ฌานที่แท้จริง

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย Saint Telwada, 26 เมษายน 2008.

  1. Saint Telwada

    Saint Telwada สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2008
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +5
    ตอบ.....
    ข้าพเจ้าว่าคุณไปฝึกศึกษาธรรมะในศาสนา และทำความเข้าใจให้เป็นไปตามหลักความจริง อย่าคิดเบี่ยงเบนไปในทางที่คุณคิดว่าถูก
    คุณเอาหลักการ หรือหลักวิชาที่ไหนมา ที่ว่า สมองของ วิญญาณขันธ์ คุณว่าวิญญาณขันธ์มีรูปร่างอย่างไร
    มิน่า ถึงมีแต่คนที่คุณบอกว่าเขาแพ้คุณ
    คุณจงรู้เอาไว้ เขาไม่ได้แพ้คุณดอกนะ
    แต่เขาไม่อยากเถียงคนที่มีความรู้แค่หางอึ่ง แถมยังเขียนไปตามใจ
    จิตอยู่นิ่ง บ้าง ...อะไรต่อมิอะไร
    คุณว่า จิต มันอยุ่ตรงไหนของร่างกายคนเรา
    ที่ข้าพเจ้ากล่าวว่า คุณมีความคิดเบี่ยงเบน คุณไปคิดว่า สมองของมนุษย์คือหุ่นยนต์เป็นแค่รูป
    แล้วถ้าไม่มีสมอง คุณจะเป็นอย่างไรละ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
    ไม่อยากบอกว่า
    คุณควรไปพบจิตแพทย์ซะบ้าง ไม่ได้ว่าคุณบ้าหรือโรคจิตนะ
    แต่การไปพบจิตแพทย์นั้น อาจทำให้คุณได้เข้าใจในเรื่องของร่างกาย และจิต ได้ดีขึ้น
     
  2. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817

    คุณใบไม้...
    ข้าพเจ้าบอกคุณแล้วว่าคุณ มีความรู้เพียงน้อยนิด แถมยังเป็นความรู้ที่ไม่สามารถอธิบายให้เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ หมายความว่า คุณรู้ไม่จริง แต่รุ้แบบเข้าใจเอาเอง สาเหตุ เพราะ
    1. คุณไม่ได้ศึกษา จากธรรมชาติ และไม่ได้ทดลองปฏิบัติ อีกทั้งคุณไม่มีความสรมารถพิเศษที่จะสามารถมองเห็น สิ่งที่คุณเรียกว่า วิญญาณ อะไรของคุณนั่น คุณมั่วเอาตามที่คุณคิดเอง
    คุณคิดว่า สมองอะไรแบบที่คุณว่า มีสภาพเหมือนกับ สมองปกติทั่วไปของมนุษย์ แค่นี้ก็รู้แล้วว่า คุณก็แค่แมลงป่องตัวหนึ่ง(นี้ไม่ใช่เป็นการเยาะเย้ยถากถาง แต่เป็นการกระตุ้นเตือนให้คุณคิดให้ดี)
    คุณเอาอะไรมาพิสูจน์ ว่า สมองแบบคุณว่า กับ สมองปกติของมนุษย์ เหมือนกัน มันเหมือนกันตรงไหนหรือคุณ เหมือนกันที่รูปร่าง หรือเหมือนกันตรงที่ยังเก็บข้อมูลต่างๆ ได้เหมือนกัน
    หรือว่า เหมือนกันทั้งสอง รูปแบบ คือ เหมือนทั้งรูปร่าง และเก็บข้อมูลต่างๆได้เหมือนกัน

    คุณรู้ไหม คุณเข้ามาในเวบฯนี้ ก็นานพอสมควร น่าจะได้อ่าน กระทู้ที่ข้าพเจ้าสอนเรื่องของจิต เรื่องของการระลึกชาคิได้ อันสามารถนับเข้าใน หลักวิชาการได้หลายแขนง คุณเคยได้อ่านหรือไม่

    คุณใบไม้นอกกำฯ คุณไม่มีทางรู้ และไม่มีทางเห็นว่า วิญญาณที่แท้จริงเป็นอย่างไร จิตที่แท้จริง เป็นอย่างไร
    เพราะคุณแค่บรรลุโสดาบัน คุณยังฝึกไม่ได้ ไปพิจารณาตัวเอง อย่ามัวหลงตัวเองอยู่เลยนะคุณใบไม้ฯ
     
