ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    สวัสดีครับพี่สุดใจ
    เพิ่งได้ติดตามอ่านกระทู้นี้ เห็นว่ามีประโยชน์ในการนำมาปฎิบัติในชีวิตประจำวันมากเลยครับ
    จากประสบการณ์ผมไม่เคยที่จะเห็น UFO มาก่อน แต่ก็เชื่อมั่นว่ามีรูปธรรมทางพลังงานเหมือนกับมนุษย์เช่นเดียวกันในเอกภพอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้
    จากที่ติดตามอ่าน เมื่อหลายปีก่อนผมได้เคยไปนั่งสมาธิกับอาจารย์บูรพาที่บ้านท่านครั้งหนึ่ง
    และท่านได้เป็นผู้คุมกรรมฐาน จุดประสงค์เพื่อให้ผู้ที่ร่วมทำสมาธิได้ทราบว่าโลกเรามีมิติที่ซ้อนกันอยู่ ที่ไม่ได้เห็นผ่านทางอาตยนะทั้งหลาย
    ระหว่างที่นั่ง จะให้นั่งในห้องมือ และนำผ้ามาผูกตาไว้อีกชั้น และห้ามลืมตาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

    และจากประสบการณ์เมื่อนั่งไปซักพัก อาจารย์ก็จะใช้วัตถุธาตุในการเร่งพลังเพื่อระเบิดเส้นแสงที่กั้นมิติอยู่ ระหว่างนั้นจะรับทราบทางมายา คือได้ยินเสียงระเบิดที่ดังมาก และเห็นแสงสว่างวาบเข้ามาที่หน้าผาก
    จากนั้นจะรู้สึกว่าตนเองนั่งอยู่ในที่ที่กว้างมากๆ ได้ยินเสียงกลองจากที่ไกลๆ และได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้นั่งอยู่ใต้ต้นไม้

    เมื่อออกจากสมาธิก็จะมาพูดคุยกัน ก็จะพูดตรงกันว่าสิ่งที่รับรู้นั้นเหมือนๆกัน
    ผมเลยค่อนข้างมั่นใจว่าโลกเรานี้มีมิติที่ซ้อนกันอยู่จริงๆหลายๆชั้น ขึ้นอยู่กับความถี่ของพลังงาน

    ขอบคุณพี่สุดใจมากๆนะครับ ที่นำเรื่องการแยกขันธ์ 5 ออกจากจิตวิญญาณเดิมแท้ เพื่อให้เผยสติปัญญาแท้ๆของเราออกมา พี่ได้อธิบายค่อนข้างชัดเจน ทำให้ผมเข้าใจมากขึ้นครับ เรื่องขันธ์ 5 เป็นเรื่องที่ทิ่มแทงใจมนุษย์มาทุกยุคทุกสมัยเลยครับ เป็นของหนักจริงๆ ครับ

    มีตัวอย่างประสบการณ์ในการแยกขันธ์มาแบ่งปันให้เพื่อนๆนำมาพิจารณาร่วมกันครับ เพื่อเป็นตัวอย่างในการที่จะแยกขันธ์จากหยาบ มาถึงละเอียดมากขึ้นครับ

    ในทรรศนะของผม การปรุงแต่งความคิด มักจะมาจากประสบการณ์ที่สั่งสมเอาไว้ในจิตที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าผ่านอาตยนะทั้งหลาย และยึดเก็บเอาไว้เป็นนิสัยของจิตดวงนั้น ความคิดในอนาคตจะบิดเบือนหากเรามองผ่านสัญญา ดังนั้นเราจะไม่สามารถสัมผัสกับความเป็นจริงได้เลยหากมองผ่านสัญญา เพราะเหมือนกับเรามองผ่านเงา ทำให้เวลาเห็นก็มักจะมองจากข้อมูลปรุงแต่ง และอารมณ์เดิมที่มีต่อสิ่งเร้านั้นๆ และยิ่งเกิดการยึดในขันธ์ 5 มากขึ้นไปอีก

    ประสบการณ์ในการคลายการยึดติดจากขันธ์ 5 เล็กๆน้อยๆนะครับ
    อย่างบางครั้งเกิดการปวดท้อง ผมก็จะพิจารณาดูว่าอาการที่เกิด เกิดจากธาตุที่ไม่สมดุล ร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวเรา เกิดจากการรวมกันชั่วคราวของธาตุทั้ง 4 และก็ดูลงไปถึงจุดที่เจ็บ ว่าเป็นธาตุดิน ในธาตุดินก็มีธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟเป็นส่วนประกอบ และในแต่ละธาตุก็จะประกอบด้วยธาตุต่างๆเป็นอณูเล็กลงไปอีก ธาตุที่เล็กลงไปก็มีทั้งอะตอม อิเล็กตรอน นิวตรอน โปรตรอน ประกอบกัน โดยมีแรงยึดเหนี่ยวเกาะกันไว้ และพิจารณาลงไปเรื่อยๆ จนได้ถึงความว่าง ว่าความเจ็บไม่ใช่ตัวเรา มันแค่เป็นปรากฎการณ์การเปลี่ยนแปลงตามกฎของจักรวาล คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่มีอะไรที่ยึดถือได้เลย ความปวดก็จะหายไปทันทีครับ

    หรือในการพิจารณาความคิด อารมณ์ก็เช่นกัน ก็จะเฝ้ามองดูเฉยๆ ว่าความคิดตอนนี้เป็นอย่างไร เป็นความคิดที่เกิดจากสัญญาหรือไม่ ถ้าใช่ และอารมณ์ที่เกิดในสัญญานี้เป็นอย่างไร ก็จะมองไปเรื่อยๆว่าสิ่งนี้มันผูกให้เราสร้างตัวตนมารองรับมันอย่างไร เพราะจากประสบการณ์หากเราพยายามที่จะดับมัน ว่าอย่าคิด หรือตัดสินว่าดีหรือไม่ดี ความคิด หรืออารมณ์นั้นก็จะยิ่งพลุ่งพล่านครับ ก็เลยเข้าใจว่าถ้าเราคิดที่จะควบคุมบงการมัน ก็เหมือนกับเราแบ่งจิตในเรื่องนี้ออกมาอีก และทำหน้าที่ในการควบคุม จิตตัวนี้ มันก็จะยิ่งเกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีก จากจิต 1 ดวง ก็เป็นจิต 2 ดวง เมื่อเกิดเป็น 2 ดวง ก็จะเกิดความแปลกแยกขึ้นมาอีก ถ้าเราเฝ้าดูมันโดยที่ไม่ตัดสิน จิตก็จะไม่แยกออกจากกัน ความขัดแย้งก็ไม่เกิด เมื่อไม่เกิดความขัดแย้งขึ้น แล้วตัวตนที่ตัดสินจะมาจากไหน เมื่อเฝ้ามองดังนี้ มายาที่เกิดก็คือตรงต่อมไทมัสก็จะเย็นวาบ และปราณก็จะวิ่งออกทางศีรษะ และก็โล่งไปเลยครับ

    หากพี่สุดใจมีเวลา ช่วยยกตัวอย่างในการลอกอัตตา ลอกขันธ์ 5 ออกให้เป็นวิทยาทานด้วยครับ เพราะเป็นเรื่องที่มีประโยชน์มากๆต่อสมาชิกในบอร์ดนี้ครับ จะได้ช่วยกันให้คลายทุกข์กันได้มากขึ้นครับ หากต้องเจอวิกฤตจริงๆครับ
     
  2. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +2,163
    จริงๆ ผมเองก็เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่อง UFO และมนุษย์ต่างดาวมาบ้าง ถึงแม้บางเรื่องไม่ได้เกิดกับผมโดยตรง แต่ก็เกิดกับคนใกล้ชิด และเป็นคนที่เคยรับรู้เรื่องราวต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องราวส่วนนึงผมเองได้เคย
    พยายามบอกเล่าไปแล้วเมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน แต่ผลตอบรับก็เป็นเช่นเดียวกับที่คาดไว้คือ มีแต่คนคิดว่าผมมันบ้า แต่งเรื่องขึ้นเอาเอง เพราะไม่สามารถแสดงหลักฐานใดๆ ให้รับรู้ได้ ซึ่งถ้าใครยังคงจำ GenerationXXX ได้ก็
    คงจะเคยอ่านเกี่ยวกับโดมฐานทัพลับใต้ดินมาแล้ว ซึ่งเรื่องราวบางส่วนก็เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวด้วยเช่นกัน แต่ประเด็นสำคัญที่จะขอพูดในกระทู้นี้เกี่ยวกับการฝึกก็คงจะมีประโยชน์กับผู้ที่อาจจะเจอมาอย่างผมก็ได้นะครับ

