เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

ทุกอย่างเกิดจากเหตุ....ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้นแหละครับ ขอบคุณท่านจิตยิ้ม สำหรับข้อมูล และบทความธรรมะดี ๆ เยอะแยะมากมาย (จริง ๆ ครับ ขอบอก) เป็นประโยชน์กับเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง
ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้เลยคับผม

 

"ฉันทำได้เท่านี้ แต่ไม่ดีพอที่เธอต้องการ"
(อยากมีส่วนร่วมคับ แต่ไม่รู้จะเข้าทางไหน)

 

อายุไม่น้อยแล้วค่ะ ใกล้เลข 5 เข้าไปทุกที
- มีความเห็นต่อโลกที่เป็นอยู่
- มีความต้องการในธรรม และแฝงไปด้วยใจที่ปรารถนาไว้
- แต่ก็มีความกลัวบางอย่างแฝงเอาไว้ด้วย

ทำอย่างไรดี! จะไปทางไหนดี ใครจะช่วยได้

จะต้องอธิษฐานจิตหรืออย่างไร ต้องวางใจไว้อย่างไร ใครช่วยตอบที เรื่องบางอย่างก็โง่หาทางไปไม่เจอจริง ๆ ค่ะ

 

บุพกรรมชาตินี้ก็บอกแล้ว..

"เป็นคนไม่ยอมรับความจริง พูดไม่จริง ชอบโกหกตนเองโกหกผู้อื่น ปากเน่าหนอนปากเหม็นจึงเป็นบุพกรรม"


เคยปรามาสท่านผู้รู้ด้วยความไม่เชื่อ จึงเป็นบุพกรรม ทำให้ปัญญาไม่ก้าวหน้า..

จะให้บอก อะไรอีก พอบอกพอเตือนก็ไม่พอใจ..

พอสอนข้ออรรถข้อธรรมก็ขำ หัวเราะชอบใจ..

นี่กรรมปัจจุบันมันอยู่ตรงนี้ เห็นจากการกระทำอยู่ทุกวัน เตือนอยู่ทุกวัน แต่ไม่เคยสำนึก ไม่เคยแก้ไขปรับปรุงตัว..

ไม่ต้องอธิษฐานจิต อะไรหรอก หยิบเชือกมาผูกคอตัวเองกับขื่อ รับรองได้กลับบ้านเก่าโดยไม่ต้องรอให้ใครมาสั่ง..

 

แสดงว่าท่านไม่รู้จักจิตยิ้มเลย
ขอบคุณนะคะที่ให้ความจริงว่าท่านเป็นเช่นใด
ที่ท่านแสดงออกมา นี้ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลหนึ่งที่จิตยิ้มกลัว

 

ไม่มีเวลามาขำ มาหัวเราะชอบใจ..

ไม่มีเวลามากดถูกใจ เวลาคนพูดดีด้วย..

ไม่มีเวลามากดไม่ถูกใจ เวลาคนพูดไม่ถูกต้อง หรือ ไม่ถูกใจตน..

ไม่มีเวลามา"โอ๋" เอาใจใคร..

เวลาของเรา มีค่ามากกว่าสิ่งใด..

ถ้าไม่รู้จักแก้ไขตนเอง ก็ ตายซะดีกว่าอยู่..

ภพชาติต่อไป ไม่ต้องมาเกิดร่วมชาติกับเรา โพธิสัตว์บ้าๆ ไปเกิดสร้างบารมี ไกลๆเลย..

 

มาเกิดแล้วอ่อนแอให้กับโลก อ่อนแอให้กับธรรม อ่อนแอให้กับอวิชชา จะมาเกิดให้เสียเวลาทำไม..

กลั้นใจตายดูซิ มันจะตายจริงมั๊ย มีแต่กิเลสหลอกทั้งนั้นยังไม่รู้สึกตัวอีก ยังไม่ตื่นอีก..

คนอื่นๆเขาตื่นกันหมดแล้ว เหลือตัวเองคนเดียว หลับใหลให้กับโลก หลับใหลให้กับอวิชชา เรามาปลุกให้ตื่นเป็นปีละ ยังบื้อ ยังเซ่อ อยู่อีก..