  3. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    คุณใบไม้เปลี่ยนไป มาดนิ่มๆ นะ เดี๋ยวนี้
     
  4. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ตอบคำถามให้ได้ซะก่อนน่าคุณ ใบไม้
    ที่คุณบอกว่า "ที่บอกก็บอกไปแล้ว ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร"
    คุณต้องตอบให้ชัดแจ้ง ถ้าคุณรู้จริง ไม่เป็นอย่างคำของข้าพเจ้ากล่าว
     
  5. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817

    จะไม่ให้นิ่มได้อย่างไรละคุณ เขา(ใบไม้นอกกำมือ) ไม่ได้รู้จริงรู้แจ้งอะไรเลย อ่านตำราแล้วก็เอามาเขียน แบบไม่ได้พิจารณาให้เป็นไปตามหลักการ เรียกว่า อ่านได้ แต่ไม่เข้าใจ
    อวดรู้ อวดภูมิปัญญา แต่พอถาม กลับไม่ตอบ เลี่ยงไปช้างๆ แก้เก้อว่า บอกแล้ว ไม่เชื่อก็ตามใจ
    คุณใบไม้ฯ ตอบแบบคุณนะ เด็ก ระดับ ป.5 ป.6 ม.1 ม.2 ม.3 ก็ตอบได้ นะคุณ
    ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร ทีหลังอย่าอวดอ้าง เพราะความอยากดัง ทีหลังอย่าอวดอ้างเพราะความอยากดัง
     
  6. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    แล้วก็อย่าลืม ถ้าตอบได้ ก็ตอบคำถามที่ข้าพเจ้าถามว่า
    "สมองแบบคุณว่า กับ สมองปกติของมนุษย์ เหมือนกัน มันเหมือนกันตรงไหนหรือคุณ เหมือนกันที่รูปร่าง หรือเหมือนกันตรงที่ยังเก็บข้อมูลต่างๆ ได้เหมือนกัน
    หรือว่า เหมือนกันทั้งสอง รูปแบบ คือ เหมือนทั้งรูปร่าง และเก็บข้อมูลต่างๆได้เหมือนกัน"
     
  7. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าเอง ไม่อยากที่จะไปสนใจ ในคำว่า มิจฉาทิฏฐิ หรือ สัมมาทิฏฐิ
    เหตุเพราะข้าพเจ้าศึกษา ค้นคว้า วิจัย มาดีแล้ว ข้าพเจ้าเคยสอนไปแล้วว่า คำว่า มิจฉาทิฏฐิ หรือ สัมมาทิฎฐินั้น เป็นเพียง ผลของความคิด เป็นคำนิยาม สรุปความคิดสุดท้าย ที่บุคคลได้ตกลงใจ จะกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือไม่กระทำการสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อันหมายความว่า สัมมาทิฏฐิ หรือ มิจฉาทิฏฐินั้น เป็นเพียงคำนิยาม ไม่ใช่หลักธรรมชาติ ที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ ไม่ใช่หัวข้อหลักธรรมคำสอน แต่เป็นเพียงคำอธิบายว่า เมื่อทุกคนได้สัมผัส ก็จะเกิดความคิด วิตก วิจาร ไตร่ครอง พิจารณา ว่าสิ่งที่ได้สัมผัสนั้น คือสิ่งใด ควรได้กระทำการ หรือไม่กระทำการ หรือตอบโต้ หรือหลีกเลี่ยง หรือเห็นคล้อยตาม สิ่งที่ได้สัมผัสนั้นหรือไม่
    คำสอนของข้าพเจ้า ถึงแม้จะเป็นหลักความจริง เป็นหลักธรรมชาติของสรรพสิ่งที่มีชีวิต และไม่มีชีวิต (จะเรียกว่า เป็นหลักวิทยาศาสตร์ ก็ได้) แต่มันเป็นคำสอนที่ไปค้านกับคำสอนที่มีอยู่เดิม ก็เลยทำให้บุคคลบางกลุ่ม บางพวก เอามาเป็นข้ออ้าง ในการกล่าวหาว่าข้าพเจ้า ปรมาส พระไตรปิฏกบ้าง หรืออื่นใดบ้าง
    ถ้าบุคคลบางกลุ่มบางพวก เหล่านั้น เป็นพุทธศาสนิกชนที่แท้จริง พวกเขาได้อ่านคำสอนของข้าพเจ้าแล้ว ย่อมเกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่หลงอยู่กับความไม่ถูกต้อง
    ข้าพเจ้าเคยบอกแล้วว่า พระไตรปิฏก ได้ถูกบิดเบือน เปลี่ยนแปลง หรือตกหล่น ขาดหายไปนานแล้ว เมื่อข้าพเจ้าเอาหลักความจริงมากล่าว ไม่ยอมเชื่อ
    ข้าพเจ้าก็ต้อง ประกาศตัวเอง และประกาศหลักธรรม ให้เป็นคำสอนของ "ศรีอาริยเมตไตรย" ซะ จะได้ไม่มีใครมากล่าวหาใส่ร้าย
    ถึงอย่างไรก็ตาม "ศาสนาศรีอาริยเมตไตรย" ก็เป็นศาสนาพุทธ เพราะหลักการและคำสอน หรือหลักธรรมที่ข้าพเจ้านำมาสอนเผยแพร่นั้น เป็นหลักการหลักธรรม สำหรับ ศาสนาพุทธ