    ขอเริ่มเรื่องราวของผมเกี่ยวกับ UFO ที่เริ่มสนใจแรกสุดก็คงตั้งแต่สมัย ม.3 ราวปี 36 ตอนนั้นเป็นคนค่อนข้างจะเงียบๆ เก็บตัว ไม่ค่อยสนใจใคร ชอบศึกษาค้นคว้าหาเหตุผลเกี่ยวกับสิ่งเล้นลับต่างๆ ทุกเรื่อง แต่ที่ชอบที่สุดเห็นจะ
    เป็นเรื่อง UFO ซึ่งตอนนั้นยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างจะบ้ามากๆ พยายามค้นหาขอมูลทั้งจากในหนังสือ internet ซึ่งตอนนั้น internet เป็นอะไรที่ค่อนข้างจะใหม่มากๆ จำได้ว่าตอนนั้นยังต่อโมเด็ม คอม cpu intel pt 150
    MHz ram 32 MB ราคา 50000 กว่าบาท ก็อาศัยว่ามี internet เลยหาข้อมูลได้เยอะ ตอนนั้นคิดว่าหาข้อมูลได้เยอะพอสมควร และพยายามหาทฤษฎีและคิดขึ้นเองก็มี เพื่ออธิบายเกี่ยวกับเรื่องราวของ UFO และมนุษย์ต่างดาว
    พยายามเชื่อโยงข้อมูลต่างๆ ที่รู้มาว่ามันสัมพันธ์กันอย่างไร แต่ที่แปลกคือมีหลายเหตุการณ์ในตอนนั้นที่ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าเป็นความจริงหรือความฝัน เพราะมันแจ่มชัดมากจนน่าสงสัย คือในช่วงนั้น ถึงแม้ผมเองจะชอบ
    ศึกษาเรื่องราวเล้นลับต่างๆ หรือสิ่งที่ชอบหรือสนใจในชีวิตประจำวัน ผมจะไม่เก็บเอามาฝันเลย ซึ่งเป็นปกติวิสัยเลยก็ว่าได้ คือถ้าผมจะฝันครั้งนึงนี่ก็จะต้องเป็นฝันที่คล้ายเหตุการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้จริง ไม่มีการฝันเรื่องราวที่
    เกินไปกว่าจะเป็นจริง เช่นฝันถึงดารา การ์ตูน หนัง ยิงพลังอะไรทำนองนั้น ไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียวจนถึงปัจจุบันนี้ ตอนนั้นจำได้ชัดเจนว่าฝันเห็นตึกอาคารรูปร่างแปลกๆ และเครื่องยานยนต์ และยังมียานอวกาศทั้งที่เป็นของมนุษย์
    เราและคิดว่าอาจเป็นของมนุษย์ในอนาคตก็ได้ ซึ่งมันชัดเจนมากจนภาพเหล่านั้นยังติดตาอยู่จนถึงตอนนี้ และก็ฝันว่ามีมนุษย์ต่างดาว ซึ่งก็คล้ายกับคนเรานี่แหละมาชวนไปเที่ยวแต่ตอนนั้นกลัวมาก เลยวิ่งหนีอย่างเดียว ซึ่งไม่ใช่ฝัน
    แค่ครั้งเดียว แต่เป็นสิบๆ ครั้งและไม่ได้ฝันติดต่อกันเลยและทุกครั้งก็จะไม่ได้สนใจเรื่อง UFO เป็นพิเศษ(ไม่ได้หมกมุ่นแล้ว) ห่างกันเป็นเดือนหรือหลายๆ เดือนก็มี แต่ทุกครั้งจะยังคงเรื่องราวที่คล้ายๆ กัน ซึ่งในชีวิตจริงก็คิดว่าเคย
    เห็น UFO มาแล้ว 1 ครั้ง(เท่าที่เห็นอย่างชัดเจน) พอดีตอนนั้นกำลังว่ายน้ำในสระว่ายน้ำกับรุ่นน้องคนนึง และกำลังคุยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ UFO ซึ่งในขณะนั้นก็กำลังพูดถึงว่าการสังเกตและดูว่าอะไรคือ UFO ก็แหงนหน้ามอง
    บนท้องฟ้าและชี้อธิบาย ขณะกำลังจะอธิบายนั้นก็มีจุดแสงสว่างมากๆ เหมือนดาวที่มีแสงในตัวเองอยู่สูงเหนือเมฆที่ลอยต่ำไม่มากและค่อยๆ ลอยผ่านกลุ่มเมฆไป ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 5 โมงเย็นซึ่งท้องฟ้ายังไม่มืดยังมีแสง
    สว่างเห็นชัดเจน ทำให้เห็นดวงแสงนั้นชัดเจนและคิดว่าคงจะใช่ UFO แน่นอน แต่ถ้าเป็นครั้งอื่นๆ จะเห็นตอนกลางคืนซึ่งไม่ค่อยแน่ใจนั้นเพราะอยู่บนท้องฟ้าระยะไกลมากซึ่งจะเห็นบ่อยอยู่เหมือนกัน
    เรื่องราวที่เริ่มตื่นเต้นและน่าสนใจมากก็คือ ในช่วงนั้นได้รู้จักกับเพื่อนคนนึง ตัวเขามีสัมผัสและความสามารถทางวิญญาณสูง เพราะปู่ของเขาเป็นคนบังคับให้ฝึกสมาธิตั้งแต่ยังเด็กๆ (7 ขวบ) ซึ่งเขาสามารถถอดจิตได้ และคุยกับ

    วิญญาณสัมภเวสีได้โดยตรงเลย ซึ่งเรื่องราวที่พิสูจน์ตัวเขาเองผมก็ประจักษ์มากับตาหลายต่อหลายครั้ง แต่ที่น่าตื่นเต้นคือเรื่องราวที่เขานั้นประสบมาและมาเล่าให้ฟัง เพื่อเป็นการระบาย ซึ่งเรื่องบางอย่างผมทราบแต่ไม่สามารถ
    บอกได้ บอกได้เพียงคราวๆ ว่าเขาไปรับรู้เรื่องราวและได้ทำงานกับหน่วยงานลับหน่วยนึง ซึ่งมีเป้าหมายหลัก(ในตอนนั้นในการช่วยคนให้พ้นจากภัยพิบัติตามคำทำนาย)คือเป็นหน่วยที่ค่อยช่วยเหลือผู้ที่มีความสามารถ ให้มีชีวิต
    รอดหลังจากสงครามนิวเคลียร์ และหน่วยนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากมนุษย์ต่างดาวซึ่งหน่วยเหล่านี้มีอยู่ในประเทศใหญ่ๆ ทั่วโลก มีการสร้างฐานทัพลับใต้ดิน หลายแห่งซึ่งข้อมูลสุดท้ายที่ทราบมาเฉพาะกลุ่มนี้มีถึง 180 โดมทีเดียว
    ซึ่งตอนแรก แน่นอนผมไม่เชื่อ 100% แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็มีข้อมูลใหม่ๆ มายืนยันเรื่องราวที่รู้มาก็ต้องตะลึงเพราะมันตรงตามนั้นจริงๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอุปกรณ์ อาวุธ และทฤษฎีเรื่องของมิติและกาลเวลา
    ซึ่ง ณ ขณะนั้น(ประมาณช่วงปี 37-44) ข้อมูลที่ทราบมานี้เป็นข้อมูลที่ใหม่มากๆ ไม่เคยมีปรากฏในที่ใดๆ ซึ่งผมเองก็พยายามตรวจสอบเช็คจากทุกทางที่เป็นไปได้ และข้อมูลที่ทำให้ผมต้องตกใจอีกครั้งก็คงจะเป็นข้อมูลของกลุ่ม
    เขากะลานี่แหละครับ ที่สามารถอธิบายเรื่องของ มิติ เวลาได้ตรงกับที่เคยรับรู้มาก่อนหน้านั้นจริงๆ ซึ่งจะขอเล่าเฉพาะที่ผมพอจะพิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง

    1. เรื่องเกี่ยวกับอาวุธ คือตอนนั้นรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับอาวุธปืนที่ใช้กันในหน่วย ไว้ป้องกันข้าศึก ซึ่งปืนที่ใช้ในหน่วยนั้น ไม่ใช่ใช้ลูกตะกั่วและดินปืนแล้ว แต่ใช้ลูกโลหะผสมพิเศษ และใช้แรงดันแม่เหล็กไฟฟ้าในการยิง ซึ่งยิงแทบจะ
    ไม่มีเสียง ใช้แหล่งจ่ายไฟจากแบตเตอรี่ที่ด้ามปืน ซึ่งถ้ายิงต่อเนื่องสามารถใช้ยิงได้ถึง 1 ปีทีเดียว!!! ซึ่งเรื่องนี้รู้มาเมื่อตอนประมาณปี 36 ตอนนั้นยังคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยี่ตอนนั้นยังไม่ถึงขนาดนั้น
    แต่ก็ต้องมาตกใจเมื่อวันนึง(ประมาณปี 47) ผมอ่านเจอในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ หน้าที่เกี่ยวกับเทคโนฯใหม่ๆ มีคอลัมเล็กๆ นึงเขียนเกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์สามารถสร้างปืนที่ยิงด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้แล้ว ทำให้ผมตกใจอยู่
    เหมือนกัน เพราะเรื่องนี้ผมพยายามค้นหาข้อมูลมาตั้งแต่ปี 36 ก็ยังไม่พบ ถึงขนาดข้อมูลที่เหล่า hacker ที่เคยไป hack ฐานข้อมูลลับของสหรัฐไม่แน่ใจว่าใช่ของ area51 หรือเปล่า แต่ข้อมูลเหล่านั้นแม้จะดูเหลือเชื่อแต่ก็ยังไม่
    ปรากฎอาวุธแบบที่รู้มานี้ ทำให้ผมยืนยันได้อีกระดับนึงว่าเรื่องราวอื่นๆ ก็อาจเป็นความจริงได้ จริงๆ ยังมีปืนเลเซอร์ ปืนคลื่นอนุภาคที่ทำลายเฉพาะสิ่งมีชีวิต ฯ ซึ่งไม่ขอเล่าเพราะยังพิสูจน์ไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน

    2. เรื่องเกี่ยวกับมิติ เวลา ตอนนั้นพอดีผมเองก็ฟังเขาเล่ามาแล้วก็สงสัยในบางสิ่งบางอย่างที่ไม่น่าเป็นไปได้ คือตอนนั้นคุยกันกับเรื่องของการจะไปช่วยคนที่อยู่บนพื้นจะช่วยไปได้อย่างไร พอดีเพื่อนสนิทอีกคนก็ฟังอยู่แต่ไม่เชื่อเลย
    ท้าให้พิสูจน์ เขาบอกว่าได้จะเรียกหน่วยของเขามาที่บ้านแฟนเพื่อนอีกคนเป็นการพิสูจน์ว่า เขาสามารถทำได้จริงและรู้ข้อมูลของทุกคนจริง ซึ่งไม่เกิน 15 นาที มีรถตู้มาที่หน้าบ้านแฟนเพื่อนคนที่ถามนั้นและมีคนในเครื่องแบบ
    แปลกๆ ลงมาถามหาแฟนเพื่อนคนนั้นจริงๆ แต่เขาก็สั่งยกเลิกปฏิบัติการไป เขาต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่าเขารู้ข้อมูลของทุกคนว่าอยู่ที่ไหนทำอะไร สามารถมารับได้ทันที ซึ่งจำเป็นมากเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น จะสามารถมาช่วยคนได้
    ทันที ผมถามว่ารถตู้นั่นมาจากไหน เค้าบอกมาจาก... ผมเลยงงว่ามาจาก...มายัง... ใช้เวลา 15 นาทีนี่นะเป็นไปได้ยังไง ไกลตั้ง 100 กิโลกว่าๆ คงต้องวิ่งมาด้วยความเร็วสัก 480 กิโล/ชม. ล่ะมั้ง เขาบอกว่าที่มาได้เพราะวิ่งข้ามมิติ
    มา ตอนนั้นบอกได้เลยว่าผมงงมากๆ เพราะความรู้ที่รู้และเข้าใจมาเกี่ยวกับระบบกาล เวลา และอวกาศ ในตอนนั้นไม่น่าจะเป็นได้ มันเกินจริงเกินไป ซึ่งเขาเองก็ได้แต่บอกว่านั่นเป็นความจริง จนมาพิสูจน์ยืนยันได้ก็เรื่องการอธิบาย
    เรื่องการข้ามมิติมาของวัตถุว่าสามารถทำได้จริง มีอยู่จริงของกลุ่มเขากะลา ซึ่งมันก็ตรงกันอย่างน่าประหลาด

    3. เรื่องฐานลับใต้ดิน เรื่องนี้จริงๆ ก็เคยศึกษาข้อมูลมาแล้วบ้างก่อนที่จะได้รับรู้ แต่จุดที่น่าสังเกตคือ ไม่ว่าจะถามเรื่องที่น่าสงสัยความเป็นไปได้เขากลับตอบได้อย่างทันที แล้วก็ฟังดูมีความเป็นไปได้จริงทีเดียว ทั้งเรื่องเกี่ยวกับ
    ระบบอากาศ ระบบพลังงาน ระบบอาหาร ฯลฯ(ถามหลายเรื่องจริงๆ) และแม้แต่ระบบคอมพิวเตอร์ก็ยังมีระบบของฐานเอง ซึ่งไม่ใช่อะไรที่เป็นความเข้าใจในเทคโนโลยี่ของมนุษย์เราเลย ซึ่งผมเองก็รอการพิสูจน์อยู่ว่าต่อไปจะมี
    อย่างนั้นรึเปล่า แต่ที่แน่ๆ เรื่องราวทั้งหมดกับฐานลับใต้ดินนั้นมาตรงกับเรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวของกลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน ที่มีโคโลนี่อยู่ใต้ดิน ซึ่งอธิบายได้คล้ายกับฐานลับที่รับรู้มา จะต่างกันเรื่องของขนาดและระบบการดำรง
    ชีพซึ่งแน่นอนว่าต้องแตกต่างกันอยู่แล้ว แต่ก็ทำให้มั่นใจขึ้นว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นความจริง

    4. เพื่อนสนิทอีกคนเคยไปพิสูจน์ที่ฐานลับนี้มาแล้ว ไปดูของจริงมาแล้วและยืนยันว่ามีจริง ซึ่งเพื่อนคนนี้ไม่ใช่คนที่พูดจาโกหก เหลวไหลเลย ทำให้ผมยิ่งเชื่อว่ามันมีอยู่จริง

    จริงๆ ยังมีอีกเพียบแต่คงจะเล่าให้ฟังได้เท่านี้ เพราะเรื่องอื่นๆ ยังรอการพิสูจน์อยู่ว่าจะมีปรากฏจริงไหม แต่ที่แน่ๆ เรื่องราวที่รับรู้มามีเรื่องเกี่ยวกับแผนการช่วยเหลือมนุษย์ของมนุษย์ต่างดาวรวมอยู่ด้วย ซึ่งผมพอจะแน่ใจได้ว่า
    เป็นคนละกลุ่มกับกลุ่มเขากะลาแน่นอน และเป็นกลุ่มที่มีเทคโนโลยี่ไม่ได้สูงขนาดกลุ่มเขากะลา เพราะยังมีกายหยาบอยู่และยังมีเรื่องของอาวุธมาเกี่ยวข้อง
    แน่นอนว่าในช่วงนั้น ประสาทแทบจะกินเหมือนกันเพราะความรู้ความเข้าใจในชีวิตประจำวันของเราๆ ท่านๆ คงจะเชื่อเรื่องเหล่านี้ได้ยาก แต่เพราะมีพื้นฐานความรู้ที่ค้นคว้ามาจึงไม่ได้เห็นเป็นเรื่องแปลกอัศจรรย์เท่าไหร่ แต่ส่วน
    ใหญ่จะกังวลเกี่ยวกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นเสียมากกว่า เรียกได้ว่าวิตกจริตไปเลยทีเดียว ซึ่งกว่าจะปล่อยวางได้ก็นานพอดูเหมือนกัน

