เรื่องเด่น เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน

อรุณสวัสครับพี่วัน และสมาชิกทุกท่าน ขอให้สุขภาพแข็งแรง มีความสุขมากๆนะครับ

 

ผ่านเทศกาลลอยกระทงลงวารีขอขมาแม่พระคงคา หนึ่งปีมีหนเดียว เลี้ยวกลับมาร่วมอนุโมทนาบุญใส่บาตรที่สงบ สะอาด สว่าง สวยงามยามเช้า

 

ภาพแถมยามวิ่งวันหยุดน้องเรย์
กลับมาให้เขียนกวีเล็กๆประกอบ

ความงดงาม...ตามธรรมชาติ
ดั่งภาพวาด...พิลาสโพยม
โนมเนื้อน้ำ...ฉ่ำชื่นโฉม
ลมไล้โลม...โน้มน้าวนาน!

หมายเหตุ..พิลาส = งามสดใส
....โพยม = ท้องฟ้า,อากาศ

 

ว่าด้วยเรื่อง...
"สถุนตื้นธรรม"!!!
============

"ลอยกระทง" เป็น "ประเพณี" มีการเอา "ศาสนา" เข้ามาเกี่ยวข้องเล็กน้อย ประสาคนไทยชาวพุทธ กระทำสิ่งใดทึ่เป็นวัฒนธรรม ประเพณี ก็ต้องมีการเคารพกราบไหว้พระพุทธรูป หรือเป็นอามิสบูชาประกอบกันไปให้ดูขลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น

เป็น "ซอฟท์ เพาเวอร์" กระฉ่อนไปทั่วโลก คนต่างด้าวท้าวต่างแดนล้วนชื่นชมประเพณีเหล่านี้ของคนไทย แล้วก็จัดกันเพียงแค่ "หนึ่งปีมีหน" เหมือนเทศกาล "สงกรานต์" ไม่ใช่บ้าทำกันทุกวี่ทุกวัน!

การ "ขอขมา" พระแม่คงคาวารี คือการรำลึกถึงพระคุณของแม่น้ำที่มีคุณใหญ่หลวงต่อชีวิต เฉกเช่นเดียวกับผืนแผ่นดินที่เรามีประเพณี "แรกนาขวัญ" ไถหว่านขอบพระคุณแม่โพสพ

ประเพณี วัฒนธรรม เป็น "ศิลป" แห่งการดำรงชีวิตและการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม จึงอยู่ควบคู่เคียงข้างไปกับพระศาสนา ละเลยหรือละทิ้งแยกจากกันไม่ขาด!

แต่มีไอ้สถุน หัวโล้นห่มขาว "คนตื้นอธรรม" ที่ชอบบรรยายธรรมะตามพุทธวจนะหรือตรงตามพระศาสดาเป๊ะ ทำตัวปฏิบัติเคร่งครัด...นั่นเอ็งก็ว่าของเอ็งไป...!

ทว่า ที่สะเออะทำเป็นคนเหนือโลกว่า...ขอขมาพระแม่คงคาทำไม? ไปขมาพ่อ-แม่-เมีย ผู้มีพระคุณโน่น!

โถ...ไอ้สถุนมองโลกแค่มุมเดียว หนึ่งปีเขาก็ "ขอขมา" พระแม่คงคาตามประเพณีหนเดียว แต่หนเดียวนั้นก็ทำให้รำลึกถึงพระคุณแม่น้ำ ลำคลอง สายน้ำแห่งชีวิต บางคนก็อุทิศตนช่วยรักษาวิถีแม่น้ำไว้ มิให้เน่าเสีย

อดีตกาล "แม่น้ำ" มีความสำคัญต่อชีวิตสูงสุด พอๆกับ"แผ่นดิน"!!!

บ้านเมืองต้องตั้งริมน้ำเพื่อสัญจรทำมาค้าขาย และผันน้ำเข้ามาแผ่นดินได้ง่าย ทำมาหากินปลูกผักพืชผล รวมทั้งข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์

พระคุณแม่น้ำ แม่คงคาวารี จึงอย่าได้บรรยาย มีท่วมฟ้าท่วมแผ่นดิน!!!

สถุนตื้นอธรรม อวดรู้ธรรมะตื้นๆ บ้าแต่จะเอาทุกเรื่องโยงเข้าหาธรรมะ จนหลงลืมความจริงของสังคมมนุษย์ว่า ทุกชีวิตต้องดำเนินไปทุกเมื่อเชื่อวัน ต้องทำมาหากินเจริญเติบโต แล้วไปทำนุบำรุงพระศาสนา ปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนได้ ก็เพราะส่วนหนึ่งอาศัยแม่น้ำ ลำคลองนี่แหละทำมาหาเลี้ยงชีวิตเจริญเติบโต

โคตรของโคตร และโคตรบรรพบุรุษของเอ็ง ก็ผ่านวิถีชีวิตแม่น้ำหาเลี้ยงชีพจนต่อเนื่องเกิดมาเป็นตัวเอ็งเช่นกัน หรือเอ็งสัปดนเกิดมาได้เลย โดยไม่มี "โคตร" ที่เคยอาศัยลำน้ำเติบโต???

