เคยมีใคร?วิจัยความตายมาบ้าง

คำตอบ ว่า สะสาร มันบริสุด มันเป็นสะสารเอกเทศแล้วหรือ ..คำตอบคือ ไม่จริง
เพราะ ใน สูตรเคมี เขียนออกมา มันก็ ยังเป็นสารประกอบ อยู่ดี และมันก็ อยู่ภายใน สนามพลังงานแม่เหล็กอยู่ดี มันก็แค่ รูปแบบนึง ของพลังงาน

แต่ ที่ต้องการค้นหาคำตอบคือ...อะไรคือ ชีวิต..?

 

มาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง...อะไรคือ....ชีวิต?
กับคำถามงี่เง่า ที่แม้แต่พระเจ้า ก็ตอบไม่ได้ ว่า พะจ้าวเกิดมาจากไหน.? บ้องไม้ไผ่ งั้นหรือ?
แม้ ไอสะตาย ให้ฟื้นคืนกลับมา ยังตอบไม่ได้.

 

สนามแม่เหล็ก จักรวาล เกิดจากอะไร?...นี่ก็อีกคำถามงี่เง่า
นักวิด บอก..บิกแบง...
พระพุทธเจ้าท่านกระซิบบอก เป็นการระเบิดธาตุรู้ ...(เสียงกระซิบส่วนบุคคล(ห้ามสงสัย)
...
ระเบิดธาตุ...ธาตุรู้...
ธาตุรู้มาจากไหน.? ทำไมต้องระเบิด?...นี่คนโงอย่างผม ถามต่ออีก

จะรอคำตอบนี้...หรือ จะลอง ตอบกันเอง...

 

ถ้าจะรอคำตอบ...ถึงได้คำตอบนั้นมา...ลองคิดดูว่า ตัวเอง ตนเอง จะเข้าใจในคำตอบนั้นมั้ย

หรือจะลองตอบเอง เพื่อให้ได้คำตอบที่สบายใจ หรือเพื่อให้ตนเองสบายใจ
ตอบเอง ดูท่าจะเหมาะกว่า เพราะ...เอาตามที่ตนเอง จะคิดได้ก็พอ
ส่วนคำตอบจะออกมาเหมือนกันหรือไม่..ย่อมไม่เหมือน...เพราะ ประชาทิปะไตไง...เอาที่ตนเองสบายใจ...

แค่รู้ว่า มีคำถาม เดียวกัน ก็พอ.แล้ว...ทำไม.?
ทำไม?
คำถามเดียวกัน จึงตอบไม่เหมือนกัน..

คำถามอันเดียวกัน
คำถามเหมือนกัน
คำถามเท่าเทียมกัน
ทำใม? ถึงตอบไม่เหมือนกัน

งั้น...อย่าเอาคำตอบ....เอาแค่คำถาม ก็พอ มั้ง?

 

คำถามอันเดียวกัน เหมือนกัน คล้ายกัน..ก็คือ

คนเราเกิดมาจากไหน?
คนเราเกิดมาทำไม?
ใครทำให้เราเกิดมา.?
เกิดมาเพื่ออะไร?

จะสงสัยที่คำถาม....หรือ จะสงสัยที่คำตอบ....ลองคิดดู

 

สมมุติ...ถ้าท่านได้คำตอบนั้นแล้ว...ท่านจะยังสงสัยอะไร สิ่งใด ต่อไป อีกหรือไม่?
ทำไม? คนถึง อยากรู้คำตอบ...ของทุกคำถาม..?

ถ้าคนโง่ๆอย่างผม บอกว่า...รู้ไปทำไม รู้แล้วได้อะไร? รู้ก็ตาย ไม่รู้ก็ตาย...

น่าจะถามว่า...ชีวิตมีอะไรสำคัญ?
คนโงๆอย่างผม ก็บอกว่า...จะสำคัญแบบไหน ดี สุข ทุก ปกติ

ตกลง เกิดมาแล้ว....เพื่ออะไร? ได้อะไร?

