เมื่อเสื่อมบารมีจะตั้งบารมีใหม่ต้องทำอย่างไรขอคำชี้แนะด้วย

ตอบคำถามให้ตรงกระทู้
เริ่มจากผู้ตั้งกระทู้ถามการตั้งบารมีใหม่ หลังจากที่คิดว่าตนเองเสื่อมบารมี มาถึง ณ เวลานี้พอทราบว่าหลายท่านแนะนำให้ปฏิบัติธรรม ทางนี้ก็อยากเสริมให้อีกนอกเหนือไปจากการปฏิบัติธรรมที่ต้องทำเป็นกิจวัตรแล้วก็คือ
1.สวดชุมนุมเทวดา สวดมนต์ไหว้พระ แล้วอธิษฐานจิตมุ่งปรารถนาในบารมีในด้านใดๆ
2.สร้างพระไตรปิฎก เพื่อเผยแพร่แก่คนทั้งหลาย แล้วอธิษฐานจิตมุ่งปรารถนาในบารมีในด้านใดๆ
3.บริจาคปัจจัยสี่ที่จำเป็นแก่คนทั้งหลาย แล้วอธิษฐานจิตมุ่งปรารถนาในบารมีในด้านใดๆ
4.สร้างพระพิมพ์ขนาดเล็ก พระพุทธรูป พระเจดีย์ เพื่ออุทิศให้กับผู้ที่เราเคยเกี่ยวข้อง ที่เราได้ทำทางดีและไม่ดีแก่เขารวมถึงเทวดาทั้งหลาย แล้วอธิษฐานจิตมุ่งปรารถนาในบารมีในด้านใดๆ (พระพิมพ์เหล่านี้จะแจกจ่าย หรือบรรจุกรุตามโบสถ์เจดีย์ที่วัดก็ได้)
5.สร้างพระพิมพ์ขนาดเล็ก พระพุทธรูป พระเจดีย์ ขึ้นเฉพาะเพื่อมุ่งสร้างเป็นบารมีให้กับตนเอง
ทั้ง 5 ข้อนี้ ให้ทำตลอดอายุขัยตามกำลังและฐานะ

 

อันนี้ถือว่าเข้าใจฝันนิมิต..


อันนี้ถือว่ามีของเก่า มามาก..

 

อาการของจิตที่เป็นความคิด /นึก/ตรึกตรอง
สืบเนื่องจากมีการกระทบผัสสะด้วย
ช่องทาง
ใดช่องทางหนึ่ง จาก
ตา/หู/จมูก/ลิ้น/กาย/ใจ
ทำให้เกิดจิต "รู้" ด้วยวิญญาณขันธ์
และ"รู้" นั้นก็ดับในเวลาต่อมา
และเกิดสืบเนื่องไปจนกว่าจะสิ้นชีวิต
การเกิดดับของจิตรู้ ชนิดนี้
เป็น"จิตสังขาร"หรือ "จิตปรุงแต่ง"
มันเป็นธรรมชาติของขันธ์ ที่เกิดดับ
ไม่เคยหยุด
เป็นสมุทัย ที่ทำให้เกิดทุกข์
ฉะนั้น ควรยึดหรือไม่ต้องพิจารณา
เอาเองคับ

 

โปรดทราบ..

คนชื่อ กระร่อน เราได้โอนลอย ให้เล่าปังไปแล้ว..

หมดหน้าที่ของเราในการสนทนากับคนชื่อ กระร่อน แล้ว..


รับไปอบรมเองนะ ปังคุง เอ๋ย..

 

อุ้ยอยากใครๆกะไม่รักยกให้คนโน้นยกให้คนนี้
ถามกูหรือยัง

 

5555555

เริ่มออกอาการ ใช้ คำหยาบ..

555555555

 

ทั้งหมดค่ะลุง เดินจงกรม นั่งสมาธิ และก้ออิริยาบทย่อยในชีวิตประจำวันด้วย แต่ปวีฝึกนานหลายปีแล้ว จะไม่เอาจิตรุ้ตามทวารแล้ว เพราะรุ้ตามทวาร6 มันเป็นปัจจุบันบัญญัติ อวิชชา(สัญญา) มันพาจิตวิ่งไปรุ้ตามตาหู จมูก (จิตโดนบังคับ) แต่ปวีมารุ้ที่ผุ้รุ้แล้ว (รุ้ที่ผุ้รุ้คือปัจจุบันจิต)

ขออภัยขอยก ตย.เณรตีเหี้ย ทวาร6 คือรูที่เหี้ยออก เป็นมายา ไปเฝ้ารูเหี้ยมันทำไม รู้ที่เหี้ยไปเลย(ผุ้รุ้) เหี้ยออกรูไหนทันหมดทุกขณะจิต ย้ายจากรู้ตามทวาร6 มารุ้ตรงไหนก้อได้ ทับผุ้รุ้ก้อได้ กลางอกก้อได้ รุ้แบบสบายๆ ไม่กด เพ่ง ข่ม การกำหนดดูจิตจะง่ายขึ้นมากๆ ทันปัจจุบันขณะหมดทุกอัน เพราะจิตไม่ต้องการให้ใครมาควบคุม

แต่ถ้าฝึกแรกๆ ใหม่จัด ตัดจบอารมณ์ตามทวารก่อน เพราะจิตยังไม่ชินกะแขกจร ถ้าฝึกนานแล้ว สักปี ย้ายมารุ้ทับผุ้รุ้เลย ทันทุกขณะจิต แล้วลุงจะรุ้ว่าวิปัสสนาง่ายมากๆ

 

ใครจะอยากเลี้ยงงูเห่า ล่ะ..