    ทีนี้มาถึงเรื่องการปฏิบัติ แต่ก่อนผมค่อนข้างจะแอนตี้มาเรื่องเกี่ยวกับธรรมะ อิทธิฤทธิ์อะไรนี่ แต่พอมาได้พบ ได้เจอของจริง ในหลายๆ เรื่อง ก็คงต้องบอกได้ว่าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เพราะมันเกี่ยวข้องกันอย่าง
    แยกไม่ออกเลย ที่ว่าแยกไม่ออกก็เพราะว่าธรรมะ หรือการปฏิบัติธรรมจำเป็นอย่างยิ่งยวด สำหรับคนในยุคนี้ ที่จะต้องพบต้องเจอเหตุการณ์ ตั้งแต่เบาสุดๆ ไปจนถึงเลวร้ายสุดๆ เท่าที่เคยมีมาก็ว่าได้ ก็คงต้องเรียกได้ว่ามันเป็นทั้งข้อ
    ดีและข้อเสียในมุมมองของมนุษย์ที่ยังไม่เข้าใจ ที่ผมว่าเป็นข้อดีก็เพราะว่า ตอนนี้ผมเองเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่า เหตุการณ์ภัยพิบัติอะไรต่างๆ ทั้งที่เกิดจากธรรมชาติหรือจากมนุษย์ ฯ อะไรก็แล้วแต่ จุดสำคัญไม่ใช่การช่วยชีวิต แต่
    เป็นการช่วยจิตวิญญาณให้เข้าใจกฎของธรรมชาติ และเข้าใจสิ่งที่ถูกต้องที่ควรจะเป็น นั่นคือธรรมะ ที่จะช่วยให้ดวงจิตหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งหมดทั้งปวงได้จริงๆ เพราะถ้าจะพูดกันตรงๆ จริงๆ ก็คงจะบอกว่าช่วยชีวิตไป ก็เท่านั้น
    เพราะในความเป็นจริงทุกชีวิตก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นก็เหลือตัวสำคัญตัวเดียวคือการช่วยทางด้านจิตใจเสียมากกว่า ที่เป็นเป้าหมายของการช่วยเหลือทั้งหมดทั้งโลกที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นจากมนุษย์ด้วยกัน มนุษย์ต่างดาว เทวดา เทพ
    พรหม หรือแม้แต่พระอริยะเจ้าทุกท่าน พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ก็มีจุดมุ่งหมายสำคัญเพียงจุดเดียวเหมือนกัน ดังนั้นผมขอบอกว่าใครที่กำลังตั้งใจปฏิบัติธรรมอยู่ ขอให้เข้าใจด้วยว่าเหตุผลที่แท้จริง ที่คุณปฏิบัติก็ไม่ต่างกันกับ
    เหตุผลของผู้ช่วยเหลือ คือ ต้องการให้คุณพ้นทุกข์ ดังนั้นการปฏิบัติธรรม กรรมฐาน หรือแนวทางการปฏิบัติใดๆ ก็ตามที่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายความยึดติด ขอให้ระลึกถึงทุกข์ไว้เสมอ ตราบใดที่เรายังไม่เข้าใจทุกข์ได้ถึง
    ใจจริงๆ ตราบนั้นเราก็ยังฝืนกฎของกรรมอยู่ ถ้าคุณรู้ทุกข์ได้แนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องจะรู้ด้วยใจของคุณเองว่าควรปฏิบัติอย่างไรต่อไป ขอย้ำเลยว่าสำคัญมากๆ เพราะการปฏิบัติธรรม ไม่ใช่การหนีออกจากทางโลก แต่เป็นการ
    ใช้ชีวิตทางโลกที่ถูกต้อง ก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณๆ ทุกๆ ท่านเข้าถึงความรู้ทุกข์ทุกท่านนะครับ แล้วจะทราบถึงความสุขของนิพพานได้ด้วยตนเอง

    ที่นำเรื่องราวต่างๆ มาเล่าให้ฟังก็ส่วนนึงอยากจะให้เห็นว่า เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย นั้นเป็นเรื่องจริง อยากให้เข้าใจว่าทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างที่อยู่รอบตัวท่านหรือแม้แต่ตัวท่านเองทั้งหมด ถูกกำหนดอยู่แค่ที่จิตใจของท่านเท่านั้น เพราะ
    สุดท้ายเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งที่เป็นสาระและไม่เป็นสาระ ก็รวมอยู่ที่จิตตัวเดียว ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านี้แล้ว และถ้าท่านคิดว่าโลกนี้มันทุกข์ไม่น่าอยู่ไม่น่าเกิด ท่านก็จะพ้นทุกข์ได้เองครับ
     
  3. rescuelp

    rescuelp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2007
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +420
    ไม่ได้เจตนาเข้ามาเล็งเลข พี่ เข้ามาอ่านแล้วอยู่ ๆ ก็มีความคิดเข้ามาในหัวว่า ต้องเป็นเลข ที่หวยจะออกแน่นอน เท่านั้นเองครับ ปกติ ไม่ค่อนสนใจอยู่แล้วครับ นานๆที ตามกระแส
     
  4. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    [vdo]http://palungjit.org/attachments/a.319331/[/vdo]​

    ภาพถ่าย VDO วัตถุบินลึกลับล่าสุดในประเทศไทย
    -:เหตุเกิดที่จังหวัดหนองคาย:-

    โดยคุณ Boy เป็นเซลล์เครื่องมือแพทย์ท่านหนึ่งซึ่งไปทำงานอยู่ทางภาคอีสาน
    ภาพนี้บันทึกได้เมื่อช่วงราว 6 โมงเย็น ปลายเดือนมีนาคม 2551 ที่ผ่านมา​

    จุดที่บันทึกภาพอยู่บนถนนสายหลักระหว่างทางหนองคาย (อำเภอท่อบ่อ) เข้าสู่จังหวัดอุดรฯ ขณะกำลังขับรถกลับที่พักมาเพียงคนเดียว คุณ Boy ก็เหลือบไปเห็นเข้า อยู่ทางด้านขวามืออยู่สูงจากขอบฟ้าราวๆ 30 องศา เป็นแสงทรงกลมโตสว่างจ้าเหมือนไฟ spotlight อยู่ไกลพอสมควรกำลังพุ่งตัดผ่านมวลอากาศและก้อนเมฆด้วยความเร็วสูงมาก ขนานไปกับพื้นโลกและตีคู่กับรถของเค้าไประยะหนึ่ง จึงรีบคว้ากล้องมือถือขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น (ถ่ายด้วยมือข้างซ้าย+มือขวาจับพวงมาลัย)

    ขณะที่เค้าถ่ายภาพก็บรรยายภาพไปด้วยความสงสัยและประหลาดใจมาก เป็นที่น่าสังเกตว่าเสียงที่บันทึกออกมาฟังแทบไม่รู้เรื่อง เหมือนมีคลื่นสัญญาณรบกวนตลอดซึ่งไม่เคยเป็น เท่าที่พูดคุยกัน คุณ Boy อธิบายว่า..จากการมองเห็นด้วยตาเห็นเปล่าเห็นได้ชัดเจนกว่านี้มาก ขนาดที่มองเห็นมีขนาดประมาณหัวนิ้วก้อย มีการเหวี่ยวหมุนกระเพื่อมอยู่ภายใน เป็นแสงสีขาวดวงใหญ่มากมีรังสีน้ำเงิน-เขียว เปล่งออกมารอบๆ มีหางเป็นไอสีเขียวจางๆ จากนั้นพอวางมือลงเพื่อขับรถต่อไป คุณ Boy มองเห็นวัตถุนั้นบินพุ่งสูงขึ้นฉีกออกไปทางขวาด้วยความเร็วสูงและหายลับสายตาออกไปครับ

    ภาพนี้คนส่วนมากที่เห็นผ่านๆอาจคิดว่าเหมือนภาพดวงอาทิตย์ หรือแสงสะท้อนกระจกรถยนต์ทั่วไป หลังจากพูดคุยทางโทรศัพท์สัมผัสจิตใจของคุณ Boy แล้วก็มั่นใจครับเป็นว่าเป็นประสบการณ์จริงแท้ของเค้าแน่นอน คุณ Boy บอกว่าเกิดมา 30 ปีก็เพิ่งเคยเห็นแบบนี้ ตื่นเต้นมากๆ หลังจากนั้นพอกลับไปถามคนในพื้นที่แถวนั้นปรากฎว่ามีพยานยืนยันการพบเห็นอยู่หลายคนก็ไม่ทราบว่าคืออะไรแต่ตกใจกันพอสมควร คุณ Boy จึงเชื่อและมั่นใจว่ามี UFO อยู่ในมิติคู่ขนานจริงก็วันนั้นเองครับ