 

เกิดมาเพื่ออะไร? ได้อะไร?.....ควรถามหรือไม่..บางคนว่า มันแค่คำถาม ที่อยากรู้ เท่านั้น...นักวิดสาดเรียก สมมุติฐาน คนโง่เรียก ความสงสัย

ทำไมถึง สงสัย?

สงสัยเพื่อ?

 

เกิดมา...เพื่อ? แยก ส่วนประกอบ ของคำถาม ออกมา คือ
1 เกิด?
2.เพื่อ?

เพื่อ? ถามหาปลายเหตุ
เกิด? ถามหาต้นเหตุ

เขาว่า คำตอบมันอยู่ที่เดียวกัน ก็คือ ..ที่จุดจบหรือจุดเริ่มต้น..มันคือจุดเดียวกัน...ในเส้นรอบวง นั้น...

 

ใคร สามารถ ทำจุดจบ ให้เป็น จุดเดียวกัน กับจุดเริ่มต้นได้..คนนั้นจะรู้คำตอบ จะหายสงสัย....เพราะ คำตอบทั้งหมดทั้งมวล อยู่ ใน จุดนั้น

จุดนั้นก็คือ ..ในวงจรปฏิจสมุปบาท....จุดที่ อวิชา มันอยู่

 

จุดที่อวิชชามันอยู่ ที่ว่า เป็นจุดจบหรือจุดเริ่มต้น...ไปได้ สองเส้นทาง
คือ ไปโดย อนุโลม กับ ปฏิโลม...ไปได้ สองแบบ.....แปลเป็นไทย ก็คือ การ ไล่สภาวะ....บางคนเรียก การเดินฌาณ ..พูดเท่ๆเรียก การหมุนธรรมจักร

อนุโลม ปฏิโลม แปลว่า จะตามเข็มนาฬิกา หรือ จะทวนเข็มนาฬิกา
ขอแค่ ไปให้ถึง จุดที่ อวิชชาตั้งอยู่...เป็นพอ

 

สงสัยความตาย อยากตาย
แต่เวิ่นไปถึงสัตว์เซลเดียว
ตรูละหน่ายจิต


เอานิทาน อีกบ ไปฟัง

มีคนรู้จักคนนึง เกือบม่อง
ไปนอนเฝ้ารากมะม่วง

ฟื้นมาจาก icu เล่าหน้าตื่น
ไปเจอเมืองที่มีกำแพงอย่างสูง
เสียงเรียกเย้วๆๆ (คงไม่ใช่ทำนองแร๊ป)
อย่างน่ากลัว ไม่รู้จะอธิบายยังไง

เอาเราได้ฟังก็ หึหึหึ

คิดในใจว่ากรรมนิมิตร

เลยสะกิดคนรอบๆแก
บอกถ้าหายดีแล้ว พยายาม
อย่าเบียดเบียนสัตว์
ท่องศีลในใจไว้บ้างละกัน

เห็นแรกก็ไม่เชื่อ หลังๆคงโดนด่าเยอะ
เพลาๆลง


อยากตายก็ตามสบาย

เศษดินปลายเล็บท่องไว้
มันเล็กน้อยเท่าสัตว์เซลเดียว


จบปิ๊ง

 

สรุป ย่อ สั้น..ลงมาที่ การไล่วงจร การไล่สภาวะ ตามวงจร

เขียนวงจร ปฏิจสมุปบาท ขึ้นมา...

ตัวเรา ตัวอยู่ที่ มีรูปนาม... จะไล่สภาวะตามวงจร ตามเข็มนาฬิกา จะทำได้ยาก ก็ มาติดตอนที่ ถึงด่าน มรณะ.. ...บางคนเรียก สภาวะอรูป...
สภาวะอรูปคือ เปรียบเทียบ ว่า ตนเองตาย เข้าสู่ขั้น มรณะ.
1..เพื่อเข้าสู่สภาวะจิตดวงเดียว..โดยการนั่งสมาธิ.(พักเอาไว้ก่อน)

2.บางคนฝึก สติปัฏฐานสี่เพื่อ ให้เข้าถึง สภาวะ อรูป เหมือนกัน..