ความคิดคับแคบของไอ้สถุนห่มขาวตนนี้จึงเป็น "อันตราย" มาก เรียกตัวเองว่า "ตื้นอธรรม" พยายามยัดเยียด "ธรรมะมุมเดียว" เข้าสมองสาวก และคนที่เข้าไปหลงฟังแล้วดัน"หลงเชื่อ"

ไอ้พวกนี้ เหมือนอดีตแถวอิสาน พอมีคนนับถือเลื่อมใสมากเข้า ก็ตั้งตนเป็นเจ้าสำนัก ฉ้อฉลผู้คน หลอกลวงจนร่ำรวย

บางตัวอหังการกำเริบเสิบสาน กลายเป็น "ไอ้ผีบุญ" ถูกทางการจับตัดหัว ยิงเป้ามาเสียนักต่อนัก เพราะเหิมเกริมถึงคิดกบฏก็มี

ส่วนใหญ่ พวกมันโตมาจากการบรรยายธรรมอย่างดุดัน ทำเป็น "เคร่งธรรม-ตื้นตื่นธรรม" จนคนหลงเชื่อนี่แหละ

ปัจจุบัน เราคนกลางกรุงแท้ๆ อย่าปล่อยไอ้ผีบุญ วาจาสถุนไร้สกุลรุนชาติ บังเกิดต่อหน้าต่อตา ใช้วาจา "อ้างธรรมะ" แฝง "ธรรมเมา" มาหลอกต้มให้หลงคารมเชื่อมันง่ายๆให้อายสุนัข

กำจัดมันได้ก็ควรทำ ก่อนมันจะพล่ามสอนรียำตำบอนย้อนแย้ง อหังการหนักข้อยิ่งกว่านี้ เพราะมี "สื่อ" บางสำนักทะลึ่งไป "ให้แสง" มัน...!!!

**'ตื้น'อวด'ตื่น'..ยื่นปากยาว
พูดสามหาว......สาวไส้สอน
ตัดตอนธรรม..คลำบางตอน
ไอ้ละอ่อน.......ป้อนธัมเมา
--เองอ้างเท่...เร่ด่าเช็ด
--ฟาดฉี่เล็ด...เผ็ดมันส์เขลา
--เอายอดวิว....หิวแสงเงา
--ศาสน์อับเฉา..เมาน้ำลาย
**คืออุบาย......ทำลายพุทธ
หากห่อนหยุด..สุดจุดหมาย
ผลไม้พิษ........ติดภัยร้าย
หยุดงมงาย....ให้ราคา!!!

 

รับหลวงพ่อกวย ครับ

 

รับครับ

 

รับครับ สวัสดีคุณอา และสมาชิกทุกท่านครับ

 

ถูกใจจริง ๆ
ว่าด้วยเรื่อง...
"สถุนตื้นธรรม"!!!
============

"ลอยกระทง" เป็น "ประเพณี" มีการเอา "ศาสนา" เข้ามาเกี่ยวข้องเล็กน้อย ประสาคนไทยชาวพุทธ กระทำสิ่งใดทึ่เป็นวัฒนธรรม ประเพณี ก็ต้องมีการเคารพกราบไหว้พระพุทธรูป หรือเป็นอามิสบูชาประกอบกันไปให้ดูขลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น

เป็น "ซอฟท์ เพาเวอร์" กระฉ่อนไปทั่วโลก คนต่างด้าวท้าวต่างแดนล้วนชื่นชมประเพณีเหล่านี้ของคนไทย แล้วก็จัดกันเพียงแค่ "หนึ่งปีมีหน" เหมือนเทศกาล "สงกรานต์" ไม่ใช่บ้าทำกันทุกวี่ทุกวัน!

การ "ขอขมา" พระแม่คงคาวารี คือการรำลึกถึงพระคุณของแม่น้ำที่มีคุณใหญ่หลวงต่อชีวิต เฉกเช่นเดียวกับผืนแผ่นดินที่เรามีประเพณี "แรกนาขวัญ" ไถหว่านขอบพระคุณแม่โพสพ

ประเพณี วัฒนธรรม เป็น "ศิลป" แห่งการดำรงชีวิตและการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม จึงอยู่ควบคู่เคียงข้างไปกับพระศาสนา ละเลยหรือละทิ้งแยกจากกันไม่ขาด!