    เมื่อวานผมก็แอบลองพิสูจน์เทียบสถานการณ์ดูแล้ว ปรากฎว่าเวลา 6 โมงเย็นพระอาทิตย์จะหรี่แสงลงไปเยอะและอยู่ขอบฟ้ามุมต่ำกว่านี้ลงไปอีก แสงอาทิตย์จะซ่อนอยู่หลังก้อนเมฆหากอากาศไม่โปร่งใส จึงไม่สว่างจ้าได้ขนาดนี้ และจะเห็นเป็นแสงสีส้มเรื่อๆในบรรยากาศด้านบนของดวงอาทิตย์เสมอ (อันนี้แสงปรากฎอยู่ด้านล่าง) และถ้าสังเกตจะเห็นขนาดเค้าเล็กลงจากกลมๆใหญ่ก็เป็นทรงรีในตอนท้ายๆอีกด้วย ที่เห็นจึงไม่ใช่ดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน

    และลองอีกวิธีหนึ่งดู โดยลองเอาไฟฉายส่องให้สะท้อนที่กระจกรถแล้วถ่าย VDO ออกมาดูปรากฎว่าแสงจะจางกว่าไม่แจ่มชัดเหมือนที่เห็น เนื่องจากมีแสงภายนอกรบกวนมาก แถมกล้องยังโฟกัสจุดแสงไฟบนกระจกไม่ค่อยจะได้ด้วย เมื่อทดสอบจนมั่นใจว่าภาพชุดนี้เป็นวัตถุบินลึกลับของจริงแท้แน่นอน จึงนำมาโพสไว้เป็นหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งของประเทศไทยครับ:-
    เอื่อเฟื้อภาพชุดนี้โดยน้องชายคุณหนุ่ย (อลงกรณ์ มุขธระโกษา)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2008
  5. rescuelp

    rescuelp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2007
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +420
    ผมว่าเป็นแสงจากไฟฉาย สะท้อนกระจกจากในตัวรถนะครับ เพราะว่าเวลาบินผ่านต้นไม้ ถ้าเป็นของจริงแสงน่าจะถูกต้นไม้บัง แต่เล่นกลับไป มา ช้า ๆ ดูแล้วเวลาผ่านต้นไม้แสง อยู่ด้านหน้าต้นไม้ หากความเห็นผมผิดพลาดประการใด ลองพิจารณา กันดูนะครับ และ มือซ้ายถ่าย มือขวา ขับรถ ถ่ายได้ดีเกินไปไม่มีหลุดกรอบเลย ในช่วงตอนท้าย กล้องเงยขึ้นเห็นคานรถ แสงก็จะวิ่งห่างออกไปและเล็กลง พอ ปรับกล้องต่ำลง มาแสงก้อวิ่งเข้ามาแล้วใหญ่เหมือนเดิม อันนี้เป็นข้อสังเกตผมอย่างหนึ่ง ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2008
  6. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ดีครับที่มีความช่างสังเกต อันนี้แล้วแต่พิจารณากันครับ
    เมื่อดูจากต้นไม้ที่ตัดผ่านด้านหน้า จะสังเกตุว่าแสงจะวูปลดลงเล็กน้อย เหมือนแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านยอดต้นไม้ ผมจึงต้องทำการทดลองส่องไฟฉายในรถดูตามที่บอก ลองสังเกตว่ารถวิ่งผ่านต้นไม้ด้วยความเร็ว และอาจเกิดจากกล้องมือถือมีความไวแสงช้ากว่ากล้องทั่วไปเล็กน้อย หรือเหมือนสายตาเราเก็บแสงไว้ได้นานกว่าปกติ แสงจึงไม่ขาดหายไปก็เป็นได้ และคุณ Boy ก็ยืนยันเหตุการณ์นี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2008
  7. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    เห็นด้วย อย่างยิ่ง ดูรอบเดียว ก็รู้แล้ว
    ใช้ไฟฉายความเข้มสูง ถือยึดไว้ข้างกล้อง ส่องให้แสงสะท้อนกระจก แล้วถ่ายโดย ผู้โดยสารอีกคน โยกหน้าโยกหลัง เพื่อให้ขนาดเปลี่ยน(ในภาพน่าจะเป็นช่วงรถเข้าโค้ง คนถ่ายเลยโยกไปข้างหลัง ภาพจึงเล็กลง) ความเร็วคงที่เท่ากับตัวรถเป๊ะเลย

    สรุป ลวงโลก แน่นอน

    ในทางการแพทย์ มีเครื่องมือที่ไฮเทค เยอะ
    ไฟฉายความเข้มสูง สำหรับตรวจคนไข้
    หรือ Pointer สำหรับอาจารย์ หรืองาน Present
    หาได้ยากในท้องตลาด สำหรับคนทั่วไป ที่ไม่รู้เรื่อง

    เซลส์ มักประหยัดด้วยการไปกับ เพื่อนเซลส์อีกบริษัท แชร์ค่าน้ำมันค่าที่พัก รู้จักพวกนี้ดี แต่ไม่เหมารวมทุกคนน่ะครับ
    เดี๋ยวนี้ ดีเทลยา เน้นรับ ผู้หญิงสวยๆมากกว่า ไม่ต้องจบทางการแพทย์ ไปหลอกล่อ หมอผู้ชายที่มักได้เป็นผู้บริหาร เพื่อขายของ เล่นของ
    :( :( :( :( :( :( :( :( :(
    พุทธบริษัท อย่าลืมหลัก กาลามสูตร
    บังเอิญ อยู่ใน วงการแพทย์ พอดี
    อย่าเชื่อ เพราะความเป็นพรรคพวก
    อย่าเชื่อ เพราะคุณคิดไปเอง ว่าเค้าจริงใจ ฯลฯ
    นั่นคือ ความเอนเอียง อันเป็นปัญหาทางสังคมและ การเมือง ทุกวันนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2008
  8. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ทีแรกเห็นผมก็ยังไม่ปักใจจนต้องทดสอบดูเหมือนกัน
    เรื่องหลักฐานก็ว่ากันไป เพราะเป็นมายาหรือปรากฎการณ์ให้ขบคิดเท่านั้นล่ะครับ
    ส่วนเรื่องของแก่นแท้และสาระความรู้ย่อมสำคัญที่สุด
    อย่าเพิ่งไปเหมาว่าอาชีพเซลล์เครื่องมือแพทย์เค้าเป็นพวกลวงโลกเลยครับ เพราะกว่าจะได้ภาพชุดนี้มาก็ไม่ได้ง่ายๆ ดูเจตนาเค้าก็ไม่ต้องการหวังอะไรจากเรื่อง UFO เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรสักนิด เค้าเองก็ยังอายไม่กล้าให้ใครดูเพราะกลัวถูกหาว่างมงายด้วยซ้ำ เอาว่าดูเจตนาแล้วกันนะครับ ส่วนตัวก็ไม่ต้องการให้มาเชื่อโดยไม่พิจารณาหากไม่ประสบด้วยตนเอง ผมเองยังต้องทดลองก่อนมาโพส เข้าใจว่าเกิดจากกล้องคุณภาพต่ำของเค้าที่ทำให้เรารู้สึกเช่นนั้น ซึ่งเป็นไปได้เช่นกัน (ไปทดลองกันดูนะครับ) :-
    อันนี้ลอง test ดูเมื่อวานด้วยไฟฉาย led ดูแล้ว สังเกตดูว่าควบคุมให้คงที่เสมอไปกับระยะห่างของสายไฟได้ยากพอดู (ลองเทียบกันดูกับที่เค้าถ่ายได้) ถ้าหลอกจะเห็นไฟฉายมันจะเขย่าไปพร้อมๆกับตัวรถ สังเกตเพิ่มกันอีกนิดนะครับนักวิทย์ฯ ไม่ต้องซีเรียสเพราะยังไงความจริงมิติคู่ขนานก็มีจริงๆอยู่แล้วครับ
    (good)

