใจนี้ คนจำนวนมากคอยจะมองข้าม ไม่เห็นความสำคัญ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row2 vAlign=top align=middle rowSpan=2>กรัชกาย
    บัวแก้ว
    [​IMG]


    เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
    ตอบ: 1170

    [​IMG] </TD><TD class=row2 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=postdetails>[​IMG]ตอบเมื่อ: 19 เม.ย.2008, 7:32 am</TD><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>
    -กรรมนิยาม เป็นหนึ่งใน 5 นิยามที่คัมภีร์ทางศาสนาอธิบายไว้

    จะนำความหมายของกรรมนิยามที่กล่าวถึงให้พิจารณา สั้นๆ ดังนี้


    -กรรมนิยาม - กฎธรรมชาติเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ คือกระบวนการก่อการกระทำ

    และการให้ผลของการกระทำ

    หรือ พูดให้จำเพาะลงไปอีกว่า กระบวนการแห่งเจตน์จำนงหรือความคิดปรุงแต่งสร้างสรรค์

    ต่างๆ พร้อมทั้งผลที่สืบเนื่องออกไปอันสอดคล้องสมกัน เช่น ทำกรรมดี มีผลดี ทำกรรมชั่ว

    มีผลชั่ว เป็นต้น


    -นิยาม แปลว่า กำหนดอันแน่นอน ทำนองหรือแนวทางที่แน่นอน หรือความเป็นไป

    อันมีระเบียบแน่นอน เพราะปรากฏให้เห็นว่า เมื่อมีปัจจัยอย่างนั้นๆ แล้ว ก็จะมีความเป็น

    ไปอย่างนั้นๆ แน่นอน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row1 vAlign=top align=middle rowSpan=2>WRP
    บัวผลิหนอ
    [​IMG]


    เข้าร่วม: 30 ธ.ค. 2007
    ตอบ: 15

    [​IMG] </TD><TD class=row1 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=postdetails>[​IMG]ตอบเมื่อ: 19 เม.ย.2008, 8:49 am</TD><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>อยากให้ทำใจยอมรับให้ได้ถึงแม้จะยากค่ะ เพราะถ้าเราไม่มีกรรมร่วมกับเค้า ครอบครัวเราไม่เคยทำบางอย่างไว้กับเค้าคงไม่ต้องเกิดมาเจอ ไม่ต้องมารู้จัก ดูครอบครัวอื่นสิ คนอื่นสิไม่เห็นมี ไม่มี ไม่ได้รับความทุกข์แบบที่เราเจอเลย มีแต่ที่ดูทุกข์กว่าหรือไม่ก็สุขกว่า เป็นเพราะอะไร มันเป็นผลของกรรมที่ต้องรับไปอย่างนั้นเพียงแต่เราจำไม่ได้ว่าทำไม ทำไมเราต้องสมควรได้รับ

    ....ที่บอกไปไม่ได้ให้คิดว่าตัวเอง ต้อยต่ำทำชั่วใดๆ มาก่อนจนต้องรับเรื่องเลวร้ายแบบนี้ นะค่ะ แต่ให้ทราบว่ามีกรรมย่อมมีผลของกรรมแน่นอนค่ะ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว เรื่องที่คุณได้รับก็คงต้องบอกว่าได้รับช้าแล้วนะค่ะ ไม่อย่างนั้นคงจะจำได้ว่าทำไมถึงต้องได้รับผลแบบนี้..

