ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE borderColor=white cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>พระพุทธประวัติ : ตอนที่ ๒ - ชุมนุมเทวดา อัญเชิญจุติ
    <!-- Main -->[SIZE=-1]พระพุทธประวัติ ภาคพิเศษ : ตอนที่ 2
    ชุมนุมเทวดา อัญเชิญจุติ

    เทพเจ้าทุกชั้นฟ้าชุมนุมกันอัญเชิญเทพบุตรโพธิสัตว์
    ให้จุติมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

    ก่อนที่พระโพธิสัตว์ อันสถิตอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดุสิต จะได้ทรงตรัสรู้บรรลุธรรมเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อโปรดชาวโลกนั้น พระบรมศาสดา ได้ทรงบำเพ็ญบารมี ๑๐ ประการ ใน ๑๐ ชาติ อันได้แก่
    ๑. พระเตมีย์ ทรงบำเพ็ญเนกขัมมบารมี คือ ความอดทนสูงสุด
    ๒. พระมหาชนก ทรงบำเพ็ญวิริยะบารมี คือ ความพากเพียรสูงสุด
    ๓. พระสุวรรณสาม ทรงบำเพ็ญเมตตาบารมี คือ ความเมตตาสูงสุด
    ๔. พระเนมิราช ทรงบำเพ็ญอธิษฐานบารมี คือ ความมีจิตที่แน่วแน่สมบูรณ์
    ๕. พระมโหสถ ทรงบำเพ็ญปัญญาบารมี คือ ความมีปัญญาสูงสุด
    ๖. พระภูริทัต ทรงบำเพ็ญศีลบารมี คือ ความมีศีลที่สมบูรณ์สูงสุด
    ๗. พระจันทกุมาร ทรงบำเพ็ญขันติบารมี คือ ความอดกลั้นสูงสุด
    ๘. พระนารทพรหม ทรงบำเพ็ญอุเบกขาบารมี คือ การมีอุเบกขาสูงสุด
    ๙. พระวิธูรบัณฑิต ทรงบำเพ็ญสัจจบารมี คือ ความมีสัจจะสูงสุด
    ๑๐. พระเวสสันดร ทรงบำเพ็ญทานบารมี คือ การรู้จักให้ทานสูงสุด

    [​IMG]

    เมื่อพระเวสสันดรโพธิสัตว์สวรรคตแล้ว เสด็จไปอุบัติเป็นสันตุสิตเทพบุตรในสวรรค์ชั้นดุสิตก่อนพุทธกาลเล็กน้อย เหล่าเทวดาทุกสวรรค์ชั้นฟ้ามาประชุมปรึกษากันว่า ใครจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ต่างก็เล็งว่าพระโพธิสัตว์สถิตอยู่ในชั้น ดุสิตจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า จึงพากันไปทูลเชิญให้จุติมาโปรดสัตว์โลก เพื่อให้สมกับพระปณิธานที่ตั้งไว้ว่า ทรงบำเพ็ญบารมีมาในชาติใด ๆ ก็มิได้มุ่งหวังสมบัติอันใดนอกจากความเป็นพระพุทธเจ้า
    ครั้งนั้น พระมหาสัตว์ แม้ถูกเทวดาทั้งหลายทูลวอนขอ ก็มิได้ ประทานปฏิญญาคำรับรองแก่เทวดาทั้งหลาย แต่ทรงตรวจดู มหาวิโลกนะ ๕ คือ กำหนดกาล ทวีป ประเทศ ตระกูล พระชนมายุของพระชนนี ทรงตรวจดูกาลก่อนว่าเป็นกาลสมควร หรือไม่ ในกาลนั้น อายุกาลของสัตว์ สูงกว่าแสนปีขึ้นไป จึงยังไม่ชื่อว่า กาล เพราะทุกข์มีชาติชรามรณะเป็นต้นไม่ปรากฏ ก็ธรรมดา พระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่ชื่อว่าพ้นจากไตรลักษณ์ จึงไม่มีเลย เมื่อพระพุทธเจ้าเหล่านั้นตรัสว่า อนิจจัง ทุกขัง ดังนี้ สัตว์ทั้งหลาย ย่อมไม่เชื่อว่า พระพุทธเจ้าเหล่านั้นตรัสเรื่องอะไร ดังนั้น การตรัสรู้ก็ไม่มี เมื่อการตรัสรู้นั้นไม่มี คำสั่งสอนก็ไม่เป็นนิยยานิกกะ นำสัตว์ออกจากทุกข์ เพราะฉะนั้น กาลนั้น จึงไม่เป็นกาลอันสมควร

    แม้อายุกาลของสัตว์ ต่ำกว่าร้อยปี ก็ยังไม่เป็นกาลสมควร เพราะกาลนั้น สัตว์ทั้งหลายมีกิเลส หนาแน่น และโอวาทที่ประทานแก่สัตว์ทั้งหลายที่มีกิเลสหนาแน่นนั้น ไม่อยู่ในฐานะควรโอวาท เพราะฉะนั้น กาลนั้น ก็ไม่เป็นกาลอันสมควร อายุกาลอย่างต่ำ ตั้งแต่แสนปีลงมา อย่างสูงตั้งแต่ร้อยปีขึ้นไป ชื่อว่า กาลสมควร.

