หลวงปู่ชื่น อินทปัญโญ วัดเจริญราษฎร์ประชาธรรม (สำนักสงฆ์ในปราบ)

งานวันที่ 27 พ.ค. 2551

พิธีปลุกเสกนั้นเริ่มมีในวันที่ 27 พ.ค. 2551 ครับ เวลาตามที่กำหนดก็คือ บ่าย3โมง9นาทีครับ

ผมออกเดินทางจากอ.พุนพิน เวลาประมาณ 10.50 น. ออกเดินทางไปตามเส้นทาง สายเอเซียครับ วิ่งตรงเข้าสู่ถนนตัดใหม่ที่ผ่าระหว่าง ฝั่งอ่าวไทย กับฝั่งตะวันตก ถนนสายนี้เรียกว่า สายเซ้าท์เทิน ครับผม ขณะที่ขับรถบนถนนดังกล่าวก็คอยมองท้องฟ้าไปด้วยความพะวงเรื่องฝนเพราะ เมฆก้อนดำๆ ก็เริ่มมาบ้างแล้ว

 

เลือกเส้นทางไปกระบี่

เมื่อทำใจกับท้องฟ้าได้แล้ว ก็วิ่งตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 20 กว่ากิโล ไปทางเส้นทาง กระบี่อ่าวลึก จากนั้น ก็วิ่งไปสักพัก แล้วหาเส้นทางกลับรถเข้าสูสายที่ไปโรงพยาบาลเคียนซา ซึ่งจากป้ายก็จะเห็นว่า เป็นถนนฝั่งตรงกันข้าม เพื่อเดินทางกลับพุนพิน และเข้าเมืองสุราษฎร์ธานี

 

เส้นทางต่อ

เมื่อกลับรถแล้วก็วิ่งไปประมาณ 1 กิโลเมตรจะเห็นป้ายว่า ตรงไปพุนพิน และสุราษฎร์ธานี แต่มีทางเลี้ยวซ้ายครับเพื่อไปที่แยก ควนกลิ้ง และตรงไปก็จะเจอโรงพยาบาลเคียนซา แต่เราไม่ต้องตรงไปครับ เราเลี้ยวซ้ายที่ทางแยกควนกลิ้ง จะเห็นป้ายว่า ไปบ้านในปราบอีก 16 กิโลเมตร เราก็วิ่งไปเรื่อย จนเห็นป้ายทางแยกเข้า บ้านเจริญธรรมก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยครับ

 

เส้นทางต่อ

เมื่อเลี้ยวซ้ายที่ป้ายบ้านเจริญธรรมแล้ว ก็จะวิ่งตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 2 กิโลเมตร ถนนก็ไม่ใช่ว่าจะดีอะไรนักหนา แต่ก็ดีกว่าถนนดินแดงครับ สองข้างทางก็เต็มไปด้วยสวนยางพาราของชาวบ้านครับ

และวิ่งไปสักพักก็จะสิ้นสุดถนนดำหรือถนนยางมะตอย และจะเริ่มเข้าสู่ถนน ซาฟารีแล้วครับ ดูจากดินแล้ว ฝนเพิ่งแล้งได้ไม่กี่วัน แต่ก็ดีที่ไม่เละครับผม ยิ่งวิ่งตรงเข้าไป ก็ยิ่งวิเวกวังเวง แต่ดีครับ เพราะมีความสงบมาก

 

เส้นทางต่อครับ

จากจุดเริ่มถนนแดง ก็วิ่งไปสักประมาณ 1 กิโล ก็จะถึงบ้านพี่แดง ซึ่งเป็นกรรมการคนหนึ่งในวัดครับ ผมเลยถือโอกาสถ่ายรูปบ้านของพี่แดงมาให้ดูครับ และจากจุดที่บ้านพี่แดงนี่เอง พักและจอดจดทิ้งไว้ครับ จากนั้นก็ต่อด้วย มอเตอร์ไซด์ ซึ่งลูกชายพี่แดงรออยู่ และรับผมเข้าไปในวัด จากจุดที่บ้านพี่แดงนี่เองก็ต้องวิ่งต่ออีกประมาณ 6 กิโลเมตร ก่อนจะถึงวัดแต่ถ่ายลำบากครับ เพราะถนนมีฝุ่นมาก เลยต้องยอมแพ้ครับ

