เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

โค็ด ท ไม่มีหัวแท้
ดีใจที่ โค็ด ตัวนี้ทำลายไปแล้ว
ตอกบนพื้นที่ ทองแดง ทองเหลือ และ ตะกั่ว อาจจะมีรูปแปรไปนิดๆตามความแข็ง อ่อนของวัตถุที่ตอก คนตอกคนล่ะคนกันและ การตอก แรง เบา ต่างกัน และ ตอกต่างคน จิกโค็ด เอียงหน้า หลัง ข้างต่างกัน
แต่ ......ทรงเดียวกันทั้งสิ้นเพราะมาจากโค็ดตัวเดียวกัน
เอามาให้ดูหลายตัว ให้ติดตาน่ะครับ

 

https://www.facebook.com/groups/264260241141104/media
ค้น เรื่องหลวงพ่อทรงได้น่ะครับ เรื่องเก่าเอามาเขย่าก้น ถ่ายรูปใหม่

 

InnerVoice said: ↑
รบกวนถามพี่พีครับว่า..ตะกรุดเทพรัญจวน กับ ตะกรุดเทพรำลึกนั้นเหมือนกันไหมครับ ตั้งชื่อใกล้เคียงกันแล้วผมสับสน รู้สึกว่าพี่พีไม่ได้พูดถึงตะกรุดเทพรำลึกที่ออกในคราวหลวงพ่ออายุ83ปี เพราะว่าเป็นของ0หรือเปล่าครับ พอดีผมสนใจหาตะกรุดเทพรัญจวน ก็อ่านที่พี่พีเขียนแล้วมันเกิดกิเลสครับ รบกวนตอบด้วยครับ ผมติดภาพที่ผมหาเจอมาให้ดูครับ
กราบเรียนด้วยความเคารพ ปัญหาแบบนี้เคยถูกถามมาก่อน และคงจะถูกถามไปเรื่อยๆ ....แหะๆ
เทพรำลึกออกโดย ศูนย์ใหญ่ครับ ตอนออกใหม่ๆ ผมได้ยินชื่อ แล้วสนใจ ก่อนจะเช่าจากตู้ และตอนนั้นพอสนิทกับหลวงพ่อมากแล้ว ผมเลยไปกราบเรียนถามท่านเรื่องตะกรุดเทพรำลึก ว่า ตะกรุดอะไรครับ หลวงพ่อ ท่านบอกผมเองว่า เหมือนกัน กับเทพรัญจวน เมื่อได้ยินแบบนั้น ผมเลยไม่เช่ามา เพราะมีเทพรัญจวน หลวงพ่อจารให้อยู่แล้ว เลยไม่มีตัวอย่างให้ท่านชมน่ะครับ
ถ้าท่านได้จากแหล่งที่เชื่อถือได้ หรือได้มาจากวัด ตอนหลวงพ่อยังมีสังขาร หรือได้มาจากใครตอนหลวงพ่อยังมีสังขาร โอกาศสูงครับ ถ้ามั่นใจและแน่ใจว่าผ่านมือหลวงพ่อ แนะนำให้ใช้ติดตัวแทน เทพรัญจวนครับ เพราะท่านบอกเองว่าเหมือนกัน แสดงว่าเสกเหมือนกัน
ผมแนะนำว่า ลองอาราธนาถึงหลวงพ่อ แล้วมานิมิตให้หายสงสัย ว่าตะกรุดผ่านมือหลวงพ่อหรือปล่าว ลองด้วยความเคารพ หลวงพ่อท่านเมตตาสูงมาก เกินพิกัดครับ หรือลองติดตัวดูสัก เจ็ดวัน ของดีต้องดี ครับ
เรื่องตะกรุด จากประสบการณ์ผม ถ้าเป็นตะกรุดแนวเทพ และคนทำ และ เสก มีบารมีถึงจะเป็นของดีครับ เพราะเป็นของเทวดารับรู้ เมื่อปลุกเสกแล้ว เหมือนมี บัตรเครดิต เทวดา ไปไหนมาไหน เทวดาท่านมาคุ้มครอง เพราะเทวดาท่านมีสัจจะ ไม่พูดเหลวไหล เหมือนคน ยกเว้นชั่วจัดจริงๆ ท่านถึงจะหนีไป หรือ เฉยซ่ะ
ส่วนตะกรุดแนวอื่น บอกตามตรง ตอนหลังไม่เอา เพราะบางทีร้อน ยิ่งเป็นแนวผีๆสางๆ ยิ่งไม่เอา หรือ บางที่ตะกรุดบางแนวอยู่กับผมจะเงียบ ลุ้นไม่ขึ้น เลยไม่อยากได้ เสียดายเงิน เสียดายเวลา แต่ตะก่อนเก็บไว้เยอะครับ เอาไปหล่อพระถวายอาจารย์ซ่ะก็เยอะ ทั้งเก่าและใหม่ครับ
รูปประกอบ ไม่เกี่ยวกับเรื่อง

 

ลงเน้นโค็ต ไปเรื่อยๆ แม่นโค็ต ไม่พลาด ทันหลวงพ่อแน่ๆ

 

พระปรกโพธิ์ ๙ ใบ
องค์ที่หลวงพ่อกดเปิดพิมพ์ แม่พิมพ์ทำมาใหม่เลย เห่อกันหน่อย หลวงพ่อมากำกับเอง เลยนิมนต์ท่านกดเปิดพิมพ์ ไม่สวยเลย เพราะท่านไม่ค่อยมีแรง ตาก็มัวๆ แต่ผมชอบแยกเก็บไว้เลย
จนคนทักว่าของเล่น ผมเลยเอารักแดงทา กันผิวหลุด แต่ส่องดูข้างหลังเนื้อจัดมาก อีก ร้อยปีรักร่อนออก เล่นกันเป็นสมเด็จ แน่ๆ 55555555





เหรียญเต่ารุ่นแรก ลองพิมพ์ เนื้อตะกั่ว
( ลงไว้ในพลังจิต หน้า ๓๒๐๔ )
IMG_3524.JPG IMG_3525.JPG
เหรียญนี้อยู่ที่ท่านนี่แหละครับ ไม่แน่ใจว่าไม่มีใครสนใจ หรือ ท่านหวงไว้ หรือ ไม่มีใครมาขอ หรือ ไม่มีใครสนใจ อันนี้ไม่ทราบ ผมเลยขอบูชามา ขอให้ท่านลงเพิ่ม ท่านลง ลองนับๆดู จารทั้งหมด หน้าหลัง ประมาณ ๒๑ ตัว ท่านลง อย่างละเอียด ลงเสร็จแล้ว ท่านบอกผมว่าลงให้ครบแล้วน่ะ ไม่ได้ถามต่อว่าครบแล้วน่ะมีอะไรบ้าง แต่รู้ว่าดีน่ะครับ
ส่วนเหรียญลองพิมพ์นี้จะมีกี่เหรียญ ผมก็ไม่ทราบน่ะครับ คนทำเขาไม่ได้บอกหลวงพ่อ อาจจะมีมากกว่า ๑ เหรียญก็ได้ครับ
เจ๊ บ หลานหลวงพ่อพอรู้ข่าว ตอนแรกมาตามกับหลวงพ่อ กลัวว่า ให้เหรียญนี้ไป จะไปทำเหรียญปลอมได้ ตอนนั้นเป็นเหรียญดังของวัด มีคนเล่นหากันเยอะแล้ว เจ๊แกเข้าใจว่าเหรียญนี้เป็นเหรียญ ต้นแบบ สามารถไป ทำปลอมได้ ผมอธิบายว่า เอาเหรียญนี้ไปถอดพิมพืได้ แต่ต้องแบบเท แล้วเหรียญจะเล็กกว่าไม่เหมือนหรอก ( เป็นความเข้าใจของคนที่ไม่ได้สร้างพระเองในตอนนั้น เพราะศูนย์ทำให้ ) พอผมมาที่วัด มาคอยเจอผม นั่งกันอยู่ ต่อหน้าหลวงพ่อ ผมบอกเลยว่ามีเหรียญนี้ เอาไปทำปลอมไม่ได้หรอก ต้องมีแม่พิมพ์ แบบตัวผู้ ตัวเมีย เป็นแม่พิมพ์เหล็ก ทั้งหลวงพ่อ และ เจ๊ แกเลยเข้าใจ ( ตอนนั้นประมาณ ปลายปี ๒๕๔๗ หรือต้นปี ๒๕๔๘ )
เรื่องนี้อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ให้ เจ๊ แกอาจจะไปตามแม่พิมพ์คืนมา น่าจะเป็นปีต่อไป ๒๕๔๘ หรือ รอยต่อของระหว่างปี หรืออาจะโทรตามวันนั้นแหละ ผมไม่ทราบรายละเอียด แต่ทั้งหลวงพ่อ และ เจ๊ แกก็รับทราบตามนั้นครับ พอเข้าใจเจตนาผมก็ไม่ขัดข้องกันได้
ขอแทรกนิด เพราะจำได้มี มีพี่ขาย ล็อตเตอรี่คนที่เป็นศิษย์หลวงพ่อ นับถือหลวงพ่อมาก ผ่านมาทางนี้ ก็แวะมากราบหลวงพ่อบ่อย หลวงพ่อก็เอ็นดู พี่เขามากพอสมควร คุยกันสนิทสนม พี่เขา มีเหรียญเต่ารุ่นแรก นี้ห้อยที่หน้ารถ ๕ เหรียญถ้าจำไม่ผิด เป็นราวผูกไว้กับ แฮนด์รถ เขาเลื่อมใสมาก บอก หากินได้ดีทีเดียว เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ตอน พ.ศ. นั้นเหรียญล่ะ ๑๕๐๐ แล้วน่ะครับ ไม่ใช่ ร้อย สองร้อย และที่วัดไม่มีแล้ว มีแต่เหรีญเต่ารุ่นใหม่
ผมเองได้มา เอามาเลี่ยมไว้ เพราะหลวงพ่อจารให้เพียบ แต่ไม่ได้เอามาขึ้นคอหรือเลี่ยมทอง เพราะไม่ได้เล่นสายศูนย์ เพราะผมเข้าใจเจตนาของศูนย์ดี ชอบของแจกฟรีมากกว่า การที่เขาเอาแม่พิมพ์กลับมายัง งงๆ เหรียญเต่านี้ ตอนนั้นพอหมดจากวัด เหรียญทองแดงราคาขึ้นไป แรงมา ถึงหลัก สอง สามพันบาท ถ้าผมจำไม่ผิด แต่ผมไม่เคยซื้อ ไปสะสมอย่างอื่นแทน พวกเครื่องราง
และความจริงมีว่า พอหลวงพ่อล่ะสังขาร ในปี ๒๕๕๐ ก็มีเหรียญเนื้อทองแดง สวยกริ้บ แดงแปร็ด มาวาง ที่ตู้วัดในราคา เหรียญล่ะ ๑๕๐๐ บาท มีจำนวนหลายสิบเหรียญ ซึ่งมี ลุง กับ ป้า เป็นคนขาย หน้าเก่าๆหายไปหมด ซึ่งตอนนั้นจริงๆ เหรียญนั้น ในตลาด ราคาเกิน ๑๕๐๐ ไปหลายร้อยแล้ว ผมเองยัง งงๆ ว่าเอ จะซื้อ จะขายกันอย่างไร ของวัด ดันถูกกว่าของตลาด ก็ได้แต่ดูเฉยๆ ไม่ได้ถ่ายรูปอะไรไว้ เพราะตามที่บอก ไม่สนใจสายนี้ สาเหตุเพราะมีอาการแปลกๆแบบนี้แหละ
ยกเว้นได้จากมือ หลวงพ่อ หรือได้มายุคหลวงพ่อยังอยู่ หรือ มี รอยจาร หรือ มีโค็ด ท ไม่มีหัว
ก็จะ สบายใจขึ้นมาเยอะ จึงขอบันทึกไว้ไม่ได้สูญหายไปไว้ในกระทู้เหรียญบินฯ นี่แหละครับ
แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2017
เหรียญเต่ารุ่นแรก เนื้อตะกั่ว ( ด้านหลัง )
IMG_3526.JPG
IMG_3527.JPG
มีเบื้องหน้า ก็ต้องมีเบื้องหลัง เหรียญนี้ ลองนับๆดู หลวงพ่อลงให้ ประมาณ ๒๒ ตัว พอลงด้านหลังท่านคงชักจะตามัวๆ เพราะจำได้ว่าเริ่มมืด ลงสองเหรียญ ก็ตก สี่สิบกว่าตัว จัดว่าเยอะ เท่าเหรียญอื่นๆเป็นสิบเหรียญแล้วครับ
เอาไว่ศึกษาลายมือ หลวงพ่อก็แล้วกันน่ะครับ
ข้อเขียนและรูปภาพในกระทู้เหรียญบินฯตกอยู่ในหมวดวรรณกรรม ตามมาตรา ๔ ของ พรบ ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ ได้รับการคุ้มครอง ผู้ใดจะนำไปใช้ต้องได้รับการยินยอมจากผู้สร้างสรรค์ ผู้ใดละเมิดถือว่า ละเมิดกฎหมายตาม พรบ ลิขสิทธิ์ ๒๕๓๗ มีโทษ ทั้ง จำ หรือ ปรับ หรือ ทั้งจำทั้งปรับได้ ตามมาตรา ๖๙ - ๗๗
พี เสาวภา, 18 มิถุนายน 2017
.....................................................
บทแรก วันที่ ๑๖ มิย ๖๔
ผมเอารูปแม่พิมพ์ ที่ทำลายแล้ว ออกมาโชว์กันแพร่หลาย มาดูกันละเอียดๆน่ะครับ ที่จริงส่วนของแม่พิมพ์วัด ทำลายแล้ว หลัง หลวงพ่อเสีย ผมถ่ายรูปบันทึกไว้แล้ว ส่วนแม่พิมพ์ของศูนย์ หลังทำลายแล้ว อยู่ในหอสวดมนต์ ผมไปวัดวันหนึ่ง หลวงพ่อบอกให้ไป ดูซิ แม่พิมพ์ เขาเอามาให้ ( หลวงพ่อว่าแบบนั้น ) ผมก็ไปชะโงกดูข้างเสาประตูทางเข้า หอสวดมนต์ ผมถ่ายรุปไว้ด้วย แต่จำได้ว่ามืดมากไม่ได้ใช้แฟลซ ภาพหายไปไหนไม่รู้ไม่ได้สนใจเก็บไว้ ก็น่าจะเป็นแม่พิมพ์พวกนี้ แล้วรูปที่แพร่หลายกันน่าจะอยู่ที่วัดถ่ายรวมกันมาอีกที
มีดังนี้ แม่พิมพ์ส่วนพระที่ทำที่วัด
๑) รูปเหมือน หน้าและหลัง
๒) แหวกม่าน หน้าและหลัง
๓) นักธรรม หน้าและหลัง
๔) ปรกโพธิ์ หน้าและหลัง
และของศูนย์
๕) พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ เศียรบาตร หน้าและ หลัง
๖) พระแหวกม่าน นักคู่ดู มีแต่พิมพ์หน้า???
๗) พระสมเด็จพิมพ์กลาง มีแต่พิมพ์หน้า ?
๘) พระสมเด็จพิมพ์เล็ก มีแต่พิมพ์หน้า ?
๙) พระรูปเหมือนหลวงพ่อ พิมพ์เล็ก มีแต่พิมพ์หน้า
๑๐) เหรียญเต่ารุ่นแรก หน้า ส่วนข้างหลังดุไม่ชัดว่าเป็นหลังของ พิมพ์เหรียญเต่าหรือ นั่งพาน
๑๑) เหรียญ นั่งพาน ของ โรงเรียน และข้างหลังอาจจะเป็นเหรียญนั่งพาน
เอาเป็นว่าในกระทู้นี้เขียน เรื่อง เหรียญเต่ามีแม่พิมพ์เดียว เหรียญเต่าทำมาหลักหลายหมื่นเหรียญตามที่ทราบ คือ ๒ หมื่นเหรียญ ผมไม่แน่ใจว่าเหรียญเต่ามีกี่พิมพ์ เพราะไม่ได้สะสมมากจนแยกพิมพ์ได้ ท่านที่เล่นเหรียญเต่าควรวิเคราะห์ดู ว่ามีกี่พิมพ์ หน้าและหลัง ถ้ามีเกิน ๑ พิมพ์ หน้า ๑ พิมพ์ หลัง ก็ควรเล่น พิมพ์ที่ทำลายนี้ เพราะมีข้อจบ ในการเล่นหา
และไม่ได้หมายความว่าอย่างอื่นเล่นไม่ได้ เพราะอาจจะได้มาจากวัด มาจากหลวงพ่อ แต่อย่างไร พิมพ์ที่ทำลายคือหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่าจบกันครับ

