ลงชื่อผู้สนใจเรียนพลังยูเรอัส ระดับ 1

เป็นกำลังใจคุณกุ้งนะครับ
ผมเองก็ไม่ถึงขั้นติดจรวดหรอกครับ เชื่อว่าดวงจิตของมนุษย์มีคุณสมบัติติดตัวเท่าเทียมเสมอเหมือนกันหมดครับ เพียงแต่สติสัมปชัญญะมีความคมชัดแตกต่างกันเท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้สามารถฝึกฝนกันได้ (หากลงมือทำ) ผมเองก็ไม่เคยนั่งสมาธิยาวนานถึง 2- 4 ชั่วโมงเลย อย่างมากก็ 1 ชั่วโมง แต่หลังๆเหลือ 15- 20 นาทีเท่านั้นเองครับใช้การเหนี่ยวนำความรู้และพลังงานจากต่างมิติ ด้วยจักระที่ 6 เป็นหลัก จะทำสมาธิตอนก่อนนอนและตอนเช้าเป็นส่วนใหญ่ ที่เหลือก็รักษาสติยามตื่นเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เพราะเราไม่ใช่พระหรือนักบวชที่จะมีเวลานั่งสมาธินานๆครับ เลยอาศัยความสภาวะของธรรมชาติซึ่งเป็นเงื่อนไขของมิติโลกดำเนินชิวิตไปตามที่ควรจะเป็น ง่ายๆ ไม่ซับซ้อนครับ ไม่ติดสุข-ทุกข์จนเกินไป ขอให้มีความตั้งใจสร้างสรรค์เรียนรู้ชีวิตให้ก้าวไปด้วยความฝัน และหากมีปณิธานแห่งนิพพานด้วยยิ่งดี
ง่ายดีมั๊ยครับ ^o^

 

แรกเริ่ม ผมจะใช้เวลาตอนค่ำหลังจากทานอาหารแล้ว
รักษาตัวเอง และคนในครอบครัว

ก่อนจะเข้านอนขอพลังจากพระสูงสุด

ตื่นตอนเช้า นั่งสมาธิ 10-15 นาที

พยายามทำให้ได้ทุกวันครับ

พอมาถึงระดับ 5 ส่งรักษาทางไกลได้
ก็จะจดชื่อ นามสกุล ของผู้ที่เราจะรักษาไว้
ก่อนเข้านอนก็จะขอพลังส่งไปรักษาคนป่วย ตามรายชื่อที่จดไว้
หากคนป่วยมีอาการหนัก เช่นกำลังฉายแสง ฉีดคีโม
ก็จะขอส่งพลังในรอบเช้าอีกครั้งครับ

อีกอย่างร่างกายเราก็จะค่อยๆแข็งแรงขึ้น ตอนนี้เอวผมขึ้นมา 1 นิ้วแล้วครับ
จักระ 6,7 ได้ทำงานทุกวัน รู้สึกสัมผัสสิ่งละเอียดได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ต้องมีสติคิดพิจารณาควบคู่ไปด้วย เพื่อไม่ให้หลงเตลิดเปิดเปิงครับ

 

ขอเสริมนิดนึง ถ้าคุณ kung ฝึกจนชำนาญแล้ว สามารถฝึกได้ทุกที่ ทุกเวลาไม่เลือกสถานที่ (พลังยูเรอัสฝึกได้ไม่เกิน30 นาที/วัน) และที่สำคัญให้นึกถึงพระสูงสุดตลอดเวลา(ทุกลมหายใจถ้าทำได้)

 

ขอให้พวกเราเน้นฝึก สภาพร่างกายของเราให้แข็งแรง และควบคู่ไปกับการฝึกพลังยูเรอัส เพื่อรักษาตัวของเรา และล้างพิษตกข้างที่เราสะสมมา

 

ขอเป็นความรู้หน่อยครับ คุณ sa :love:
เวลาถือศึลอดนี่ทำอย่างไรบ้างและแท้จริงแล้วเพื่ออะไรครับ
การรับพลังปราณแทนอาหาร น่าจะทำได้นะแต่ร่างกายเราต้องพร้อมด้วยถูกมั๊ยครับ

 

แบบอย่างที่ดีที่สุด คือ คำสอนของอาจารย์ + จิตของตัวเอง....(ไงลองค้นหาดูนะครับ สู้ๆๆๆ)

ปล. บทเรียนคือความรู้ ประสบการณ์คือครูเรา (ก้าวแรกของเราคือก้าวด้วยตัวเองก่อนครับ)

 