 

ถ้าไม่เพราะยังเมตตาอยู่ เราไม่เข้ามาวุ่นวายกับคนหมู่มากหรอก เราทำให้จบทีเดียวโดยไม่ให้ใครรู้ ป่านนี้ ไม่ต้องมาคอยระวังโรคระบาด ไม่ต้องมาคอยระวังภัยธรรมชาติร่วมกับทุกคนแบบนี้หรอก..

ใช้เวลาปลุกคนเดียวให้ตื่นมาเป็นปี ยังหลับใหลให้กับโลก หมุนไปกับโลก หมุนไปกับธรรมารมณ์..


ใช่ไม่ได้!!!!

 

คนที่เขารู้หน้าที่ มีหน้าที่ในการเกิดภพชาตินี้ เขาปฏิบัติข้ามฝั่งกันหมดแล้ว เขารอ ออกมาทำหน้าที่กันหมดครบทุกคนแล้ว เหลือตัวเองคนเดียว

ตัวเองยังบื้ออยู่กับโลก ยังบื้ออยู่กับธรรมารมณ์..

ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าแล้ว..

 

บอกให้ฝึกหัดภาวนา ก็ทำจริงๆไม่กี่วัน ก็กลับมาไหลไปกับธรรมารมณ์อย่างเดิม..

อย่างนี้หรือที่เรียกตัวเองว่า "โพธิสัตว์"

อย่างนี้ "สัตว์โลก" ธรรมดาๆนี่เอง..

 

เราเป็นใครมาเกิด เราอธิษฐานมาเกิดยังไง

ยังต้องให้บอกอีกมั๊ย..

 

ประทับใจ...ภาพนี้จิตยิ้มไม่ได้เป็นคนทำเอง แต่มีเพื่อนในเฟสบุคส่งมาให้....

ถามว่า ตนเองได้หลักธรรม หรือได้ธรรมะอะไรจากภาพเหล่านี้

นี้คือ ภาพจินตนาการ ที่เราต้องการอยากได้ แต่ความปราถนาอยากได้ มิใช่แค่ปราถนาที่จะต้องได้เฉย ๆ แต่ต้องแลกมากับการเจริญภาวนาในการให้ได้ซึ่งมานิสัย เพราะจิตยิ้มรู้ว่า รูปที่ได้มาต่างก็ล้วนมีเหตุปัจจัย

ในสมัยพุทธกาลถ้าใครได้อ่านพระไตรปิฎก จะเห็นคำกล่าวที่ชื่นชมรูปภิกขุ และภิกขุณีในสมัยพุทธกาลก่อนบวช แต่ละท่านนั้นพระพุทธเจ้าได้กล่าวเอาไว้ด้วยถึงความงามและความร่ำรวย ในพุทธประวัติ และนิทานชาดกได่กล่าวเอาไว้ ถ้าอย่างนั้นบ่งบอกถึงนัยยะอะไร

พระพุทธเจ้าทำไมถึงงาม และหลาย ๆ ท่านที่เป็นเอกัคทัคคะ หรือแม้แต่ตอนที่เราเด็ก ๆ รูปร่างแต่ละคนออกมาน่ารัก น่าชม หรือฝาแฝด ตอนเล็ก ๆ ก็คล้ายกัน แต่พอโตหน้าตาจะเปลี่ยนและแตกต่างกันมาก ก็มาจากอารมณ์และนิสัยที่ต่างกัน

พระพุทธเจ้าพระองค์งามที่สุด ก็เปรียบประดุจสภาวะจิตใจที่บริสุทธิ์และงดงาม ใจที่งดงามมากเท่าไหร่ ยิ่งสร้างรูปออกมาจากสภาวะจิตได้มากเท่านั้น (ไม่รวมนับพระโพธิสัตว์บางองค์ที่อธิษฐานจิตลงมาแล้วมีหน้าตาอัปลักษณ์เพื่อสร้างบารมีบางประการ และบางองค์บารมีมาก แต่กรรมในอดีตที่สร้างไว้ปรุงแต่งจัดสรรให้ นั่นก็อีกประเด็นค่ะ)