5555555555


ปังคุง มารับไปเลย ปัง..

 

ลุงอ่านที่เขาสอนไว้ดิ หวีว่าเขาโออยุ่นะ เขาอยุ่กะความจริงอ่ะ

 

ใครเหี้ย เณรตีหมดแหละ..



55555555555

 

อยู่กับความจริงอะไร หวี..

ที่เขาแสดงออกมาเป็นตัวอักษรน่ะ มันเป็น อดีตธรรม ธรรมอดีต..

ขึ้นมรรควิธีในขั้น(สูง)ต่อไปก็ไม่ได้..

เพราะวิบากกรรมตามให้ผล

ไม่รู้ตนเองด้วยนะนั่น วิบากกรรมมันปิดบังไว้ น่ะ หวี เอ๊ย..

 

ถ้าหวีเข้าถึงความจริงแท้ อันได้ชื่อว่า "เจโตวิมุติ" หวีจะเข้าใจทุกอย่าง..

ธรรมที่เขาแสดงมันอยู่ช่วงกลางๆน่ะหวี เอ๊ย!!!

ถ้าหวีเข้าถึงความจริงแท้ อันได้ชื่อว่า "เจโตวิมุติ" หวีจะเข้าใจทุกการแสดงธรรมของแต่ละบุคคล..

 

เณรปรักปำ
สมัยนี้กูเป็นคำหยาบละเหรอครับ
ดูหนังสมัยก่อนมากไปหน่อยลื่มตัวเลย55

 

" กู , มึง "

ไม่ใช่

คำที่....หยาบคาย...ค่ะ

เป็น " สรรพนาม "

ที่...

เอาไว้ใช้

" แทนตัวเรา "

และ

" ผู้อื่น " ค่ะ

เมื่อ " สังคม "

เปลี่ยนไป

มีการ " พัฒนา "

และ

มี " การศึกษา "

จึงแบ่งเป็น

" ภาษาสุภาพ "

และ

" ไม่สุภาพ "

แต่..............

ไม่ได้ " วัด " ว่า

เป็น " คำพูด "

ของคนที่

" ไม่มีการศึกษา " น่ะค่ะ

" วัด " ที่

การใช้ " คำพูด "

ให้ถูก " กาลเทศะ "

มากกว่าค่ะ

ว่า......

" ใช้กับใคร "

" ใช้ที่ไหน "

" ใช้เมื่อไหร่ " ค่ะ

 

อุสาหาหลักฐานเข้าข้างตัวเอง55

 

ผู้เดินถึงปลายทาง ย่อมรู้ว่าผู้กำลังเดินทาง ถึงไหนแล้ว

เมื่อเขาได้กล่าวสภาวะที่เขาประสบอยู่..

แต่ส่วนมาก ไปเอาตำรามาเป็นความรู้ตนเอง น่ะหวี เอ๊ย!!!

 

ลุงดูเขาไว้แหล่ะ เขาอาจไม่ถูกจริตการฝึกลุง แต่เขาอยุ่กะความจริง วิบากลุงไปรุ้เขาไม่ได้หรอก ตัวเขารุ้เอง เขาแก้เขาเองได้

 

ดัดจริต เฉยๆก็หยาบนะ
แต่ถ้า แก้จริตนิสัย ไม่หยาบ

ฉวีรู้ทัน ทุกขณะจิต ไม่เพ่งไม่จ้อง อื้อหือ ไม่ธรรมดา...

 

คือชัดเจนแท้ละหยาบกะหยาบครับ55

 

เรารู้ไม่ได้ยังไง หวีเอ๊ย!!!

หน้าที่เรา ก็ มาชี้ข้อบกพร่อง หรือวิบากกรรมของแต่ละบุคคลนี้ละหวีเอ๊ย!!

ใครเชื่อ ใครรับฟัง ไปปรับปรุงแก้ไขตนเอง ก็ เป็นประโยชน์ของบุคคลนั้น..

ส่วนมากจะไม่เห็นสิ่งที่เรากำลังชี้บอก เพราะวิบากกรรมมันปิดบังไว้น่ะหวีเอ๊ย..

"ยุคพระศรีอาริย์" หมายความว่า เป็นยุคพระอริยะเจริญรุ่งเรืองเหมือนครั้งพุทธกาล..

น่ะนะ หวีเอ๊ย!!

ไม่ใช่ พระศรีอริยเมตไตย อะไรหรอก..