 

ล็อคเก็ตหลวงพ่อลี วัดอโศการาม แบบตัวถังอลูมิเนียม
ล็อกเก็ตแบบนี้ ทำกันมากยุค ๒๕๐๐ น่ะครับ หลายพระคณาจารย์ ตัวถังเคยส่องบางยี่ห้อมาจากเยอรมันก็มี จากญี่ปุ่นก็มี มีหนามเตยแบบ ๔ ตัวและ มีกระจกพลาสติกปิด สองด้านมาเอารูปหลวงพ่อใส่ และ อีกด้าน เป็นรูป พระพุทธ พระสมุทรเจดีย์ เขาวงพระจันทร์ก็มี มีหลายแบบ น่าจะสั่งทำมา
ประเด็นคือ หลัง ๒๕๐๔ หลังท่านพ่อล่ะสังขาร น่าจะมีทำมาเรื่อยๆจนหมดความนิยม ผมมีแบบ ข้างหลังเป็นรูปพระธรรรมจักรด้วย
เซียนสายตรงเขาไม่เล่นกัน ราคาจุ๋มจิ๋มมากแค่หลักร้อย คนไม่สนใจ และเข้าใจด้วยว่าทำไม แนวพิมพ์ใช่ เนื้อใช่ แต่ไม่ใช่
แต่ ล็อกเก็ตในภาพ ฉากเขียวน่ะทันท่านพ่อจริงๆ แต่ก่อนเคยเป็นอันเดียวกัน แต่การใช้ของพี่ชายผม น้ำเข้า เกิดสนิมและ อลูมิเนียมกินตัวเอง เลยเก็บ จนตกทอดมาถึงผม จะเอาไปเลี่ยมก็แทบจะป่นแล้ว
นอกนั้น ผมเคยเห็นล็อกเก็ตทำนองเดียวกันเป็นรูปท่านพ่อ หลังพระสมุทรเจดีย์ ล็อกเก็ตเขาวงพระจันทร์ที่เชื่อว่าท่านพอเคยแจก และล็อกเก็ต หลังเป็นรูปพระธรรมจักร
แต่ไม่เคยเห็นแบบอันที่มีรูปพระพุทธตามรูป นั่งสมาธิ ทาทอง ฉากสีแดง แบบของผม ถ้าเจอผมซื้อแน่ และ แก่แล้วถึงเวลาเปิดเผยเลย ใครไปเจอแบบนี้คว้าไว้น่ะครับ ผมก็มีแค่อันเดียว เพราะหายาก ไม่ซื้อไม่ขายเด็ดขาด
วันหนึ่งผมไปเดินท่านพระจันทร์น่าจะ เกือบสามสิบพ.ศ. มาแล้ว บริเวณร้านปากทางเข้า เจอล็อกเก็ตรูปท่านพ่อ อันปัจุบันที่เลี่ยมเงินนี่แหละ สภาพยังดี แต่ด้านหลังหลุดหายไป ผมสนใจ จึงไปถามต่อรองซื้อมา น่าจะแถวมากร้อย ประมาณ ๗ ถึง ๘ ร้อยบาท เพราะมีรูปท่านพอ่ลี แต่ ราคาแบบชำรุด กลับบ้านมา ผมเอารูปพระพุทธเข้าใส่ ใส่กันได้เป๊ะ จึงเอาใส่ กรอบ ไว้ ดีใจว่าซ่อมล็อกเก็ตท่านพ่อได้ ครึ่งหนึ่งก็ยังดี
ล็อกเก็ตอันเดิม เป็นล็อกเก็ต ข้างหนึ่งมีรูปพระพุทธ นั่งบนดอกบัว สองชั้น มีฐานล่างตามรูป พระมีสังฆาฏิ แต่ปลายพระเศียร ขึ้นมาคล้ายๆหมวกพระฤาษี กระจกเป็นกระจกนูนแต่มีเหลี่ยมคล้ายๆ เพชร ไม่ใช่แบบนูนหลังเต่า หลังพลอยโดยทั่วไป ด้านหลังมีรูปถ่ายท่านพ่อลี เป็นรูปถ่ายน่ะครับ ตัดแบบ รูปไข่เลี่ยมพลาสติก ใส่อีกด้านโดยหนามเตยสี่ตัวล็อค ล็อกเก็ตเป็นอลูมิเนียม กะหลั่ยทอง น่าจะทำมาจากต่างประเทศ แต่การมาติดรูป น่าจะติดในประเทศไทย โดยช่าง คล้ายๆแถวงานช่างพยุหะ ที่เป็นที่แพร่หลายในยุคนั้น
ล็อกเก็ตถ้าแบบนี้ ทันท่านพ่อลีน่ะครับ ผมยืนยัน แบบอื่นผมไม่แน่ใจ รู้ไม่พอ
ผมเป็นคนเกิดต้นปี ๒๔๙๘ พอ ๒๕๐๐ น่ะ ผม ได้เกือบสามขวบ พอวิ่งได้แล้วด้วย และ ซนมาก
คุณตาผม พระชัยปริญญา อดีตเป็นผู้พิพากษา ปลดเกษียณแล้ว เพราะป่วยเป็นอัมพฤต พำนักอยู่ที่อยุธยาครับ จะเล่าสั้นๆ ไม่งั้นยาว เพราะเรื่องเยอะ ตอนเช้าท่านตื่นมา จะคว้าไม้เท้า พกปืนบราวนิ่งกระบอกเล็กที่เอว แล้วเดินออกกำลัง ท่านจะมีเส้นทางของท่านตัดวัดร้างแถวๆนั้นแล้ว วกกลับมาแถว วัดหน้าพระเมรุ ก็ไกลหลายกิโลเหมือนกัน ท่านจะพูดโก้ๆ ว่าเดินรอบเกาะออกกำลัง จริงๆไม่รอบหรอกครับ แค่ส่วนเดียว แต่คนแก่แล้วคุยว่าเดินรอบเกาะ มันโก้ดีประมาณนั้น สายแล้ว จึง กลับมาทานข้าวที่บ้าน ยายผมเป็นแม่บ้าน ทำกับข้าว ฝีมือ น่าติดอันดับ ๑ ใน ๑๐ ของเมืองไทย ทำกับข้าวอร่อยมาก แค่ เอาผักมาผัด โช้งเช้งๆๆๆ มีต้มยำกุ้งและ หมูแดงซื้อมาจากหัวรอ กินข้าวกันหมดหม้อ ต้มยำกุ้งถึงขั้นขอดน้ำกินกันจนเกลี้ยงทำอร่อยจริงๆ คนพื้นเดิมอยุธยา ทำกับข้าวไทยอร่อยมาก ตอนผมไปบวชที่วัดหน้าต่างนอก สองครั้ง อาหารที่เขาใส่บาตร อร่อย จริงๆ ฝีมือจริงๆ รสชาด ฝีมือ ไม่ใช่แนวหวานทุกชนิดแบบคน กทม
ปูพื้นให้ว่า นั่นเป็นกิจวัตรของคนแก่ กินบำนาญ เดือนล่ะ ห้าร้อยบาท ยุคนั้นเยอะมาก พอกินสบาย
ก่อนไปเล่า ประโยคต่อไป จะบอกว่า ตาผม เป็นคนไม่นับถือพระเลย พระมาบิณฑบาต ท่านเห็นจะไล่เลย ไล่แบบไล่จริง ของใส่บาตร โยนทิ้งข้างทางน่ะแหละถ้าท่านเห็นพระแวะมาหน้าบ้าน ยายและแม่ผมต้องไปแอบใส่อีกด้านของสวน แถวที่ผมอยู่เขาเรียกหัวแหลม เลยจากตลาดหัวรอมาสัก สองสามกิโล ไม่ไกลมาก
แต่ปลก ตาผม ดัน มีเพื่อนเกลอ เป็นพระอยู่องค์ ไม่ใช่นับถือแบบพระ แต่ มีคารม โต้เถียงกันได้ทันกัน เลยชอบประคารมกัน เป็นเจ้าอาวาส วัดหน้าพระเมรุ ( ท่านชื่อสนธิ์ ยิงกระสุนแม่นมาก ) แต่ถ้าพระองค์อื่น มาบิณฑ์ ท่านจะไล่เลยว่าพระขี้เกียจ มาขอเขากิน และเป็นมานานแล้ว ไม่ใช่มาเป็นตอนแก่ เพราะไปเป็นผู้พิพากษาที่ลพบุรีและ สุรินทร์ ก็แบบนี้แหละ ตกเย็น จะมาก๊งกัน ยายผมดึกแค่ไหนก็ต้องตื่นมาทำกับแกล้มให้กิน ตากินเหล้ามาก ทำงานก็เครียด เพราะขยัน จนเส้นเลือดสมองแตกเป็นอัมพฤต เขาให้ลาออกมีบำนาญมารักษาตัวอยู่หลายปี ไปหลายที่เช่นชุมพร กรุงเทพ ปากน้ำ หาที่อากาศดีๆรักษาตัว จะสรุปว่าตาผมเป็นคนไม่มีศาสนาประจำใจ แต่มีกษัตริย์ประจำใจแทน มีชื่อพุทธตามทะเบียนเกิด น่าจะตายไปแบบนั้นตอนแก่ๆ แต่ ...... ไม่ครับ
เรื่องมีอยู่ว่า เช้าวันหนึ่งท่านเดินไปรอบเกาะตามปกติ ผ่านเจดีย์ร้างน่าจะแถววัดราชบูรณะ เป็นวัดใหญ่ แต่ยุคนั้นรก มีแต่ต้นไม้และทางเดิน ถนน คุณตาผมไปเห็นพระธุดงค์ครับ สามรูป กางกลด ในเจดีย์ร้าง ยายผมเล่าว่าตั้งแต่เกิดมา ตาผมไม่เคยเห็นพระธุดงค์ครับ เคยแต่ได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยเห็นกับตา เห็นแต่พระบ้าน แนวคาถาอาคม ยุคนั้น พระธุดงค์ธรรมยุต น่าจะหาตามเมืองยาก พระบ้านมหานิกายที่เคร่งๆ จะธุดงค์ ท่านก็ไปเดินในป่า ไม่มาปักกลดในเมือง
แต่พระธุดงค์ มากางกลดตรงนั้น ท่านมีเจตนาครับ สามรูป ผมจำชื่อได้ สองรูปตามที่ยายและแม่เล่า
๑) หัวหน้า คือ ท่านพ่อลี
๒) อีกท่านคือ หลวงปู่เจี้ยะ จุนโท ลูกศิษย์ท่านพ่อลี
๓) อีกรูป จำไม่ได้ ขออภัย มันนานก่อนผมเกิด
ความที่ตาผมไม่เคยเห็นพระธุดงค์มาก่อน พระที่ไหนตัวดำๆ มีมุ้งมากาง เอ......สงสัยว่าเป็นคนร้ายหรือไม่ มาแอบขุดสมบัติ สงสัยเลยเข้าไปสืบสวน สังเกตุการณ์ ปืน มี ไม้เท้ามี 5555555 แต่แก่แล้ว แต่ใจสู้ ประมาณนั้น
ข้อความในการพูดคุยไม่เป็นที่เปิดเผยหมดจากตาผมและท่านพ่อ แต่ประมาณว่า สงสัยเลยเข้าไปถาม ท่านพ่อบอกมานั่งมาคุยกัน คุยกันไปมา ที่ตาผมนึกท่านพ่อดักถูกหมด และเรื่องที่คิด อะไร ท่านพ่อรู้ ท้าวความลึกไปจนถึงไส้พุง ยายผมบอกว่าตาผม เหงื่อแตกทีเดียว ใครหว่า หน้าตายังเด็ก ๆไม่รู้จัก ดันมารู้เรื่องของตาผมไปหมดในอดีต เกิดมาไม่เคยเจอใครแบบนี้ ( คู่นี้น่าจะมีบุพกรรมกันมา และคงถึงเวลา ไม่งั้น จะตายไปคงลงนรกแน่นอน เพราะปรามาสพระท่านไว้เยอะ ท่านพ่อเลยมาโปรด ช่วยให้พ้นนรก หรือพ้นจากมิจฉาธิฐิ แต่ตาผมท่านเป็นคนตรงน่ะครับ ตรงเป๊ะเป็นไม้บรรทัด แค่ไม่นับถือพระแค่นั้นเอง ว่าจะคุยกันแป็ปเดียว ตกลง คุยกันนานทีเลยจนสาย ไม่กลับบ้าน นัยว่าคุยกันแบบถึงพริก ถึงขิงมาก เพราะตาผมเป็นนักกฎหมาย สอบได้จากกรุงเทพ ไม่แน่ใจว่าธรรมศาสตร์ตั้งหรือยัง เป็นผู้พิพากษามาหลายสิบปี ถือตัวว่ามี ปัญญา มีความรู้ หลงตัวเอง ประมาณนั้น ....แต่ ไปเจอ พระผู้มีปัญญากว่า หน้าตาชาวบ้าน มาจากอีสานตัวดำๆ แต่รู้ไปหมด จนตาผมหมด ทิฐิคลาย มาเจอคนจริง พระจริงเข้า ต้องยอม
ตากลับมาบ้านบอกยายผมตัดชุดขาวทันที แล้วเตรียมของใส่ย่าม ยายถามว่าทำไม ตาบอกฉันจะไปธุดงค์ตามพระท่านไป