แต่มีไอ้สถุน หัวโล้นห่มขาว "คนตื้นอธรรม" ที่ชอบบรรยายธรรมะตามพุทธวจนะหรือตรงตามพระศาสดาเป๊ะ ทำตัวปฏิบัติเคร่งครัด...นั่นเอ็งก็ว่าของเอ็งไป...!

ทว่า ที่สะเออะทำเป็นคนเหนือโลกว่า...ขอขมาพระแม่คงคาทำไม? ไปขมาพ่อ-แม่-เมีย ผู้มีพระคุณโน่น!

โถ...ไอ้สถุนมองโลกแค่มุมเดียว หนึ่งปีเขาก็ "ขอขมา" พระแม่คงคาตามประเพณีหนเดียว แต่หนเดียวนั้นก็ทำให้รำลึกถึงพระคุณแม่น้ำ ลำคลอง สายน้ำแห่งชีวิต บางคนก็อุทิศตนช่วยรักษาวิถีแม่น้ำไว้ มิให้เน่าเสีย

อดีตกาล "แม่น้ำ" มีความสำคัญต่อชีวิตสูงสุด พอๆกับ"แผ่นดิน"!!!

บ้านเมืองต้องตั้งริมน้ำเพื่อสัญจรทำมาค้าขาย และผันน้ำเข้ามาแผ่นดินได้ง่าย ทำมาหากินปลูกผักพืชผล รวมทั้งข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์

พระคุณแม่น้ำ แม่คงคาวารี จึงอย่าได้บรรยาย มีท่วมฟ้าท่วมแผ่นดิน!!!

สถุนตื้นอธรรม อวดรู้ธรรมะตื้นๆ บ้าแต่จะเอาทุกเรื่องโยงเข้าหาธรรมะ จนหลงลืมความจริงของสังคมมนุษย์ว่า ทุกชีวิตต้องดำเนินไปทุกเมื่อเชื่อวัน ต้องทำมาหากินเจริญเติบโต แล้วไปทำนุบำรุงพระศาสนา ปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนได้ ก็เพราะส่วนหนึ่งอาศัยแม่น้ำ ลำคลองนี่แหละทำมาหาเลี้ยงชีวิตเจริญเติบโต

โคตรของโคตร และโคตรบรรพบุรุษของเอ็ง ก็ผ่านวิถีชีวิตแม่น้ำหาเลี้ยงชีพจนต่อเนื่องเกิดมาเป็นตัวเอ็งเช่นกัน หรือเอ็งสัปดนเกิดมาได้เลย โดยไม่มี "โคตร" ที่เคยอาศัยลำน้ำเติบโต???

ความคิดคับแคบของไอ้สถุนห่มขาวตนนี้จึงเป็น "อันตราย" มาก เรียกตัวเองว่า "ตื้นอธรรม" พยายามยัดเยียด "ธรรมะมุมเดียว" เข้าสมองสาวก และคนที่เข้าไปหลงฟังแล้วดัน"หลงเชื่อ"

ไอ้พวกนี้ เหมือนอดีตแถวอิสาน พอมีคนนับถือเลื่อมใสมากเข้า ก็ตั้งตนเป็นเจ้าสำนัก ฉ้อฉลผู้คน หลอกลวงจนร่ำรวย

บางตัวอหังการกำเริบเสิบสาน กลายเป็น "ไอ้ผีบุญ" ถูกทางการจับตัดหัว ยิงเป้ามาเสียนักต่อนัก เพราะเหิมเกริมถึงคิดกบฏก็มี

ส่วนใหญ่ พวกมันโตมาจากการบรรยายธรรมอย่างดุดัน ทำเป็น "เคร่งธรรม-ตื้นตื่นธรรม" จนคนหลงเชื่อนี่แหละ

ปัจจุบัน เราคนกลางกรุงแท้ๆ อย่าปล่อยไอ้ผีบุญ วาจาสถุนไร้สกุลรุนชาติ บังเกิดต่อหน้าต่อตา ใช้วาจา "อ้างธรรมะ" แฝง "ธรรมเมา" มาหลอกต้มให้หลงคารมเชื่อมันง่ายๆให้อายสุนัข

กำจัดมันได้ก็ควรทำ ก่อนมันจะพล่ามสอนรียำตำบอนย้อนแย้ง อหังการหนักข้อยิ่งกว่านี้ เพราะมี "สื่อ" บางสำนักทะลึ่งไป "ให้แสง" มัน...!!!