    กฎแห่งกรรมมีจริงค่ะ อย่าได้ไขว้เขวเลย

    คำแนะนำ : เรื่องแม่ของคุณที่หลงลูกชายคนโต น่าจะเปลี่ยนวิธีพูดหน่อยนึงนะค่ะ ให้เค้าฟังเราบ้าง ในเมื่อเค้าหลงลูกชายมาก ก็ควรบอกถึงโทษของการที่ลูกชายทำบาปต่างๆ กับเค้า เช่นบอกว่า แม่คิดว่าลูกชายเค้าทำดีแล้วเหรอ สาทยายบาปต่างๆ ที่เค้าทำแล้วบอกว่าแม่คิดว่าคนแบบนี้ถ้าไม่มีแม่อยู่แล้วจะมีชีวิตต่อไปได้เหรอ จะหาความเจริญในชีวิตก็คงไม่มีทางพบแน่ แล้วถ้ามีสวรรค์มีนรก แม่คิดมั้ยว่าเค้าต้องไปนรก แล้วจากนั้นค่อยบอกไปว่าถ้าแม่รักเค้าจริงควรจะสั่งสอนด้วยความเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นลูกชายสุดที่รักของแม่จะกลายเป็นคนชั่วที่ไม่อาจกลับใจ ตกนรกทั้งตอนมีชีวิต และหลังจากไม่มีชีวิต แน่นอน
    ตอนพูดก็ให้พูดอย่างใจเย็น แม่ไม่ฟัง ด่ากลับมาก็ต้องค่อยๆ พูดใจเย็นๆ สงสารแม่ให้มาก คิดว่าถ้าเราไม่ช่วยพูด ใครอื่นจะมีช่วยแม่เราได้

    อันนี้เป็นคำแนะนำนะค่ะ อาจไม่เห็นด้วย หรือเห็นด้วยนำไปใช้ก็ได้ สาธุ ขอให้บุญใดๆ ที่ข้าพเจ้าได้ทำมาตั้งแต่ชาติแรก ส่งผลคุณประสบแต่โชคดี ส่วนจิตใจที่ร้อนรุ่ม และความทุกข์อื่นๆ ขอให้หายจากความทุกข์นั้นในทันทีด้วยเถิด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row1 vAlign=top align=middle rowSpan=2>
    บัวผลิหนอ
    [​IMG]


    เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2007
    ตอบ: 2

    [​IMG] </TD><TD class=row1 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=postdetails>[​IMG]ตอบเมื่อ: 19 เม.ย.2008, 3:58 pm</TD><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>ไม่รู้ว่าเจ้าของกระทู้ยังอ่านอยู่หรือเปล่า [​IMG]

    เรื่องนี้ แบ่งเป็นสองเรื่องนะครับ
    เรื่องแรก การทำความเข้าใจของคำว่า กรรม และ ผลของกรรม
    เรื่องที่สอง ทำอย่างไรได้บ้าง เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เล่ามา


    กรรม แปลง่ายๆ คือ การกระทำ (รายละเอียดที่ลึกลงไปถ้าสนใจก็ศึกษาต่อๆ ไป)
    ทีนี้ การกระทำของเรา ทั้งที่ออกมาทางกาย ออกทางคำพูด แม้การรู้สึกนึกๆ คิดๆ ทางใจ
    มีผลของการกระทำนั้นทั้งสิ้น เรียกว่า ผลของกรรม ภาษาวัดๆ เรียก วิบากกรรม

    เจ้าของกระทู้ ตะโกนก้องเหมือนเป็นคำถาม แต่ที่จริง ต้องพูดตรงๆ ต้องยอมรับตรงๆ ว่า
    ไม่สาแก่ใจที่จะให้ คนไม่ดี ได้รับผลตอบแทนอย่างสาสมสักที
    จึงมีคำถามแบบนี้ออกมา ทั้งที่จริงแล้ว ด้วยใจปกติ จะทราบได้ว่า
    เราหรือใคร ทำอะไรไว้ ผลสิ่งนั้นย่อมมีสิ่งตามมาแน่นอน
    และอีกอย่างที่ หลายคนเขวๆ ไป คือ ชอบบอกว่า ทำดีไม่ได้ดี
    แต่สิ่งที่เขาต้องการการตอบแทน ไม่ใช่ความดี จะเป็น ทรัพย์สินเงินทอง
    หรือวัตถุที่มาสนองความต้องการ เสียทั้งหมด

    บางทีการกระทำบางอย่าง มีการส่งผลต้องดูเหตุปัจจัยอื่นๆ อีกด้วย
    ในกรณีนี้ เหตุปัจจัยดีๆ มารองรับและทำให้ผลที่จะตอบแทนเขาเนิ่นช้าออกไป

    เห็นง่ายๆ คือ ความดีของแม่คุณเองรองรับเอาไว้ และที่จริงก็มีความดีของทุกคน
    ในครอบครัว ที่ยอมนิ่งเฉย ยอมรับกลายๆ รองรับให้ผลเนิ่นช้าออกไป
    (ที่บอกแบบนี้ไม่ใช่ลุกขึ้นมาจัดการนะครับ เดี๋ยวจะไปกันใหญ่)

    ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ใช่เหตุบังเอิญ มีที่มา และเหมาะสมกับสิ่งที่เกิดขึ้น เสมอ..