ยายผม อุทาน ฮ้า แทบช็อค แก่ก็แก่แล้ว จะไปรอดหรือนี่ ตอนนั้นน่าจะอายุประมาณ ๖๐ กว่าๆ อยู่บ้านยังต้องหาข้าวหายาให้กิน ทัดทาน แต่ตาผมจะเอาให้ได้ ยายผมและ น่าจะมีพวก ลุง น้าผม เลยมากับตา แห่ไป หาพระ ไปคุยกับท่านพ่อ ท่านพ่อท่านก็รอยังไม่ธุดงค์ต่อ จะรอ พระชัยปริญญานี่แหละ จะะเอา ตัวไปด้วย ไปเป็นลูกศิษย์ ( จะได้พ้นนรก ) .......... เรื่องนี้โคตรดราม่า แต่ตาผมประเภท คนมุทะลุ ใจถึง ไปเจอท่านพ่อลี หลวงปู่เจี้ยะที่เป็นพระนักเลงด้วย แบบเอาไง เอากัน คงถูกใจสุดๆ
หลังจากคุยกันพักใหญ่ ยายผมให้เหตุผลว่า พระชัยปริญญาแก่แล้ว เป็นอัมพฤต เดินป่าก็ไม่เคยไปเอง ไม่เคยอดข้าวกินมื้อเดียวหรือ สองมื้อก็ตาม ไปไม่น่าจะรอดหรอก ต่อรองท่านพ่อว่าจะไปที่ใด สรุปว่าท่านพ่อบอกกำลังจะไปวัดป่าคลองกุ้งที่ จันทบุรี ประมาณ วันนั้น วั้นนี้ ถึงเป็นเดือนๆน่ะแหละ ( ไกลน่ะยุคนั้น ) เลยตกลงว่าจะพา ตาผม ไปกราบท่านพ่อ ไปอยู่ด้วยกันที่วัดตามเวลา นั้นๆ ...และเป็นไปตามนั้่นเลย จะสรุปว่า ตาผมไปเป็นศิษย์ท่านพ่อ เรียน สมาธิ วิปัสสนา กับท่านพ่อ จนท่านพ่อให้กลับบ้าน แต่ก็ไปหามาสู่ไปกราบท่าน เป็นระยะ พอคิดถึง มีปัญหา จนท่านย้ายมา วัดอโศการาม แต่ตาผม ตายไปซ่ะก่อน ยายเล่าว่า กลับมาตาเปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคน นั่งสมาธิ เดินจงกลมอย่างเดียว แบบทั้งวัน ทั้งคืน ถือศีลแปด เลิกพูดจาเพ้อเจ้อ พูดนอน นอนน้อย ปฏิบัติเยอะ แบบเอาเป็นเอาตาย ......จนมีจิตรู้ รักษาคนได้ที่เป็นญาติ เช่นป้าผมป่วย ท่านเพ่งจนเหลือจุดแดงๆนิดเดียว ตามภาษาท่าน ท่านว่า คงเป็นกรรมรักษาได้แค่นี้แหละ ที่เล่ามาไม่ได้คุย แต่ ท่านเอาจริงมาก หลังจากตาผมตายไป งานศพเสร็จ
คืนหนึ่งยายผมเห็นตาผมเดินมาในอากาศ กับ น้องชาย อีกคนที่ตายไปก่อนหน้าแล้วเหมือนกัน เดินมาเยี่ยมแบบเห็นด้วยตาเนื้อนี่แหละ ตัวใสๆ มีแสง แต่งตัวอย่างดี ใส่หมวก ถือไม้เท้า เดินมาทางทิศตะวันออก ผ่านบ้านไป ยายผมเห็นยกมือไหว้ บอกไปเถอะ ไม่ต้องห่วงอะไร ที่เหลือจะดูแลเอง เขาโตๆกันแล้ว ตาผมและน้องชายก็เดินลับหายไป แล้วไม่เห็นอีก ( ป.ล. ยายผมจิตดี เก่งด้านคาถาอาคม ดับพิษไฟได้ชงัด และไม่กลัวผี )
ที่เล่ามาเพื่อท้าวความว่า ตระกูลผมรู้จักท่านพ่อมาตั้งแต่รุ่นตา พอรุ่นแม่นี่ ท่านพ่อ มาอยู่ที่วัดอโศการามแล้ว มาสร้างวัด ทุกเช้ามืดวันเสาร์ แม่ผมจะเอาพระเหรียญ ท่านพอมากลัดที่เสื้อทั้งยังหลับๆอยู่แล้วอุ้มขึ้นรถไป ไปสว่างที่ใกล้ๆวัด ไปใส่บาตร ทำบุญที่วัดอโศการาม มีลูกน้องตามไปทุกครั้งหลายคนเอารถตู้ ฟอร์ดไป จะไปกราบท่านพ่อกัน ที่ไปขอหวยก็มีน่ะครับ แฮ่...... ได้ซ่ะด้วย แต่ต้องแอบแม่ผมไม่งั้นโดนดุ น่าจะไปเมียงๆดูอาการท่านพ่อ ว่าหวยออกอะไรประมาณนั้น มีเยอะยุควันใกล้หวยออก จะไปกราบท่านพ่อ ผมเคยคุยกับคนได้ด้วย เป็นคนอีสาน ขับรถให้แม่ผม ไม่รู้ไปอ้อนท่าไหน ท่านเขียนใส่กระดาษปาให้ ตรงๆไม่ต้องกลับ เลยเอามาเล่าให้กันฟัง ท่านพ่าอยิ่งดังเข้าไปอีก เพราะคนบ้าหวยก็เยอะ .... ผมไปวัด จะหนักไปทางกินและเล่นส่วนใหญ่เพราะยังเด็ก หลังพระฉันแล้ว ของเหลือมากด้วยบารมีท่านพอ ของดีๆทั้งนั้นทุเรียน แอบเปิ้ล กับข้าว ขนม ......แต่พระป่าน่ะ ท่านฉันหน่อยเดียว ข้าวของจะเหลือ เมื่อพระอนุญาต ก็ทานกัน และเอาเลี้ยงหมา หมาที่วัดท่านเยอะมาก เพราะอาหารดี แต่จะมีหลายฝูงแบ่งกัน กินอิ่มแล้วผมจะไปวิ่งแถวๆ กุฏิ พระ แม่ชีที่ทำยื่น ออกไปในทะเล ไปดู ปูและปลาตีนชุกชุมมากครับ
ท้าวความมา ผมเจอท่านพ่อลีตั้งแต่จำความได้ จะบอกเหตุการณ์บางตอน ที่จริงมีหลายตอน ไม่ได้โม้ เกิดทันท่านจริงๆ
๑) ท่านจะให้นั่งสมาธิทั้งโยม ทั้งเด็ก พอฉันเสร็จ กินข้าวเสร็จ มีเทศ ไม่พูดมาก ท่านให้ เด็กเล็กแบบผมท่านก็จับนั่ง พุทโธ ๆ ๆ เจอประจำ บ่อยมากซึ่งท่านก็น่าจะทราบผมแค่ สามสี่ขวบ ท่านพ่อล่ะสังขารผมแค่ ๗ ขวบเอง ยังชอบเล่นมากกว่า
๒) แจกพระ บางทีไปกราบท่าน ถ้าวันไหน แวะไปสายหน่อย ( แม่ผมไปบ่อยมาก ด้วยนับถือท่านพ่อ ) สายๆหน่อยเลยไปกราบท่านที่กุฏิ ท่านกำลังกดพระอยู่เองครับ ผมจำแม่พิมพ์ได้ด้วย เป็นแม่พิมพ์ อลูมิเนียมสองอันประกบกัน มีหลายอัน พอกดเนื้อ เอาหัวแม่มือดัน ติด จะปลด แม่พิมพ์ขอบออก จากอีกตัวที่แกะเป็นรูปพระ พระจะติดมาแล้วเอาวางที่ถาด เอาน้ำมันทาพิมพ์ ปั้นเนื้อพระกดอีก และไม่ได้โม้ ผมเคยไปช่วยกดด้วย ที่ ใต้ศาลาพระเจดีย์ จุฬามณี ตอนนั้น เพราะท่านทำเยอะ เป็นล้านองค์ กดกันไปเรื่อย พอไปกราบท่าน ท่านถามได้พระหรือยังหรือเอาอีก ท่านจะกอบพระที่แห้งหมาด ให้ทีล่ะกำ ท่านพ่อลีไม่แจกทีล่ะองค์น่ะครับ แจกที่ล่ะกำ ให้ ผมยังเก็บไว้อยู่และที่ใส่เอาไปเรียน ตปท จนป่นแตกไปองค์เป็นพระว่านที่เขาเรียกกันช็อกโกแล็ตนี่แหละ ขอบทาทอง
๓) ท่านพ่อเป็นคนพลังจิดแรงมากๆ บารมีจิตของท่านสะสมไว้เป็นขุมพลังอันมหาศาล ทำน้ำมนต์ ที เขาเอาน้ำใส่ เป็นถังๆมา ท่านเป่า พ้วงๆ ๆ ใช้ได้ ไม่ต้องมานั่งหลับตา เสกให้เสียเวลา เอาไปตักแจก กรอกใส่ขวดกัน รูปถ่ายมา เอามาขอท่านเป่า ท่านเอาปากกาเซ็นต์ชื่อให้ เอาไปติดร้านค้าขาย เฮงๆๆ
ตัดให้สั้นจนมาถึงล็อกเก็ตอันนี้ แม่ก็ได้แจกจากโยมกันเองมา แถวๆนั่งกันนั่นแหละ จะมาจากโย หรือจากพระผมไม่แน่ใจ เพราะมันนานจัด เอาแบบให้มั่นใจ แม่ผมให้ เอาพระใส่ถาดให้ผมคลานไปหาท่านพ่อ ยกให้ท่านเสก ท่านเห็นหัวร่อเลย ปากยังเคี้ยวหมากอยู่น่ะครับ เอามือขวามากำพระล็อกเก็ต อันนี้ แล้วเป่าพ้วงดังลั่นศาลาครับ แล้วว่าคืนให้ในถาด ตอนเป่า น้ำหมากกระเด็นมาถึงผมด้วย และ บางครั้งท่านเป่าหัวให้ ล่ะหัวแดงเลยเพราะน้ำหมาก ติดมาด้วย แต่น่ารักครับ ชอบด้วย รักท่านพ่อมาก ท่านตัวไม่ใหญ่ คล้ำเพราะน่าจะโดนแดด ลมมาเยอะ แต่เป็นท่านคนคล่องแคล่ว อัทธยาศัยดี ยิ้มแย้ม แจ่มใส เป็นคนที่มีโหวงเฮ้งและบารมีสูงมาก ไปที่ไหน คนจะไปรุมท่าน เท่าที่ผมพอจำได้ แบบหลวงพ่อคูณน่ะครับ เหมือนกันเลย มีงานที วัดแทบแตก
เพราะฉนั้นล็อกเก็ตอันนี้ยิ่งว่า ที่มาที่ไปดีซ่ะอีก ได้กับมือเลย เสกให้ด้วย ท่านพ่อลี เสกของไม่นานน่ะครับ น่าจะแนว หลวงพ่อจงเลย เป่าพ้วงเดียวเอาไปรบได้่
เล่าต่อ ก็น่า จะถึงเที่ยงคืนเอาว่า ล็อกเก็ตอันนี้ผมลองเอาไปแหย่ๆ ในเว็บสายตรง เขาบอกไม่ทันครับ หรือ เก๊ไปเลย เขาไม่เล่น ผมฟังไม่ได้โมโหอะไร แต่ดูหน้าตา คนพูดจากรูป น่าจะเกิดไม่ทันท่านพ่อหลายสิบปีทีเดียว
เซียนพระจะแบบนี้แหละ เล่นที่ขายได้ ที่ขายไม่ได้ หรือไม่แน่ใจ ตีพระเก๊ หรือไม่ทัน ง่ายดี
ผมมาเล่าเรื่องแบบนี้ จะบอกว่าลุงนี่โม้ไปเลย ไม่ทันก็ไม่ทัน แต่เป็นคนคลานเอาไปให้ท่านเสกกับมือ ใกล้แบบจับจีวร จับเท้า จับขาท่านได้น่ะแหละ ..เอ ผมจะเชื่อใครดี
ยังมีต่อน่ะครับ ถ้าสนใจ เดี๋ยวค้นพระมาจะเล่าต่อ แต่จะบอกว่าแม่ผมเป็นหมอ ลูกน้องเยอะ คนไข้มาเจาะเลือดเยอะมาก พวกทหารมีเพียบ ทั้ง จปร และ นายสิบ พลทหาร แฟนคลับเพียบ ท่านก็แจกแหลก ผมไปเรียน อเมริกากลับมา พระท่านพ่อไปซ่ะเกือบหมด กล่อง บางองค์ผมต้องไปตามไถ ลูกน้องเก่า คนที่เคยขับรถให้แม่ผม ชื่อน้าน้าว คนอีสาน มีเหลือแจกไหมขอองค์ ขนาดนั้นน่ะครับ ... เลยมีไม่มากจริงแต่พอมีครับ
ปัจฉิมวัย ของพระชัยปริญญา
ตาผมท่านออกไปเดินรอบเกาะตามปกติ แต่มายุคนี้น่าจะเดินภาวนาไปด้วย แบบ เดินจงกลม เดินธุดงค์ กำหนดสติไปตามย่างเก้า กลับมาถึงบ้านบ่นกับยายผม วันนี้เหนื่อยจัง เลยล้มตัวลงนอน ( ไม่ทราบทานข้าว ท่านน้ำก่อนไหม ครุ้เรื่อง ก็ยายผม แม่ผม น้าผม ตามตาไปหมดแล้ว ) จนยายผมเห็นนอนนาน เลยไปปลุก ปรากฎว่าตาผมกลับไปทางช้างเผือกแล้ว ไปง่ายๆแบบนี้แหละครับ ขนาดมีหลายโรคไม่ได้นอน โรงพยาบาลแต่อย่างไร
.....................................................................................................