แต่ เป็นสภาวะอรูป ที่แตกต่างกัน..ต่างกันตรงไหน?

นั่งสมาธิ เป็นการฝึกไล่สภาวะฌาณ ตามเข็มนาฬิกา...ตามวงจรปฏิจ
สติปัฏฐานสี่ เป็นการไล่สภาวะฌาณ ทวนเข็มนาฬิกา..ตามวงจรปฏิจ
.

 

ช่างโคตรแมร่งมันเถอะ...นะครับ

และช่างแมร่งกรูเถอะ..นะครับ

ไม่ต้องมาให้หมาเห่านะ รำคาญ...

 

สรุป ในวงจร ปฏิจสมุปบาท ..
หลังมรณะ..ไป....
หรือ ก่อนจะเกิดมี.....รูปนาม คือ สภาวะ อรูป คือสภาวะ ของขันธ์ ที่ ประกอบกัน ขึ้นมา เป็นสัด.....ที่นี่คือ ที่อยู่ของ อวิชชา คือ จุดจบและจุดเริ่มต้น จุดเดียวกัน...อยากรู้อะไร..ให้มาถามที่ตรงจุดนี้ อยากค้นหาคำตอบอะไร ให้มาค้นหาได้ที่ตรงจุดนี้...มีคำตอบครบหมดเลย

 

ถ้าพูดอะไรให้ไปกระเทือนสังขารก็ขออภัย

แต่เห็นสภาพแล้ว แค่อยากเตือนสติ
ก็เห็นไล่ด่าเล่าปังอย่างเมามันส์
ก็ไม่คิดว่าจะอ่อนไหวแบบนี้

ผมผิดเอง งั้นไปละ
ขอโทษ ตามสบาย

 

เห็น...ผม ไล่ด่า...เล่าปัง..

เห็นผม......แล้วสะเทือนใจ
ว่าไล่ด่า....มันสะเทือนใจ
เล่าปังโดนด่า...สะเทือนใจแทน

...
สะเทือนใจเพื่อ? สะเทือนใจทำไม? ได้อะไร?

ไปละครน้ำเน่า ที่อื่นไป...

 

อืม. โดนเลยตรู

ผมว่าคุณรุ่นพ่อผมนะ
แต่จากคำพูดในที่สาธารณะนี่แบบ

จิกกัด กระแทก อะไรก็กรองคำบ้าง
อย่างเฮียเล่าปังนี่ เรียกว่าใช้คำได้ฮา

มันบ่งบอกวุฒิภาวะ และ การศึกษา

ok รู้ละ คุณคือคนที่ผมจะไม่อยากพูดด้วยอีกคน

ถ้าขอโทษแล้วยังด่ากันอีก ก็จบไป

 

ไอ้จานลายเล่าปังคุง มันชอบ เอา ความคิดของมัน เข้าร่วม ผสม ปรุงแต่ง เวลาที่มันคุยกับคนอื่น เพื่อข่มทับคนอื่น เพื่อให้คนอื่นเห็นว่า มันมี ตาทิพย์ กายทิพย์..อยากให้คนอื่นเกรงมัน.สันดานชั่วประกอบตลอด ..ที่ด่า มันผิดตรงไหน มันสมควร แล้ว

 

ก็คิดเอาเลย เอาที่สบายใจ....คิดว่าผมด่า ก็คิดไป
ตามสบายคิด..คิดตามสบาย...

 

เข้าใจคำว่า ไม่ต้องมาให้หมาเห่ามั้ย?

หมายถึง ไม่ต้องเอาตาทิพย์มาส่อง ไม่ต้องเอากายทิพย์มาส่อง..เพราะมาทีไร หมาที่บ้าน มันเห่า ไง...ด่าใครตรงไหนวะ

อ่านแล้วไม่เข้าใจ มาลงที่กรู..ทุกที