**'ตื้น'อวด'ตื่น'..ยื่นปากยาว
พูดสามหาว......สาวไส้สอน
ตัดตอนธรรม..คลำบางตอน
ไอ้ละอ่อน.......ป้อนธัมเมา
--เองอ้างเท่...เร่ด่าเช็ด
--ฟาดฉี่เล็ด...เผ็ดมันส์เขลา
--เอายอดวิว....หิวแสงเงา
--ศาสน์อับเฉา..เมาน้ำลาย
**คืออุบาย......ทำลายพุทธ
หากห่อนหยุด..สุดจุดหมาย
ผลไม้พิษ........ติดภัยร้าย
หยุดงมงาย....ให้ราคา!!![/QUOTE]

 

พระลีลาดำ-แดงแรงฤทธิ์กำแพงหย่องเนื้อดินที่นับวันจะหาของทันยุคทีหลวงพ่อกวยได้ยาก มีของทำเทียมเลียนแบบมากมาย แถม "แม่เหล็กดูดติด" ชนิดกระโจนเข้าใส่ยังกับเหล็กดูดเหล็ก ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นเพราะมันเล่นยัดลูกเหล็กไว้ข้างใน บางองค์ก็ย้อมสีดำปี๋ ผมเห็นจากรุ่นน้องเอามาให้ชม บางองค์ติดทองแล้วแช่สารเคมีทำให้หมองแต่ทองนิดแนบแน่นยังกับทากาว ไม่มีธรรมชาติใดเลย เห็นหลายองค์พอเป็นครู และไม่ตกข่าวตกรถกับเขา ยังโชคดีที่มีรุ่นน้องเดินภาคสนามอยู่ 2-3 คนแวะเวียนมาคุยให้ความรู้ความก้าวหน้าของมือผีอยู่เรื่อยๆ

พระเนื้อดินถุงใหญ่ชุดนี้ที่รับมามื่อ 40 ปีก่อน ผมก็เปิดกล่องออกให้บูชาตามจังหวะจะโคน ถูกบ้างแพงบ้าง ระยะหลังค่อนไปทางราคาตามอัตภาพตามสภาพเศรษฐกิจ เก็บติดบ้านติดคอติดกระเป๋าไว้ ไม่หนักคอและหนักบ้าน

โมทนาคุณเทพ ส่งท่านควงคู่เดินทางขึ้นเมืองช้างวันจันทร์ครับ

 

พระสมเด็จจิตรลดา 2 ก็งามเหลือหลาย มีอยู่ช่วงที่ราคากระโดดไปหลักพันต้น แต่อย่างว่าช่วงนี้สภาพเศรษฐกิจเป็นพิษ พระทุกชนิดราคาติดเกียร์ถอยหลัง เป็นจังหวะที่ดีของคนที่พอมีกำลังเก็บเอาไว้ อนาคตวันข้างหน้าไม่อับเฉาแน่ ถึงจะไม่พุ่งพรวดพราดแบบราคาทองคำ แต่อย่าลืมพระเครื่องบางอย่างก็ราคาแพงยิ่งกว่าทองคำหลายเท่าตัว บางองค์ออกจากวัด 10 บาท ราคาทะยานไปหลักแสนหลักครึ่งล้านเห็นอยู่หลายครูบาอาจารย์ อย่าให้ต้องเอ่ยชื่อ จะกลายเป็นเชียร์ซ้ำซากโดยไม่จำเป็น

พระของในหลวง ล้นเกล้า รัชกาลที่๙ ทันพระองค์ท่านเมตตามอบมวลสาร มอบ "เส้นพระเจ้า" และหลายรุ่นทรงเสด็จพระราชดำเนินเททอง บ้างก็ทรงเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษกด้วยพระองค์ท่านเอง พระอย่างนี้หากราคาแค่หลักร้อย ไม่เก็บเอาไว้เป็นศิริมงคลชีวิต ก็ไม่รู้จะเล่นพระไปทำไม?

"พระพุทธนวราชบพิตร" เป็น"หนึ่ง"ในหลากหลายประการที่เอ่ยมาอย่างครบเครื่อง โมทนาคุณเทพที่นำไปบูชาเป็นศิริมงคล มอบเดินทางขึ้นแผ่นดินไอยราวันจันทร์เช่นกัน

 

พระพุทธชินราชผงจักรพรรดิหลวงปู่ดู่ "พระธรรมธาตุ" จับเต็ม องค์นี้เก็บในกล่องพระที่มี "พระธาตุ" มานานเพราะ สวย-แปลก-น่าทึ่งชวนพิศวง เป็นเรื่องเหนือโลกที่ปวดหัวถ้าเจอะเจอไอ้พวกบ้องตื้นบอกว่า ให้อธิบายเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาสิ อัศจรรย์อย่างไร?