 

พระผงรูปเหมือนรุ่นแรกแปะจีวร
คอมฯผมเสีย ใช้แล็บท็อบแต่งรูปปรากฎว่าเมมฯไม่พอ 555555
จึงขอใช้มือถือไปก่อนสักระยะ ผมเอาหลักฐานตามวิทยาศาสตร์มา เล่นกันตามหลักฐานน่ะครับ ในพระที่ยกไปถวายหลวงพ่อเสก มีหลักสิบองค์ทำโดยอดีตพระ ส. ตามรูป จำนวนมีเท่าไหร่นับกันเอาเอง
ผมเหลือแค่ สององค์ เขามาขอแบ่งไปทีแรกนึกว่าเหลือ สี่องค์ แต่ถ่ายรูปไว้เก่าสององค์ น่าจะเป็นคนล่ะองค์ อาจจะมีถ่ายรูปไว้อีกในอันที่ขายขอค้นก่อน
แต่องค์ที่ผมมี
๑) เนื้อขาวแบบนี้เพราะเป็นครกเดียวกัน
๒) มีเส้นเกศายาว สีแดงๆ ขาวๆ ..... ผสมในเนื้อ.....โผล่ออกมาบ้าง
๓) มีจีวร ลง ยันต์ที่ผ้าสังฆาฏิ ด้านหน้า ของหลวงพ่อทุกองค์
๔) ด้านหลังแปะจีวร สีแบบนี้น่ะครับ น่าจะเป็นจีวรสีพระราชทาน สีออก เหลืองๆ ส้มๆ
๕) ยันต์ลงด้วยหมึกดำ ขนาดปากกา ขนาดเดียวกัน สีเดียวกัน ทั้งหมด
๖) ตราวัดจะปั้ม ติดชัดเจน คมชัดไม่เบลอ
นอกเหนือจากนี้ พิจารณากันเองเองน่ะครับ พระน่ะแท้ แต่อาจจะไม่ใช่รุ่นนี้ คนจารยังมีชีวิตอยู่ครับ แค่มาแนะพี่น้องให้พิจารณากันเอาเอง ตาใคร ตามันน่ะครับ ผมแค่สงสารคนที่เข้ามาใหม่ๆ ยังไม่มีหลัก
เพิ่มเติมรูปได้คอมฯใหม่ ถ่ายแบบ ละเอียดสูงสุดที่กล้องผมทำได้ ๑๘ ล้านพิกเซลน่ะครับ ขยายจะไม่แตก

 

แนะนำ พี่น้องเปิด บัญชี VK เปน FB ของรัสเซีย เรื่องไม่มากดีครับ

https://vk.com/feed

 

นานาสาระพระเครื่อง ชุด ลป ทิม ที่ชอบมาก

เหรียญหล่อฉลุ 8 รอบ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ๒๕๑๘
เนื้อนวโลหะดำสนิท จัดสร้างในโอกาสฉลองหอฉันและฉลองอายุครบ ๙๖ ปี ของหลวงปู่
เป็นเหรียญหล่อแบบฉีด ด้านหน้าของเหรียญจะเป็นรูปหลวงปู่นั่งสมาธิอยู่ในกรอบเป็นลักษณะนูน โดยรอบหลวงปู่ นอกกรอบทำเป็นลายกนกนูนเด่น เจาะลายตามช่องว่าง ตั้งแต่บริเวณเข่าหลวงพ่อทั้งสองด้าน จนไปบรรจบกันที่สุดยอดเหรียญ พื้นที่ใต้องค์หลวงพ่อจารึกอักษรขอมเส้นอักษรกลมกลืนกับลวดลายของกนกอย่างสวยงาม
เหรียญด้านหลังพื้นจะเรียบ บรรจุเส้นยันต์และพระคาถาของหลวงพ่อ ในกรอบเส้นเหมือนด้านหน้าแต่เป็นร่องลึก ใต้ยันต์จารึกตัวเลขไทย ๒๕๑๘ บนยอดเหรียญจารึกตัวเลขไทย๙๖ ไว้ตรงมุมทั้งสองด้านของยอดกรอบร่องลายเหรียญ
เหรียญฉลุลาย ๘ รอบ "หลวงปู่ทิมจัดสร้างด้วยกัน ๓ เนื้อ ได้แก่"
1. เนื้อทองคำ ๕๖ เหรียญ ตอกโค้ดเม็ดงาตัวนะไว้ที่เหนือศีรษะหลวงปู่ทุกเหรียญ
2. เนื้อเงิน สร้าง ๓๙๗ เหรียญ ตอกโค้ดเม็ดงาตัวนะไว้ที่สังฆาฏิทุกเหรียญ
3. เนื้อนวโลหะสร้าง ๑๘๙๕ เหรียญ ตอกโค้ดเม็ดงาตัวนะไว้ที่ปลายสังฆาฏิทุกเหรียญ
รวมเหรียญทั้งหมดแล้ว ๒๓๔๘ เหรียญ จัดว่าน้อยมาก สำหรับความนิยมยุคนี้

 

รูปถ่ายยุคต้นๆหลวงปู่ทิม
แต่ทำขึ้นมาใหม่น่ะครับ ประมาณ ๒๕๒x หรือ ต้นๆ ๒๕๓X ได้แจกมาจากเฮียเขา ยุคสนามพระพันธ์ทิพย์ประตูน้ำนี่แหละครับ ผมจำไม่ได้ว่าข้างหลังรูปปั้มอะไรน่าจะเป็นยันต์ ๕ พวกรูปทำใหม่ น่าจะเสกโดยหลวงพ่อสาคร โดยทำมาแจกสมณาคุณลุกค้า ตามแผงพระ ผมมีรูปแบบโปสการ์ดเหมือนกัน
แต่เศษสบงที่ตัดข้างหลัง ปั้มด้วยหมึกน้ำเงิน ว่า สบงอธิษฐานหลวงปู่ทิม และยันต์ใบพัดน่ะ ทันน่ะครับ เนื้อผ้าสบงเป็นผ้าฝ้ายหนายุคเก่าๆ เป็นสบงที่หลวงปุ่ทิมเคยใช้ตามที่เฮียเขาว่า เอาสบงใหม่ไปแลกมา ตัดแล้วของหลวงปู่ทิมเสกแบ่งกัน ผมได้แจกมาจากเฮียเขาอีกเหมือนกันเลย เลี่ยมไว้ด้วยกัน

 

เหรียญหลวงพ่อพระยานาค หลวงปู่ทิมปลุกเสก
ค้นพระอย่างไปเจออีกอย่าง องค์นี้ถอดเข้าเซฟเก็บอย่างดีมาหลายปี กลัวหาย ชำรุดไป เลี่ยมแบบโบราณอัดเทียนจนเทียนทะลักดูข้างหลังได้ เป็นเหรียญที่ติดตัวมากว่า สามสิบกว่าปี ใกล้ๆ สี่สิบปี
ประวัติตามที่เขียนไปก่อนน่ะครับ แต่เหรียญนี่พอใช้ติดตัว ไปไหนก็เอาเสกซ้ำหลายหลวงปู่ หลวงพ่อ ที่พอจำได้ มีหลวงพ่อคูณ หลวงพ่อแช่ม หลวงปู่พระครูบุญศรี และอีกหลายหลวงพ่อส่วนใหญ่จะเป็นพระภาคกลางและ สายเหนือ แต่มีไปที่หัวหินเหมือนกัน ลืมชื่อหลวงพ่อ
นอกนั้นพอมากราบ หลวงปุ่บุญศรีเป็นพระอาจารย์เสกอีกเป็นร้อยๆรอบ แล้วได้มีวาสนารู้จักกับเฮียโก ผมเอ่ยชื่อเฮียมาหลายครั้ง ( อย่าไปกวนแกอีกแล้ว แกแก่มากแล้ว ) ขอฌฮียโกช่วยตรวจสอบ เพ่ง พิจารณา จำได้เฮียบอกว่า พระนี้มาจาก พิธีที่ หลวงพ่อมาเสก มาเสกกันเยอะเต็มไปหมด ทั้งเก่าๆและใหม่ๆครูบาอาจารยื เทพ เทวดา พระใหญ่ หลวงปู่ทิม สมเด็จพุฒาจารย์โตด้วย เลยบอกเฮียโกช่วยเมตตากราบเรียนสมเด็จโต ว่า ขอให้ท่านรับรู้ ด้วยจะใช้ติดตัวไปทำมาหากิน ตาป่า ตามเขา กลางทะเล อ่าวไทย เฮียโกเขาติดต่อ กราบเรียนให้ สมเด็จโตท่านโมทนา เลยไม่ต้องไปหาพระสมเด็จแล้ว เพราะคงไม่มีวาสนา ถึงมีก็ไม่กล้าใส่ไปตามป่าเขา กลางทะเล กลัวพระหาย พระชำรุด
ผมกำลังเล่าความเชื่อของผมตอนหนุ่ม ช่วง อายุ สัก สามสิบ ถึง สี่สิบปี เป็นความเชื่อล้วนๆตามสิ่งแวดล้อมที่ผมสรรหามาเอง ตามความเชื่อ และเจอ ท่านใดที่ไม่เชื่อ ก็อ่านข้ามไปน่ะครับ ไม่ต้องเชื่อตามผมก็ได้ แต่อย่างไรน่าจะมีแง่คิดเอาไปดำเนินชีวิตได้บ้างตามสมควร โดยเฉพาะท่านที่กำลังก่อร่าง สร้างตัว ว่าถึงจิตท่านจะเข้มแข็ง สู้งาน แต่ท่านต้องมีของดี เป็นแรงหนุนจากครูบาอาจารย์ ฝ่ายสัมมาทิฐิ เพราะงานบางทีท่านสู้ได้ แต่ไม่มีโอกาส ท่านต้องการโอกาส ไต่เต้าขึ้นไป และ พวกพระเครื่อง เครื่องรางของขลังดีๆ ช่วยหนุนตรงนี้ได้ เอาแรงไม่สู้งาน ดีกว่าเอาแรงไปสู้การเมืองในอาชีพการงานครับ
นอกจากนั้นเฮียยังบอกปู่พญานาค เจ็ดเศียรนี่ เขาตามคุ้มครองด้วย เขาอิทธิฤทธิ์เยอะมาก เฮียเขาบอกชื่อท่านพญานาคด้วยแต่ผมลืม ..แหะๆ เพราะชื่อท่านจำยาก มีปู่พญานาคไป ใช้กันพวกเขี้ยวงา ภูติผีปีศาจ สิ่งที่มองไม่เห็นได้เป้นอย่างดี เป็นท่านพญานาคที่คอยคุ้มครองพระพุทธศาสนาให้ไปถึงตามเวลา ๕๐๐๐ ปีอีกท่านหนึ่งด้วย ปกติท่านจะถือศีล อยู๋ตามโบสถ์ ตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ คอยคุ้มครองพระพุทธ และสถานที่ศักดิ์สิทธิื แต่บอกกล่าว ท่านก็จะมาช่วย
เอามาลง จะบอกให้ทราบว่า ของที่ใช้ บูชาติดตัวจริงๆ ดีๆไม่ต้องแพง องค์นี้ซื้อมาประมาณ สามสิบบาทจากแผงพระ หรือ ทำเป็นไถล ซื้อพระองค์อื่นแล้วขอองค์นี้แถมมาประมาณนั้น เฯเหมารวมเป็นน้ำจิ้ม คนขายก็ไม่รู้จักว่าเหรียญอะไร ใหม่ๆ ( ใน พ.ศ. นั้น แถมให้ไปเลย )
ตกลง ผมมีของหลวงปู่ทิมเสกให้อย่างดี แบบน้ำมนต์เดือด ถ่ายรูปไม่ติด นั่งเสกกันยันเช้า ใช้มาตั้งนานแล้ว แต่เป็นของที่เขาไม่เล่นหา กันใน พ.ศ. นั้นยกเว้นคนพื้นที่ ที่ทันเหตุการณ์ ยังนึกและกราบขอบคุณ เอีย จื.. ที่แนนำให้รู้จักหลวงพ่อพระยานาคพิมพ์นี้ คุ้มจริงๆ
ของดีไม่ต้องแพง ยิ่งฟรียิ่งดี ........จิตมั่น ใช้ได้