    ส่วนสิ่งที่คุณกล่าวมาว่า
    "นารายน์;เขียนว่า - ปัญญามาจาก 2 ทาง
    1. ใช้สมองคิด เป็นมิจฉาทิฏฐิ
    2. ไม่ใช้สมองคิด ใช้สมองเป็นตัวรับรู้ปัญญาแท้จริง เป็นสัมมาทิฏฐิ[/QUOTE

    ข้าพเจ้าจะอธิบายให้คุณด้วยเมตตา และจะโปรดสัตว์โลกอย่างพวกคุณว่า

    คำว่า"ใช้สมองคิด เป็นมิจฉาทิฏฐิ" ก็ผิดแล้วนะคุณ เพราะทุกคนต้องใช้สมองคิดกันทั้งนั้น ไม่ว่าใครทั้งนั้น ต้องใช้สมองคิดทั้งนั้น หลักธรรม คำสอน ทางศาสนา ทุกศาสนา(หมายเอาเฉพาะศาสนา อื่นๆยังไม่กล่าวถึง) ล้วนมาจากการใช้สมอง คิดทั้งนั้น จึงจะเกิดปัญญา

    คำว่า "ไม่ใช้สมองคิด ใช้สมองเป็นตัวรับรู้ปัญญาแท้จริง เป็นสัมมาทิฏฐิ " ก็ไม่ถูกอีก ถ้าบุคคลไม่ใช้สมองคิด ก็คงเป็นบุคคลปัญญาอ่อน ไร้ปัญญา
    เพราะ ปัญญา จะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องอาศัยปัจจัย คือ ความรู้ (สมองก็เป็นตัวเก็บข้อมูลความรู้นั้นๆ เรียกว่า ความจำ)
    ประสบการณ์ เกิดการปรุงแต่งจากความรู้ และประสบการณ์ต่างๆ ซึ่ง ก็คือ การคิดนั่นเอง
    เอาแค่นี้นะ
     
  8. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    อนึ่ง ท่านทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำหลอกลวง ของพวกที่ชอบอวดอุตริ ฯ แอบอ้างทำเป็นอวดภูมิความรู้ โดยที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีจริงเป็นจริง เพราะพวกเขาไม่ได้หวังให้ศาสนาเจริญ แต่หวังทรัพย์ เพื่อเลี้ยงชีพโดยไม่ได้คำนึงถึงหลักความจริง และพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีจริงเป็นจริง
    หากผุ้ใดหลอกลวงหรือแอบอ้าง ว่าสำเร็จอรหันต์ หรือสำเร็จชั้นอริยะบุคคล ชั้นใดชั้นหนึ่ง แต่ไม่มีปรากฏการณ์ทางสรีระร่างกาย ดังที่ข้าพเจ้าบอกไว้แล้ว
    ก็ให้แจ้งความกับเจ้าหน้าทีตำรวจ เอาข้อหาหลอกลวงผู้อื่นทำให้เสียทรัพย์ และทำให้ศาสนาเสียหาย ได้เลยขอรับ