 

รูปบ้านพี่แดง

ลืมใส่รูปบ้านโกแดงไปครับ

 

ไปถึงวัด

เมื่อไปถึงวัดก็ประมาณ เที่ยงกว่าๆ ครับ สิ่งแรกที่ต้องเข้าไปทำเลยก็คือ ไปที่จุดรับลงทะเบียนผานไถ จุดนี้จะเป็นจุดที่รับผานที่ชาวบ้านต่างคนต่างทำมา และต้องการนำเข้าปลุกเสกครับ ไปถึงผมก็เริ่มทำหน้าที่เลย ช่วยเขาในสิ่งที่ช่วยได้ เพราะกรรมการหลายคนก็ได้รู้จักตัวเราๆ ก็ไม่อยากนั่งเฉยๆ เลยช่วยครับผม

 

ลงทะเบียนผาน

ทางวัดเปิดเริ่มลงทะเบียนผานตั้งแต่ 7.00 น ไปจนถึง 15.00 น. ก็จะปิดครับ ปิด่ก่อนที่เวลาทำพิธีประมาณ 9 นาที และพระคุณเจ้าต่างๆ ที่ได้รับนิมนต์ให้มาสวดเจริญพระพุทธมนต์ ก็เริ่มทะยอยกันไปยังสถานที่ๆ ทำพิธี จากนั้นหลวงปู่ชื่น ก็มาเป็นลำดับต่อไป

ขณะที่ทำพิธี ชาวบ้านก็กระจายไปตามจุดต่างๆ เพื่อให้มีส่วนร่วมในพิธี มีการดึงและโยงสายสิญจ์ไปถือและพนมมือกัน ส่วนใครที่นำเอาผานมาลงทะเบียนไม่ทัน ก็โยงสายสิญจ์ไปไว้ที่กล่องของตนเองก็มี บางคนก็โยงไปที่รถมอเตอร์ไซด์ของตัวเองก็มี

 

บริเวณในพิธี

ผมลืมไปว่าต้องมีภาพเกี่ยวกับบริเวณในพิธีด้วย ซึ่งในบริเวณพิธี ก็จะมีกองของผานต่างๆ ที่ร่วมเข้าปลุกเสก และวัตถุมงคลของรุ่นสร้างเจดีย์ ที่เพิ่งสร้างใหม่ๆ ครับ นอกจากกองวัตถุมงคลแล้ว ก็จะมี การตั้งพานพุ่มต่างๆ และก็มีพระบูชาพระพุทธชินราช ขนาด 9 นิ้ว และ 5 นิ้ว ซึ่งทีแรกคิดว่าจะมีแค่อย่างละ 19 องค์ แต่เนื่องจากตอนเททองมีทองเหลือ เลยเทเผื่อนไว้ครับ ได้อย่างละ 25 องค์

 

ส่วนพระประธานใหญ่ก็ตั้งไว้ด้านนอก เพื่อนให้ชาวบ้านมาทะยอยกันปิดทองครับผม

 

เมื่อปลุกเสกเสร็จ

เมื่อปลุกเสกเสร็จแล้ว คาดว่าตอนประมาณ 17.00 น. ชาวบ้านก็แย่งกันตัดสายสิญจ์ ซึ่งผมก็เห็นจนเบื่อแล้ว บางครั้งพิธียังไม่ทันเสร็จกลัวว่าจะไม่ได้รีบตัดเสียก่อน เห็นแล้วก็ปลงครับ ดูเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว หลวงปู่ชื่นท่านก็ออกจากบริเวณพิธี โดยรถเข็นประจำตัวของท่าน แต่ดูแล้วสงสารท่านครับ เพราะท่านนั่งปรกอยู่ประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ เกือบสองชั่วโมง ดูท่านก็อ่อนเพลียเหมือนกันครับ

ส่วนคนที่รอรับผานก็แห่กันไปออเพื่อที่อยากจะให้รับของให้ตนเองก่อน นี่ก็คือความไม่มีระเบียบของคนไทยเรา หากดูเป็นเรื่องธรรมดาก็ธรรมดาครับ แล้วแต่คนมอง แต่สำหรับผมมองแล้ว มันยิ่งทำให้การแจกจ่ายผานนั้นลำบากครับ ก็ใช้วิจารณญาณกันเองน่ะครับ