 

เหรียญกรมหลวงชุมพร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
เนื้อทองแดง บล็อกหลังเรียบผิวเดิมๆ ปลุกเสกโดยหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง เป็นรุ่นทหารเรือนาวิกโยธินสร้าง ในปี ๒๕๑๘ "เหรียญเสด็จเตี่ย ที่หลวงปู่ทิมเสกใช้แล้วจะรู้ คนทั้งรักทั้งเกรง" เหรียญนี้ดีมาก ประสบการณ์สูงมาก
เหรียญนี้เป็นประจำตัว ติดตัวมาหลายสิบปีตั้งแต่หนุ่มปลุกเสกซ้ำมาอีก หลายหลวงปุ่ หลวงพ่อ จนเข้าแก่ๆ ตอนเป็นพ่อค้าเต็มตัวเลยถอดออกบูชาบนหิ้ง เพราะ เสด็จเตี่ยท่านออกจะแนวบู๊ๆ ผมเป็นพ่อค้าเดี๋ยวจะไปขัดหู ขัดตาลูกค้า 55555 แต่ มีความนับถือท่านอย่างที่สุดตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เหรียญนี้ จารโดยหลวงพ่อคูณและเสกให้ หลายสิบครั้ง ไปบ่อยยุค ๒๕๒x และจารซ้ำด้วยด้วยหมึกเขียวโดยหลวงปู่พระครูบุญศรีในยุค ๒๕๔X ทั้งหน้าหลังเสกให้อีก เป็นร้อยครั้ง และ
นอกจากนั้น ยุคหนึ่งผมมีเพื่อนเป็นพนักงานวิทยุชื่อนายแยม เขาสนิทกับท่านพระครู พระเลขาฯของสมเด็จพระญาณสังวรมาก ตอนนั้นพระองค์ยังไม่ได้เป็นพระสังฆราช พระองค์จะไปงานปลุกเสกบ่อย เพราะมีคนนิมนต์และท่านก็ชอบสงเคราะห์ แนวนี้จะไปสงเคราะห์เขาน่าจะเป็นร้อยๆงานทั่วประเทศ ท่านพระครูบอกฝากพระไปเสกได้น่ะ แต่เยอะไม่ได้ กล่องเล็ก เพราะท่านเป็นคนถือย่าม ของสมเด็จ พอนั่งเสกวัตถุมงคล ท่านพระครูจะขออนุญาตพระองค์ท่านเอาใส่ในย่าม วางหน้าพระองค์ท่าน ท่านก็เมตตา แต่ไม่ให้เป็นลังๆน่าเกลียด ต้องรู้สภาวะ แค่นิดหน่อยพอสงเคราะห์เพิ่มให้ได้
ผมนี่หูผึ่ง เอากล่องเล็กๆใส่เหรียญนี่แหละ พระปรกใบมะขาม หลวงปู่โต๊ะ เอาเข้าใส่ฝากย่ามของพระองค์ท่านในงานที่วัดพระแก้ว ประมาณ ปี ๒๕๒x หรือ ต้นๆ ๒๕๓x ปลุกเสกเสร็จ ท่านพระครูก็หิ้วย่ามสมเด็จ พยุงท่านกลับ และขออนุญาตเอาออก มาแบ่งกัน บางรุ่น สมเด็จท่านเมตตา เจิมแป้งให้ด้วย แต่ไม่จาร ไม่กล้าขอครับ จัดว่าเป็นพระร้อยเสกสำหรับผม
เชิญเสด็จเตี่ยมาฟ้องว่ามีคนหมิ่นเกียรติทหารมากยุคนี้
อ้างอิง
เหรียญทรงข้าวหลามตัดกรมหลวงชุมพรฯ หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ปลุกเสก
สร้างถวายโดย ฉก.นย 181 (นาวิกโยธิน) เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ทหารที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อปี พ.ศ 2517
เหรียญกรมหลวงชุมพร ปี 2518 หลวงปู่ทิมวัดละหารไร่ ปลุกเสก
“โค๊ะเฑาว์มหาอุดเต็มใบ” หายากมากๆ พิมพ์หลังผด เขียนโดย ชินพร สุขสถิตย์ ในฐานะที่ผมเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ ทิม วัดละหารไร่ สร้างพระเครื่องให้ท่าน เกือบทั้งหมด และก็ดังทุกรุ่น ทั้งยังได้นำ เรื่องราวอิทธิฤทธิ์ของพระเครื่องต่างๆ ที่ท่านสร้าง และมีประสบการณ์มา ประกาศให้ผู้คนได้รับรู้ ไม่อายเลยที่จะ บอกว่าเหรียญเจ้าพ่อกรมหลวงชุมพรฯ ที่หลวงปู่ทิมปลุกเสกให้กับ หน่วย ฉก.นย. ๑๘๑ เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ มีพุทธคุณไม่น้อยไปกว่าเหรียญรุ่น ออกพระเมรุปี ๒๔๖๖ แต่สนนราคาต่าง กันราวกับฟ้ากับดิน
แต่เรื่องพุทธคุณนั้นผม ยืนยันได้เลยว่า พอที่จะใชัทดแทนกันได้ ถ้าจะใช้ในเรื่องของพุทธานุภาพ หรือ เทวานุภาพ ในทางคุ้มครองป้องกันตัว โดยที่ไม่เอาไปใช้ในทางโอ้อวดกันในเรื่อง ของราคาค่าบูชา เพราะเหรียญเสด็จเตี่ยที่หลวงปู่ ทิม วัดละหารไร่ ปลุกเสกก็มีประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์กันมาแล้วมากมาย
ตัวผมเองได้รับเหรียญเสด็จเตี่ยที่หลวงปู่ ทิมเสกมาจำนวนหนึ่ง จึงได้เรียนถาม หลวงปู่ทิมท่านว่าใช้ดีทางไหนครับ หลวงปู่ หลวงปู่ทิมท่านตอบว่า ใช้แล้วคน ทั้งรักทั้งเกรง ท่านบอกเพียงเท่านั้นแหละ ก็เพราะว่าหลวงปู่ทิมท่านจะไม่ค่อยพูด ถามคำท่านก็ตอบคำ และก็ไม่เคยคุยโว โอ้อวดว่าของๆ ท่านดีทางไหนอย่างไร เพียงแต่ท่านพูดว่า “ใช้แล้วคนทั้งรัก ทั้งเกรง” นั่นก็ถือได้ว่าท่านบอกเรามากแล้ว
หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร พระเกจิอาจารย์องค์หนึ่งที่ผมเคารพนับถือ เมื่อท่านสัมผัสเหรียญเจริญพร ที่ผมสร้าง ให้หลวงปู่ทิมท่านถึงกับพูดว่า พระสงฆ์ ที่ทรงอภิญญาถึงขนาดนี้ยังมีอยู่ในโลก อีกหรือ! เหรียญเจริญพรที่ท่านปลุกเสก ไว้นี้เทียบได้กับหลวงพ่อศุข วัดมะขามเฒ่า ปลุกเสกทีเดียว เพราะคำพูด ประโยคที่ว่านี้ของหลวงพ่อสำเนียง บรรดาลูกศิษย์ของท่านที่ได้ยินได้ฟังจึงพา กันจองพระกริ่งชินบัญชรกันมากราย แม้แต่พระกริ่งชินบัญชรเนื้อทองคำก็ หลายองค์ และไม่น่าสงสัยเลยว่า เหตุใด ชมรมศิษย์ สมเด็จพุฒาจารย์โต หลวงปู่ทวด และหลวงปู่ศุข จึงติดต่อไปหาผม ขอนำคณะศิษย์ไปสวดพระคาถาชินบัญชร
ในคืนสุดท้ายที่หลวงปู่ทิมปลุกเสกพระกริ่ง ชินบัญชร พร้อมกับนำเหรียญวัดผาทั่ง อันมีเหรียญสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) หลวงปู่ทวด และเหรียญหลวงปู่ศุข ที่ทำพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ที่วัดระฆังมาแล้ว ไปให้หลวงปู่ทิมปลุกเสกพร้อมพระกริ่ง ชินบัญชร โดยบอกผมว่าเบื้องบนสั่ง และ ในที่สุดเหรียญพระรูปของพระอริยสงฆ์ ทั้ง ๓ องค์ ก็เล่นหากันในนามหลวง ปู่ทิมเสก ทีนี้ก็มามองหา “ผู้เสก” ซึ่งจำเป็น อย่างยิ่งที่ต้องมีความเก่งจริง เพราะเป็น ของราชการ ทำไม่ดีเดี๋ยวจะเสียหายไปกันใหญ่
ในยุคนั้นไม่มีใครดังเกิน “ผู้ทรง อภิญญา” แห่งบ้านค่าย “หลวงปู่ทิม อิสริโก” คณะ กรรมการจึงร่างหนังสือขึ้นฉบับหนึ่งให้ เจ้าหน้าที่นำไปกราบขอความเมตตาจาก องค์ท่านให้ปลุกเสกให้ ซึ่งหลวงปู่ทิมก็ ตอบรับมาว่า “เต็มใจทำให้ด้วยความ ยินดี” เป็นเหตุให้คณะกรรมการมีกำลัง ใจขึ้นอีกอักโข เมื่อองค์เสกปรากฏชัดคณะกรรมการจึงได้จัดตั้งเครื่องสังเวยชุดใหญ่บวงสรวงดวงพระวิญญาณของเสด็จเตี่ย ณ ศาลกรมหลวงชุมพรฯ บนยอดเขา แหลมปู่เฒ่า เพื่อขออนุญาตทำเหรียญ ขึ้นเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ จากนั้นก็เริ่มรวบรวมชนวนมวล สารต่างๆ ไม่ยอมให้เหรียญรุ่นสำคัญนี้ เป็นเพียง “ทองแดงเปล่า” แต่อย่างใด ลำดับแรกก็นำแผ่นทองคำ แผ่นเงิน ไป ให้พระที่ว่าเก่งลงอักขระปลุกเสกดังมี รายนามต่อไปนี้
๑. พระครูภาวนาภิรัต (ทิม อิสริโก) วัดละหารไร่ ต.ตาสิทธิ์ (ต.หนองละลอกปัจจุบัน) อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
๒. พระครูภาวนานุโยค (หอม จันทโชโต) วัดชากหมากป่าเรไร ต.สำนัก ท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง
๓. พระครูพิพิธวรญาณ (ชื่น สุจิตโต) วัดมาบข่า อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
๔. พระครูอุดมวิชชากร (เหมือน อินทโชโต) วัดกำแพง ต.มะขามหย่ง อ.เมือง จ.ชลบุรี
๕. พระครูวรพรตศีลขันธ์ (แฟ้ม อภิรโต) วัดอรัญญิกาวาส (วัดป่า) ต.บาง ปลาสร้อย อ.เมือง จ.ชลบุรี
๖. หลวงพ่อทัต วัดช่องแสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
๗. หลวงพ่อแดง วัดเชิงเขา อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส
๘. หลวงพ่อบัว วัดสารวัน กิ่ง อ.ไม้แก่น (อ.ไม้แก่น-ปัจจุบัน) จ.ปัตตานี
๙. หลวงพ่อชื่น วัดหัวเขา อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
ดูรายชื่อก็ขนลุกแล้ว ไม่ใช่เท่านั้น นะยังไปเสาะแสวงหาของดีจากที่อื่นๆ มาหล่อหลอมร่วมด้วย ที่ทราบแน่ชัดก็คือ ๑. ตะกรุดโทน หลวงพ่อปาน วัด มงคลโคธาวาส (วัดบางเหี้ย) ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ
๒. ตะกรุดโทน หลวงพ่อเหลือ วัด สาวชะโงก อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
๓. ตะกรุดโทน พระครูพินิจสมา-จารย์ (หลวงพ่อโด่ ไชยเสมอ) วัดนา มะตูม อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
๔. ตะกรุดเก่า ไม่ทราบสำนัก จาก ผู้มีจิตศรัทธามอบให้จำนวนหลายร้อยดอก
๕. ห่วงเหรียญต่างๆ หลายร้อย ห่วง เมื่อมวลสารครบครัน ก็ทำการ หล่อหลอมโลหะธาตุทั้งหมดให้เป็นเนื้อ เดียวกันแล้วนำไปรีดเป็นแผ่นเข้าเครื่อง ปั๊มซึ่งผู้แกะบล๊อกเหรียญคือ ช่างยิ้ม ยอดเมือง เพราะปั๊มเหรียญเพียงเนื้อ เดียวจึงเสร็จเร็ว ได้ของเมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๘
นับเหรียญ ทั้งหมดมีจำนวน ๒๓,๕๙๙
เหรียญ แยก ออกมาเป็นจำนวน ๑,๐๐๐ เหรียญแล้ว นำไปกะไหล่ทอง เพื่อมอบให้กับข้า- ราชการและทหารหาญในหน่วย “ฉก.นย. ๑๘๑” และบรรดาผู้มีอุปการคุณทั้งหลาย เป็นกรณีพิเศษ
ครั้นกระบวนการสร้างแล้วเสร็จก็ขนลังบรรจุพระไปมอบถวายให้หลวงปู่ทิม ที่วัดละหารไร่ หลวงปู่ท่านก็เริ่ม ปลุกเสกแบบ “บินเดี่ยว” ตามแบบฉบับ ของท่าน ในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ ซึ่งวันนั้นเป็น วันคล้ายวันสิ้นพระ ชนม์ของเสด็จในกรมฯ พอดี ท่านเมตตา ทำให้เต็มที่ถึง ๕ วัน ไปขอคืนเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๘
ได้เหรียญมาแล้วนำมาตอกโค็ด รูปตัว “เฑาว์มหาอุด” โดยเหรียญชุบทอง ทั้ง ๑,๐๐๐ เหรียญ ได้ตอกโค้ดเอาไว้ที่ ด้านซ้ายขององค์ท่าน หรือ ด้านขวามือ ของเราเวลาดูเหรียญ
ส่วนเหรียญทอง ผสมธรรมดาก็ตอกที่ด้านล่างขององค์ท่าน เมื่อตอกโค้ดเรียบร้อยก็ขน เหรียญทั้งหมดขึ้นไปทำพิธีบวงสรวงต่อ ดวงพระวิญญาณของเสด็จเตี่ยอีกครั้งที่ ศาลกรมหลวงชุมพรฯ บนยอดเขาแหลม ปู่เฒ่าโดยมีการตั้งเครื่องสังเวยและราช วัตรฉัตรธงอย่างสมบูรณ์แบบ มีพราหมณ์ เป็นผู้ดำเนินการบูชาจนเสร็จพิธี
พอกล่าวบูชาเสร็จก็นำน้ำพระพุทธมนต์มาประพรมเหรียญจนทั่วถึงอีก ครั้ง น่าประหลาดตรงที่นับแต่จุดธูปจน เสร็จพิธีการ ธูปดับสนิทในวินาทีสุดท้าย ได้ ๒๙ นาที พอดิบพอดี
.................................................................................
ก่อนการสร้างเหรียญได้มีพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณของเสด็จเตี่ย ณ ศาลกรมหลวงชุมพรฯ
มีการนำแผ่นทองชนวนไปขอเมตตาจากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งยุคหลายท่านได้ลงอักขระคาถาให้ อาทิเช่น
1.หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง
2.หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก จ.ระยอง
3.หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า จ.ระยอง
4.หลวงพ่อเหมือน วัดกำแพง จ.ชลบุรี
5หลวงพ่อแดง วัดเชิงเขาจ.นราธิวาส
6.หลวงพ่อบัว วัดสารวัน จ.ปัตตานี
7.หลวงพ่อชื่น วัดหัวเขา จ.ปัตตานี
ฯลฯ
นอกจากนี้คณะกรรมการผู้จัดสร้างยังได้จัดหาตะกรุดของสุดยอดพระเกจิอาจารย์มา หลอมผสมเป็นชนวนเพิ่มเติมอีกจากหลายสำนักเช่น
1.ตะกรุด หลวงพ่อปาน วัดวัดบางเหี้ย จ.สมุทรปราการ
2.ตะกรุด หลวงพ่อเหลือ วัดเขาชะโงก จ.ฉะเชิงเทรา
ฯลฯ
เหรียญทุกเหรียญของรุ่นนี้เกิดจากการนำเอาชนวนโลหะทั้งหมดที่กล่าวไว้มาหลอม แล้วรีดเป็นแผ่น
ก่อนนำเข้าเครื่องปั๊มขึ้นรูป ในวันที่ 17 พ.ค 2518 จำนวนเหรียญที่สร้างคือ 20,000 กว่าเหรียญ
ในจำนวนทั้งหมดนี้แยกเอาไปทำกะไหล่ทอง 1000 เหรียญ
หลวงปู่ทิมปลุกเสกเดี่ยวเต็มกำลังหลายวัน ในระหว่างเดือน พฤษภาคม 2518 หลังจากนั้นคณะกรรมการฯได้นำเหรียญทั้งหมดไปทำพิธีบวงสรวงต่อ ดวงพระวิญญาณของเสด็จเตี่ยอีกครั้งที่ ศาลกรมหลวงชุมพรฯ บนยอดเขาแหลม ปู่เฒ่า
โดยมีการจัดตั้งพิธีอย่างเต็มรูปแบบมีพราหมณ์ เป็นผู้ดำเนินพิธี
เหรียญถูกแจกจ่ายไปยังทหารหาญ และข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดนภาคใต้ส่วนหนึ่ง นำถวายหลวงปู่ทิม เพื่อบำรุงวัดส่วนหนึ่ง กรมนาวิกโยธินกองทัพเรือสัตหีบนำไปออกให้เช่าบูชาส่วนหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อหาทุนสวัสดิการกองทัพเรือ
และเหลืออีกส่วนหนึ่งออกจำหน่ายแก่บุคคลทั่วไป
เขียนโดย ชินพร สุขสถิตย์
ที่มาโดย http://www.taradpra.com/itemDetail.aspx?itemNo=1034895...
ที่มาโดย http://www.fortuner-club.com/index.php?topic=2244.0
............................................................................