ขอบคุณทุกท่านนะครับ คำตอบต่างๆจะเป็นประโยชน์แก่ท่านอื่นๆด้วยครับ
ขอเน้นจุดที่สำคัญที่สุด คือ ความเป็นตัวของตัวเอง เราจะรู้ว่าวิธีใดสิ่งใด
เหมาะกับเรามากที่สุด ขอบคุณสำหรับไกด์ทุกไกด์ครับ


ขอเป็นความรู้หน่อยครับ คุณ sa :love:
เวลาถือศึลอดนี่ทำอย่างไรบ้างและแท้จริงแล้วเพื่ออะไรครับ
การรับพลังปราณแทนอาหาร น่าจะทำได้นะแต่ร่างกายเราต้องพร้อมด้วยถูกมั๊ยครับ

ขออนุญาติขอเสริมคุณมี้ดครับ ผมเคยได้มีโอกาสใช้น้ำพลังปราน และ
น้ำมโนธาตุ โดยน้ำพลังปรานให้ดื่มตอนเช้า น้ำพลังมโนธาตุให้ดื่มตอน
หลังบ่าย 3 โมงไป โดยให้จิบวันละครั้ง น้อยๆไม่เกิน 3อึก ว่าจะช่วย
เสริมพลังในร่างกายสำหรับคนธรรมดาที่ซึมซับพลังปรานจากธรรมชาติ
ได้น้อยลงเพราะอากาศเป็นพิษ จะทำให้สุขภาพแย่ลงเพราะพลังปรานใน
ธรรมชาติลดน้อยลงมาก คนจะเจ็บป่วยกันมากขึ้น และจิตใจแย่ลงเลวลง
การได้ดื่มน้ำที่บรรจุพลังไว้ในระดับเข้มข้นจะเพียงพอกับที่ร่างกายต้องการครับ

และก็เลยมีคำกล่าวกันบ่อยๆ(จากไหนผมไม่ทราบได้) ว่าผู้ที่ใช้วิธีดึงพลังปราน
จากธรรมชาติเข้าสู่ร่างกาย จะได้พลังปรานที่มีมลพิษติดมาด้วย นอกจากท่านผู้นั้น
สามารถดึงพลังปรานที่ลอยอยู่สูงมากๆ นอกชั้นบรรยากาศซึ่งเป็นพลังปรานบริสุทธิ์ได้
จึงจะไม่มีผลเสียต่อร่างกายซึ่งผู้ที่จะทำเช่นนั้นได้จะต้องเก่งในระดับหนึ่งครับ
อันนี้ไม่ทราบมีความคิดเห็นอย่างไรครับมันจริงหรือเปล่าครับ

 

ขออนุโมทนา ช่วย forward ต่อจะเป็นกุศลยิ่ง.../
<TABLE class=EC_EC_EC_EC_EC_MsoNormalTable style="WIDTH: 100%" cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0.75pt; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; WIDTH: 100%; PADDING-TOP: 0.75pt" vAlign=top width="100%">
สำหรับท่านที่ต้องการดาวน์โหลดหนังสือสวดมนต์ ทำกรรมฐาน ตามแบบหลวงพ่อจรัญ สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ห้องสมุดดิจิตอล เว็บไซต์พระธรรมสิงหบุราจารย์ http://www.jarun.org/v6/th/digitallibraly-book.html
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ขอโทษที่ตอบช้าพอดีคอมมีปัญหา
ในการถือศีลอดรูปแบบของอิสลามนั้น คือการต่อสู่กับความหิว ความกระหาย ความหยาก และความต้องการสิ่งต่างๆที่มาเพิ่มความสบายทางด้านกายภาพ เพราะเราต้องการที่จะรู้ความต้องการในตัวตนที่แท้จริงของเราว่าเราต้องการสิ่งใดแค่ไหน การอดทนกับสิ่งที่ยั่วยุได้ขนาดไหน เมื่อเรารู้แล้ว เราสามารถที่จะต่อสู่กับสิ่งเหล่านั้นได้แค่ไหน
เมื่อเราต่อสู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นในตัวเราเองได้ นั้นเท่ากับว่าเราเริ่มรู้จักตัวเราแล้ว ความพอเพียงในการกิน อยู่ การดำรงชีวิต
ที่กล่าวมานั้นคือส่วนหนึ่งในการเริ่มและก้าวเดินสู่ขั้นต่อไป

 

ขอบคุณครับคุณ sa , คุณกุ้ง
การถือศึลอด คงมีที่มาเพื่อความอดทนทั้งกายและใจ
พร้อมรับมือกับภัยทั้งหลายไปพร้อมๆกันเลยนะครับ
ช่วงนี้มีพระ และฆราวาสหลายคนหันมาฝึกทานอาหารน้อยๆกันอยู่ครับ
และรู้สึกว่าได้ผลดีมาก สุขภาพร่างกายก็ดูอ่อนวัยลงไปด้วยสิครับ