    บัดนี้เมื่อถึงกาลซึ่งมนุษย์ทั้งหลายมีอายุร้อยปี พระโพธิสัตว์ทรงเห็นว่าเพราะเหตุนั้นจึงเป็นกาลที่ควรบังเกิด
    ต่อจากนั้น ทรงตรวจดูทวีป ทรงเห็นว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมบังเกิดในชมพูทวีปเท่านั้น ธรรมดาชมพูทวีป เป็นทวีปใหญ่มีเนื้อที่ ประมาณหมื่นโยชน์
    เมื่อทรงตรวจดู ประเทศ ว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายบังเกิดในประเทศไหน ก็ทรงเห็น มัชฌิมประเทศ เป็นที่สมควร
    ต่อจากนั้นก็ทรงตรวจดู ตระกูล ว่าธรรมดาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย บังเกิดในตระกูลที่โลกสมมติ บัดนี้ ตระกูลกษัตริย์เป็นตระกูลที่โลกสมมติ จำเราจักบังเกิดในตระกูลกษัตริย์นั้น พระราชาพระนามว่า สุทโธทนะจักเป็นพระชนกของเรา
    แต่นั้นก็ตรวจดู พระชนนี ว่าสตรีนักเลงสุราเหลวไหลจะเป็นพุทธมารดาไม่ได้ จะต้องเป็นสตรีมีศีล ๕ ไม่ขาด ดังนั้นพระราชเทวีพระนามว่า มหามายานี้เป็นเช่นนี้ พระนางเจ้ามหามายานี้จักเป็นชนนีของเรา
    เมื่อทรง นึกว่าพระนางเจ้าจะทรงมี พระชนมายุ ได้เท่าไร ก็ทรงเห็นว่าได้ต่อไปอีก ๗ วัน หลังครบทศมาสแล้ว

    ครั้งทรงตรวจมหาวิโลกนะ ๕ ประการนี้แล้ว ก็ประทานปฏิญญา แก่เทวดาทั้งหลายว่า บัดนี้เป็นกาลสมควรที่เราเป็นพระพุทธเจ้า ทรงดำรงอยู่ใน ภพดุสิตนั้นตลอดชนมายุ แล้วจุติจากภพดุสิตนั้น ทรงถือปฏิสนธิในพระครรภ์ พระนางเจ้ามายาเทวีในราชสกุลศากยะ
    [/SIZE]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี สำหรับงานบุญในวันนี้ เหนื่อยมากเหมือนกัน คุณโสระนำพระพิมพ์บรมครูฯ ชุดที่พรมน้ำมนต์ที่สำเร็จโดยบารมีท่านข้างบนมา 4 พระองค์ กับอีก 1 พระโพธิสัตว์ที่รอจุติเป็นองค์ที่ 5 แห่งภัทรกัปป์มาให้ ท่าน อ.ประถมฯ แจกให้ผู้ที่มาในงาน 70 องค์พรึบเดียวเกลี้ยง แถม อ.ประถมฯ และพี่ใหญ่ได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่ร่วมกิจกรรมทุกเพศวัย เข้าสนทนาทั้งทางธรรม ทั้งทางจิต ทั้งพิสดาร ได้ซักถามอย่างเต็มอิ่ม แบบแยกโต๊ะคุย เช่น เคล็ดลับวิธีปฏิบัติทางสมาธิ การฝึกสติ ฝึกจิต การเล่นลม ฟังกันเพลินไป อ.ประถมฯ คุยสนุกถึงขั้นตบโต๊ะเฮฮา กับกลุ่มผู้มีบารมีธรรม (ไม่เคยเห็นท่านเป็นแบบนี้มาก่อน ยังงี้สงสัยคราวหน้าท่านอาจจะมาอีกแน่ๆ) ส่วนพี่ใหญ่บอกว่าคนที่มารวมกันตรงนี้แต่ละคนมีดี (ของเก่า) ทั้งนั้น ม่ายงั้นไม่มาเจอกัน ร่วมทำบุญกันเป็นเนื้อนาบุญใหญ่กันหรอก ของงี้ไม่ได้มากันง่ายๆ อย่างวันนี้ ท่านข้างบนก็ลงมาโมทนาบุญกันเยอะ เสียดายเวลาน้อยไปหน่อย เลยคุยกันไม่จุใจ เลยย้ายวงไปคุยกันต่อที่โรงอาหารอีกพักใหญ่ ส่วนยอดเงินบริจาคที่ รพ. มีคนบริจาคเพิ่มที่งานอีกเยอะ จนเหรัญญิกจำเป็น อ.ปุ๊ บอกยังงี้ไม่ไหว เพราะหากไม่ได้นำลงบัญชีหรือหายหกตกหล่น ลงนรกแหงๆ ส่วนรูปถ่ายน่าจะเริ่ม up-load ได้ในช่วงเย็นๆ นี้ครับ สำหรับพระพิมพ์บรมครูฯ นั้น ทางไปรษณีย์ยังขอได้ทาง pm. ครับ หมดเดือนนี้แล้วหยุดเลย อ.ประถมฯ บอกเสียงดังได้ยินกันทั่วว่า "แรงกว่าวัดระฆัง 30 เท่าครับ" ใครมีแล้วก็เก็บไว้ให้ดีที่สุดก็แล้วกัน เพราะนอกจากท่านข้างบนตามที่กล่าวข้างต้นแล้ว อัครสาวกทางด้านลาภผลคือท่านพระสิวลี ท่านยังลงมาพรึบเดียวสว่างจ้าหมด ที่กล้าพูด เพราะว่าพระแจกไปแล้ว และจะปิดการแจกภายในเดือนนี้อยู่แล้วเหลือเวลาอยู่ไม่กี่วันผู้ที่เข้าข่ายเหลืออยู่ไม่น่าถึง 20 คน ไม่งั้นไม่กล้าบอกครับ ขี้เกียจโดนถล่ม แจกฟรีให้แล้วถึงพูดได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2008
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พระประจำวันพฤหัสบดี : พระปางสมาธิ

    [​IMG]