ทำไมจิตยิ้มจึงนำเรื่องนี้มาลง มิใช่ส่งเสริมการหลงรูป แต่เรากำลังหาเหตุที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้ด้วย และมนุษย์ุทุกคนปรารถนามนุษย์สมบัติกันทุกคนด้วยนะค่ะ คงไม่มีใครปฏิเสธ

เพราะอย่างนี้การมีรูปส่งเสริม ดีกว่ามีรูปเป็นอุปสรรคในการดำรงชีวิตในขณะที่เกิดมาค่ะ เพราะนั่นแสดงให้เห็นจิตใจของตนเองที่แสดงเอาไว้ในอดีต

และขณะนี้จิตยิ้มได้เจริญภาวนา และพิจารณาในเรื่องนี้ตลอดเวลา เพราะรูปที่ได้ ณ ขณะนี้ มีสองรูปแฝงอยู่ในร่างเดียวกัน ก็ให้หมายความว่า เราได้ทำทั้งดีและชั่ว มีนิสัยทั้งดีและชั่ว ยามใดที่ไม่ยิ้มก็เป็นอีกรูป ดูไม่ได้... ยามใดที่มีความสุขและสบายใจยิ้มจากภายในก็เป็นอีกรูป จึงทำให้เราเห็นว่านี่คือของจริง

การเจริญภาวนาเปลี่ยนแปลง ลดละนิสัย สร้างนิสัยใหม่จากสัมมัปปธาน 4 หรือ สัมมาวายาโม หรือ ความเพียรชอบ เป็นหนึ่งในการยกระดับจิตใจ และยังช่วยให้เราสร้างนิสัย หรือเป็นอุบายพัฒนาจิตใจตนเองได้ดีทีเดียวค่ะ

ทีนี้ตัวอุปสรรคสำคัญ คืออารมณ์กับการไม่มีสติ เป็นการยากมากที่จะทำให้เกิดเปลี่ยนแปลง และความเคยชินเป็นสิ่งสำคัญ ความเพียรในการเห็นชอบจริง ๆ และต้องฝึกกันอย่างมาก และอะไรจะทำให้เราสมปรารถนาที่จะสร้างนิสัยใหม่ จิตยิ้มยังหาทางที่จะชนอุปสรรคไม่ได้เลยค่ะ

ความแตกต่างของรูปและลักษณะจึงมีเหตุมาจากรหัสบุรพกรรมที่มาจากอดีต และรหัสบุรพกรรมนี้จะนำไปสร้างรูปในอนาคต

ที่เขียนมาอย่างยืดยาวด้วยว่า หากไม่จำเป็นไม่ต้องสร้างหรือมีนิสัยที่ไม่ดีเสียดีกว่าแล้ว หากเกิดขึ้นเป็นแล้วความอดทนน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด อดทนมาก ๆ อดทนบ่อย ๆ อดทนให้ถึงที่สุด น่าจะเป็นประโยชน์ทั้งปัจจับันและอนาคตได้ค่ะ

ความอดทนต้องคู่ด้วยปัญญาจึงจะเป็นความอดทนที่มีค่าและเกื้อกูลกันค่ะ

 

สถานการณ์ COVID-19 ภัยพิบัติโรคระบาดในยุคนี้



เห็นข่าวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปิดประเทศแถบยุโรป สหรัฐยกเลิกการประชุมเกือบทั้งหมด สถานที่แหล่งชุมชนเหงียบเหงา ไร้ผู้คน ซึ่งเป็นภัยพิบัติหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้น และก็คงจะตามมาด้วยภัยเศรษกิจอีกแน่

โรค COVID-19 เป็นเชื้อไวรัสสายพันธ์ใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2562 นี้ โดยมีเหตุมาจากการกินเนื้อสัตว์

เรามาดูหน้าตาไวรัสกันค่ะ ไวรัสในยุคนี้จึงเป็นไวรัสแห่งกรรม เหมือนโรคกรรมที่มาสนองคนที่สำส่อนทางเพศ เช่นไวรัสโรคเอดส์ เป็นต้น