 

เป็นคำกล่าว ของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ครับท่านเป็นผู้เผยแพร่
"วิชาธรรมจักร" ผมเคยไปอบรมกับท่าน และเคยได้ยินคำพูดนี้จาก
ปากของท่านรวมทั้งองค์ความรู้ต่างๆ ทั้งน้ำพลังปราณ ที่เกิดจากการไหลผ่าน
และหมุนรอบแกนปิรามิดที่ทำจากแร่มโนธาตุ ทำให้เกิดคุณสมบัติพิเศษ
สามารถเข้าสู่ระดับเซลล์ในร่างกายของเราและช่วยฟื้นฟูสภาพเซลล์และช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง

สาเหตุที่พลังปราณบริสุทธิ์ลอยสูงขึ้นเนื่องมาจาก สนามแม่เหล็กโลกแปรปรวน
ในอดีตเส้นแรงแม่เหล็กของโลก จากที่เคยอยู่เฉพาะในแนวแกนโลก ซึ่งทำ
หน้าที่เพื่อร้อยเรียงดางดาวต่างๆ และโลกในสุริยะจักรวาล ให้อยู่ในวงโคจร
แต่ปัจจุบันแกนโลกเกิดการอุดตัน ทำให้เส้นแรงไม่เหล็กไม่สามารถทะลุผ่านได้
จึงลามออกมาที่พื้นผิวโลกที่เราอาศัยอยู่ เส้นแรงแม่เหล็กเป็นธาตุหนักเมื่อมี
มากขึ้นๆ ก็เข้ามาแทนที่พลังปราณซึ่งเป็นธาตุที่เบากว่า ทำให้ต้องลอยสูงขึ้น
จากชั้นบรรยากาศ

ส่วนการดึงพลังปราณบริสุทธิ์ ท่านเคยบอกว่าคนที่มีสมาธิสูงจะดึง
พลังปราณบริสุทธิ์เข้ามาให้เต็มได้ต้องใช้เวลา 30 นาที แต่ถ้าใช้หลอดแกน
ปิรามิด และแถบแกนปิรามิด ที่ท่านผลิตขึ้นจะใช้เวลาเพียง 1-2 นาทีเท่านั้น

แต่นั่นเป็นวิชาในแนวทางของท่าน บางอย่างก็อาจไม่เหมือนกับที่เรากำลังเรียนอยู่ตอนนี้ครับ

 

โดยพื้นฐานแล้ว “ลมปราณ” นั้นมีแหล่งที่มาทั้งจากภายนอกและภายในร่างกายของเราเอง ที่มาจากภายนอกก็คือ
1 จากดวงอาทิตย์ “สุริยปราณ” (solar prana) ซึ่งได้ให้ปราณแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายในจักรวาล รวมทั้งตัวเราได้ดูดซับพลังนี้จากแสงแดดที่มาถูกต้องตัวเราโดยตรง หรือโดยทางอ้อมโดยไปกินใช้สัมผัสสิ่งที่ได้ดูดซับพลังไว้เช่นเรากินข้าว ซึ่งได้ดูดซับพลังจากแสงอาทิตย์ไว้ เราก็ได้รับปราณด้วย แต่การตากแดดเป็นเวลานาน หรือการได้รับสุริยปราณโดยตรงมากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อกายเนื้อได้
2 จาก อากาศ “อากาศปราณ” (air prana) เราสามารถดูดซับเข้าในร่างกายด้วยการหายใจ เก็บพลังไว้ตามศูนย์พลัง (จักระ) การหายใจที่ดีควรหายใจให้ ช้า และ ลึก ให้รู้สึกลึกถึงท้องน้อย ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมพลังล่างหรือเรียกว่า “ตันเถียนล่าง” ถ้าช่วงล่างนี้แข็งแรงมีพลังมากก็เปรียบเหมือนรากของต้นไม้ที่หยั่งลึกดูด อาหารและยึดแน่นทำให้มั่นคง
3 จากพื้นดิน “ปฐพีปราณ” (ground prana) เราสามารถดูดซับได้โดยฝ่าเท้าที่เราเหยียบย่ำอยู่ทุกวันได้โดยตรง ผู้ใหญ่มักจะสอนลูกหลานให้เดินเท้าเปล่าตอนเช้าๆบนสนามหญ้า เพื่อดูดซับพลังจากดิน