ซึ่งหากเจอแบบนั้นเหมือน "สถุนตื้นธรรม-ห่มขาว" ที่กำลังอาละวาด "เกินเบอร์" อยู่ตามหน้าจอเวลานี้ ก็คงได้ซัดล้างสมองล้างท่อกับมันยาวๆ แต่บางอย่าง ก็จะเหมือนสีซอให้รถแทร็คเตอร์ฟัง มันไม่เข้าใจหรอก หรือบางทีก็รู้ แต่ทำเป็นแกล้งไม่รู้ เพราะตูจะอวดรู้ในมุมที่คิดเอง เออเอง

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านไม่มาบอกว่า เหตุใดเกิดอย่างนี้? ทำไมเกิดเช่นนั้น? มันเป็นสิ่งที่รู้เห็นได้เฉพาะตน บางคนเห็นจะแจ้งคาตายังไม่เชื่อก็มี แล้วแต่วาสนาของแต่ละคนก็แล้วกัน

คุณเทพ ฝากปัจจัยมาร่วมบุญ-ทานบารมีอีกต่างหากเช่นเคย ขอบคุณและโมทนาเป็นครั้งที่ 3 ของค่ำคืนวันนี้

ขอบารมีพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ คุ้มครองดูแลทั้งครอบครัวมีความสุขร่มเย็นตลอด มอบองค์แทนแห่งมหาศิริมงคลชุด(เกือบ)ใหญ่ไฟกระพริบทุกองค์เดินทางวันจันทร์ครับ

 

[/QUOTE]

เจอะบทวิพากษ์ "สถุนตื้นธรรม" อย่างเบาะๆแต่ก็ทำหลวงพี่ทนไม่ไหว ส่งสาส์นชอบใจมาให้ ยังมีอีกหลายข้อหลายประเด็นที่ต้องเข็นครกขึ้นภูเขา เอาความจริงของโลกและชีวิต สัจธรรมของสังคมที่ไม่ใช่บ้าบอคอแตกอยู่แต่กับเรื่องธรรมะพาธัมเมาอย่างที่ "สถุนตื้นธรรม" เที่ยวอาละวาด จิกกบาล ด่ากราด วิจารณ์สาดเสียเทเสียไปทั่วทุกเรื่องที่ข้องเกี่ยวกับพระศาสนา

มันด่าทั้งพระสวดงานศพ/วิจารณ์บทสวดมนต์/วิพากษ์บทสวดเจ้าแม่กวนอิม มหายาน ฯลฯ มีคนแค็ปมาให้ผมฟังเยอะแยะ บางคลิปผมแลเฉพาะหน้าปกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียนกับไอ้คนห่มขาวที่ตั้งตัวเองเรียกตนเองเป็น " อาชาม" เสียเต็มประดา

ดูหน้าตา กิริยาอายุมันก็ไม่น่าจะเลย 40 สักกี่ฝน แต่อวดรู้ทุกเรื่อง ทุกบริบทของสังคม และพยายามลากประเพณี วัฒนธรรมในสังคมเข้าไปเกี่ยวข้องกับศาสนาให้หมด แล้วน่าแปลกใจ มันจ้องติฉินนินทา ฉะยับอัดไม่เว้นเฉพาะบริบททางศาสนาพุทธ ที่มันแหกปากปาวๆทำคอนเท้นท์หากิน หาวิว หาแสงอยู่นั่นแหละ

ทำไมไม่เผือกเอาเรื่องลัทธิศาสนาอื่นที่รุกรานศาสนาพุทธ คนพุทธทาง 3 จังหวัดภาคใต้มาพูดบ้าง หากมีจิตใจแน่วแน่ที่อยากเห็นศาสนาพุทธยืนหยัดเป็นหนึ่งให้สมกับแผ่นดินไทยแผ่นดินพุทธจริงๆ

มีอีกเยอะนับไม่ถ้วนที่สถุนหิวแสงตนนี้ "ล้ำเส้น" สารพัดสารพัน ชักเหิมเกริมเพราะได้ออกทีวี มีคนเชิญไปสำรากฝอยฟุ้งธัมเมาบ่อย ก็เริ่มลืมตัว กรูแน่ กรูเจ๋ง ไม่เกรงใคร หลายครั้งที่ มันเผลอ "หลุด" ให้สะดุดใจแปลกๆ

อย่าลืม...ศาสนาพุทธวันนี้มี "หนอนบ่อนไส้" ทั้งหนอนจริง หนอนแอบแฝง หนอนเน่าในอยู่มากมาย...

--คนต่างศาสนาแฝงเข้ามาบวชเป็นพระ สร้างแต่เรื่องฉาวโฉ่เสื่อมเสีย เพื่อหวังทำลายศาสนาให้คนพุทธเบื่อหน่ายก็มี

--ไอ้พวกจิตใจวิปลาสอยู่ศาสนาอื่น แต่อาศัยเกาะกินพุทธ ทำเป็นสอนพุทธ สอนธรรม แล้วหยอดยาพิษคอยทำลายวัฒนธรรมประเพณี "ศาสตร์ & ศิลป์" ของชาวพุทธ...ก็มี!!!