    พุทธประวัติ
    ในคืนวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ นั้นเอง เมื่อพระมหาบุรุษบรมโพธิสัตว์ ทรงกำจัดพญามาร และเสนามารให้ปราชัยด้วยพระบารมี ตั้งแต่เวลาสายัณห์มิทันพระอาทิตย์จะอัสดง ก็ทรงเบิกบานพระทัยได้ปีติเป็นกำลังภายใน สนับสนุนเพิ่มพูนแรงปฎิบัติภาวนาให้ยิ่งขึ้น พระมหาบุรุษประทับนั่งขัดสมาธิ ผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ผินพระปฤษฎางค์ คือ หลัง ไปทางลำต้นพระศรีมหาโพธิ์ ทรงเจริญสมาธิมั่น เฉพาะอาณาปานสติกรรมฐาน พิจารณาวิธีหลุดพ้นจากทุกข์ โดยตั้งจาตุรงค์มหาปนิธาน ในพระหฤทัยว่า "ยังไม่บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ตราบใด จักไม่เสด็จลุกขึ้นตราบนั้น แม้พระมังสะ (เนื้อ) และพระโลหิตจะแห้งเหือดไปเหลือแต่พระตจะ(หนัง) พระนหารุ(เอ็น) และพระอัฐ (กระดูก) ก็ตามที" ทรงเริ่มบำเพ็ญสมาธิให้เกิดในพระทัยด้วยวิธีที่เรียกว่าเข้าฌาน

    พระมหาบุรุษทรงบรรลุญาณที่หนึ่ง (บุพเพนิวาสานุสติญาณ หมายถึง ความรู้แจ้งถึงอดีตชาติหนหลังทั้งของตนและคนอื่น) ในตอนปฐมยาม พอถึงมัชฌิมยาม (ประมาณเที่ยงคืน) ทรงบรรลุญาณที่สอง (จุตูปปาตญาณ หมายถึง ความรู้แจ้งถึงความจุติ คือ ดับและเกิดของสัตว์โลก ตลอดถึงความแตกต่างกันที่เรียกว่า-กรรม) พอถึงปัจฉิมยาม (หลังเที่ยงคืนล่วงแล้ว) ทรงบรรลุญาณที่สาม (อาสวักขยญาณ หมายถึง ความรู้แจ้งถึงความสิ้นไปของกิเลส และอริยสัจ ๔ คือ ความทุกข์ เหตุเกิดของความทุกข์ ความดับทุกข์ และวิธีดับทุกข์)

    การได้บรรลุญาณทั้งสามของพระมหาบุรุษนั้นเรียกว่า ตรัสรู้ความเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งเกิดขึ้นในคืนวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ หลังจากนี้ พระนามว่า สิทธัตถะก็ดี พระโพธิสัตว์ก็ดี ที่เกิดใหม่ตอนก่อนตรัสรู้ว่าพระมหาบุรุษก็ดี ได้กลายเป็นพระนามในอดีตหนหลัง เพราะตั้งแต่นี้ต่อไป ทรงมีพระนามใหม่ว่า "อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า" แปลว่า พระผู้ตรัสรู้ธรรมเครื่องหลุดพ้นจากกิเลสโดยชอบด้วยพระองค์เอง
    ทรงเบิกบานพระหฤทัยอย่างสูงสุดในการตรัสรู้อย่างไม่เคยมีมาก่อน ถึงกับทรงเปล่งอุทานเย้ยตัณหา อันเป็นตัวการก่อให้เกิดสงสารวัฏฏทุกข์แก่พระองค์หลายเอนกชาติว่า "นับแต่ตถาคตท่องเที่ยวสืบเสาะหานายช่างเรือนคือตัณหา ตลอดชาติอันจะนับประมาณมิได้ ก็มิได้พบท่านเลย นับแต่นี้ไป ท่านจะทำเรือนให้ตถาคตไม่ได้อีกแล้ว กลอนเรือนเราก็ได้รื้อเสียแล้ว ช่อฟ้าเราก็ทำลายแล้ว จิตของเราปราศจากสังขารเครื่องปรุงแต่งแล้ว เราถึงความดับสิ้นไปแห่งตัณหาแล้ว" ในขณะนั้นมหาอัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น พื้นมหาปฐพีอันกว้างใหญ่ก็หวั่นไหว พฤกษาชาติทั้งหลายก็ผลิตดอกออกช่องามตระการตา เทพเจ้าทุกข์ชั้นฟ้าก็แซ่ซ้องสาธุการโปรยปรายบุปผามาลัยทำสักการะบูชา เปล่งวาจาว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นแล้วในโลก ด้วยปีติยินดีเป็นเหตุอัศจรรย์ที่ไม่เคยมีมาก่อน เรื่องนี้จึงเป็นมูลเหตุให้มีการสร้างพระพุทธรูปปางตรัสรู้ เพื่อเป็นพุทธานุสสติ

    ดวงชะตา
    สิทธิการิยะ คนที่เกิดวันพฤหัสฯนั้นท่านว่า เป็นคนมีปัญญาชาญฉลาด มีความยุติธรรมเที่ยงตรง มีความรู้กว้างขวาง ชอบเรียนรู้ ใจเอื้อเฟื้อ แต่เป็นคนไม่ยอมคน ไม่ฉ้อฉลจนเป็นคนสังคมแคบ ด้วยความที่เป็นผู้มีความรู้มีปัญญา โบราณจารย์จึงให้พระปางสมาธิเป็นพระประจำวันเกิด เนื่องจากหมายถึงการเจริญสมาธิอันหมายถึงปัญญา