 

พระชุดสมเด็จโต วัดพลา ปี ๒๕๑๒
ชุดนี้เป็นชุดแนะนำเลยครับ ตามข่าวกรองหน้างาน คนพื้นที่พลา เกิดที่นั่น โตที่นั่น เสี่ย ส. เป็นชุดแรกๆ ที่เปิดตัวหลวงปู่ทิมเลยใน พ.ศ. แม้คนภาคตะวันออกหลายพื้นที่ ยังไม่รู้จักหลวงปู่ทิมกันเลย น่าจะด้วยท่านเป็นพระชอบอยู่เงียบตาม สไตล์ พระที่ชอบสันโดษ
แต่หลังจากนี้ไป ท่านจะดังไปถึง ต่างประเทศ ขนาดพระเครื่อง ของท่านนิยมไปแดนไกล ราคาหลักแสน ถึง หลักล้าน เมื่อเป็นชุดเปิดตัว ท่านอัดเต็มที่ ให้คนฮือฮา พวกน้ำมนต์ในตุ่มเดือด พุ่งขึ้นมาแค่ท่านนั่งจับสายสิญญ์ ถ่ายรูปไม่ติด พระยิงไม่ออก ครบเครื่องด้านเครื่องรางของขลังครับ ผมเคยนำไปให้ผู้มีกำลังสมาธิตรวจสอบดู จะเห็นแสงจาก พญานาค เจ็ดสายพุ่งออกมา พระนี้มาแนวอิทธิฤทธิ์ ขนานแท้ มีในคอไม่ผิดหวังครับ
อ้อ ผมมาแอบบอกประสบการณ์ เพราะแก่แล้ว ติดตัวกันมานาน พระก็เหลือชุดเดียว เพราะแบ่งแจกจ่าย พวกกันไปตั้งนานหลายสิบปีแล้ว รับรองไม่ได้มาเชียร์พระไว้ขายแต่อย่างไร มีแค่นี้แหละ
ก่อนจะเข้าเรื่องชุดนี้เป็นชุดแนะนำน่ะครับ ถ้าเล่นหาพระหลวงปู่ทิม แบบ ประหยัด
ชุดพระผง สมเด็จโต และพระบูชา
พระผงรุ่นนี้สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสงานผูกพัทธสีมา วัดพลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ในปี พ.ศ.2512 โดยใช้ผงจากกรุวัดบางขุนพรหมเป็นมวลสารหลัก ทางวัดพลาได้นิมนต์พระเกจิดังๆของระยองและจังหวัดใกล้เคียงร่วมพิธีปลุกเสกหลายรูปดังนี้

1. ลป.ทิม วัดละหารไร่ ระยอง
2. ลพ.อุตมะ วัดวังวิเวการาม กาญจนบุรี
3. ลพ.หอม วัดซากหมาก ระยอง
4. ลพ.ชื่น วัดมาบข่า ระยอง
5. ลพ.สมพงษ์ วัดซากลูกหญ้า ระยอง
6. ลพ.คง วัดวังสรรพรส จันทบุรี
7. ลพ.ทองอยู่ วัดบางเสร่ ชลบุรี