ส่วนไวรัสโคโรน่าพันธ์ใหม่ ก็เป็นโรคกรรมจากการใช้ชีวิตประจำวันที่ผิดพลาดทั้งหลายของมนุษย์ในยุคนี้ โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องอาหาร และอารมณ์ การหลงวัตถุอย่างงมงาย

ไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตสิ่งหนึ่งใน เพียงแต่ว่าแตกต่างจากมนุษย์ สนองกรรมให้มนุษย์เนื่องจากมนุษย์ต้องการโปรตีนจากนื้อสัตว์ เซลล์ของไวรัสเองจึงมีโปรตีนในระดับนิวเคลียส และโปรตีนที่เยื่อหุ้มรอบนอกอีกด้วย

และตัวไวรัสก็เป็นเชื้อโรคในระดับอนุภาค คือ ในระดับเซลล์ ที่ล้วนส่งผลให้ยากต่อการรักษา เช่นโรคมะเร็งเป็นต้น

โรคที่เกิดขึ้นมาทำร้ายมนุษย์ไม่ใช่เฉพาะโรคCOVID-19 เท่านั้นค่ะ โรคทำร้ายทำลายชีวิตมนุษย์ก็ล้วนมาจากการดำรงชีวิตในยุคปัจจุบัน
ของมนุษย์เองที่ต้องตายด้วยโรคร้ายก่อนวัยอ่อนควรเป็นจำนวนมาก และถึงไม่ตายก็ขาดคุณภาพของชีวิต

ทำไมถ้าเราปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง เราจะสามารถเอาชนะหรือต่อสู้กับโรคร้ายได้ หรือ ไม่หวั่นกลัวจนมากเกินไป เดี๋ยวจิตยิ้มจะค่อย ๆ นำรายละเอียดมาให้พิจารณา ตอนนี้ลองดูว่าตัวตนไวรัสเป็นอย่างไรกันก่อนค่ะ

ไวรัส ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง

ยาต้านไวรัส แต่เดิมไม่มียาฆ่าหรือต้านไวรัสโดยตรง ถ้าติดเชื้อวิธีปฏิบับัติต่อโรคไม่ร้ายแรง เช่นไข้หวัดเพียงแค่พักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมาก ๆ ก็หายเอง แม้กระทั่งโรคพิษสุนัขบ้าไม่มียารักษา แต่มีวัคซีนป้องกัน และยาต้านไวรัสก็ใช้ได้เฉพาะกับไวรัสบางชนิดเท่านั้น จนกระทั่งเกิดโรคเอดส์ HIV ทางวงการแพทย์ได้รับความกดดัน ต้องหาทางรักษา บวกกับความก้าวหน้าทางการแพทย์สาขาพันธุศาสตร์ระดับโมเลกุล ที่ทำให้เข้าใจโครงสร้างและการทำงานของไวรัส

สิ่งมีชีวิตทุกชีวิต เกิดจากหน่วยชีวิตเล็ก ๆ ที่เรียกว่า เซลล์ cell ที่ประกอบเข้าด้วยกัน และ เซลล์ก็เป็นตัวสร้างพลังงานเพื่อสร้างกระบวนการของชีวิต

แอนติบอดี้ต่อเขื้อไวรัส

เมื่อร่างกายได้รับเชื้อไวรัส ระบบภูมิคุ้มกันจะทำหน้าที่ปกป้องตัวเอง โดยขจัดสิ่งแปลกปลอม

แอนติเจนไวรัส เมื่อเข้าสู่ร่างกายเปรียบเสมือนข้าศึกโจมตีฐานที่ตั้งของร่างกาย ร่างกายจะใช้กลไกหลายชนิดในการป้องกันการรุกรานของไวรัส เมื่อเซลล์คน สัตว์ พืช หรือแม้แต่เชื้อโรค
เมื่อได้รับเชื้อม้นจะไปอาศัยอยู่และเพิ่มจำนวนทำให้เกิดโรคได้