    .....

    ขอคุยเรื่องที่สองนะครับ เรื่องแรกน่าจะได้ข้อมูลในระดับหนึ่ง
    เรื่องที่สอง ทำอย่างไรได้บ้าง เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เล่ามา

    สิ่งที่ทำได้ คงได้ยินมาบ่อยจนน่าเบื่อ แต่เป็นเรื่องจริง ที่บางครั้งเรามองข้ามไป
    คือ ต้องแก้ไขที่ตัวเองก่อน
    1. ความขุ่นข้องหมองใจ ของตัวเอง จะจัดการกับมันอย่างไร
    2. คุณปฏิบัติกับแม่ของคุณ อย่างมีเงื่อนไขหรือไม่

    ความขุ่นข้องหมองใจของเรา เกิดที่เรา ใครที่โดนความเร่าร้อนที่เผาเราทุกขณะ
    ในขณะที่ คนไม่ดี สบายใจกับการกิน เที่ยว และการกระทำอื่นๆ

    เรื่องนี้หาเอาเอง บางทีภูมิคุ้มกัน ต้องสร้างกันเอง

    คุณปฏิบัติกับแม่ของคุณ อย่างมีเงื่อนไขหรือไม่
    เรื่องนี้ขอให้เน้นมากๆ ว่า คุณปฏิบัติต่อแม่หรือพ่อ อย่างที่เราคาดหวังไหม
    เราปฏิบัติต่อท่าน ได้อย่างไม่มีเงื่อนไขไหม ไม่ว่าท่านจะเป็นอย่างไร
    จะทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจขนาดไหน (ทั้งที่เราอาจจะคิดไปเองเกินความจริง?)

    ท่านชอบแบบไหน มีความต้องการอย่างไร
    เราไปคาดหวัง คาดคั้นให้ท่านเปลี่ยนตามที่เรา “ต้องการ” หรือเปล่า

    ถ้าเราปฏิบัติกับท่านอย่างมีเงื่อนไขน้อยที่สุด
    อย่างน้อยเราก็ช่วยแบ่งเบาความหนักใจของท่านออกไปได้ ส่วนหนึ่ง
    แทนที่ท่านจะหนักใจกับพี่ชายแล้ว ยังต้องมาหนักใจกับลูกคนอื่นๆ
    ที่เราไปคาดหวังให้ท่าน “ไม่หวัง” ในสิ่งที่ท่านหวังมาตลอดชีวิต

    เป็นการตอกย้ำให้ท่านช้ำใจ ซ้ำลงไปอีก โดยที่เราเรียกว่า ความหวังดี

    หวังว่า คงไม่ทำให้เจ้าของกระทู้ขุ่นข้องหมองใจนะครับ และ
    ผมเชื่อว่า ท่านจะผ่านอุปสรรคของชีวิตนี้ จนเปลี่ยนเป็นภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงได้</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row2 vAlign=top align=middle rowSpan=2>sassy
    บัวผลิหนอ
    [​IMG]


    เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2008
    ตอบ: 4
    ที่อยู่ (จังหวัด): Bkk., Thailand
    [​IMG] </TD><TD class=row2 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=postdetails>[​IMG]ตอบเมื่อ: 21 เม.ย.2008, 1:27 pm</TD><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>ขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่สละเวลาอันมีค่ามาบรรยาย และอธิบายให้ฟัง
    เมื่อคืนนี้น้องสาวแม่ผูกคอตายอีกคน สงสัยวิบากกรรมของแม่ข้าพเจ้าจะยังไม่จบจริงๆ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row1 vAlign=top align=middle rowSpan=2>sassy
    บัวผลิหนอ
    [​IMG]


    เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2008
    ตอบ: 4
    ที่อยู่ (จังหวัด): Bkk., Thailand
    [​IMG] </TD><TD class=row1 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=postdetails>[​IMG]ตอบเมื่อ: 21 เม.ย.2008, 1:41 pm</TD><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>เท่าที่อ่านๆมะค่อยเข้าใจมากนะ
    แต่หมายถึงสิ่งที่เราๆคนในครอบครัวกะทำก้อส่งผลลัพธ์ออกมาในรูปแบบนี้ใช่มั้ยคะ
    ที่คุณ ฬ ถามว่า ทำแบบมีเงื่อนไข? ก้อคงตอบว่าใช่
    แต่เงื่อนไขที่ว่านี้ คือ มะต้องให้ หรือ ตอบแทนอะไรกลับมาให้เรา
    เพราะสิ่งที่แม่ให้ข้าพเจ้า คือ การให้กำเนิด ก้อสุดแสนจะทดแทนไม่หมด
    แต่เรา พี่สาว กะ พ่อ ได้พยายามพูด และ ทำทุกอย่างที่เป็นการทำให้แม่ของเราเหงถึงสิ่งที่ท่านทำอยู่ว่ากะลังส่งผลเสียให้ลูกชายของท่าน
    แต่ท่านมองอีกมุม ท่านมองในมุมว่า เค้าแย่ ท่านถึงห่วง คืออธิบายแล้วคงงงไปกันใหญ่
    แบบยกตัวอย่าง ถ้ามีลูกติดยา พ่อแม่ที่รักในทางที่ถูกคงจับลูกหักดิบ แต่แม่เราเปงอีกแบบคือ มะกล้าให้ลูกหักดิบ เพราะกัวลูกเจ็บ กัวลูกทรมาน ประมาณนี้เข้าใจกันไหมเอ่ย?

    มะคืนแย่ไปกันใหญ่ แม่เจอศพน้องสาวตัวเองผูกคอตายคาตา แม่ยังอุ้มศพลงมา มะคืนแม่ช๊อกมากๆ เราก็รู้สึกแย่ไปด้วยเลย วันเสาร์พาแม่ไปไหว้เจ้า วันอาทิตย์พาไปไหว้พระ กลับมาตอนเยงมีเรื่องอีก ตอนนี้เรารู้เลยสภาพจิตใจแม่เราแย่ แบบ แย่มากๆ

    รู้สึกถึงคำสอนของแม่ชีตอนไปปฏิบัติธรรมมาก้อคราวนี้ การมีชีวิตคือทุกข์ดีๆนี่เอง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row2 vAlign=top align=middle rowSpan=2>ตามรอย
    บัวใต้ดิน
    [​IMG]


    เข้าร่วม: 16 เม.ย. 2008
    ตอบ: 109
    ที่อยู่ (จังหวัด): เชียงใหม่
    [​IMG] </TD><TD class=row2 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=postdetails>[​IMG]ตอบเมื่อ: 22 เม.ย.2008, 2:28 pm</TD><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>ถ้าหากว่าท่านไม่แน่ใจในกรรม ลองถามตัวท่านดูซิว่าท่านทำ
    สิ่งใดดีสิ่งใดไม่ดีแล้วได้ผลตอบแทนนั้นหรือไม่ ถ้าหากท่านมองมะออก
    แสดงว่าท่านยังขาดสติสังเกตุธรรมต่างๆ (อันนี้ท่านมรรคาสอนข้าพเจ้ามา)
    เช่นเวลาท่านให้ทานแล้วท่านรู้สึกอิ่มบุญสบายใจ นั่นเป็นส่วนหนึ่งของ
    กรรมท่านแล เจริญธรรม [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สิ่งที่ผมนำมาลงให้ได้อ่านกัน นี่ก็คือ กรรม ที่คนหรือมนุษย์ทุกคน ย่อมต้องได้รับผลของกรรม และต้องพิสูจน์เอง ด้วยตนเองเท่านั้น เมื่อวันนั้นมาถึง จะมาโอดครวญ ขอร้อง วิงวอน ขอความเมตตา ก็ไม่มีประโยชน์อันใด