พร้อมกันนี้เมื่อเสร็จสิ้นในพิธีแล้ว กรรมการวัดยังได้นำไปให้ ลป.ทิม เมตตาปลุกเสกเดี่ยวให้อีกครั้งหนึ่ง มีภาพยืนยันการปลุกเสกของท่านลงไว้ในหนังสือเล่มมาตรฐานของหลวงปู่ทิม วัตถุประสงค์ในการสร้างบริสุทธิ์ เพื่อหาทุนสร้างอุโบสถวัดพลา ซึ่งสมัยนั้นอยู่ห่างไกล และปัจจัยไม่เพียงพอในการสร้างศาสนสถานของวัด ความเก่าของเนื้อผง มีอายุการสร้างมาแล้ว 45 ปี ปัจจุบันมีผู้ทำปลอมออกมาแล้ว1 รุ่น พระเครื่องที่ทำในสมัยนั้นไม่มีกล่องบรรจุ หากพบเจอพระชุดนี้แบบใส่กล่องอะครีลิคใสสะอาด มีหนังสือสีทองชัดเจนสดใสระบุวันเวลาสร้างนั้น ให้ทราบไว้สะกิดใจเลยว่า ยุคก่อนเมื่อปี12นั้น ยังไม่มีกล่องอะครีลิคสำหรับใช้บรรจุสิ่งของใดๆทั้งสิ้น หรือดูแค่ฟร้อนท์ของตัวหนังสือที่พิมพ์บนกล่องก็คงพอเดาได้ แล้วพระผงที่อยู่ข้างในจะมาอย่างไรกัน ก็พิจารณาดูด้วยตนเองได้
งานผูกพัทธสีมาของวัดพลา เริ่มขึ้นครั้งแรกในปี 2510 แต่ยังคั่งค้างไม่แล้วเสร็จ จนเวลาล่วงเลยมาถึงปี2512 ที่จัดพิธีปลุกเสกใหญ่เพื่อระดมเงินมาสร้างให้เสร็จลุล่วง ในพิธีนี้มีการสร้างวัตถุมงคลไว้ 3 แบบคือ
1.พระบูชารูปเหมือนสมเด็จโต เนื้อผงล้วนๆ มีสองขนาดคือ 9 นิ้ว และ 5นิ้ว
2.เหรียญ สมเด็จโต - ลพ.นาค ข่าวว่า ๕๐๐๐ เหรียญ
3.พระผงรูปเหมือนสมเด็จโต จำนวนประมาณ 3000 องค์
ข้อมูลบางแหล่งไม่ตรงกัน บ้างว่ามีแหนบ และ รูปหล่อโลหะ สมเด็จโต ก็ฟังกันไว้น่ะครับ
เนื้อพระที่สร้างไว้มี 4แบบ คือแบบผงขาวละเอียด เป็นผงอิทธิเจที่พบน้อยที่สุด เนื้อขาวอมชมพู เนื้อขาวอมเหลือง และเนื้อขาวอมเทา(ขาวขุ่น) เป็นของดีจริงที่คนรู้จักแอบเก็บเงียบ ไม่ต้องเสี่ยงเจอพระเสริม หรือพระยัดวัด ได้ทั้ง ลป.ทิมและ ลพ.อุตมะเสกให้ เป็นของดีมาก
"มวลสารมงคลที่เป็นส่วนผสมในองค์พระรุ่นนี้" ชนิดพิเศษต่างๆ มากมายนานาชนิด อาทิ เช่น ผสมด้วย
พระผงพิมพ์สมเด็จโต เป็นผงพระที่ได้มาจาก "พระสมเด็จ" รุ่นเก่าโบราณแท้ๆ ที่ได้จัดสร้างขึ้นมา เมื่อครั้งสมัยของ "สมเด็จพุฒาจารย์" (โต พรหมรังสี) ที่ได้ชำรุดแตกหัก เช่น
ผงของพระสมเด็จวัดระฆังทุกรุ่น
ผงของพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมทุกรุ่น
ผงของพระสมเด็จวัดเกษไชโยทุกรุ่น
ผงวิเศษ
เช่น
-ผงอิทธิเจ ผงปัถมัง ผงมหาราช และ ผงพุทธคุณวิเศษอื่นๆ อีกมากมาย ฯลฯ เป็นต้น
-ผงที่เกิดจากการลบยันต์ต่างๆ ซึ่งได้รวบรวมมาจากพระเกจิคณาจารย์ดังๆ จากทั่วฟ้าเมืองไทย
-เกสรดอกไม้แห้งที่นำมาจากวัดทั่วประเทศไทย
-ผงปูนที่ได้มาจากการกระเทาะจากพระอุโบสถวัดระฆัง วัดบางขุนพรหม และ วัดเกษไชโย
-ผงธูปที่ได้มาจากการบูชาพระพุทธรูปในวัดระฆัง วัดบางขุนพรหม และ วัดเกษไชโย
-ผงจากพระกรุเก่าวัดดังๆที่ได้ชำรุดแตกหัก เช่น สมเด็จพระปิลัทน์,พระกรุวัดสามปลื้ม ฯลฯ เป็นต้น
...................................................................
เด๊่ยวผมลองหาประวัติที่เขาเขียนก่อน แล้วผมจะเล่าที่ผมไปเจอเองบ้าง ยุคผมทำงานที่ สัตหีบ ไปนอนหลายที่ ที่พัทยา และ ระยองบ้าง มีลูกน้องที่ทำงานในทะเลหลายคนอยู่แถวสัตหีบ และระยอง คนหนึ่งคือ เสี่ย ส ยุคนั้นเขายังไม่เป้นเสี่ย ทำงานในทะเลแท้ ดันว่ายน้ำไม่เป็น เขาอยุ่ที่พลาบ้าน บ้านไม่ห่างจากวัดพลา พอได้เงินทองทำงานมา ซื้อที่สะสมไว้ ซึ่งมาถูกทาง พอระยองบูม เขาขายที่ แล้วไปเป็นเสี่ยอยู่ที่เชียงใหม่
ปูพื้นมา ก็เพื่อบอกว่า เสี่ย ส เป็นคนพื้นยุคนั้นพึงประมาณ สัก เกือยยี่สิบปี หลังพระชุดนี้ออก พระยังไม่ดังเป็นที่รู้จักในสา่วนกลาง คนในพื้นที่เจออภินิหารหลายอย่าง การปลุกเสกมี พิธีพุทธาภิเศษตามรายชื่อ แต่ผมได้ให้ เสี่ย ส ไปสืบมา และคุยกับ ชาวบ้าน มรรคทายกเก่า ลุงแกบอกมีมาหลายองค์ และ จำได้ว่ามีหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทองด้วย ส่วน หลวงปู่โต๊ะ ตอนนั้น ท่านยังไม่ดังในแถบนั้น อาจจะมีการนิมนต์มาก็ได้ เอาไว้ไม่ได้มี ๗ องค์ตามที่เขาลงประวัติ พระเก่งๆแถวนั้น มากันหลายองค์ และ หลวงปู่ทิมเองก็ยังไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป
พอหลวงปู่ทิมมาถึงพิธี ตามข่าวท่านอยู่ไกล มาเขาเริ่มเสกกันแล้ว พอท่านนั่งจับสายสิญย์ ปลุกเสก ปั้ป น้ำมนต์ในโอ่งจะเดือดพุ่งขึ้นมากลางโบสถ์ เป็นที่ ฮือฮา และจึงมีการถ่ายรูปท่านไว้ กับพระในพิธี แต่รูป หลวงปู่ทิม ถ่ายไม่ติดครับ รูปนั้นใน พ.ศ. นั้น ลุงแกบอกว่ามี แต่ตามกันหลายบ้าน หาไม่เจอ ไม่งั้นผมมีหลักฐานเอามายัน เรียกว่าก่อนพิธีนี้คนรู้จักท่าน ท่านจึงแสดงเต็มที่ เล่นเอาเงียบไปทั้งวง หลังจากพิธีนี้ งานนิมนต์ท่านก็เยอะ ทั้งๆที่อายุมากแล้ว
ส่วนเหรียญหลวงปู่นาคหลังสมเด็จโต ผมเคยเล่าไปที่แล้ว ลองหาดูก่อนในพลังจิต แต่เหรียญนี้ที่ผมรู้จัก แล้วเล่นหา ทราบเพราะเฮีย จ หรือ ท่านอาจารย์ พ. ศิษย์สายตรงแอบเล่าให้ผมฟังเอง เพราะท่านว่างๆก็แอบส่องเก็บเหมือนกัน ในยุคพันธ์ทิพย์ ประตูน้ำ ว่ากันว่า เซียนระยองขายพระหลวงปู่ทิม แต่พระเหรียญ หลวงพ่อนาคเอาไว้ใช้เอง เพราะ ยิงด้วยปืนลงอาคม หมดโม่ไม่ออกลองหาเรื่องเก่าๆก่อนน่ะครับ จะได้ไม่ต้องโม้ใหม่
ส่วนพระพิมพ์รูปสมเด็จโต ที่ลงจารแดงๆเป็นการจารที่หลังโดยหลวงปู่ของผมหลวงปู่พระครูบุญศรี พิมพ์สมเด็จโต เป็นพิมพ์ที่พระและชาวบ้านหลุ่มหนึ่งทำขึ้นเอาเข้าพิธี เดียวกัน

 

พระบูชา ๕ นิ้ว สมเด็จพุฒาจารย์โต วัดพลา ๒๕๑๒
พระที่เข้าพิธี ตามข้อมูลในเน็ทน่ะครับ
แต่ผมเจอ แค่ ๕ นิ้ว ไม่เคยเห็น ๙ นิ้ว คงมีจริงแต่มีจำนวนไม่มาก
เป็นเนื้อปูน ปลาสเตอร์ล้วนๆแหละครับ เหมือน รุปเล้กเสมาไม่ค่อยแก่ผงมากมายอะไร ทาสีทองไว้ ทำง่ายๆ ฝีมือบ้านๆหน่อย แต่ดูดีมาก ข้างหลังมีตัวอักษรย่อ ว พ ล หรือ วัดพลาครับ
ตามในเน็ท ข้อมูลอาจจะแตกต่างกัน ผมไม่เคยเห็น แหนบและ รุปหล่อ ถ้ามีจริงน่าสนใจมากครับ
1. พระบูชารูปเหมือนสมเด็จโต เนื้อผงล้วนๆ มีสองขนาดคือ 9 นิ้วและ 5นิ้ว
2. เหรียญสมเด็จโต - ลพ.พระยานาค สร้าง 5000 เหรียญ
3. พระผงรูปเหมือนสมเด็จโต จำนวนประมาณ 3000 องค์
4. รูปเหมือนสมเด็จโต เนื้อโลหะผสม หล่อโบราณ สร้างจำนวน 2000 องค์ ( อ่านเจอมา แต่ผมว่า สร้างทีหลัง เพราะถ้ามี ต้องมีคนในเล่าให้ฟังไปแล้ว และเจอตอนนั้นเสร็จผมไปแล้ว )
5. แหนบติดกระเป๋าเสื้อ รูปเหมือน สมเด็จโต ( อ่านเจอมา แต่ผมว่า สร้างทีหลัง เพราะถ้ามี และเจอตอนนั้นเสร็จผมไปแล้ว )
.................................................................

 

พระพุทธชินราช วัดชะวึก พิมพ์ใหญ่ เนื้อดิน ปี 2516 จ.ระยอง หลวงปู่ทิม ปลุกเสก
พระชุดนี้ก็หลวงปู่ทิมปลุกเสก เป็นพิธีพุทธาภิเศกกับพระอีก รวมกัน ๗ รูป ราคาย่อมเยาว์ น่าใช้บูชามากครับ
กรุวัดชะวึก นาตาขวัญ จ.ระยอง
หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
หลวงปู่หอม วัดชากหมาก
หลวงปู่ชื่น วัดมาบข่า
หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า
หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือ
หลวงพ่อโต่ง วัดบ้านเพ
หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกริม
ทำการปลุกเสกเมื่อปี 16 ส่วนมากเป็นพระพุทธชินราช เนื้อดิน พิมพ์เล็กและใหญ่
วัดชะวึก หมู่ 3 ต.นาตาขวัญ อ.เมือง จ.ระยอง หลวงพ่อเนียม กิตติสาโร เจ้าอาวาสวัดชะวึก เจ้าคณะตำบลบ้านแลง-นาตาขวัญ จัดพิธีทอดกฐิน มีประชาชนมาร่วมงานจำนวนมาก ขณะเดียวกัน ประชาชนที่ทราบข่าวว่าที่วัดกรุพระแตกภายในโบสถ์ บริเวณด้านหลังพระประธาน พบไหบรรจุพระพุทธชินราช เนื้อดินเผาพิมพ์เล็ก และพิมพ์ใหญ่ปี 2516 รวมหลายใบ และพบหลักฐานว่า สมเด็จหลวงพ่อฉุย เจ้าอาวาสวัดนาตาขวัญ รุ่นนี้วัดชะวึกเป็นผู้จัดสร้าง โดยหลวงปู่ทิม อิสริโก เจ้าอาวาสวัดละหารไร่ เกจิดังเมืองระยอง เป็นผู้ประกอบพิธีปลุกเสก
อ้างอิง
http://www.wannamongkol.com/.../%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8...

 

พระชุดวัดเนินกระปรอก
เหรียญกะหลั่ยทองพระพุทธโสธร วัดเนินกระปรอก ปี2516
มีพระเกจิอาจารย์ที่มาร่วมปลุกเสกพระเครื่องปี 2516 ทั้งหมด 9 รูปคือ
1.หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
2.หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
3.หลวงชื่น วัดมาบข่า
4.หลวงพ่อนิด วัดทับมา
5.หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก
6.หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว
7.หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส
8.หลวงพ่อเดช วัดวังเพชรฉกรรจ์
9.หลวงพ่อถึก วัดสนามช้างชัย
พระเกจิอาจารย์ ทั้ง 9 รูปต่างนั่งปรกปลุกเสกกันอย่างเต็มที่ และ ขณะที่มีพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลทั้งหมดอยู่นั้น ได้เกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์ มีลมพายุหมุนอย่างแรง เป็นทักษิณาวัตร มุ่งตรงไปยังปะรำพิธี ที่มีพิธีพุทธาภิเษก แล้วก็พลันหายไปเฉยๆ ท่ามกลางความตกตะลึง สำหรับประชาชนทุกคนที่อยู่ในพิธี
อีกทั้งหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ถึงกับลืมตา และ ท่านได้ อุทานออกมาว่า วัตถุมงคลชุดนี้ทั้งหมด เป็นวัตถุมงคลที่ดี มี บุญฤทธิ์สูง เท่าที่เคยนั่งปลุกเสกมา พอเสร็จพิธีก็รุ่งอรุณของวันใหม่พอดี หลังจากพิธีพุทธาภิเษก เสร็จสิ้นสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว ทางวัดเนินกระปรอก ได้นำวัตถุมงคล ทั้งหมดออกมาแจกจ่ายให้ประชาชน และได้ร่วมทำบุญกันและมีบางคนได้นำไปทดลองพุทธคุณ โดยนำเหรียญปิดตาไปลองยิงดู ปรากฏว่า ปืนแตก ทำให้ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ และ ทราบเรื่องราวต่างพากันไป บูชา วัตถุมงคล ชุดดังกล่าว จนหมด
วัดเนินกระปรอก ต.ห้วยโป่ง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง
เมื่อก่อน วัดนี้เป็นวัดเก่า รกร้างมานาน มีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ สภาพ รกร้าง มีแต่กุฎิเก่าๆกับศาลา1หลัง แบบผุๆ
ประมาณปี2510 ได้มีพระธุดงค์ รูปหนึ่ง มาปักกลดในวัดนี้ เห็นสภาพวัดร้างเก่าทรุดโทรมมาก ก็เกิดความศรัทธาที่อยากจะสร้างวัด และประจวบเหมาะกับการที่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตกลงกันนิมนต์ท่านให้จำพรรษาอยู่ที่นี่เลย เพื่อจะได้เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจและจะช่วยกันบูรณะซ่อมแซม สร้างถาวรวัตถุขึ้นมาใหม่
ซึ่งท่านก็มิได้ขัดศรัทธาจากชาวบ้าน จึงบูรณะจนเจริญยิ่งขึ้นมา และเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้าน ชุมชนเนินกระปรอก พระธุดงค์ ท่านนี้ก็คือ "พระอาจารย์สูตร ติงสวังโส" ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว จ.ฉะเชิงเทรา ท่านอาจารย์สูตรท่านเก่งวิชาด้านโหรศาสตร์ ถึงกับลูกศิษย์ตั้งฉายาท่านว่า พระอาจารย์ตาทิพย์ และ ได้ไปเล่าเรียนวิชากับ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จนมีความคุ้นเคยกันอย่างมาก
ท่านอาจารย์สูตร เป็นลูกศิษย์ 1ใน10ที่ได้รับการครอบครู จากหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ประมานปี2516 ท่านอาจารย์สูตรและชาวบ้านได้ปรึกษาหารือกันว่า จะสร้างศาลาการเปรียญขึ้นมาใหม่ และได้ไปปรึกษาหารือกับหลวงปู่ทิมซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ว่าจะทำอย่างไรดี หลวงปู่บอกว่า ไม่ต้องไปธุดงค์ไปไหนอีกแล้ว อยู่กับวัดดีแล้ว เดี๋ยวจะมีคนมาช่วยทำเอง และหลวงปู่ทิม ท่านยังช่วย แนะนำออกแบบเหรียญที่จะสร้างด้วย คือ เหรียญพระปิดตาภควัมบดีหลังยันห้าอีกด้วย ซึ่งเน้นไปทางเมตตามหาลาภ และ ในปีนั้นเองท่านอาจารย์สูตรก็ได้สร้างวัตถุมงคลต่างๆเพื่อนำรายได้ มาสร้างศาลาการเปรียญ
เหรียญพระปิดตา วัดเนินกระปรอก ( โค๊ตเลข 8 ) หลังผดเหรียญพระปิดตา วัดเนินกระปรอก ตอกโค๊ตเลข 8 หลังผด เนื้อทองแดง หลวงปู่ทิมวัดระหารไร่ ปลุกเสก ปี 2516 ในขณะนั้น เหรียญพระปิดตาวัดเนินกระปรอกหลังผด เป็นเหรียญที่ไม่สวย อาจารย์ชินพร สุขสถิตย์ ได้นำมาตอกโคีตเลข 8 แล้วนำมาให้หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ปลุกเสก ช้ำอีกรอบ ทำให้เหรียญชุดนี้จึงมีการปลุกเสกช้ำ 2 ครั้งโดยหลวงปู่ทิม ทำให้ได้รับความนิยม ทำราคาขยับขึ้นเรื่อยๆ และเป็นพระนอกวัดที่มีประวัติการสร้างที่ชัดเจนครับ
.................................................................................................
พระชุดนี้ พิมพ์หลวงพ่อโสธร น่าใช้บูชามาก ผมใช้ติดตัวมาตอนหนุ่มๆ ใช้ดีมากครับ ส่วนพิมพ์พระปิดตา จะหายากแพงหน่อยคนนิยม
อ้างอิง
https://www.web-pra.com/auction/show/7988845