มันมีทุกรูปแบบแหละครับ ศัตรูของพระศาสนาเรา ไอ้สถุนบางตัวที่แหกปากสอนธรรมปาวๆ ก็อาจเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น

ดูกันไปยาวๆครับพี่น้อง หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์แพะ...เอ้ย พิสูจน์พวกอลัชชีผีหัวโล้นห่มขาวบางตัว!!!

 

วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ตรงกับวันอาทิตย์ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง
ใส่บาตรในเช้าวันนี้
โมทนาบุญร่วมกันครับ
สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง
นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ ปัจจุบันเนกาเล

 

ขออนุญาตพี่วันแจ้งข่าวจากวัดท่าซุงหน่อยครับ

เนื่องจากมีการสอบถามเข้ามากันมาก ติดต่อทางตึกรับแขกได้เลย
- พระคำข้าว 1600
- ปิดทอง 1700 บาท
- รุ่นพิเศษติดพระธาตุ 3200
- ปิดทอง 3300 บาท

 

โลกดิจิทัล ดำเป็นขาว ขาวเป็นดำ หลวงปู่ หลวงพ่อรุ่นเก่าๆ ท่านก็เทศนาและบรรยายธรรมไว้ดีแล้วกลับไม่สนใจศึกษา กลับไปสนใจสิ่งที่ตรงกันข้ามแถมบางคนยังดูหมิ่น ดูแคลนว่าไม่มีในพุทธศาสนา กรรมใครกรรมมัน เลือกทางเดินกันเอง ธรรมะของคนรุ่นใหม่ฟังแล้วแสลงใจ ขอเป็นคนรุ่นเก่า ศึกษาของเก่า อนุรักษ์ของเก่าไว้ครับ

 

วันหยุดแต่แวะกระทู้บ่ายเกือบแก่ มีภาระไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ตามปกติ แต่อาทิตย์นี้ไม่ปกติ ต้องไปเยี่ยมที่ศิริราชซึ่งท่านเข้าไปรักษาอาการอยู่ที่นั่น อย่าให้บรรยายเลยว่า ย่านนั้นรถติดขนาดไหน

มาแล้วก็อนุโมทนาบุญใส่บาตรยามเช้าก่อนไปว่ากันเรื่องอื่น เสร็จแล้วเขียน "ผีหวงบ้าน อาถรรพ์ธรณีสงฆ์" ตอนแรกให้อ่านกันวันนี้ มีเวลาก็เชิญอ่านเพื่อความเพลิดเพลิน มีคติสอนใจบ้าง แต่ไม่ถึงไอ้โน่นไม่ดี ไอ้นี่แย่ ฯลฯ เหมือนพวกคนรุ่นใหม่(บางคน) ที่มันผ่านโลกไม่กี่ฝน แต่มองโลกในแง่บัดซบ ทุกอย่างในสายตามันล้วนแย่หมด บางคนแย่กระทั่งบ่นว่าทำไมเกิดมาเป็นคนไทย???

อยากภาวนาให้พวกมันไปเกิดแถว "ฉนวนกาซ่า" เหลือเกิน หรือเบาะๆเอาแค่พม่าใกล้แค่นี้ก็พอ อย่าสะเออะมาเกิดบนแผ่นดินไทยให้รกบ้านรกเมืองหนักแผ่นดินเลย

 

ของดียังมีอยู่ที่ต้นตำรับ ราคาก็ไม่แพงกว่าท้องตลาด อาจถูกกว่าหรือมากกว่าสักร้อยสองร้อยก็ว่ากันตามสะดวก ท่านใดอยากได้บูชาวัตถุมงคลที่จ่ายแล้วไม่จนใจ ไม่ต้องสืบความแท้-เก๊ ก็ตามลายแทงง่ายๆนี้เลย ทำบุญกับวัดสบายใจที่ซู้ด!!!

 

โลกหน้าจอโลกออนไลน์ สามารถบิดขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว หรือ "ฟอกขาว" ได้ก็จริง แต่ก็อย่าลืม ยังมีพวก "นักสืบออนไลน์" หรือฝั่งตรงข้ามที่คอยสืบเสาะพฤติกรรม นำความไม่ชอบมาพากล มาตีแผ่แฉแหลก

ไอ้คนที่ว่าแน่ๆสร้างภาพได้เก่งหลายปี พอแบแผ่หราออกมา กลายเป็น 18 มงกุฏ 19 มังกร หรือมังกรซ่อนหัวหาดีไม่เจอซะงั้น...!