    เพราะหน้าที่ดูแลศาสนาเป็นหน้าที่ของประชาชนคนไทยทุกคนอยุ่แล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2008
  9. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าเอง ไม่อยากที่จะไปสนใจ ในคำว่า มิจฉาทิฏฐิ หรือ สัมมาทิฏฐิ
    เหตุเพราะข้าพเจ้าศึกษา ค้นคว้า วิจัย มาดีแล้ว ข้าพเจ้าเคยสอนไปแล้วว่า คำว่า มิจฉาทิฏฐิ หรือ สัมมาทิฎฐินั้น เป็นเพียง ผลของความคิด เป็นคำนิยาม สรุปความคิดสุดท้าย ที่บุคคลได้ตกลงใจ จะกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือไม่กระทำการสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อันหมายความว่า สัมมาทิฏฐิ หรือ มิจฉาทิฏฐินั้น เป็นเพียงคำนิยาม ไม่ใช่หลักธรรมชาติ ที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ ไม่ใช่หัวข้อหลักธรรมคำสอน แต่เป็นเพียงคำอธิบายว่า เมื่อทุกคนได้สัมผัส ก็จะเกิดความคิด วิตก วิจาร ไตร่ครอง พิจารณา ว่าสิ่งที่ได้สัมผัสนั้น คือสิ่งใด ควรได้กระทำการ หรือไม่กระทำการ หรือตอบโต้ หรือหลีกเลี่ยง หรือเห็นคล้อยตาม สิ่งที่ได้สัมผัสนั้นหรือไม่
    คำสอนของข้าพเจ้า ถึงแม้จะเป็นหลักความจริง เป็นหลักธรรมชาติของสรรพสิ่งที่มีชีวิต และไม่มีชีวิต (จะเรียกว่า เป็นหลักวิทยาศาสตร์ ก็ได้) แต่มันเป็นคำสอนที่ไปค้านกับคำสอนที่มีอยู่เดิม ก็เลยทำให้บุคคลบางกลุ่ม บางพวก เอามาเป็นข้ออ้าง ในการกล่าวหาว่าข้าพเจ้า ปรมาส พระไตรปิฏกบ้าง หรืออื่นใดบ้าง
    ถ้าบุคคลบางกลุ่มบางพวก เหล่านั้น เป็นพุทธศาสนิกชนที่แท้จริง พวกเขาได้อ่านคำสอนของข้าพเจ้าแล้ว ย่อมเกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่หลงอยู่กับความไม่ถูกต้อง
    ข้าพเจ้าเคยบอกแล้วว่า พระไตรปิฏก ได้ถูกบิดเบือน เปลี่ยนแปลง หรือตกหล่น ขาดหายไปนานแล้ว เมื่อข้าพเจ้าเอาหลักความจริงมากล่าว ไม่ยอมเชื่อ
    ข้าพเจ้าก็ต้อง ประกาศตัวเอง และประกาศหลักธรรม ให้เป็นคำสอนของ "ศรีอาริยเมตไตรย" ซะ จะได้ไม่มีใครมากล่าวหาใส่ร้าย
    ถึงอย่างไรก็ตาม "ศาสนาศรีอาริยเมตไตรย" ก็เป็นศาสนาพุทธ เพราะหลักการและคำสอน หรือหลักธรรมที่ข้าพเจ้านำมาสอนเผยแพร่นั้น เป็นหลักการหลักธรรม สำหรับ ศาสนาพุทธ

    ส่วนสิ่งที่คุณกล่าวมาว่า
    "นารายน์;เขียนว่า - ปัญญามาจาก 2 ทาง
    1. ใช้สมองคิด เป็นมิจฉาทิฏฐิ
    2. ไม่ใช้สมองคิด ใช้สมองเป็นตัวรับรู้ปัญญาแท้จริง เป็นสัมมาทิฏฐิ[/QUOTE

    ข้าพเจ้าจะอธิบายให้คุณด้วยเมตตา และจะโปรดสัตว์โลกอย่างพวกคุณว่า

    คำว่า"ใช้สมองคิด เป็นมิจฉาทิฏฐิ" ก็ผิดแล้วนะคุณ เพราะทุกคนต้องใช้สมองคิดกันทั้งนั้น ไม่ว่าใครทั้งนั้น ต้องใช้สมองคิดทั้งนั้น หลักธรรม คำสอน ทางศาสนา ทุกศาสนา(หมายเอาเฉพาะศาสนา อื่นๆยังไม่กล่าวถึง) ล้วนมาจากการใช้สมอง คิดทั้งนั้น จึงจะเกิดปัญญา