 

เหรียญหลวงปู่ทิมนอกวัด
เป็นเหรียญน่าสนใจ เหรียญในวัดแพง ให้เซียนๆกับชาวต่างชาติเขาเล่น แนะนำพระหลวงปู่ทิมนอกวัด ผมเก็บไว้หลายพิมพ์เหมือนกัน ยุคไปทำงานที่ จุกเสม็ดหลายปี คอยเตรียมวัสดุ อุปกรณ์จาก ฐานที่จุกเสม็ด สัตหีบส่งออกกลางอ่าวไทย
พระหลวงปู่ทิมนอกวัด มีหลายวัด เป็นที่นิยมของคนระยองและสัตหีบ ตั้งแต่ผมทำงานแถวนั้น ยุค ๒๕๒x ปลายๆ มีประสบการณ์ บางวัดมีประสบการณ์มาตั้งแต่ ตอนปลุกเสก เป็นของแนะนำท่านที่ หาของหลวงปู่ทิม และไม่สามารถหาพวกพระผงพรายกุมาร พระกริ่ง เหรียญในวัดราคาแพงๆ ได้
..................................................................................................
อ้างอิงจากในเน็ท
เหรียญพระปฐมโพธิญาณวัดไผ่ล้อม จ.ระยอง ปี 2514
เหรียญนี้เป็นเหรียญพระพุทธ ขอบเหรียญเป็นหยักๆ นิยมเรียกว่ากงจักร ด้านหลังเหรียญเป็นยันต์ในตารางชุดใหญ่ หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ปลุกเสกให้อย่างเข้มขลัง
เหรียญพระปฐมโพธิญาณ วัดไผ่ล้อม ต.บ้านค่าย อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เนื้อทองแดงผิวไฟ จัดสร้างเมื่อวันเสาร์5 ปีพ.ศ.2513 เหรียญรุ่นนี้เป็นเหรียญนิยมในพระชุดวัดไผ่ล้อมครับ จัดสร้างเนื่องในงานฉลองพระอุโบสถวัดไผ่ล้อมที่พึ่งสร้างเสร็จพิธีพุทธาภิเษกอันยิ่งใหญ่
พิธีการมหาพุทธาภิเษก
ได้นิมนต์พระภิกษุภายในวัดมาร่วมสวดบริกรรมพระปริต มีพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณพระ 5 รูปสวดพระธรรมจักร 108 ตลอดคืน รวม 15 คืน
เริ่มปลุกเสกเมื่อวันเสาร์แรม 5 ค่ำเดือน 9 อยู่ในพรรษา ตรงกับวันที่ 22 สิงหาคม 2513 จนถึงวันที่ 5 กันยายน 2513 ซึ่งตรงกับวันเสาร์ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 10 ปีจอ รวม 15 คืน เป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก เพราะว่าการทำพิธีครั้งนี้ตรงกับวันเสาร์ 5 ทั้งหมด คือตั้งแต่เริ่มพิมพ์ เริ่มปลุกเสก และวันสุดท้ายที่ปลุกเสกเดี่ยว ก็ตรงกับวันเสาร์อีกเช่นกัน ที่น่าอัศจรรย์อีกอย่างก็คือเมื่อทำพิธีปลุกเสกถึงเวลาตีห้าดับเทียนชัย ได้มีฝนตกซู่ลงมาประมาณ 1 นาที แล้วก็หยุดตกซึ่งจะเป็นอย่างนี้ทุกคืน
วัตถุมงคลที่จัดสร้างในครั้งนั้นได้ทำพิธีปลุกเสกใหญ่อีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2513 ตรงกับวันเสาร์ขึ้น5ค่ำเดือน๕(เสาร์5)
โดยนิมนต์ พระคณาจารย์ที่มีอาคมขลังขมังเวท 9 รูป นั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสกตลอดคืน ดังมีรายนามดังต่อไปนี้
1.หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง ประธานจุดเทียนชัย นั่งปรก
2.หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จ.จันทบุรี
3.หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก จ.ระยอง
4.หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือ จ.ระยอง
5.หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า จ.ระยอง
6.หลวงพ่อโต่ง วัดเภตราสุขารมณ์ จ.ระยอง
7.หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก จ.ระยอง
8.หลวงพ่อสละ วัดประดู่ทรงธรรม จ.อยุธยา
9.หลวงพ่อชาย วัดแม่นางปลื้ม จ.อยุธยา
พุทธาภิเษก 6โมงเย็น ถึง4ทุ่ม พระทั้ง8 รูป ก็ได้กลับวัดกันก่อน แต่หลวงปู่ทิมนั่งพักได้ไม่นาน ท่านกลับมานั่งปลุกเสกเดี่ยวอีกจนถึงตี2 ขณะที่ท่านนั่งปรก ไฟฟ้าในวัด ก็ดับๆติดๆ อยู่ตลอด ว่ากันว่า หลวงพ่อทิม ท่านลืมตาปลุกเสก ถ้าหลับตาเมื่อไหร่ ไฟจะดับ และยังมีคนได้ยินเสียงในลังที่ใส่พระ ดังขลุกๆขลักๆ เป็นระยะ ขณะนั้น หลงพ่อพูน ได้ถือสายสินอยู่ ก็รู้สึก เดี๋ยวเย็น เดี๋ยวร้อน สลับกัน
อาราธนาพระเครื่อง วัดไผ่ล้อม อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
ตั้งนะโม (3จบ)
พุทธังอาราธนานัง ธัมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธธนานัง
ตินนังอาราธนานัง พุทธานุภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ
สังฆานุภาเวนะ อิทธานุภาเวนะ ภะวันตุเม
นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ พุทธะสังมิ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ
........................................................................................
อ้างอิง
https://www.facebook.com/Amulet.../posts/2451778214906738

 

เหรียญนาคปรกหลวงปู่ทิม รุ่นไตรมาส ( โชว์ )
ตอกโค๊ต เนื้อทองแดง ปี 2518 วัดละหารไร่ จ.ระยอง
ผมขอยังไม่แกะจากซองน่ะครับ ยังไม่ได้แยกพิมพ์ ซื้อมายุคพันธ์ทิพย์ประตูน้ำจากสายตรง จากเฮียเขาล่ะ

 

พระรูปเหมือนท่านเจ้าคุณนรฯ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ พิมพ์หลังยันต์น้ำเต้า เนื้อผงพรายกุมาร
ผมอนุญาตไม่แกะซอง องค์นี้หนักผง ส่องดูไม่มีปูนขาวๆ แบบพิมพ์เนื้อขาวทั่วไปจะหนักไปทางผงวิเศษ และผงพรายกุมาร หลังโรยพลอยและผงตะไบพระกริ่งชินบัญชร ซื้อมาจากแหล่งเดียวกันคือพันทิพย์ประตูน้ำ สักสามสิบปีมาแล้ว เป็นรูปท่านเจ้าคุณนรฯแต่ไม่ทันท่านเจ้าคุณนรฯน่ะครับ
แต่มีผงของท่าน เพราะคณะสร้าง ก็สร้างพระผงท่านเจ้าคุณนรฯมาก่อนและพระผงหลวงปู่แหวนด้วย มีผงที่ท่านเจ้าคุณนรฯเสกให้ครั้งสุดท้ายน่ะ ท่านบอกเอาไปพิมพ์พระได้เลย เอาเข้าพิธีที่ไหนก็ได้เลย ไม่ต้องกลับมาให้ท่านเสกอีก องค์นี้นอกจากมีเศษพลอยแดงเสกโดยหลวงปู่ทิมแล้ว มีหินเนื้อขาวขุ่นเม็ดเล็กๆ อยู่ แต่ไม่กี่เม็ดแบบใส่แบบเป็นกระสาย คงมีน้อย ผมได้รับการบอกว่าเป็นปฐวีธาตุเอามาบดใส่ไปในบางอค์ แบบเก็บไว้ใช้กันเอง
พระผงรูปเหมือนเจ้าคุณนรฯ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ พิมพ์หลังยันต์น้ำเต้า จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2517 ดำเนินการจัดสร้างโดย อาจารย์ชินพร สุขสถิตย์ ร่วมกับ พระอาจารย์ทองเจือ วัดปากน้ำภาษีเจริญ อธิษฐานจิตปลุกเสกโดย หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง พุทธลักษณะเป็นพระเนื้อผงพุทธคุณ ด้านหน้าเป็นรูปเหมือนเจ้าคุณนรฯ ส่วนด้านหลังเป็นรูปยันต์น้ำเต้าเจ้าคุณนรฯ
ส่วนผสมที่นำมาสร้างเป็นองค์พระล้วนเป็นผงพุทธคุณที่หายาก ได้แก่ ผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม, ผงปถมัง, ผงอิทธิเจ, ผงตรีสิงเห, และผงตะไบพระกริ่งชินบัญชร, เป็นส่วนผสมหลักๆที่ทางคณะผู้สร้างได้รับมาจากหลวงปู่ทิมจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีผงพระกรุวัดสามปลื้ม, ผงของหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ, และผงปลุกเสกไตรมาสของวัดวิเวกวนาราม เป็นส่วนผสมอีกด้วย มีทั้งฝังพลอยและไม่ฝังพลอย พระรุ่นนี้มีทั้ง สีขาว สีน้ำตาล สีเทา และสีดำ
.พระผงรูปเหมือนเจ้าคุณนรฯ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ มีประวัติการสร้างที่ชัดเจน และมีจำนวนการสร้างน้อยมาก น่าจะแค่หลักพันต้นๆ ลป.ทิม ปลุกเสกพร้อมกับพระเครื่องพิมพ์อื่นๆที่ออกมาในปี 2517 เช่น
1.พระปิดตาหลังยันต์ห้าฝังพลอย พิมพ์ใหญ่ จำนวน 9,000 องค์
2.พระปิดตาหลังยันต์น้ำเต้าเจ้าคุณนรฯ จำนวน 2,000 องค์
3.พระผงรูปเหมือนเจ้าคุณนรฯ หลังยันต์น้ำเต้า จำนวน 2,000 องค์
ฯลฯ

 

เหรียญนั่งพาน ๒ หลวงปู่ทิม
เนื่องจากผมมีประสบการณ์จากเหรียญนั่งพาน เลยไปซื้อจากเฮีย จ เขามาอีกเหรียญ จำได้ประมาณ ๗ ถึง ๘ ร้อยบาทตอนนั้นก็ชักเริ่มแพงเหมือนกัน เพราะเหรียญกำลังดัง มีประสบการณ์ เอาแบบพิมพ์นั่งพานของผู้ชาย ดันลืมซื้อเหรียญแบบผู้หญิงมาเข้าคู่ แต่ตอนนั้น ตังค์ไม่ค่อยมีด้วยแหละ ต้องเอาไว้ผ่อนรถ สร้างบ้าน
ที่ดังเพราะเป็นรุ่นทิ้งทวน หลังจากรุ่นนี้ท่านกลับวัด ไม่นานก็ล่ะสังขาร
ผมคัดที่มีจาร จารโดยศิษย์ขึ้นครู ครอบมือมาจาก หลวงปู่ทิมน่ะครับ ถ้าเดาก็คงเดาถูกว่าใครน่ะครับ
เอาเลี่ยมเงินไว้ ไม่เคยใช้เลย เป็นเหรียญสำรองถ้าอีกเหรียญหาย แหะๆ