    พระเครื่องที่เหมาะสมกับผู้ที่เกิดวันพฤหัสฯนั้น เนื่องจากเป็นผู้ที่มีปัญญา มีความรู้กว้างขวาง พระพิมพ์ที่ช่วยเสริมดวงวาสนานั้น โบราณท่านว่า พระปางเปิดโลก ท่านถือว่าเป็นพระแห่งปัญญา เหมาะสำหรับผู้ที่เกิดวันนี้เป็นที่สุด พระพิมพ์นี้ ที่มีชื่อเสียงอาทิเช่น กรุเตาเรียง จ.สุโขทัย พระร่วงเปิดโลกพิมพ์เม็ดทองหลาง จ.กำแพงเพชร ฯลฯ
    สรุป สำหรับท่านที่เกิดวันพฤหัสฯ พระคู่กายคือพระยืนปางเปิดโลกเป็นดีที่สุด (เป็นพิมพ์ที่มีน้อย หายากพอสมควร แต่ถ้าไม่ใช่พิมพ์ที่นิยม ราคาเช่าหาจะไม่แพงนัก)

    คาถาสวดบูชา
    ปูเรนตัมโพธิสัมภาเร นิพพัตตัง โมระโยนิยัง เยนะ สังวิหิตารักขัง มหาสัตตัง
    วเนจรา จิรัสสัง วายะมันตาปิ เนวะ สักขิงสุ คัณหิตุง ฯ
    อาหารที่ควรถวายพระประจำวันนี้
    อาหารคาว : ประเภทเถา แกงเลียง บวบผัดไข่ น้ำเต้า
    อาหารหวาน : แตงโม แตงไทย น้ำสมุนไพร ส้ม สาลี่ น้ำมะตูม น้ำว่านหางจระเข้
    ของถวายพระ : สบง จีวร หนังสือธรรมะ ตู้ยา โต๊ะหมู่บูชา
    การทำทาน : โรงพยาบาลสงฆ์ บริจาคข้าวสาร เสื้อผ้า ผ้าห่มกันหนาว
    การประพฤติตนของคนเกิดวันนี้ : นั่งสมาธิ สวดมนต์ ถือศีล 5 อย่าซื่อจนเกินไป
    ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี พึงใช้เครื่องประดับและบ้านเรือนเป็นสีเหลืองหรือสีไพล ส่วนสีรองลงมาคือ สีน้ำเงิน สีแดง สีเขียว พึงเว้น สีดำ สรกรมท่า และสีน้ำเงินแก่
     
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พระพุทธประวัติ : ตอนที่ ๓ - ทรงรับคำเชิญ
    <!-- Main -->[SIZE=-1]พระพุทธประวัติ : ตอนที่ ๓ - ทรงรับคำเชิญ
    ทรงรับคำเชิญ แล้วจุติมาถือกำเนิดในตระกูลกษัตริย์ศากยะ


    [​IMG]


    พระโพธิสัตว์เจ้า ซึ่งต่อมาคือเจ้าชายสิทธัตถะ เสด็จจากสวรรค์ชั้นดุสิตเพื่อเสด็จเข้าสู่พระครรภ์พระมารดา ตรงกับวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๘ ซึ่งเป็นเวลาหลังจากที่พระเจ้าสุทโธทนะพระบิดากับพระนางสิริมหามายาพระมารดาได้อภิเษกสมรสไม่นาน


    [​IMG][/SIZE]<!-- End main-->
     
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE borderColor=white cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 22 พฤษภาคม 2551 2:47:07 น.-->หลักธรรมสำคัญที่ควรนำมาปฏิบัติ
    <!-- Main -->[SIZE=-1]<STYLE>body{background-attachment: fixed;background-image:url(http://www.bloggang.com/data/tawan-pink/picture/1123705920.gif);}</STYLE>[/SIZE]
    <BASEFONT>
    <CENTER>[​IMG] </CENTER>

    หลักธรรมสำคัญที่ควรนำมาปฏิบัติ


    ๑. ความกตัญญู คือความรู้อุปการคุณที่มีผู้ทำไว่ก่อน เป็นคุณธรรมคู่กับความกตเวที คือ การตอบแทนอุปการคุณที่ผู้อื่นทำไว้นั้น

    บิดามารดา มีอุปการคุณแก่ลูก ในฐานะผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูจนเติบโต ให้การศึกษาอบรมสั่งสอน ให้เว้นจากความชั่ว มั่นคงในการทำความดี เมื่อถึงคราวมีคู่ครองได้จัดหาคู่ครองที่เหมาะสมให้ และมอบทรัพย์สมบัติให้ไว้เป็นมรดก
    ลูกเมื่อรู้อุปการะคุณที่บิดามารดาทำไว้ ย่อมตอบแทนด้วยการประพฤติตัวดี สร้างชื่อเสียงให้ แก่วงศ์ตระกูล เลี้ยงดูท่าน และช่วยทำงานของ ท่าน และเมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่าน
    ครูอาจารย์มีอุปการคุณแก่ศิษย์ ในฐานะเป็นผู้ประสาทความรู้ให้ ฝึกฝนแนะนำให้เป็นคนดี สอนศิลปวิทยาให้อย่างไม่ปิดบังยกย่องให้ปรากฎแก่คนอื่น และช่วยคุ้มครองให้ศิษย์ทั้งหลาย
    ศิษย์เมื่อรู้อุปการคุณที่ครูอาจารย์ทำไว้ ย่อมตอบแทนด้วยการตั้งใจเรียน ให้เกียรติ และให้ความเคารไม่ล่วงละเมิดโอวาทของครู
    ความกตัญญูและความกตเวทีนี้ ถือว่าเป็นเครื่องหมายของคนดี ส่งผลให้ครอบครัว และสังคมมีความสุขได้เพราะ บิดามารดาจะรู้จักหน้าที่ของตนเอง ด้วยการทำอุปการคุณให้ก่อน และลูกก็จะรู้จักหน้าที่ของตนเองด้วยการทำดีตอบแทน
    นอกจากบิดากับลูก และครูอาจารย์กับศิษย์แล้ว คุณธรรมข้อนี้ก็สามารถนำไปใช้ได้แม้ระหว่าง นายจ้างกับลูกจ้าง อันจะส่งผลให้สังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
    ในทางพระพุทธศาสนาพระพุทธเจ้า ทรงเป็นบุพการรีในฐานะที่ทรงสถาปนาพระพุทธศาสนา และทรงสอนทางพ้นทุกข์ให้แก่เวไนยสัตว์
    พุทธศาสนิกชน รู้พระคุณอันนี้จึงตอบแทนด้วยอามิสบูชาและปฎิบัติบูชากล่าวคือการจัดกิจกรรม ในวันวิสาขบูชา เป็นส่วนหนึ่งที่ชาวพุทธแสดงออก ซึ่งความกตัญญูกตเวที ต่อพระองค์ด้วยการทำนุ บำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนา และประพฤติปฎิบัติธรรม เพื่อดำรงอายุพระพุทธศาสนาสืบไป