อย่างแก๊งทนายอะเวนเจอร์ แก๊งดาราอวดหรู แก๊งค์นักร้องเรียนระดับเซียนเหยียบเมฆที่ร้องไปร้องมา โดนร้องจนเข้าซังเตเสียเอง

ทุกอย่างจึงเป็น "ดาบสองคม" มีทั้งคมที่เป็นประโยชน์กับเป็นโทษ หากเราผิวเผินไม่ลึกซึ้งก็จะหลงเพริดไปกับข่าวสารพาหลงทางที่อัดเข้าสายตาเข้ารูหู

หากมีวิจารณญาณการดู การฟังก็จะพบว่า พวกหิวแสงออนไลน์นั้น มากกว่าครึ่งล้วนมีเจตนาฉ้อฉล นำประโยชน์จากแสงเข้าใส่ตัวทั้งสิ้น

เรื่องสอนธรรมะทางหน้าจอเหมือนกัน ครูบาอาจารย์ที่แท้จริงอีกมากท่านไม่ได้สนใจ "แสง" เพราะท่านคือ "ดาวฤกษ์" สุกสว่างสุดสกาวมีแสงในตัวด้วย"ธรรม" อยู่แล้ว!

ผิดกับพวก "ดาวเคราะห์" มีพระสงฆ์บางรูปกับฆราวาสบางคนที่หาแสงในตัวไม่เจอ ต้องอาศัย "แสงหน้าจอ" มาสังเคราะห์เพิ่มรัศมีให้ตนเองดูเจิดจ้าแพรวพราวลวงตา ลวงคนโง่

พระบางรูปที่เหล่าศิษย์พยายามยัดเยียดคลิปไร้สาระสารพัดให้ดูแทบจะเป็นรายวันรายสัปดาห์...นั่นแหละพวก "น้ำเน่า" อย่าว่าแต่จะมีธรรมะสอนใคร มันสอนตัวเองให้เรียบร้อยยังไม่ได้เลย

ส่วนฆราวาสที่ใช้ภาษาพ่อขุนราม เป็นที่ถูกอกถูกใจสบอารมณ์ เด็กสถุนคนสถุนรุ่นใหม่ นั่นก็เหมือนกัน ขนาดภาษาพูดมันยังไม่ปกติ มันจะเอาธรรมะซึ่งเป็นเรื่องมีคุณค่าเปี่ยมจริยาความงามทุกด้าน มาทำให้เป็นเรื่อง "สูงค่า" ได้อย่างไร?

ว่ากันเบาะๆแค่นี้ อยากฟังธรรมะดีๆ ก็เปิดคลิปหลวงพ่อฤาษีฯวัดท่าซุง/พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน/หลวงปู่เกษตร ปคฺโณ แห่งวัดเขาหินเทิน ประจวบฯ/หลวงปู่หนูอินทร์ วัดป่าพุทธมงคลและอีกนับไม่ถ้วน ฟังและดูเอาเถิด

จักเกิดประโยชน์กับชีวิตและข้อคิดทางธรรมมหาศาล หงายของที่คว่ำแจ่มแจ้งแทงตลอดตามแนวทางพระพุทธองค์ ไม่ต้องบรรลุ แต่ฟังแล้วคิด ไตร่ตรองตาม...ไม่เสียชาติเกิด!!!

หลีกเลี่ยงไอ้พวกหิวแสงบ่อน้ำเน่า ไอ้สถุนตื้นธรรม แล้วเราจะได้ธรรมะประดับใจที่แท้

ไม่ใช่ตื้นๆพื้นๆเหมือนพวกใบไม้รกเรื้อเกลื่อนป่า หา "ใบไม้ในกำมือ" ไม่เจอ!?!

มันได้แต่พูดเอามันส์เพื่อสนองตัณหา สะใจกองเชียร์เท่านั้นแหละ!!!

 

เรื่องเล่า.."ผีหวงบ้าน"
อาถรรพ์ธรณีสงฆ์!!!
===============

(1)...
■■ กรุงเทพ พ.ศ. 2517 เชิดถอนหายใจโล่งอก เบียดเสียดผู้คนแน่นขนัดราวปลากระป๋อง ขึ้นรถเมล์ขาวสภาพซอมซ่อพอแรงที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิสำเร็จ

รถเมล์ขาวใกล้หมดสภาพ เพราะอีก 3 ปี ต่อมา ตำนานรถเมล์อันยิ่งใหญ่เจ้าแรกของเมืองไทยเมืองหลวง ก็ปิดตัวเองในปี 2520 อายุอานามในการรับใช้ผู้คนนับล้านชีวิตต่อปีบนท้องถนนครบ 70 ปีพอดี

เชิดใช้บริการเมล์ขาวเป็นประจำจนพอรู้ตำนานเอามาเล่าได้เล็กน้อยตามนั้น เขาหยุดครุ่นคำนึงเมื่อรถโขยกเขยกฝ่าการจราจรที่ติดขัดสาหัส สลับการเบรคหัวทิ่มหัวตำเมื่อจอดทีละป้ายยิ่งกว่าเต่าคลาน ช้ากว่า รถไฟขบวนหวานเย็นสายใต้ 'ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง' ที่เขาอาศัยขึ้นเมืองหลวงมาทั้งคืน