ไวรัสไม่เหมือนกับเซลล์ของมนุษย์และสัตว์ โดยมีโปรตีน 2 ตัว ที่ตรงกลางเป็นโปรตีน DNA หรือ RNA. และมีโปรตีนเยื่อหุ้มรอบนอกที่ชื่อแคพซิดห่อหุ้มไว้อีกที ไวรัสบางตัวก็มีไขมันเป็นเยื่อหุ้มภายนอกอีกชั้น(ตรงนี้สำคัญค่ะ)

ไวรัสไม่มีพลังงานสะสมในตัว ไม่มีการแบ่งตัว ไม่มีการเคลื่อนไหว โดยตัวมันเองต้องอาศัยเซลล์สิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อยังชีพ เชื้อไวรัสจึงแบ่งตัวและขยายจำนวนได้ในเซลล์ร่างกายมุษย์ เมื่อเข้าไปอยู่ในเซลล์ของโฮสต์แล้ว เซลล์เหล่านั้นเหมือนเป็นโรงงานผลิตเชื้อไวรัสไปโดยปริยาย

โดยเซลล์ ที่มีเชื้อไวรัสอยู่อาจถูกทำลายไป หรือ อาจถูกรุกราน ทำให้เซลล์นั้นทำงานไม่เหมือนปกติ บางเซลล์ตกอยู่ในสภาพติดเชื้อเรื้อรัง บางพวกเลียนแบบเซลล์ปกติของมนุษย์ทำให้การค้นหาเชื้อเพื่อทำการวินิจฉัย รวมทั้งใช้ยารักษาทำลายเชื้อ จึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก

โดยยืนส์ของไวรัส และยีนส์ของเซลล์ที่เพาะเลี้ยงไวรัส ต้องมีกลไกสอดคล้องกัน ไวรัสจึงจะสามารถเจริญแพร่พันธ์ได้ การเกาะจับของเซลล์โฮตส์ เกิดขึ้นเมื่อไวรัสเคลื่อนที่มายึดเกาะกับผิวของเซลล์โฮสต์ หลังจากไวรัสเกาะติดกับเซลล์โฮสต์ตรงตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว เยื่อหุ้มเซลล์ จะโอบล้อมหน่วยไวรัสไว้ ไวรัสจึงเข้าสู่ภายในเซลล์ได้ทั้งอนุภาค เซลล์โฮสต์จะปล่อยเอนไซด์ มาย่อยสลายส่วนของแคพซิพ กรดนิวคลิกอิกของไวรัสจะแข่งขันกับไมโครโซมของเซลล์ร่างกาย เพื่อควบคุมกลไกทางชีวภาพของเซลล์

กรดนิวคลิอิกของไวรัส ควบคุมกลไกของเซลล์ ให้สร้างส่วนประกอบของไวรัสโดยให้เซลล์ สร้างเอนไซด์ ชนิดต่าง ๆ ขึ้นมาจนเป็นไวรัสโดยสมบูรณ์ และประกอบตัวเองเป็นจำนวนมาก และเข้าสู่เซลล์ข้างเคียงต่อไป

อาวุธร้ายของเชื้อไวรัส มีพิษสงแตกต่างกันไป

-บางชนิดเกิดความเสียหายต่อเซลลร่างกายเป็นอย่างมาก

-บางชนิดช่วยให้การติดเชื้อเป็นไปโดยง่าย แลัวลุกลามแพร่กระจายมากขึ้น

- ไวรัสทำให้เซลล์ที่ติดเชื้อผิดเพี้ยน นอกจากการทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อโดยตรงแล้ว ไวรัสยังก่อให้เกิดแอนติเจนใหม่ที่ผิวของเซลล์ที่ติิดเชื้อสร้างขึ้น
เนื่องจากอิทธิพลของไวรัสที่เข้าไปเกาะอยํ่ในเซลล์ แอนติเจนใหม่ที่เกิดขึ้น จะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้มีปฏิกริยาตอบสนอง ซึ่งนำไปสู่การทำงานเซลล์ และไวรัสบางชนิดสามารถเปลี่ยนแปลงตัวมันเองได้มาก เป็นเหตุให้ภูมิคุ้มกันครั้งแรกไม่สามารถป้องป้องร่างกายเมื่อมีการติดเชื้อครั้งหลัง และสิ่งที่สำคัญสามารถสร้างเป็นไวรัสพันธ์ใหม่ในนิวเคลียสของเซลล์โฮสต์ เป็นโปรตีนก็จะแตกตัวไปเกาะกับเซลล์ใหม่่ แล้วเข้าสูู่เซลล์ข้างเคียงต่อไป