ปราณ ทั้ง3 ปราณเป็นปราณที่เราได้รับจากภายนอกส่วนปราณที่ได้มาจากอาหารที่เรากินเข้า ไปและถูกย่อยสลายกลายเป็นเลือดเป็นพลังงานให้ร่างกายอาหารที่เรากินเข้าไป นั้นก็ต่างได้รับ “ปราณ”จากสุริยปราณอากาศปราณและปฐพีปราณนั้นเอง

ถ้า เราได้กินอาหารที่สดใหม่ไม่ผ่านกระบวนการมากมายตามขั้นตอนซึ่งเป็นตัวทำลาย พลังชีวิตที่มีอยู่ในอาหารนั้นให้หมดไปเราก็จะได้รับพลัง เช่นการกินผักสด ผลไม้สด เมล็ดธัญพืชที่ไม่ถูกการขัดสีไม่แปรรูปเป็นแป้ง เราก็จะได้รับพลังงานมาก

ผักผลไม้ที่มีตามฤดูกาลและอยู่ประจำถิ่นของเราไม่ควรไปเที่ยวหาซื้อผลไม้จากต่างประเทศมากิน

การที่เราจะดูดซับพลัง “ชีวิต” หรือ “ลมปราณ” ได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับร่างกายและจิตใจของเราด้วย

เหล็กกับแม่เหล็กดูจากภายนอกก็เหมือนกันแต่ต่างกันที่แม่เหล็กมีพลังสามารถ ดูดเหล็กได้และสามารถเหนี่ยวนำให้เหล็กธรรมดากลายเป็นแม่เหล็กได้ด้วย ก็เพราะว่าอะตอมหรือโมเลกุลของแม่เหล็กเรียงตัวกันอย่างมีระเบียบจึงมีพลัง ไม่เหมือนกับเหล็กธรรมดาที่อนุอะตอมหรือโมเลกุลของมันไม่เป็นระเบียบสลับ กันไปมาจึงไม่เกิดพลัง

เปรียบเหมือนคนเราการที่เราจะสามารถดูดซับพลังชีวิตได้นั้น อนู อะตอม หรือโมเลกุลในร่างกายของเราต้องมีระเบียบ มีจิตใจที่มีสมาธิ ไม่สับสนวุ่นวาย เราก็จะดูดซับพลังชีวิตได้ จิิตใจที่ดีงาม ก็จะเหนี่ยวนำพลังงานที่ดีเข้าสู่ตัวเราีในทางตรงกันข้ามหากจิตใจเราไม่ดี มีความโลภ โกรธ ฯลฯ ร่างกายก็จะเหนี่ยวนำดูดพลังที่ไม่ดีเข้ามา


ข้อมูลพื้นฐานจาก :www.the-arokaya.com
และ Ebook : Choa Kok Sui - Pranic Healing

ี

 

ขอยืมมุก พี่ MOUNTAIN มาใช้หน่อยครับ
ป้าสิกา(pasika) มาpost บ้างเด้อ

 

ช่วงนี้กระผม โดนรับน้องอยุ่ ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเลยอะ

ปวดเมื่อยหมด


ได้ใช้วิชาที่ได้ร่ำเรียนมา ฟื้นฟูพละกำลัง รุ้สึกว่า

อาการปวดเมื่อย ดีขึ้นคับบบ

^0^

 

สนใจเรียนเหมือนกันคะ แต่ปิดเทอมช่วงเดือน สค ค่ะ ขอทราบเรื่องเวลาด้วยนะคะ

 

ส่วนใหญ่จะเรียนวันอาทิตย์ครับ
ขึ้นอยู่กับว่าอาจารย์จะว่างอาทิตย์ไหน:d

 

ขอบคุณครับคุณLittle yoda สำหรับข้อมูล

ขอบคุณพี่เม้าท์ กับคุณมี้ดครับ ขอบคุณคำแนะนำท่านอื่นๆด้วยครับ
ตอนนี้ก็ฝึกทุกวันครับก็เห็นผลพอสมควร แต่โดนสิ่งแวดล้อมบีบมากเลยครับ
ทำให้จิตที่ค่อยๆนิ่มลงเริ่มกระด้างมาอีกแล้ว บางทีตามอารมณ์ไม่ทันก็หลุด
อาการออกไปบ้าง เลยพลอยให้รู้สึกว่าการรักษาตัวเองได้ผลน้อยลงไปบ้าง
นะครับ

ไม่ทราบ อ.ท่านกำหนดวันสำหรับสอน ระดับ 3 หรือยังครับ

 