    ลองดูข้างล่างครับ อันนี้คงจับได้ง่ายๆครับว่าปลอม

    [vdo]http://palungjit.org/attachments/a.319551/[/vdo]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2008
  9. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    ไฟฉาย LED ความเข้มแสงน้อยไปครับ ใช้ Pointer หรือไฟฉายตรวจโรค
    การสั่นตามรถนั้น ขึ้นกับสภาพถนน และความเร็วรถครับ ตัวกล้องและฝีมือคนถ่ายทำด้วย
    ต้องลองวิ่ง ทาง ตจว. ทางด่วน ช่วงไม่ค่อยมีรถ ดูครับ

    ดีใจครับ เมื่อคุณ MEAD พิสูจน์ แสดงว่า ไม่เชื่อ เขาจริง
    นั่นคือ ตั้งสมมุติฐานว่า เขาโกหก ลองคิดวิธีแบบคนโกหก ทำซิครับ
    ดังนั้น อย่าเพิ่งเชื่อว่า ต้องถ่ายด้วยคนขับรถ จริงๆ
    อย่าเพิ่งเชื่อ ว่าถ่ายด้วยมือถือ จริง(กล้องยิ่งหนัก ยิ่งนิ่ง)
    ลองหลายๆทางเลือกดูน่ะครับ

    ขอประทานโทษครับ ที่แสดงความเห็น ด้วยเวทนา อารมณ์
    เพราะ ไม่ชอบ การโกหก หลอกลวง ในเว็บธรรมมะ
    :d :d :d
    ไม่ได้หมายถึงคุณ MEAD ที่มีจิตใจดีงาม แต่มักเป็นเหยื่อให้คนไม่ซื่อยุคนี้
    ส่วนเรื่อง UFO ผมเชื่อมั่นอยู่แล้ว อย่างเต็มภาคภูมิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2008
  10. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ดีแล้วครับคุณ Yutkanlaya ยังไงซะเราต้องพิสูจน์ให้ดีก่อน
    ถ้าคิดจะทำหลอก ผมคิดว่าเค้าควรจะทำให้ดูหวือหวายิ่งกว่านี้ครับ เช่นบินซิกแซก ดิ่งขึ้น-ลง กระพริบไฟ-หรี่ไฟ ให้ดูพิศดารแตกต่างยิ่งกว่านี้ เพราะที่เห็นนี่มันดูธรรมดามากเกินไป คือบินเรียบง่ายสม่ำเสมอจนไม่น่าเชื่อ แต่การบินแบบนี้ทำให้น่าคิดกว่านะครับ

    ผมเลยสังเกตจากภายนอกรถ ระยะจากขอบฟ้ากับแสงหรือเทียบกับก้อนเมฆด้วย หรือให้ง่ายหน่อยก็สังเกตทิศทางของแสงที่พุ่งไปข้างหน้า แล้วเทียบดูกับสิ่งแวดล้อมจะเห็นว่าแสงลอยอยู่ที่ความสูงเสมอกับยอดเสาไฟฟ้าทั้ง 12 ต้นพอดิบพอดี (perspective มุมไกล) มันคงที่สม่ำเสมอจริงๆ..ยิ่งช่วงท้ายๆจะเห็นขอบประตูรถ (ด้านบน) ซึ่งแสงไฟนั้นไม่ได้สั่นสะเทือนตามตัวถังรถไปด้วยครับ เวลาเราขับรถไปจริงๆทำได้ยาก หากทำแบบนั้นได้นับถือว่าเซียนครับ

    ผู้ถ่ายคือ: คุณสถาพจน์ พรศาลนุวัฒน์ (คุณ Boy)
    เผื่อใครจะสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นผมให้ชื่อเค้าไว้ดีกว่าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2008
  11. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    ในวันนี้ ตอนแรกคิดว่าจะไม่มาลงโพสเพราะมีธุระต้องไปดำเนินการ แต่เพราะมีเหตุให้ต้องเข้ามาโพส เพื่อเล่าให้เพื่อน ๆ สมาชิกได้รับฟังไว้เป็นหลักฐาน
    <O:p</O:p<O:p</O:p
    สาเหตุมาจาก .... ภาพที่หายไป
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เมื่อคืนไปงานสวดพระอภิธรรมศพ พญ.ศศิธร โตพิพัฒน์ ที่วันนวลจันทร์ ศาลา 9 พร้อมกับสมาชิกกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) และกลุ่ม UFO THAILAND รวมทั้งหมดจำนวน 11 ท่าน
    <O:p</O:p</O:p
    ได้ถ่ายภาพภายในงานด้วยกล้องจากมือถือของพี่สุดใจไว้หลายภาพ ซึ่งผู้ที่ถ่ายภาพด้วยกล้องนี้มี 2 ท่าน คือคุณอนันต์และคุณณพงษ์ (ukrin) และภาพที่ถ่ายนั้น ได้ถูกบันทึกเก็บไปแล้วแน่นอน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สาเหตุที่มั่นใจว่า ภาพที่ถ่ายนั้น ถ่ายติดเรียบร้อยก็เพราะว่า พอถ่ายภาพหมู่ 4 คนเรียบร้อย คุณอนันต์คนถ่ายภาพนี้ พอถ่ายเสร็จ ก็คืนกล้องให้พี่สุดใจ พี่สุดใจก็รับมา และเรียกดูภาพ เมื่อเห็นภาพที่บันทึกแล้วในจอมือถือ ยังแซวว่า<O:p</O:p
    ถ่ายตกขอบหรือเปล่าเนี่ย เพราะพี่สุดใจดูในภาพ คนเสื้อขาว (คุณอภิชาติ) ชิดมุมพอดี ก็เลยแซวคนถ่าย<O:p</O:p
    คุณอนันต์ก็หัวเราะ บอกว่าไม่ตกหรอกครับ...<O:p</O:p
    นั่นหมายความว่า <O:p</O:p
    ภาพนี้มีการถ่ายแล้วจริง และถูกเก็บเข้าไปในไฟล์ภาพของกล้องเรียบร้อยแล้ว<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • picaaa.jpg
      picaaa.jpg
      ขนาดไฟล์:
      154.5 KB
      เปิดดู:
      90
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2008
  12. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    หลังจากนั้น ก็มอบกล้องให้คุณ ukrin บันทึกภาพต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งพระท่านสวดเสร็จ คณะก็เดินทางกลับกัน
    <O:p</O:p
    วันนี้ในตอนเช้า ประมาณ 07 .30 นาฬิกา พี่สุดใจตื่นขึ้นมา และจะต้องออกไปทำธุระ จึงนำมือถือออกมา และจะต้องเอาภาพออกจากกล้องลงคอมฯ ไว้ เพื่อลบภาพในmemory กล้องให้ว่าง เพราะจะไปถ่ายภาพอื่นต่อ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ก็หยิบมือถือมาเปิดดูภาพ แต่พอเปิดไฟล์เพื่อดูภาพ ก็งง
    <O:p</O:p
    ในนั้นมีภาพปรากฏเพียง 10 ภาพ และภาพที่ปรากฏนั้น ก็ไม่มีภาพที่บันทึกไว้ที่งานเมื่อคืนเลย
    <O:p</O:p
    ก็เลยดูเลขที่ภาพนั้น ปรากฏว่า มีจำนวนภาพ 1/10 ภาพ ก็เปิดไล่ไปทีละภาพ เป็นภาพที่ถ่ายไว้ ก่อนไปที่งานทั้งสิ้น และก็เปิดหาทุกไฟล์แล้ว ไม่มีการเก็บที่อื่นนอกจากไฟล์รูปภาพไฟล์นี้เท่านั้น
    <O:p</O:p
    ก็เริ่มรู้ว่าต้องมีอะไรแปลก ๆ แน่นอน เพราะภาพเมื่อคืนที่ถ่ายไว้ได้บันทึกลงไปแล้ว เพราะพี่สุดใจเรียกออกมาดูครั้งหนึ่งแล้ว แต่วันนี้ภาพนั้นก็ไม่มีอยู่ในกล้องด้วย

    ก็หาอีก 2
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2008
  13. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