ค่ะ เราจะเห็นได้ว่า ตัวไวรัสเป็นเชื้อโรคที่เป็นสารพิษที่เป็นอนุภาคในระดับเซลล์ และอะไรล่ะที่จะเป็นตัวกำจัดไวรัสได้ดีที่สุด ติดตามค่ะ

 

ตอนนี้โรค COVID ไม่มีตัวยารักษา

ก่อนรู้วิธีการแก้ ..ลองพิจารณาทีละประเด็น ๆ ไปก่อนค่ะ



นายแพทย์จ้าน ชิงหยวน ผู้อำนวยการแผนกป้องกันและรักษาโรคปอดอักเสบ ประจำโรงพยาบาลมิตรภาพจีน-ญี่ปุ่นในกรุงปักกิ่ง กล่าวเตือนระหว่างการแถลงข่าวของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ผู้ป่วยไข้ปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ซึ่งได้รับการรักษาจนหายดีแล้วนั้น ยังมีโอกาสกลับมาติดเชื้อซ้ำอีกได้เสมอ โดยสภาพการณ์เช่นนี้เสี่ยงที่จะทำให้ความพยายามยับยั้งโรคระบาดไม่เป็นผล

นพ.จ้านระบุว่า มีความเป็นไปได้สูงที่คนไข้บางส่วนจะกลับไปติดเชื้อ 2019-nCoV ได้มากกว่าหนึ่งครั้ง โดยความเข้าใจของคนทั่วไปที่ว่า ผู้ป่วยซึ่งหายดีและตรวจไม่พบเชื้อในร่างกายแล้ว จะมีภูมิคุ้มกันโรคติดตัวไปตลอดชีวิตนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

"โดยทั่วไปแล้ว ร่างกายคนเราจะสร้างแอนติบอดีขึ้นมาต่อสู้กับไวรัส แต่ในบางกรณี แอนติบอดีหรือภูมิคุ้มกันของบางคนก็อยู่ได้ไม่นานนัก" นพ.จ้านกล่าว

"เรายังไม่แน่ใจว่า ภูมิคุ้มกันของคนไข้ที่ฟื้นตัวแล้วจะแข็งแรงพอและอยู่คงทนไปได้ตลอด จนสามารถป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้หรือไม่"


นอกจากนี้ แพทย์อีกหลายคนยังแสดงความเห็นว่า ไวรัสนั้นสามารถกลายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว แม้จะมีภูมิคุ้มกันไวรัสสายพันธุ์หนึ่งอยู่ ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะสามารถต้านทานไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นภายหลังได้ด้วย

https://www.bbc.com/thai/features-51387974

 

วิธีที่กำจัดสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกายมนุษย์

1.ภูมิคุ้มกันทั่วไป
2.ภูมิคุ้มกันจำเพาะ

ภูมิคุ้มกันทั่วไป คือ สิ่งกีดขวางตามธรรมชาติภายในกลไกร่างกายมนุษย์ เช่น อาการไอ หรือ อาเจียนออกมา เป็นต้น

ภูมิคุ้มกันจำเพาะ ที่เรารู้กันอยู่ว่าร่างกายจะมีกลไกต่อสู้เชื้อโรค คือ เซล์เม็ดเลือดขาว จะเป็นเซลล์ที่เกิดกระบวนการในการกัดกินสิ่งแปลกปลอม เริ่มจากการประกบติด ต่อมาจะกลืน แล้วมีการย่อยด้วยกลไกภายในเซลล์ หลังจากนั้นจึงปล่อยสิ่งแปลกปลอมที่ถูกทำลายออกมาไปจากเซลล์