    คำว่า "ไม่ใช้สมองคิด ใช้สมองเป็นตัวรับรู้ปัญญาแท้จริง เป็นสัมมาทิฏฐิ " ก็ไม่ถูกอีก ถ้าบุคคลไม่ใช้สมองคิด ก็คงเป็นบุคคลปัญญาอ่อน ไร้ปัญญา
    เพราะ ปัญญา จะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องอาศัยปัจจัย คือ ความรู้ (สมองก็เป็นตัวเก็บข้อมูลความรู้นั้นๆ เรียกว่า ความจำ)
    ประสบการณ์ เกิดการปรุงแต่งจากความรู้ และประสบการณ์ต่างๆ ซึ่ง ก็คือ การคิดนั่นเอง
    เอาแค่นี้นะ

    อนึ่ง ท่านทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำหลอกลวง ของพวกที่ชอบอวดอุตริ ฯ แอบอ้างทำเป็นอวดภูมิความรู้ โดยที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีจริงเป็นจริง เพราะพวกเขาไม่ได้หวังให้ศาสนาเจริญ แต่หวังทรัพย์ เพื่อเลี้ยงชีพโดยไม่ได้คำนึงถึงหลักความจริง และพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีจริงเป็นจริง
    หากผุ้ใดหลอกลวงหรือแอบอ้าง ว่าสำเร็จอรหันต์ หรือสำเร็จชั้นอริยะบุคคล ชั้นใดชั้นหนึ่ง แต่ไม่มีปรากฏการณ์ทางสรีระร่างกาย ดังที่ข้าพเจ้าบอกไว้แล้ว
    ก็ให้แจ้งความกับเจ้าหน้าทีตำรวจ เอาข้อหาหลอกลวงผู้อื่นทำให้เสียทรัพย์ และทำให้ศาสนาเสียหาย ได้เลยขอรับ

    เพราะหน้าที่ดูแลศาสนาเป็นหน้าที่ของประชาชนคนไทยทุกคนอยุ่แล้ว
     
  10. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณใบไม้ฯ ข้าพเจ้าไม่ไดศึกษาจากตำราแล้วตีความเหมือนคุณ คุณเอาลักษณะตัวคุณมาเทียบกับข้าพเจ้า แถมยังเอาพระสงฆ์มาแอบอ้างว่า เป็นพระอรหันต์ พระสงฆ์องค์ที่คุณนำมาแอบอ้างนั้น คงจะมรณภาพไปแล้ว ไม่อย่างนั้น ข้าพเจ้าจะแจ้งเจ้าหน้าที ให้นำมาพิสูจน์กับตัวข้าพเจ้าให้เห็นเป็นประจักษ์
    ข้าพเจ้าไม่ได้ศึกษา หรือ่านจากตำราแล้วนำมาตีความ ข้าพเจ้าศึกษา ค้นคว้า และวิจัย จากหลักความจริง ตามธรรมชาติ
    ถ้าคุณอ่านข้อความที่ข้าพเจ้าเขียนแล้วยังไม่เข้าใจ คุณก็ควรได้ไปฝึกศึกษามาใหม่ แล้วอย่าทำเป็นอวดภูมความรู้อีก เพราะ คนที่เข้ามาอ่าน ไม่ได้มีสมองสติปัญญา และความรู้แบบคุณ เขาอ่านแล้วเขาก็เกิดความเข้าใจตามหลักความเป็นจริง โดยสามารถพิสุจน์ ได้ด้วยตัวของเขาเองอยุ่แล้ว
    คุณไม่ต้องตอบดอกนะ เพราะคำตอบของคุณนั้น เป็นคำตอบแบบ สีข้างเข้าถู ถามอย่างดันตอบอย่าง แถมยังอวดว่ารู้ ความจริงแล้ว ไม่รู้ ดังคำของครูสอนศาสนาคริสต์ ที่ว่า
    "อ้างว่ารุ้ แต่ความจริงแล้วไม่รู้ ทั้งๆที่ความจริงเพิ่งจะรู้" ฮ่า ฮ่า ฮ่า
     