    ๒. อริยสัจ๔
    อริยสัจ ๔ คือ ความจริงอันประเสริฐ หมายถึงความจริงของชีวิตที่ไม่ผันแปร เกิดมีได้แก่ทุกคน มี ๔ ประการ คือ

    ทุกข์ ได้แก่ปัญหาของชีวิตพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ก็เพื่อให้ทราบว่ามนุษย์ทุกคนมีทุกข์เหมือนกัน ทั้งทุกข์ขั้นพื้นฐาน และทุกข์เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตประจำวัน ทุกข์ขั้นพื้นฐานคือทุกข์ที่เกิดจาก การเกิด การแก่ และการตาย ส่วนทุกข์ที่เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตประจำวัน คือทุกข์ที่เกิด จากการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ทุกข์ที่เกิดจากการประสบกันสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก ทุกข์ที่เกิดจากไม่ได้ตั้งใจปรารถนา รวมทั้งทุกข์ที่เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตด้านต่างๆ อาทิความ ยากจน
    สมุทัย คือ เหตุแห่งปัญหาพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ก็เพื่อให้ทราบว่า ทุกข์ทั้งหมดซึ่งเป็นปัญหา ของชีวิตล้วนมีเหตุให้เกิดเหตุนั้น คือ ตัญหา อันได้แก่ความอยากได้ต่างๆ ซึ่งประกอบไปด้วยความยึดมั่น
    นิโรธ คือ การแก้ปัญหาได้ พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ก็เพื่อให้ทราบว่า ทุกข์คือปัญหาของชีวิต ทั้งหมดที่สามารถแก้ไข ได้นั้นต้องแก้ไขตามทางหรือวิธีแก้ ๘ ประการ ( ดูมัชฌิมาปฎิปทา )
    มรรค การปฏิบัติเพื่อจำกัดทุกข์ เพื่อหลุดพ้นจากทุกข์ การปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหา เพื่อบรรลุเป้าหมายการแก้ปัญหาที่ต้องการ

    ๓. ความไม่ประมาท
    ความไม่ประมาทคือ การมีสติเสมอทั้ง ขณะทำขณะพูด และขณะคิด สติคือการระลึกได้ ในภาคปฎิบัติเพื่อนำ มาใช้ในชีวิตประจำวัน หมายถึง การระลึกรู้ทันการเคลื่อนไหว ของอริยาบท ๔ คือ เดิน ยืน นั่ง นอน การฝึกให้เกิดสติทำได้โดยตั้งสติกำหนดการเคลื่อนไหวของอริยาบท กล่าวคือ ระลึกทันทั้งในขณะ ยืน เดิน นั่ง และนอน รวมทั้ง ระลึกรู้ทัน ในขณะพูดคิด และขณะทำงานต่างๆ เมื่อทำได้อย่างนี้ก็ชื่อว่า มีความไม่ประมาท

    การทำงานต่างๆ สำเร็จได้ก็ด้วยความไม่ประมาท กล่าวคือผู้ทำย่อมต้องมีสติระลึกรู้อยู่ว่า ตนเองเป็นใครมีหน้าที่อะไร และกำลังทำอย่างไร หากมีสติระลึกรู้ได้อย่างนั้น ก็ย่อมไม่ผิดพลาด



    แหล่งที่มาจาก : http://www.teenee.com/
    </BASEFONT></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ขอขอบคุณ
    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=amatavaja&month=22-05-2008&group=13&gblog=1
     
  6. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    โมทนาบุญกับทุกๆท่านทุกๆพระองค์ด้วยนะครับ
    รบกวนอยากให้ช่วยเล่า
    "เคล็ดลับวิธีปฏิบัติทางสมาธิ การฝึกสติ ฝึกจิต การเล่นลม"
    บ้างได้ไหมครับ ต้องเป็นประโยชน์กับผู้ปฏิบัติหลายท่านแน่นอนครับ
    บางท่านอาจไม่สามารถไปร่วมได้เช่นอยู่ไกล ติดธุระ แต่ยังมีจิตอันเป็นกุศลที่จะร่วมทำบุญนะครับ
    ขอบคุณครับ
    น้องเอ
     