การก่อภูมิคุ้มกัน เป็นกลไกทางสรีระวิทยา การก่อภูมิคุ้มกัน หมายถึง ความต้านทานของร่างกายต่อสิ่งแปลกปลอมนานาชนิด และนอกจากนั้นระบบภูมิคุ้มกันยังทำหน้าที่กำจัดเซลล์ของร่างกายตนเองที่ตายแล้ว และทำลายเซลล์ที่ชำรุด เซลล์ที่ผิดปกติ เช่นเซลล์ที่ผ่าเหล่า เซลล์มะเร็งเป็นต้น

เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนัง ระบบหายใจ ระบบย่อยอาหาร ระบบหมุนเวียนเลือด ระบบสืบพันธ์

ร่างกายจะมีกลไกและกรรมวิธีที่จะหยุดยั้งและกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกาย หากไม่สามารถยับยั้งสิ่งแปลกปลอม ได้ ร่างกายจะมีกลไกขั้นต่อไป โดยใช้กลไกขั้นพิเศษซึ่งอยู่ในกระแสเลือดหรืออวัยวะบางแห่ง เข้ามาทำลายสิ่งแปลกปลอม

ระบบภูมิคุ้มกัน ประกอบด้วยระบบเซลล์จากระบบเลือด และระบบน้ำเหลือง ซึ่งได้แก่เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดต่าง ๆ เป็นเซลล์สำคัญในการต่อต้านทำลายสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่กระแสเลือด นำไปสร้างเป็นเซลล์จะแปรสภาพเป็นแมโครเฟจ ซึ่งทำหน้าที่โอบกลืน และทำลายสิ่งแปลกปลอม (ที่เรียกว่าแอนตี้เจน ที่เป็นสารพิษ เช่นเชื้อโรคร้ายไวรัสเป็นต้น)

กระบวนการกัดกินสิ่งแปลกปลอม เริ่มจากการประกบติด ต่อมาจะกลืนแล้วย่อยคายด้วยกลไกภายในเซลล์ จากนั้นจึงปล่อยสิ่งแปลกปลอมที่ํถูกทำลายออกไปจากเซลล์

การดูแลร่างกายด้วยการปกป้องสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแกร่ง เหมือนมีภูมิคุ้มกันให้ชีวิต

 

ข้อมูลนี้น่าสนใจเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในประจำวัน และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย



โดยพบว่า 80.9% ของผู้ติดเชื้อ มีอาการไม่รุนแรง 13.8% มีอาการรุนแรง และมีเพียง 4.7% ที่มีอาการวิกฤต โดยจำนวนการเสียชีวิตในกลุ่มผู้ติดเชื้อหรือที่เรียกว่า อัตราการเสียชีวิต ยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่ในกลุ่มผู้ติดเชื้อที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไป มีอัตราการเสียชีวิตสูงขึ้น

และเมื่อจำแนกเป็นเพศพบว่า ผู้ชายมีอัตราการเสียชีวิต 2.8% สูงกว่าผู้หญิงซึ่งอยู่ที่ 1.7%

ผลการศึกษานี้ยังระบุถึงอาการป่วยที่มีอยู่เดิมประเภทใดบ้างที่ทำให้ผู้ติดเชื้อมีความเสี่ยงสูงสุด ซึ่งได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นอันดับ 1 รองลงมาคือเบาหวาน โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง และความดันสูง

 

ก้ต้อง รออีกสักพัก

ให้คน ติดกันมากๆ ซ้ำๆ บ่อยๆ
มากพอจน เหนเหมือน เปนหวัด
ที่มีบ้างที่ that's tommorow.
( คนไทย รัอง เดด สา มอ เหล่ )

พอหาย แปดหอก ก้ จะขำคลีเล็ด
ออกไปทำงานกัน ตาม โปะติ

ส่วน พวกเฮียส่งมาเกิด ตายเยาะๆ
ก้ นะ... ปล่อยมัน อกตัญญู ม ต
ไม่พอ ต่อไป

 

ปล.ม ต คืออะไร

ม ต เปน อะไรที่ หัวขิงสักหลาด
หนักแผ่นดิน ต้องขุดขึ้นมา ขยี้
ให้ป่นปี้ ล้างน้ำ แล้วสาดลง ท่อ
ลงบาท ให้แหลก ทุกวัน