  11. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณใบไม้ฯ ข้าพเจ้าไม่ไดศึกษาจากตำราแล้วตีความเหมือนคุณ คุณเอาลักษณะตัวคุณมาเทียบกับข้าพเจ้า แถมยังเอาพระสงฆ์มาแอบอ้างว่า เป็นพระอรหันต์ พระสงฆ์องค์ที่คุณนำมาแอบอ้างนั้น คงจะมรณภาพไปแล้ว ไม่อย่างนั้น ข้าพเจ้าจะแจ้งเจ้าหน้าที ให้นำมาพิสูจน์กับตัวข้าพเจ้าให้เห็นเป็นประจักษ์
    ข้าพเจ้าไม่ได้ศึกษา หรือ่านจากตำราแล้วนำมาตีความ ข้าพเจ้าศึกษา ค้นคว้า และวิจัย จากหลักความจริง ตามธรรมชาติ
    ถ้าคุณอ่านข้อความที่ข้าพเจ้าเขียนแล้วยังไม่เข้าใจ คุณก็ควรได้ไปฝึกศึกษามาใหม่ แล้วอย่าทำเป็นอวดภูมความรู้อีก เพราะ คนที่เข้ามาอ่าน ไม่ได้มีสมองสติปัญญา และความรู้แบบคุณ เขาอ่านแล้วเขาก็เกิดความเข้าใจตามหลักความเป็นจริง โดยสามารถพิสุจน์ ได้ด้วยตัวของเขาเองอยุ่แล้ว
    อนึง ถ้าคุณอยากรู้ว่า สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนสอนให้กับประชาชน กับสิ่งที่คุณคิดว่าถูกนั้น ให้คุณนำไป ถามจิตแพทย์ หรือแพทย์เฉพาะทางอันเกี่ยวกับสมอง คุณก็จะได้รับคำตอบที่ถูกต้องว่า ปัญญา มันเกิดจาก อะไรกันแน่ แต่ที่ข้าพเจ้าเขียน ก็เป็นคำตอบสำหรับแพทย์ทั่วไปอยู่แล้วขอรับ และ
    คุณไม่ต้องตอบดอกนะ เพราะคำตอบของคุณนั้น เป็นคำตอบแบบ สีข้างเข้าถู ถามอย่างดันตอบอย่าง ไม่สามารถอธิบายให้เป็นไปตามหลักธรรมชาติของมนุษย์ได้ แถมยังอวดว่ารู้
    ความจริงแล้ว ไม่รู้ ดังคำของครูสอนศาสนาคริสต์ ที่ว่า
    "อ้างว่ารุ้ แต่ความจริงแล้วไม่รู้ ทั้งๆที่ความจริงเพิ่งจะรู้" ฮ่า ฮ่า ฮ่า
     
  12. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    สำนวนภาษาเกี่ยวกับ "ฌาน" ที่สำคัญ ที่ท่านทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา รวมไปถึงเจ้าสำนัก ทั้งหลายควรได้รู้ว่า
    " การที่บุคคล ได้สัมผัส ทางอายตนะ คือ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ นั้น ย่อมก่อให้เกิด วิตก วิจาร ปีติ สุข
    พึงขจัด วิตก วิจาร ปีติ สุข ได้ ด้วย ความมีสมาธิ หรือ เอกัคคตา"
     
  13. Mikas

    Mikas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +342
    ศึกษาเอาเองมั้วๆ มันจะเพี้ยนไปกันใหญ่นะครับ

    ของเดิมเค้า ดี ๆ อยู่แล้ว คนปฏิบัติตามได้มรรคผลกันมากมาย

    ทำไมไม่ศึกษา แล้วเอาไปปฏิบัติ
     
  14. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,739
    เทวดา มั่วอีกแล้ว ใครอย่าไปเชื่อ แค่ความหมายของคำว่าวิตก วิจารณ์ในทางอภิธรรมก็ผิดแล้ว

    วิตก หมายถึงการยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ภาวนา (เช่น เวลาเรากำหนดตำว่าพุทธหายใจเข้า หรือการเพ่งกสินโดยไม่ให้จิตนึกไปในเรื่องราวต่าง ๆ) นั่นแหละวิตกคือการยกจิต

    วิจารณ์ คือ การประคองจิตให้มั่นคงอยู่ในอารมณ์ที่เพ่ง

    อาจารย์ทางอภิธรรมท่านเปรียบว่าวิตกก็เหมือนการกระพือปีกของนก ส่วนวิจารณ์คือการที่นกใช้ปีกประคองตัวให้แล่นถลาอยู่ในอากาศ

    แค่นี้ซึ่งถือว่าเบื้องต้นมากยังมั่วผิด ๆ ดังนั้นการที่จะฟังอย่างอื่นพึงพิจารณาความถูกต้องก่อนนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2008
  15. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,739
    ต้องบอกให้ท่านทั้งหลายทราบว่า นาย Telwada มั่วมากใครเชื่อก็กรรมของคนนั้น
     