 

วันที่ 27 ก็จบพิธีไปเพียงเท่านี้ครับ เพราะก็เย็นแล้ว ส่วนใครจะยังไม่กลับ ก็จะนอนกันต่อที่วัด เพื่อรอร่วมงานวางศิลาฤกษ์ และงานถวายผ้าป่าในวันที่ 28 ครับ ส่วนกลางดึกของคืนวันที่ 27 ก็มีงานมหรสพภายในวัด ส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้อยู่ดูมหรสพครับ ผมเดินทางกลับไปจากวัดประมาณ 19.00 น. และแวะไปเอารถที่บ้านพี่แดง จากนั้นก็เดินทางกลับถึงบ้ายเวลาประมาณ 22.00 น. ที่เสียเวลาเพราะหิวข้าวเลยไปกินข้าวที่บ้านพี่แดงก่อนครับ อิ่มแล้วก็ลากลับบ้าน เพราะวันรุ่งขึ้นต้องมาใหม่ อ๋อลืมบอกไปครับ จากจุดที่ผมอยู่มาถึงบ้านพี่แดงก็ประมาณ 60 กิโลเมตรครับ ไปกลับก็ครั้งละประมาณ 120 กว่ากิโลครับ

 

เอาเป็นว่าพิธีของวันที่ 27 พ.ค. 51 ผมก็ขอพักก่อนน่ะครับ เดี๋ยวจะมาต่อในเรื่องของ พิธีวันที่ 28 พ.ค. 51 และวัตถุมงคลของรุ่นสร้างเจดีย์ครับผม ขอพักก่อนน่ะครับ

 

ขอโมทนากับมหากุศลครั้งนี้ อีกทั้งทวยเทพทั้งหลายคงโมทนา ร่างกายของหลวงปู่คงเหนื่อยนะ

 

สุดๆไปเลยครับ พี่หมู อนุโมทนาสาธุด้วยครับ
พี่หมูตกลงว่าวันที่ 28 มีเสด็จ...มั้ยครับ

 

ท่านไม่ได้เสด็จครับ

พระองค์โสมฯ ไม่ได้เสด็จครับ เนื่องจากหนังสือต่างๆ นั้นไปแล้วแต่ไม่ทันครับ

 

พิธีวันที่ 28 พ.ค. 51

สำหรับพิธีในวันที่ 28 พ.ค. 51 นั้น ก็เป็นพิธีวางศิลาฤกษ์เจดีย์ บารมีหลวงปู่ชื่น อินทปัญโญ ครับ จริงๆ แล้วพิธีการต่างๆ เริ่มมีแต่เช้าครับ แต่ผมกว่าจะเสร็จภาระกิจต่างๆ ก็ปาเข้าไป 9 โมงแล้วครับ จากนั้นก็รีบบึ่งไปที่วัดเลยครับ ไปถึงวัดก็ประมาณ 10.00 น. ไปถึงก็รีบนำเอาเงินร่วมผ้าป่าไปมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ครับ จากนั้น ก็เดินดุ่มๆ ไปหาที่ถ่ายรูป ในขณะนั้น พิธีได้เริ่มไปบ้างแล้วครับ ก็พยายามเก็บรูปมาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

ตอนที่ผมไปถึง ท่านอาจารย์เล็ก ฉันท์ทิพย์ พันธ์รักษ์ราชเดช ก็ได้กำลังดำเนินพิธีกรรมทางพราหมณ์ แล้วครับ

 

อาจารย์เล็กก็เริ่มทำพิธี

ทางอาจารย์เล็ก ก็ดำเนินในด้านพิธีพราหมณ์ครับ

 

สำหรับหลวงปู่ชื่นนั้น ท่านเหนื่อยจากพิธีการปลุกเสกเมื่อวันที่ 27 ครับ ท่านก็ได้มาที่พิธีเพียงสักครู่ จากนั้น ทุกคนก็เรียนนิมนต์หลวงปู่ไปพักผ่อนครับ

 

สวดเจริญพระพุทธมนต์

พระสงฆ์ที่ได้รับนิมนต์ให้มาร่วมสวดเจริญพระพุทธมนต์ครับ