  7. nathaphat

    nathaphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +750
    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 ช่วงเช้าประมาณ 830-900 โอนเงินร่วมทำบุญ 200 บาทครับ เสียดายมากๆที่ไม่ได้ไปร่วมงานบุญครับ อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ
     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    หลังจากเข้าเวบไม่ได้ซะหลายวัน มาต่อด้วยพุทธประวัติในตอนที่ 4 กันครับ

    พระพุทธประวัติ : ตอนที่ ๔ - พระนางสิริมหามายาทรงสุบิน
    <!-- Main -->[SIZE=-1]พระพุทธประวัติ : ตอนที่ ๔
    พระนางสิริมหามายาทรงสุบิน

    [​IMG]

    พระนางสิริมหามายากำลังบรรทมหลับสนิทในพระแท่นแก้วที่บรรทม ทรงสุบิน
    ในคืนวันเดียวกันนั้น พระนางสิริมหามายากำลังบรรทมหลับสนิทในพระแท่นแก้วที่บรรทม ทรงสุบินนิมิตว่า
     
  9. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พระประจำวันศุกร์ : พระปางรำพึง

    [​IMG]

    พุทธประวัติ
    ในสัปดาห์ที่ ๕ เมื่อกลับมาประทับโคนต้นไทร ทรงท้อพระทัยในอันโปรดสัตว์
    สหัมบดีพรหม ระหว่างที่ประทับอยู่ ณ ที่นี่ พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาถึงธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้มา ทรงเห็นว่าเป็นธรรมที่มีความหมายสุขุมละเอียด ก็ทรงบังเกิดความท้อพระทัยว่า จะมีใครสักกี่คนที่จะฟังธรรมของพระองค์รู้เรื่อง พระทัยหนึ่งจึงเกิดความมักน้อยว่าจะไม่แสดงธรรมเพื่อโปรดใครเลย ท้าวสหัมบดีพรหมจึงตกพระทัยเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับทรงเปล่งศัพท์สำเนียงอันดังถึงสามครั้งว่า "โลกจะฉิบหายในครั้งนี้" เสียงนั้นก็ดังแผ่ไปทั่วหมื่นโลกธาตุ ท้าวสหัมบดีพรหมจึงพร้อมด้วยเทวาคณานิกรลงมากราบทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้ทรงแสดงธรรม ด้วยคำอาราธนาว่า "ท้าวสหัมบดีพรหม ประณมกรกราบทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าผู้ทรงคุณอันประเสริฐว่า สัตว์ในโลกนี้ ที่มีกิเลสบางเบาพอที่จะฟังธรรมเข้าใจนั้นมีอยู่ ขอพระองค์ได้โปรดแสดงธรรมช่วยเหลือชาวโลกเทอญ. (ต่อมาภาษาบาลีที่เป็นฉันท์บทนี้ ได้กลายเป็นสำหรับอาราธนาพระสงฆ์ในเมืองไทยให้แสดงธรรมมาจนทุกวันนี้.)

    ถึงพระพุทธองค์จะทรงท้อพระทัยว่าจะไม่แสดงธรรม แต่อีกพระทัยหนึ่งซึ่งมีอำนาจเหนือกว่า คือ พระมหากรุณาธิคุณนี่เอง ที่เป็นเหตุให้พระพุทธเจ้าตัดสินพระทัยว่าจะทรงแสดงธรรม หลังจากตัดสินพระทัยแล้ว จึงทรงพิจารณาดูอัธยาศัยของคนในโลก แล้วทรงเห็นความแตกต่างแห่งระดับสติปัญญาของคนถึง ๔ ระดับ หรือ ๔ จำพวก
    จำพวกที่หนึ่ง ฉลาดมาก เพียงแต่ได้ฟังหัวข้อธรรมที่ยกขึ้นก็เข้าใจทันที
    จำพวกที่สอง ฉลาดพอควร ต่อเมื่อฟังคำอธิบายอีกชั้นหนึ่งจึงเข้าใจ
    จำพวกที่สาม ฉลาดปานกลาง ที่เรียกว่าเวไนยสัตว์ ต้องใช้เวลาอบรมบ่มสติปัญญาพอควร จึงจะเข้าใจ
    จำพวกที่สี่ เรียกว่า "ปทปรมะ" ตรงกับภาษาไทยว่า โง่ทึบ ตรงกับคำอังกฤษว่า Idiot เป็นคนที่ใครโปรดไม่ได้ เรียกอีกสำนวนหนึ่งว่า ผู้ที่พระพุทธเจ้าทรงทอดทิ้ง.
    จำพวกที่หนึ่ง เปรียบเหมือนดอกบัวเปี่ยมน้ำ พอได้รับแสงอาทิตย์ก็บาน จำพวกที่สอง เหมือนดอกบัวใต้น้ำที่จะโผล่พ้นน้ำ และที่จะบานในวันรุ่งขึ้น จำพวกที่สามเหมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำลึกลงไปหน่อย ซึ่งจะแก่กล้าขึ้นมาบานในวันต่อ ๆ ไป และจำพวกที่สี่ เหมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำลึกลงไปมาก ถึงขนาดไม่อาจขึ้นมาบานได้ ต้องตกเป็นภักษาของปลาและเต่าเสียก่อน ระดับแตกต่างแห่งสติปัญญาของคนในโลกที่พระพุทธเจ้าทรงเห็นดังกล่าวนี้ คือ สิ่งที่ภาษาจิตวิทยาทุกวันนี้ เรียกกันว่า ไอ.คิว. ของคนนั่นเอง