  16. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,739
    ความเบื่อหน่ายจัดอยู่ในหมวดโทสะ ไม่ใช่ความหลง(หรือโมหะ) อย่างที่telwada เข้าใจ
     
  17. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    [QUOTE=telwada;1198072]สำนวนภาษาเกี่ยวกับ "ฌาน" ที่สำคัญ ที่ท่านทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา รวมไปถึงเจ้าสำนัก ทั้งหลายควรได้รู้ว่า
    " การที่บุคคล ได้สัมผัส ทางอายตนะ คือ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ นั้น ย่อมก่อให้เกิด วิตก วิจาร ปีติ สุข
    พึงขจัด วิตก วิจาร ปีติ สุข ได้ ด้วย ความมีสมาธิ หรือ เอกัคคตา"[/QUOTE]

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่รู้สึกสำนึกตัวเอง พวกคุณรู้ตัวบ้างไหมว่า ศาสนาเสื่อมโหรมเพราะใคร คำสอนทางศาสนาถูกบิดเบือนเพราะใคร ก็เพราะพวกคุณนั่นแหละ ทำลายศาสนา แต่ยังทำเป็นอ้างว่า รักษาศาสนาบ้าง กล่าวหาผู้อื่นโดยไม่ใช้ความคิดถึงหลักความจริง
    ข้าพเจ้าจะโปรดสัตว์โลก อย่างพวกคุณเอาไว้
    ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอ้าอ่านด้านล่างนี้ให้ดี

    วิตก หมายถึง ความตรึก, ตริ, การยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ หรือปักจิตลงสู่อารมณ์ (ข้อ ๑ ในองค์ฌาน ๕), การคิด, ความดำริ; ไทยใช้ว่าเป็นห่วงกังวล

    วิจาร หมายถึง ความตรอง, การพิจารณาอารมณ์, การตามฟั้นอารมณ์ (ข้อ ๒ ในองค์ฌาน ๕)

    ปีติ หมายถึง ความอิ่มใจ, ความดื่มด่ำในใจ มี ๕ คือ ๑.ขุททกปีติ ปีติเล็กน้อยพอขนชันน้ำตาไหล ๒.ขณิกาปีติ ปีติชั่วขณะรู้สึกแปลกๆ ดุจฟ้าแลบ ๓.โอกกันติกาปีติ ปีติเป็นระลอกรู้สึกซู่ลงมาๆ ดุจคลื่นซัดฝั่ง ๔.อุพเพคาปีติ ปีติโลดลอย ให้ใจฟูตัวเบาหรืออุทานออกมา ๕.ผรณาปีติ ปีติซาบซ่าน เอิบอาบไปทั่วสรรพางค์เป็นของประกอบกับสมาธิ

    ความสบาย, ความสำราญ, มี ๒ ๑.กายิกสุข สุขทางกาย ๒.เจตสิกสุข สุขทางใจ, อีกหมวดหนึ่ง มี ๒ คือ ๑.สามิสสุข สุขอิงอามิส คืออาศัยกามคุณ ๒.นิรามิสสุข สุขไม่อิงอามิส คืออิงเนกขัมมะ (ท่านแบ่งเป็นคู่ ๆ อย่างนี้อีกหลายหมวด)

    (จากพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับ พระธรรมปิฎก)

    ข้อความดังกล่าวข้างต้น เป็นผลจาก ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ก่อกำเนิดจาก จากการได้สัมผัสสิ่งต่างๆ ทางอายตนะ คือ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ อันก่อให้เกิด รูป รส กลิ่น เสียง แสง สี โผฎฐัพพะ
    การได้รับการสัมผัสทางอายตนะ อันก่อให้เกิด รูป รส กลิ่น เสียง แสง สี โผฎฐัพพะ ย่อมเกิดผล ให้เกิด ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ฯลฯ
    ที่นี้เข้าใจหรือยัง ฮ่า ฮ่า ฮ่า
     
  18. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,739
    กระทู้นี้เป็น จำอวดเหรอ มีคนบ้าอยู่ 2 คนเป็นตัวเอกเล่นโชว์ แต่สองคนนี้มีสิ่งที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ ทุกกระทู้ ทุกความเห็น แสดงถึงความพยายามในการบิดเบือนหลักธรรมคำสอนของศาสนาพุทธ สองคนนี้เป็นเหตุให้คุณค่าและความหมายของเว็บนี้ลดลงครึ่งหนึ่ง เพราะทุกครั้งที่คนเข้ามาอ่านจะสับสนและงงไปกับหลักการบ้า ๆ บอ ๆ คนดูแลเว็บทำอะไร การเมินเฉยกับสิ่งไม่ถูกต้องเท่ากับเป็นใจในการให้โอกาสมารเดียรถีย์ทำลายศาสนา