    กลุ่ม UFO THAILAND

    เดินทางไปเคารพศพ และฟังสวดพระอภิธรรมศพ


    คุณหมอศศิธร โตพิพัฒน์

    ที่วัดนวลจันทร์ กรุงเทพฯ

    เมื่อคืนวันที่ 6 พฤษภาคม 2551
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pic02.jpg
      pic02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      198 KB
      เปิดดู:
      79
    • pic1.jpg
      pic1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      168.5 KB
      เปิดดู:
      992
    • pic2.jpg
      pic2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      154.9 KB
      เปิดดู:
      73
    • pic1a.jpg
      pic1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      176.1 KB
      เปิดดู:
      964
    • pic01.jpg
      pic01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      144.1 KB
      เปิดดู:
      73
    • ลงโพส1.jpg
      ลงโพส1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      106.2 KB
      เปิดดู:
      1,019
    • ลงโพส2a.jpg
      ลงโพส2a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60 KB
      เปิดดู:
      1,018
    • pic3.jpg
      pic3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      161.4 KB
      เปิดดู:
      75
    • pic9.jpg
      pic9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      149.6 KB
      เปิดดู:
      1,078
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2008
  14. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    ข้อมูลของคุณGenerationXXXน่าสนใจมากนะครับ ก็ต้องขออภัยด้วยที่ช่วงนี้ผมก็ยุ่งๆ บ้าง เน็ตเข้าไม่ได้บ้าง ก็เลยไม่ได้มาพูดคุยกัน

    ในโลกนี้ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องใช้คำว่า "เหลือเชื่อ" อยู่มากทีเดียวนะครับ ซึ่งถ้าใครไม่ได้ประสบพบเจอเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยตนเองแล้ว ก็มักจะถูกตำหนิติติงจากผู้ที่ได้มารับรู้เรื่องราวที่เราเล่าให้ฟัง แล้วเขาก็จะลงความเห็นว่าเราเพี้ยนบ้าง บ้าบ้าง อะไรทำนองนั้น ซึ่งไม่ว่าจะตัวผมเอง พี่สุดใจ และรวมถึงคนในกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)ทุกคน ต่างก็อยู่ในข่ายที่ถูกต่อว่าในทำนองนี้มาโดยตลอด แต่ถ้าต่างคนต่างคิดว่าถ้านำเอาเรื่องที่เว่อร์ๆ ที่ผ่านมาในชีวิตของเรามาเล่าให้ผู้อื่นฟังแล้วจะถูกต่อว่าต่อขาน อย่างน้อยกระทู้นี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นจริงไหมล่ะครับ

    มนุษย์ต่างดาวที่สื่อสารมายังกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)นั้น เคยบอกไว้แล้วว่าการมาทำงานเพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติยังโลกมนุษย์นั้น เขามากันจากหลายกลุ่ม หลายดวงดาว โดยที่แต่ละส่วนต่างก็มีหน้าที่ที่ตนเองต้องรับผิดชอบแตกต่างกันไป แต่อยู่ภายใต้การประสานงานกัน ไม่ขัดแย้งกัน จะเรียกว่ามาจากสมาพันธ์เดียวกันก็ว่าได้ แต่ทางผม และพี่สุดใจก็คงจะทราบข้อมูลเพียงในส่วนของดาวที่เขาติดต่อมายังกลุ่มฯ ตามรายละเอียดต่างๆ ที่ได้กล่าวไว้ในกระทู้นี้แล้วเท่านั้น และการที่มาโพสต์ไว้ในหมวดวิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ ของเว็ปพลังจิตนี้ก็ค่อนข้างจะตรงกับหมวดทีเดียวนะครับ คือลึกลับมันไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องไม่จริง หรือเป็นเรื่องมาหลอกลวงกันเพราะมีที่มาที่ไปประกอบกับพยาน และหลักฐานต่างๆ แต่ยังเป็นการรอการพิสูจน์เพื่อให้เป็นที่ยอมรับกันในวงกว้างมากขึ้น ดังนั้นเมื่อลึกลับก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่ท่านผู้ที่เข้ามาอ่านมาศึกษาย่อมเป็นไปได้ 2 - 3 ทาง ก็คือเชื่อบ้าง ไม่เชื่อบ้าง หรือว่าก้ำกึ่งรอความกระจ่างชัดมากขึ้นกว่านี้อีกหน่อยบ้าง

    หากคุณGenerationXXX หรือท่านอื่นๆ มีข้อมูล หรือมีประสบการณ์ ผมก็อยากจะเชิญชวนนะครับ เพื่อจะได้มาแลกเปลี่ยนมาศึกษากัน โดยที่เราจะไม่ตีกรอบความคิดว่าโลกของเราจะมีอะไรอยู่แค่สิ่งที่คนส่วนใหญ่เคยรู้เคยเห็นมาแล้ว หรือวิทยาศาสตร์พิสูจน์มาได้ถึงขั้นไหนก็จะต้องเชื่อได้อยู่เพียงขั้นนั้น แต่สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์กำลังค้นคว้าแต่ยังไม่ค้นพบ ก็ใช่ว่าจะไม่มีไม่จริง หรือว่าจะไม่สามารถค้นพบสำเร็จในอนาคตได้ จริงมั๊ยล่ะครับ ยินดีและขอบพระคุณมากนะครับที่กรุณามาเล่าข้อมูลให้ผม และเพื่อนๆ ได้ทราบกัน ถ้ามีข้อมูลอีกก็อยากฟังอีกนะครับ
     
  15. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    ขออนุญาตวิเคราะห์ และออกความเห็นจากคลิปวิดีโอของคุณmead นะครับ

    ตัวผมเองก็ได้Downloadเอามาเปิดดูอย่างละเอียดทีละเฟรมนะครับ ดูเป็นสิบๆ รอบ โดยตั้งสมมุติฐานว่าไม่เชื่อไว้ก่อนนะครับ ก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่า

    ถ้าเป็นดวงอาทิตย์
    ก็จะเห็นว่าแสงที่จับท้องฟ้าเป็นสีแดงอ่อนๆ นั้นเหลือน้อยแล้ว คือถ้าเรียกว่าผีตากผ้าอ้อมก็กำลังจะเก็บผ้าอ้อมแล้ว และทิศทางของแสงนี้ก็ยังขัดแย้งกันกับแหล่งกำเนิดแสงก็คือดวงสว่างที่เห็น อีกทั้งยังดูไม่ยากว่าแสงสีส้มที่จับท้องฟ้าแบบนี้แสดงว่าดวงอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไปแล้ว และยังเห็นมีการเปิดไฟฟ้าที่ปั๊มน้ำมัน บ้านคน รถยนต์ที่วิ่งสวนทางมาและรถยนต์ที่รอกลับรถได้เปิดไฟหรี่แล้วหลายคัน จึงเห็นว่าแสงดังกล่าวไม่น่าจะใช่ดวงอาทิตย์

    ถ้าเป็นแสงไฟฉาย
    จากการที่ผมมาเปิดดูรายละเอียดแบบทีละเฟรม โดยสังเกตความสว่างของดวงไฟเมื่อผ่านต้นไม้ที่มีใบค่อนข้างหนาทึบ ปรากฎว่ารัศมีของแสงที่เส้นผ่าศูนย์กลางคงที่ตอนปรากฎเมื่อฉากหลังเป็นท้องฟ้านั้นเล็กลงจนสังเกตเห็นได้ในหลายเฟรม และความจ้าของขอบแสงถูกตัดออก แต่ยังคงเห็นเป็นดวงกลมอยู่ ซึ่งประเด็นนี้จะขัดแย้งกับกรณีที่ว่าเป็นแสงไฟฉายจากในรถส่องไปเพื่อให้สะท้อนกับกระจกรถ เพราะถ้าฉากหลังนอกกระจกรถมืดลงในกรณีที่รถวิ่งผ่านต้นไม้ ความสว่างของแสงนี้ต้องคงที่ หรือน่าจะปรากฎให้เห็นชัดมากกว่าฉากหลังที่เป็นสีขาวอย่างท้องฟ้าด้วยซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าผู้ที่ทำคลิปนี้จะต้องมาตกแต่งภาพทีละเฟรมตอนที่ฉากหลังเป็นต้นไม้