อยากทราบว่าการรักษาโรค กรดไหลย้อน ต้องแตะจักระไหนครับ
จำได้ว่าเคยผ่านตาแวบๆ ในกระทู้พลังจักรวาล แต่ไม่ทราบว่าที่เราเรียน
จะแตะเหมือนกันไหมนะครับ

 

กำลังเป็นโรคนี้อยู่พอดีค่ะ
คิดว่าน่าจะเป็นจักระ 5 หรือเปล่าคะ (เดาค่ะ)

 

โรคกรดไหลย้อน


โครงสร้างของกระเพาะอาหารเมื่อเรารับประทานอาหารทางปาก อาหารจะถูกเคี้ยวและกลืนเข้าหลอดอาหาร อาหารจะถูกบีบไล่ไปยังกระเพาะอาหาร ระหว่างรอยต่อของกระเพาะอาหารและหลอดอาหารจะมีหูรูดหรือที่เรียกว่า Sphincter ทำให้ที่ปิดมิให้อาหารหรือกรดไหลย้อนกลับไปยังหลอดอาหาร เมื่ออาหารอยู่ในกระเพาะจะมีกรดออกมาจำนวนมาก เมื่ออาหารได้รับการย่อยแล้วจะถูกการบีบไปยังลำไส้เล็ก ดังนั้นหากมีกรดไหลย้อนไปยังหลอดอาหารก็จะมีอาการเจ็บหน้าอก
โรคกรดไหลย้อนคืออะไร

คือภาวะที่กรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหารไปยังหลอดอาหารทำให้เกิดอาการเจ็บแน่นหน้าอก หรือแสบหน้าอก บางครั้งอาจจะรู้สึกรสเปรี้ยว
สาเหตุของกรดไหลย้อน

• Hiatus hernia (คือโรคที่เกิดจากกระเพาะอาหารส่วนต้นเข้าไปในกำบังลม)
• ดื่มสุรา
• อ้วน
• ตั้งครรภ์
• สูบบุหรี่
• อาหารรสเปรี้ยว เผ็ด
• ช้อกโกแลต
• อาหารมัน ของทอด
• หอมกระเทียม
• มะเขือเทศ

อาการของกรดไหลย้อน

อาการทางหลอดอาหาร

• อาการปวดเสบร้อนบริเวณหน้าอก และลิ้มปี่ที่เรียกว่าร้อนใน (heart burn) บางครั้งอาจจะร้าวไปที่คอได้
• รู้สึกมีก้อนอยู่ในคอ
• กลืนลำบาก หรือกลืนแล้วเจ็บ
• เจ็บคอหรือแสบลิ้นเรื้อรัง โดยเฉพาะในตอนเช้า
• รู้สึกเหมือนมีรสขมของน้ำดี หรือมีรสเปรี้ยวของกรดในคอหรือปาก
• มีเสมหะอยู่ในคอ หรือระคอตลอดเวลา
• เรอบ่อย คลื่นไส้
• รู้สึกจุกแน่นอยู่ในหน้าอก คล้ายอาหารไม่ย่อย

อาการทางกล่องเสียง และปอด

• เสียงแหบเรื้อรัง หรือแหบเฉพาะตอนเช้าหรือมีเสียงผิดปกติจากเดิม
• ไอเรื้อรัง
• ไอ หรือ รู้สึกสำลักในเวลากลางคืน
• กระแอมไอบ่อย
• อาการหอบหืดแย่ลง
• เจ็บหน้าอก
• เป็นโรคปอดอักเสบเป็นๆหายๆ

การรักษา

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

• ลดน้ำหนักสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกิน เพราะคนอ้วนจะมีความดันในช่องท้องสูงทำให้กรดไหลย้อนได้มาก
• งดบุหรี่เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้เกิดกรดมาก
• ใส่เสื้อหลวมๆ
• ไม่ควรจะนอน ออกกำลังกาย หรือยกของหนักหลังออกกำลังกาย
• งดอาหารก่อนนอน 3 ชั่วโมง
• งออาหารมันๆ อาหารทอด อาหารที่ปรุงด้วยหัวหอม กระเทียม มะเขือเทศ ช้อกโกแลต ถั่ว ลูกอม เนย ไข่ เผ็ด เปรี้ยว เค็มจัด
• รับประทานอาหารพออิ่ม
• หลีกเลี่ยง ชา กาแฟ น้ำอักลม เบียร์ สุรา
• นอนหัวให้สูงประมาณ 6-10 นิ้ว โดยหนุนที่ขาเตียง ไม่ควรใช้หมอนหนุนที่ศีรษะเพราะทำให้ความดันในช่องท้องสูง