    เว็บนี้อยู่ในเกมส์ของเขาอยู่ในเกมส์ของมารหรือ เขาเป็นผู้เล่นเขาเป็นคนเดินเกมส์ เขาพยายาม dominate ทุกกระทู้ที่ทำได้ เจ้าของเว็บกับผู้ดูแลเป็นกรรมมการหรือผู้ชม สมาชิกในเว็บเป็นตัวประกอบหรือตัวตลก??????????????????????????????????????????

    ก่อนหน้านี้มีหลายคนคอยตามแก้ เช่นคุณขันธ์ และคนอื่น ๆ หรือเขาเบื่อกันหมดแล้ว ถ้าไม่คิดตรวจสอบหรือแก้ไขอะไร ต่อไปผมก็จะเฉย อ่านอย่างเดียว ส่วนถูกผิดอะไร คนอ่านใหม่ ๆ หรือคนที่ยังเข้าใจน้อยต้องตรวจสอบความถูกต้องเอง หรือไม่เขาก็งง และก็จำสิ่งบ้า ๆ บอ ๆ ของ คนบางคนไป

    โปรดพิจารณา

    มันไม่ใช่ความคลาดเคลื่อนน้อย ๆ แบบไม่ได้เจตนานะ แต่มันแสดงถึงเจตนาในการบิดเบือนอย่างใหญ่หลวง หลายข้อธรรม หลายครั้ง หลายประเด็นอย่างสม่ำเสมอ มีการปรามาศทั้งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

    ในเมื่อมีฎีกา ในฐานะที่ผมเป็นสมาชิกคนหนึ่งสุจริตใจในการศึกษาธรรมะ และพยายามช่วยตามปกป้องแก้ไขความคลาดเลื่อนต่าง ๆ นาน ๆ มาตลอดเพื่อไม่ให้สมาชิกคนอื่นที่เพิ่งศึกษา เข้าใจหลักธรรมผิด ๆ (ไม่ห่วงท่านผู้รู้หรอก)

    ผมของร้องให้ให้ผู้ดูแลเว็บประชุมกันทำเรื่องนี้ให้กระจ่างและหาทางป้องกันแก้ไข

    ด้วยความหวังดีและจริงใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2008
  19. pipat

    pipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +126
    คนเราเมื่อจะเป็นครูเข้าได้ก็ต้องฝึกมาก่อนให้ดี แล้วก็ไม่ต้องแสดงอย่าแสดง หุหุ
     
  20. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817

    ก็เพราะเหตุที่คุณกล่าวมานั่นแหละ ข้าพเจ้าจึงท้าให้พิสูจน์ ถ้าข้าพเจ้าไม่ฝึกปฏิบัติจนได้ผลดีแล้ว จะกล้ามาสอน หลักธรรม แนะแนวทางในการคิดพิจารณาที่ถูกต้องให้หรือ

    ข้าพเจ้าเข้าใจดีว่า พวกศรัทธาและได้รับกผลประโยชน์ กับสิ่งทีมีอยู่เดิมนั้น ย่อมต้องขัดขวาง ไม่ยอมให้ศาสนาพุทธเจริญก้าวหน้า ด้วยเหตุผลหลายประการ

    เมื่อข้าพเจ้าศึกษา วิจัย ค้นคว้า ฝึกปฏิบัติ และพบความจริง แล้ว ข้าพเจ้าจะนิ่งดูดายก็ใช่ที่ จำต้องแก้ไข ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยเวทย์มนต์ ก็ต้องเอาด้วยคาถา

    ถ้าใครกล่าวว่า ข้าพเจ้านำหลักการที่มีอยู่เดิมมาแก้ไขดัดแปลง ก็ขอให้เปลี่ยนความคิด เพราะข้าพเจ้าศึกษา ค้นคว้า วิจัย โดยอาศัย อาวุธ หรือเครื่องทำความดี ของเทพเจ้า ทั้ง 3 พระองค์ คือ พระศีวะ พระนารายณ์ และพระพรหม
     

แชร์หน้านี้

Loading...