    ผมต้องทำบุญ ทำกุศลต่อไป จนกว่าชีวิตผมจะหาไม่ ผมเองก็มั่นใจพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่านก็เช่นกันที่ร่วมทำบุญร่วมกันหรือไปทำบุญตามที่ตนเองประสงค์และปราถนากันตลอดไป

    ชีวิตของเรา ไม่แน่นอน ยังไม่รู้ว่า ในเวลาต่อมา วันต่อไป หรือวันไหนๆในอนาคตที่เรายังคงได้มีโอกาสหายใจ แต่ถ้าหากหายใจเข้าออกโดยไม่มีหรือไม่ทำประโยชน์ ไม่ทำบุญทำกุศลให้กับตนเอง เสียชาติเกิดเปล่าๆ ที่สำคัญที่สุด ไม่ทำบุญปนบาป

    โมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ
     
  10. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    ไม่พูดต่อแล้วล่ะครับ
    สิ่งใดที่ทำให้จิตไม่ดีจะพยายามไม่ทำครับ
    น้องเอ

    และขออนุญาตลบโพสท์ที่แล้วเนื่องจากน้อมรับฟังคำเตือนจากพี่ๆครับ
    น้องเอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2008
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มีหลังไมค์มาสอบถาม ขออนุญาตนำลงหน้าบอร์ด แต่ขอสงวนท่านผู้สอบถามครับ

    *************************************************


    <TABLE class=tborder style="BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat colSpan=2>ข้อความส่วนตัว: Re: สอบถามหลังไมค์...อีกแล้ว</TD></TR><TR><TD class=alt1>Recipients:

    </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- post # --><TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] วันนี้, 09:37 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right></TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 09:38 AM
    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 23,722
    Groans: 108
    Groaned at 85 Times in 48 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 9,421
    ได้รับอนุโมทนา 146,203 ครั้ง ใน 19,802 โพส
    พลังการให้คะแนน: 13957 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->[​IMG] Re: สอบถามหลังไมค์...อีกแล้ว
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เรื่องนัดพบกัน ที่บ้านปู่ ผมจะโทร.ไปแจ้งทุกๆท่านนะครับ ว่าเราจะไปกันเมื่อไหร่ดี

    ขอบคุณครับ

    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ไม่ทราบว่าใช่บ้าน อ.ปู่ประถม ใช่ไหมครับ แล้วถ้าไม่ใช่กลุ่มที่รู้จักหรือสนิทสนมโดยทั่วไป หรือว่า แค่รู้จักทาง Net พอจะมีส่วนร่วมได้ไหมครับ (คำถามนี้ถ้าไม่สมควรก็ต้องขออภัยด้วยครับ) ผมได้อ่านในหนังสือพลังจิต แล้วที่คุณ Sitthiphong ได้ลงไว้เกี่ยวกับการไปสงน้ำหลวงปู่ใหญ่ และพระอภิญญาใหญ่ต่างๆ ที่บ้าน อ.ประถม ฉบับเดือนพฤษภาคม ครับ เห็นบรรยากาศแล้วอบอุ่นครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    จะบอกว่า ที่ผมเรียกทุกๆท่านที่ไปบ้านท่านอาจารย์ประถม ว่า พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ นั้น เป็นเรื่องของความอบอุ่นจริงๆ ไม่มีหน้ากาก ไม่มีความอิจฉาริษยา ไม่มีสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย ทุกๆท่านไปเพื่อบุญ เพื่อมิตรภาพกันจริงๆ นี่แค่ในรูปที่อยู่ในหนังสือ เห็นแล้วรู้สึกถึงความอบอุ่น แต่ถ้าไปเห็นบรรยากาศจริงๆ ดีกว่านี้มากมายครับ

    โดยส่วนตัวก็มีความรู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง เนื่องจากการนัดพบกันแต่ละครั้ง ผมต้องคอยต้อนรับ คอยดูแลทุกๆท่าน ไม่มีเวลาในการเข้าไปคุยกับท่านอาจารย์ประถม เพื่อขอความรู้เลยในระยะหลังที่ผ่านมา แต่ก็เพื่อพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน ผมก็ไม่มีปัญหาอะไร