    ความคงที่ของดวงนี้
    ปัจจัยแรก คือผมตั้งสมมติฐานว่าดวงสีขาวนี้เป็นวัตถุบิน ไม่ว่าจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าไรหรือไม่ก็ตาม แต่น่าจะเคลื่อนที่ด้วยแนวระนาบที่สม่ำเสมอไม่โฉบขึ้นโฉบลง
    ปัจจัยที่สอง คือรถยนต์ของผู้ที่ถ่ายภาพนี้กำลังแล่นไปบนถนนที่เรียบ หรือเป็นแนวระนาบพอสมควรตลอดช่วงเวลาที่ถ่ายภาพ คือไม่ใช่กำลังขึ้นเนิน ขึ้นสะพาน หรือลงสะพาน โดยไม่คำนึงถึงความเร็วที่รถวิ่ง
    ปัจจัยที่สาม คือเสาไฟฟ้าที่เห็นตลอดระยะเวลาที่ถ่ายภาพ น่าจะต้องมีความสูงของเสาเท่ากันอย่างสม่ำเสมอ
    ทีนี้จากภาพที่เห็นเมื่อพิจารณาจากทั้งสามปัจจัยตามที่กล่าวถึงแล้ว จะเห็นว่าสอดคล้องกันเป็นอย่างมากคือระยะห่างของดวงสีขาวกับเสาไฟฟ้า รวมถึงสายไฟฟ้าที่ตกท้องช้างมาเป็นระยะๆ นั้น ดวงสีขาวนี้รักษาระดับได้เยี่ยมยอดมาก โดยจะเห็นได้ชัดว่าในช่วงท้ายๆ ของคลิปนี้ กล้องที่ถ่ายนั้นสั่นไหวมาก แต่ระยะห่างระหว่างเสาไฟฟ้า หรือสายไฟฟ้ากับดวงสีขาวนี้ยังคงที่ แต่ดวงสีขาวนั้นเล็กลงจากเดิมที่เหมือนกับว่าอยู่ในทิศทางที่ขนานกับตัวรถ แต่ภายหลังเป็นทิศทางที่นำหน้ารถไปมากแล้ว

    จากที่ผมลองตั้งข้อสังเกตมานี้ ทุกท่านก็สามารถลองสังเกตดูได้บ้างเหมือนกันนะครับสนุกดี ก็สรุปว่าน่าสนใจนะครับคลิปนี้ น่าจะลองส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ดูให้ดีดีอีกทีก็น่าจะดีกว่าทิ้งขว้างไป เสียดายนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 พฤษภาคม 2008
  16. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
     
  17. Aspn

    Aspn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +5,303


    และในวันที่ 8 พฤษภาคม 2551 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเดินทางไปร่วมไว้อาลัยคุณหมอเป็นครั้งสุดท้ายในพิธีฌาปนกิจ คุณหมอที่วัดนวลจันทร์ครับ



    [​IMG]

    ประวัติ

    พญ.ศศิธร โตพิพัฒน์ (ปุ๋ย)


    วันเกิด : วันอาทิตย์ที่ 15สิงหาคม 2508
    สถานที่เกิด : กรุงเทพมหานคร
    เป็นบุตรคนแรก จากบุตรทั้งสิ้น 3 คน ของ นายสมบูรณ์ - นาง สุภารัตน์ โตพิพัฒน์​


    ประวัติการศึกษา

    ประถมศึกษา : ร.ร.ศรีวิกรม์ (พ.ศ.2514 - 2521 )​

    มัธยมศึกษา : ร.ร.บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)(พ.ศ.2521 - 2526)​

    อุดมศึกษา : คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
    มหาวิทยาลัยมหิดล (พ.ศ.2526-2532)​

    สำเร็จการศึกษาแพทย์เฉพาะทางสาขาอายุรศาสตร์ทั่วไป
    คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล​

    สำเร็จการศึกษาแพทย์เฉพาะทางสาขาอายุรศาสตร์ ประสาทวิทยา
    คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล​


    ประวัติการทำงาน

    -รับราชการ แพทย์ประจำโรงพยาบาลบุรีรัมย์
    พ.ศ.2523-2535​

    -โรงพยาบาล กรุงเทพ​

    -โรงพยาบาล กรุงเทพหาดใหญ่​

    -โรงพยาบาบ สินแพทย์​


    คำไว้อาลัย

    พี่ปุ๋ยเป็นพี่สาวคนโต ของน้องชายอีกสองคน ตั้งแต่เด็กพี่ปุ๋ยเป็นคนมีความมุ่งมั่นในเรื่องที่ทำทุกเรื่อง และมีความขยันในการเรียน มีความฝันอยากเป็นแพทย์ตั้งแต่เด็ก จนทำได้สำเร็จตามความฝัน เป็นแบบอย่างและแรงกระตุ้นให้แก่น้องๆทำตามอย่าง ทั้งคอยให้คำแนะนำแก่น้องๆ เสมอๆ แม้จะเรียนและทำงานหนัก
    พี่ปุ๋ยเป็นคนที่เสียสละอยู่เสมอ และมีความกตัญญูสูง เอาใจใส่ดูแลคนไข้เหมือนญาติ จนเป็นที่รักของคนไข้ และเพื่อนร่วมงาน พี่ปุ๋ยเสียสละการมีครอบครัว เพื่อที่จะดูแลพ่อแม่ได้เต็มที่ และเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปของบุคคลรอบข้างว่า พี่ปุ๋ยเป็นผู้ที่ใฝ่ธรรมะมาก พี่ปุ๋ยจะหาโอกาสทำบุญ เต็มความสามารถเสมอ มักจะหาเวลาไปปฏิบัติธรรม และชักชวนน้องๆ เพื่อนๆให้ทำบุญเสมอๆ
    การจากไปอย่างกระทันหันก่อนเวลาอันควรของพี่ปุ๋ย ทำให้คุณพ่อ คุณแม่ ญาติพี่น้อง ตลอดจนเพื่อน ๆ ตกใจ และเสียใจอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม น้องทั้งสองนี้ต่างก็เชื่อมั่นว่า
    ด้วยกุศลผลบุญแห่งกรรมที่ดีที่พี่ปุ๋ยเพียรพยายามสั่งสมมา จะต้องส่งผลให้พี่ปุ๋ยมีความสุข ไปสู่ภพภูมิที่ดีงามอย่างแน่นอน และขอให้พี่ปุ๋ยอย่าได้เป็นห่วงพวกเราเลย​

    รักพี่ปุ๋ยเสมอ
    น้อง
    นพ.ปัญเกียรติ-นพ.ปัญญา โตพิพัฒน์ ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      102 KB
      เปิดดู:
      108
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      318.4 KB
      เปิดดู:
      129
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      524 KB
      เปิดดู:
      159
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤษภาคม 2008
  18. พระจิตวิณญาณ

    พระจิตวิณญาณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2007
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +82
    พี่สุดใจตอนนี้หายไปไหนค่ะ ไม่เห็นมาโพสบ้างเลย อยากให้กลับมาค่ะ
     
  19. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ตอนนี้หลายท่านคงถูกเร่งฝึกกันน่าดู ฉะนั้นบทเรียนจึงหนักเอาการ ให้เห็น ให้เรียนรู้ ช่วงนี้จินตวดีจึงอดรู้สึกแปลกใจกับตัวเองไม่ได้ เหตุการณ์ทั้งหลายที่ผ่านมา เปลี่ยนให้ตัวเองกลายเป็นคนละคน รู้จักกิน รู้จักใช้ รู้จักใช้ชีวิต รู้จักทางสายกลาง รู้ถึงความอดอยาก แม้มีเงินก็ทำให้อดได้ แถมอดติดกันหลายวัน จนอดคิดไม่ได้ "มันเป็นไปได้อย่างไร" ยกตัวอย่างเรื่องเกมส์ในโทรศัพท์ ถ้าวันไหนเล่มเกมส์แล้วติด คืนนั้นเป็นต้องได้ถูกบังคับให้เล่นในฝัน จนเครียดเลย แล้วรู้เลย รูปกายภายในไม่ใส่ใจกับสิ่งปรุงแต่งแม้แต่น้อย ให้เห็นแม้แต่ของสวยงาม เรากลับเห็นไม่มีค่าแม้แต่น้อยเช่นเดียวกัน บางวันก็ให้อด จนรู้จักกับความหิวโหย ได้อย่างไม่น่าเชื่อ จนอยู่ ๆความคิดก็เกิดขึ้นเอง ถ้าวันหนึ่งข้างมีเหตุการณ์ภาวะอาหารขาดแคลน เราจะทำอย่างไร เก็บถนอมอาหารอย่างไรจึงจะเก็บไว้ได้นาน ๆ สามารถนำมากินได้ตลอด
    ทุกคนที่อยู่แถว ๆนี้ คงล้วนแต่มีหน้าที่ และจำเป็นต้องฝึกก่อนใช้งานจริง เร็ว ๆนี้
     
  20. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...