รถบ่ายหน้าออกทางโรงพยาบาลพระมงกุฏ ตรงไปสักพักก็เลี้ยวซ้ายเข้าหาเส้นทางสะพานซังฮี้ข้ามแม่น้ำใหญ่ที่ไหลเอื่อยเฉื่อยเบื้องล่าง เขายืนโหนก้มหัวมองลอดหน้าต่างก็พอแลเห็นสีขุ่นของสายนทีเจ้าพระยาอันเลื่องชื่อ

เมื่อถึงสี่แยกก็เลี้ยวขวาอีกทีแล้ววิ่งยาวไปบนถนนลาดยางแคบๆกระโดกกระเดกเรียกว่าเส้นพระราม ๗ ในพ.ศ. นั้นเหมือนกับออกไปต่างจังหวัดทั้งที่ยังอยู่เมืองหลวงแท้ๆ

เชิดเป็นเด็กหนุ่มวัย 21จากเมืองใต้เพื่งจบการศึกษาจากวิทยาลัยครูแห่งหนึ่ง ไม่ยี่หระกับความลำบากลำบนโหนรถเมล์โดยมีกระเป๋าผ้าสะพายบ่าซึ่งบรรจุสัมภาระจำเป็นเพียงเสื้อ-กางเกง 3 ชุด เครื่องใช้อีกเล็กน้อย ไม่มีสมบัติอะไรอื่นที่มีค่า

เขาขึ้นรถตามลายแทงที่ญาติห่างๆให้ไว้ ไปหาบ้านพัก เรียกให้ถูกต้องคือห้องเช่าราคาถูกนอกเมืองหลวง ในวันเวลาที่เรื่องติดต่อสื่อสารไม่คล่องตัว การเดินทางไปสู่จุดหมายที่ไม่เคยไปครั้งแรกสำหรับหนุ่มบ้านนอกที่แทบจะมาจากหลังเขา ก็เหมือนการผจญภัยเล็กๆสไตล์ "บ้านนอกเข้ากรุง"!

ยังดีที่เขาไม่ใช่คนกลัว คนโง่ เขาถามคนที่ยืนโหนราวเหล็กข้างๆว่า จุดหมายที่ตัวเองจะลงอยู่ช่วงไหน?คนกรุงใจดีก็สะกิดบอกเมื่อรถจอดป้ายถัดมาว่า ตรงนี้แหละ ลงได้เลยน้อง

เขาหันไปขอบคุณแล้วฝ่าคนลง หยิบใบโพยขึ้นมาดู จากป้ายนี้เขาต้องเดินไปขึ้นรถสามล้อถีบที่มีกลาดเกลื่อนแถวนั้น บอกจุดหมายที่จะไป

แต่พึงระวัง สอบถามราคาให้ดี อย่าผลีผลาม บุคลิคบ้านนอกเข้ากรุงอาจโดนโขกสับเพิ่มอีกหลายบาทไม่รู้ตัว นั่นเป็นคำเตือนที่ญาติคนเขียนโพยสั่งเอาไว้

สามล้อถีบหน้าตาใจดี ไม่โก่งราคานำเชิดออกจากถนนใหญ่ ซึ่งสมัยนั้นยังเป็นถนนสายแคบๆ มาขยายใหญ่ภายหลัง ถีบเอียดอ้าดเข้าซอยที่ข้างทางรกเรื้อ ไปอีกไกลพอแรง กว่าจะถึงจุดหมายที่บอก เชิดจ่ายสะตังค์ เดินดุ่มไปที่บ้านพักสองชั้นซ้ายมือ

"ห้องเต็มแล้ว"...คนดูแลบอกเมื่อเชิดแจ้งความจำนงว่าขอเช่าห้องพัก

เวรละสิ...เด็กหนุ่มถึงกับยืนเซ่อ เหมือนนักมวยโดนหมัดฮุค น้ำหนักพอประมาณเข้าปลายคาง ไม่ถึงกับล้ม แต่สร้างความมึนงงเล็กน้อย...!

(((ยังมีต่อ)))

 

เข้ามาเมืองหลวงปี 2517 เหมียนกันครับ สะพานพระราม 7 ในเวลานั้นขึ้นลงสะพานเมื่อไหร่...หวาดเสียว...เพราะคอสะพานแคบและโค้งแบบน่ากลัว ลงจากสะพานเข้ามาที่ถนนพิบูลย์สงครามฝุ่นตลบเป็นถนนเลนเดียว รถยนต์ยังต้องวิ่งสวนกันไปมา สภาพถนนและการจราจรในเวลานั้นเหมือนกับอยู่ต่างจังหวัด
ปล. คนราดรีได้รับรางวัลใหญ่อีกแล้วครับ