    ดวงชะตา
    สิทธิการิยะ คนที่เกิดวันศุกร์นั้นท่านว่าเป็นคนราคะจริตสูง เป็นคนหลงในสิ่งสวยงามชอบของสวยของงาม ทำงานประณีต โบราณจารย์ ท่านจึงให้พระปางรำพึง เป็นอนุสติเตือน ปางรำพึงนั้น ตามพุทธประวัติเป็นปางที่พระพุทธองค์ พิจารณาธรรมสังเวช หมายถึง อสุภกรรมฐาน ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่เกิดวันศุกร์จึงควรมีพระปางรำพึงไว้ เป็นอนุสติไว้ไม่ให้หลง

    พระเครื่องที่เหมาะสมกับผู้ที่เกิดวันศุกร์นั้น จึงควรเป็นพระปิตตาภควัมปติเพื่อเป็นลักษณะอณุสติเตือนใจ มิให้หลงในสิ่งต่างๆ และเสริมดวงโชคลาภวาสนา
    จะไหลมาอย่างที่คาดไม่ถึง พระพิมพ์ปิตตาภควัมปติที่มีชื่อเสียงอาทิเช่น
    พระภควัมปติ ของหลวงพ่อแก้ว จ.ชลบุรี พระภควัมปติของหลวงปู่เอี่ยม
    วัดสะพานสูง จ.นนทบุรี ฯลฯ
    สรุป สำหรับท่านที่เกิดวันศุกร์ พระคู่กาย ควรจะเป็นพระปิตตา มหาอุตม์ แบบต่างๆ (พระปิดตา มีสร้างกันมาตลอดต่อเนื่อง โดยพระเกจิอาจารย์ต่างๆ มากมาย หาเช่าบูชาได้ง่าย และไม่จำเป็นที่จะต้องเอาระดับที่เซียนพระเขาสะสมกัน)

    คาถาสวดบูชา
    อัปปะสันเนหิ นาถัสสะ สาสะเน สาธุ สัมมะเต อะมะนุสเนหิ จัณเฑหิ
    สะทา กิพพิ สะการิภิ ปะริสานัญจะ ตัสสันนัง มะหิงสายะ จะ คุตติยา
    ยันเทเสหิ มะหาวีโร ปะริตตันตัมภะณามะ เห ฯ
    อาหารที่ควรถวายพระประจำวันนี้
    อาหารคาว : ประเภทของหอม หวาน ข้าวหอมมะลิ ผักกาดหอม ไข่เจียวหอมใหญ่ ยำหัวหอม
    อาหารหวาน : ขนมหวาน หอมทุกชนิด น้ำเก๊กฮวย ผลไม้ที่มีกลิ่นหอม กล้วยหอม เค้ก
    ของถวายพระ : นาฬิกา โต๊ะรับแขก ดอกไม้สวยหอม ระฆัง ย่าม
    การทำทาน : เด็กด้อยโอกาส ให้เงิน ให้เสื้อผ้า อาหารที่หอมหวานชวนกิน เช่น ไอศกรีม
    การประพฤติตนของคนเกิดวันนี้ : ทำตัวให้สดชื่นแจ่มใส บำรุง ดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่ตลอด จัดสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ สวยงาม เลิกการฟุ่มเฟือย
    ผู้ที่เกิดวันศุกร์ พึงใช้เครื่องประดับและบ้านเรือนเป็นสีฟ้าหรือสีน้ำเงินแก่ ส่วนสีรองลงมาคือ สีขาวนวล สีม่วง สีเหลือง พึงเว้นสีเทา สีเมฆหมอก สีดอกรัก
     
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เรื่องของดอกบัว

    <!-- Main -->[SIZE=-1]<CENTER>[​IMG]</CENTER>


    <CENTER>การพิจารณาบัวสี่เหล่าเปรียบเทียบกับชีวิต ของมนุษย์โลกนั้น
    พระพุทธเจ้าทรงเปรียบเทียบได้สมเหตุผลมากที่สุด
    บัวสี่เหล่าจึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ ของพระพุทธศาสนา

    กล่าวคือถ้าใครกล่าวถึงพรรณไม้ในพุทธศาสนาก็ต้องนึกถึงดอกบัว
    เพราะดอกบัวตูมส่วนหนึ่งเป็นสัญลักษณ์ ของความนอบน้อม
    เพราะมีลักษณะคล้ายกับเรากำลังพนมมือ ดังนั้นเรามักจะนำดอกบัวตูม
    ไปกราบพระเสมอ
    และดอกบัวบานยังเป็นสัญลักษณ์ของปัญญา ของผู้ที่รู้ดีชั่ว
    ขจัดสิ้นซึ่งอาสวะ กิเลสหมักดองทั้งหลาย เป็นผู้แจ้งต่อโลก

    ภาพดอกบัวมีหมู่แมลงภู่ ผึ้ง มาตอมเพื่อดูดเอาน้ำหวาน เพราะได้กลิ่น
    หอมของเกสรบัว ไม่ต่างกับ พระภิกษุ หรือ พระโยคาวจร ที่มีศีลบริสุทธิ์
    เป็นที่น่าเคารพ น่าศรัทธาต่อผู้อยู่ใกล้ และอยู่ไกล
    </CENTER><CENTER> </CENTER>
    ขอขอบคุณ
    <CENTER>http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=asatisa&date=16-04-2008&group=7&gblog=1</CENTER>
    [/SIZE]
     
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    การฝึกสติตามแนวของพี่ใหญ่ จากที่รับฟังที่น้องคนหนึ่งจากอยุธยาถาม คำตอบมีสั้นๆ ง่ายดังนี้