    ส่วนที่จะร่วมไปด้วยนั้น ผมต้องขอโทษ ขอให้เข้ามาพูดคุยกันก่อน เพื่อศึกษานิสัยใจคอ(จริงๆแล้วผมเชื่อว่า การพูดคุยกันบนnet ยังไม่สามารถที่จะบอกอะไรได้) และที่สำคัญ เมื่อถึงเวลา ก็ต้องได้พบกันที่บ้านท่านอาจารย์ประถมแน่นอน เหมือนกับอีกหลายๆท่าน เช่นคุณเพชร ,คุณnongnooo ,คุณตั้งจิต ,น้องเอ(aries2947) ,พี่ตุ่น(พิมพาภรณ์) และอีกหลายๆท่าน เวลาที่นัดพบกันก็ไม่ต่ำกว่า 10-15 ท่านขึ้นไป

    โมทนาสาธุครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ผมนึกถึงคำกลอนบทหนึ่ง ที่ว่า............ใครชั่วใครชัง ช่างเขา ....ใจเราร่มเย็นเป็นพอ

    ลองเซิร์ทหาดู ปรากฏว่าที่ได้มาใช้ได้ ถูกใจทั้งหมด เลยขอยกมาฝากทุกท่านด้วยกันทั้งหมดครับ
    ขอขอบคุณแหล่งที่มา http://www.mettadham.ca/expert5.htm

    ความดี
    ใครชอบใครชัง ช่างเถิด
    ใครเชิดใครชู ช่างเขา
    ใครว่าใครบ่น ทนเอา
    ใจเราร่มเย็น เป็นพอ

    ทำดีเพื่อตัว จะมัวหมองชั่วชีวิต
     
  13. กมโล

    กมโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    270
    ค่าพลัง:
    +229
    ผมคงไม่ได้ไปแน่ๆเลย อยู่ที่เชียงใหม่แน่ะครับ ขอส่งใจไปแทนละกัน
    หากมีโอกาส+วาสนา คงได้ไปกับพี่ๆน้องๆทุกท่าน
    โมทนาด้วยครับ
     
  14. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ง่ำๆ วันนี้คุณลุงข้างบ้านมีธุระข้างนอกไม่อยู่บ้านครับ วันนี้เลย ไม่ได้ไปฉก มาลงโชว์ให้ดูกันครับ ว่ากันว่าลุงแกมีมเหศวร เนื้อชินเงินกิ๊บ เก๋ จ๊าบสุดๆ เดี๋ยวผมจาถามแกก่อนนะครับ ลุงแกงกนิดหน่อยครับ พี่ๆ...
     
  15. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ถ้าลุงแกกลับมา อยากให้ลุงขอจากลุงมาให้ผมบ้างนะ ผมละช๊อบชอบ พระมเหศวร
     
  16. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    หากวาสนาจะได้เจอ เราคงได้เจอกันครับ(f)
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ลุงใจดีอยู่แล้ว แถมลุงnongnooo ก็ใจดีอีกด้วย ช๊อบ ชอบเหมือนกันเลย

    .
     
  18. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ปล. บอกลุงแกว่า เอามาแลกกับพระพิมพ์สมเด็จอัศนีย์ของลุงที่ผมรู้จักก็ได้[​IMG]
     
  19. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ถามลุงแกแล้วครับ สมเด็จอัศนีย์มาแลก นี่แกบอกขอคิดก่อน อ่ะครับ หุ หุ แกหวงจิงๆ ลองคิดดูสิครับ จาเจ๋งเป้ง ขนาดไหน เนี่ย:cool:
     
  20. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    เอ้า ฉกมาโชว์ พ่อแม่พี่น้องได้ 2องค์ อะครับ พิมพ์อารายแกอุบไว้อีกล่ะ บอกให้ถามอีกละ ผมละเบื่อลุงแกเลย อย่าเผลอนะ จาบี้ซะเลย(smile)
    ได้ยินแว่วๆว่า1ในนั้น ของวังอาราย ทาๆนะไม่แน่ใจครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...