    ภาวนากำหนดพุทธานุสติเป็นอารมณ์แล้วท่อง "อิติปิโส ภควา.....สัตถา เทวะมนุษสานัง พุทโธ ภะคะวา ติ" ลองหัดท่องเฉพาะท่อนนี้อย่าให้ขาดตอนคราวละ 1/2 ชั่วโมง ให้แม่นยำก่อน ลองดูอย่างนี้ และถ้ามีเวลาให้ท่องตลอดเอาสักอาทิตย์หนึ่ง เดือนหนึ่ง จะพบเห็นบางอย่างเกิดขึ้นในดวงจิตเองครับ
     
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE id=AutoNumber26 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#111111 height=1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=justify width="91%" height=1>อภินิหารแห่งองค์พระธาตุพนม

    </TD><TD align=justify width="1%" height=1></TD></TR><TR><TD align=justify width="91%" height=1>
    พระธาตุพนม ได้แสดงอภินิหารให้ปรากฏมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ อยู่เหนือเหตุผลและคำอธิบาย เฉพาะที่พระธรรมราชานุวัตร และ ดร. พระมหาสม สุมโน และผู้รู้เห็นเหตุการณ์ที่ประจักษ์พยานคนอื่น ๆ ได้จดบันทึกไว้มีตามลำดับดังนี้

    พ.ศ. ๒๔
     
  13. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    ภาพกิจกรรมทำบุญสงฆ์อาพาธ ณ โรงพยาบาลสงฆ์ ของทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อาจารย์ประถม อาจสาคร ประจำเดือนพฤษภาคม

    สำหรับในเดือนพฤษภาคมนี้มีความสำคัญคือ เป็นวาระก่อตั้งทุนนิธิฯ ครบ6เดือน ท่านอาจารย์ประถม จึงเดินทางมาด้วยตัวท่านเอง มาจากชลบุรีตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เพื่อมาเป็นประธานบริจาคเงินและถวายอาหารแด่พระสงฆ์อาพาธ ที่โรงพยาบาลสงฆ์

    [​IMG]

    [​IMG]

    ท่านอาจารย์ประถมและประธานทุนนิธิฯทำการบริจาคเงิน เพื่อซื้อเลือด และ บำรุงค่าเวชภัณฑ์
    [​IMG]


     
  14. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    [​IMG]

    [​IMG]

    จากนั้นก็นำอาหารที่จะถวายแด่พระสงฆ์มาจัดเตรียม และทำการโมทนาก่อนำไปกล่าวคำถวายเป็นมหาสังฆทานต่อไป
     
  15. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    [​IMG]

    [​IMG]

    ท่านอาจารย์ประถม และ พี่ปุ๊รองประธานทุนนิธิฯ กล่าวนำถวายอาหารทั้งหมดให้เป็นมหาสังฆทานแด่พระสงฆ์ที่อาพาธ
     
  16. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    [​IMG]

    [​IMG]

    จากนั้นก็เริ่มนำอาหารถวายโดยอาจารย์ประถม นำถวายแด่ประธานสงฆ์


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 พฤษภาคม 2008
  17. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    [​IMG]

    เมื่อถวายอาหารแล้วเสร็จ พระท่านก็สวดเป็นชุดๆ ไปจนครบทั้งหมดประมาณ200องค์
    [​IMG]

    เมื่อถวายอาหารพระสงฆ์ที่ตึกกัลยาณิวัฒนาแล้วเสร็จก่อนที่บางท่านจะกลับ ได้ร่วมกันถ่ายภาพเป็นที่ระลึกถึงการทำความดีครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตที่หน้าตึก โดยท่านอาจารย์ประถมนั่งเป็นประธาน
     
  18. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    [​IMG]

    [​IMG]

    เนื่องด้วยวาระครบรอบ6เดือนในการก่อตั้งทุนนิธิฯ ทางคณะกรรมการได้นำพระกรุโลกอุดร กรุเก่า มาแจกฟรีให้กับทุกท่านที่มาในวันนั้น ผมนำพระมา70กว่าองค์หมดเกลี้ยงในไม่กี่นาที ท่านอาจารย์ประถมแจกพระไป ก็การันตีพระไป บอกเล่าสรรพคุณ เล่าอิทธิคุณ ตบโต๊ะดังว่าจะหาพระใดเทียบได้ยาก วัดระฆังองค์เป็นล้านยังไม่เท่าพระกรุนี้
     
  19. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    [​IMG]

    จากนั้นบางท่านก็นั่งพักผ่อน บางท่านก็จับกลุ่มคุยแลกเปลี่ยนธรรมะกัน บางท่านถามพี่ใหญ บางท่านเรียนถามอาจารย์ประถม เป็นที่น่าชื่นใจครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    สาวน้อย สาวใหญ่ กลุ่มนี้กำลังคุยกับอาจารย์ประถม อย่างสนใจ ทั้งเรื่องการปฏิบัติธรรม และ เรื่องพระกรุโลกอุดร นานๆจะเห็นอาจารย์เล่าเรื่องอย่างออกรสออกชาติ ทั้งผู้ฟังก็ยินดี ทั้งผู้เล่าก็เต็มใจครับ
     
  20. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    [​IMG]

    ก่อนแยกย้ายกันกลับ ก็นำเงินไปจ่ายค่าอาหารที่ถวายพระทั้งหมดประมาณ200รูป ให้กับเจ้าของร้านอาหารผู้ใจดี ยังเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำคณะกรรมการและผู้ที่ยังไม่กลับทุกๆท่านฟรีด้วย โมทนาครับ

    สุดท้ายผมและคณะกรรมการทุกๆท่าน ของโมทนา และ กราบขอบพระคุณทุกๆ ท่านที่เสียสละเวลาและบริจาคเงินให้กับทุนนิธิฯ เพื่อสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ ทำให้ทุนนิธิฯนี้สามารถยังคงทำกิจกรรมเช่นนี้อยู่ได้จนครบ6เดือนครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...