พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
เรียนคุณ.......
ผมจะพยายามทำแค่เลือดซิบๆ แต่ผลที่ได้ก็ตามที่ผมบอกครับ

.
</TD></TR></TBODY></TABLE>

อย่าตีตนไปก่อนไข้เด้อ ไม่มีปัญหาใดๆ ต้องรอดูกันต่อไปน๊ะจ๊ะ จะบอกให้

.

 

มีข่าวดีมากๆ นับเป็นเรื่องที่ต้องภูมิใจมากๆสำหรับตัวผมเอง

แต่จะเป็นเรื่องอะไรนั้น โปรดติดตามในวันงานบุญ วันที่นัดพบกันครับ

มหาโมทนาสาธุครับ

.

 

ได้ยินแว่วๆมาไกลๆ น่าจะถึง 50 คน

ท่านที่ไปร่วมงานก็ไม่น้อยกว่า 35-40 ครอบครัว มากจริงๆครับ

.

 

ไว้เจอกันอีกครั้ง วันอังคารที่ 8 เม.ย.51 นะครับ

โมทนาสาธุครับ

.

 

ขอบอกกล่าวให้ได้ทราบ และระมัดระวังกันไว้ หากไปกล่าวว่าพระปัญจสิริเก๊กับผู้ใด ดูคนที่เขาเอามาให้ดูกันหน่อยนะครับ คนทั่วไป เขาไม่ไปถือสาผู้ว่ากล่าวหรอก เขาคงคิดเพียงว่า "รู้น้อยว่า รู้มาก" + หัวเราะในใจ

หากไปกล่าวว่าพระปัญจสิริเก๊กับผู้ที่ได้รับพระราชทานจากพระหัตถ์ของพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์หนึ่ง อันนี้ต้องระมัดระวังให้มาก เพราะเขาเอาข้อหาหมิ่นเบื้องสูงเป็นข้อหาสุดท้าย

 

พระปัญจสิริ คืออะไร และเกิดจากอะไร ?

ปัญจคือ ๕
สิริ คืองดงาม ความดี เช่นสิริโฉม คือรูปลักษณ์งดงาม ฯลฯ

พระปัญจสิริ คือพระที่รวมความงดงามไว้ครบ ๕ ประการ (ธาตุ คือดิน น้ำ (ลม) ไฟ ไม้ ทอง)

ในสมัยรัชกาลที่ ๕ มีการติดต่อการค้ากับทางประเทศจีน(ขอเน้นที่ประเทศนี้ ทั้งๆที่ในรัชสมัยของพระองค์ท่าน ยุคการล่าอาณานิคมจากต่างชาติได้เริ่มจากตั้งแต่รัชสมัยของรัชกาลที่ ๔ ด้วยซ้ำไป จึงต้องโอนอ่อนผ่อนตามหลายเรื่อง ให้ศึกษาประวัติศาสตร์ช่วงนี้เอา) ผมจะลองเชื่อมโยงเรื่องราวของจีนบางเรื่องที่เกี่ยวพันกับที่มาของพระปัญจสิริ โดยอาศัยเค้าโครงจากประวัติศาสตร์ และบทพระราชนิพนธ์ แล้วท่านที่สนใจก็ลองค้นคว้าเจาะลึกเอา อย่าคาดเดาโดยส่งเดช ยังมีรายละเอียดอื่นอีกมากมายที่เหนือภูมิความรู้ในขณะนี้..

บทความนี้ผมเพียง search จากการค้นหาที่ google เพียงพิมพ์แค่ ๒ คำเข้าไปเท่านั้น คือ จีน และ ร.5 เท่านั้น ก็พบข้อมูลที่อยากทราบแล้ว ยังไม่ได้เจาะจงจะค้นหาเรื่องที่ต้องการด้วยซ้ำไป..

<TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">'นามถนน' มรดกความทรงจำสมัย ร.5 </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%"></TD><TD class=buttonheading align=right width="100%"> </TD></TR></TBODY></TABLE><FORM action=index.php method=post>คุณคิดอย่างไรกับการนำเสนอข่าวหรือบทความนี้: / 3
ควรปรับปรุง<INPUT type=radio alt="vote 1 star" value=1 name=user_rating><INPUT type=radio alt="vote 2 star" value=2 name=user_rating><INPUT type=radio alt="vote 3 star" value=3 name=user_rating><INPUT type=radio alt="vote 4 star" value=4 name=user_rating><INPUT type=radio alt="vote 5 star" CHECKED value=5 name=user_rating>ดีมาก <INPUT class=button type=submit value=ให้คะแนน name=submit_vote><INPUT type=hidden value=vote name=task><INPUT type=hidden value=0 name=pop><INPUT type=hidden value=com_content name=option><INPUT type=hidden value=0 name=Itemid><INPUT type=hidden value=516 name=cid><INPUT type=hidden value=/index.php?option=com_content&task=view&id=516&Itemid=0 name=url></FORM><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width="70%">เขียนโดย กัณฐิกา ศรีอุดม </TD><TD class=createdate vAlign=top>พฤหัสบดี, 23 กุมภาพันธ์ 2006 </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>กรุงเทพฯ สมัยรัชกาลที่ 4 มีการขุดคลองและตัดถนนเชื่อมพระบรมมหาราชวัง อันเป็นศูนย์กลางความเจริญของบ้านเมืองออกไปถึงชานพระนคร ถนน และคลองนั้น
มีนามอันไพเราะ เป็นดั่ง 'พร' ที่กษัตริย์ทรงตั้งความปรารถนาให้บังเกิดความ 'เจริญกรุง' 'บำรุงเมือง' 'เฟื่องนคร' และ 'ผดุงกรุงเกษม' ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีการสร้างพระราชวังสวนดุสิต พระราชอุทยานขนาดใหญ่นอกกำแพงพระนครด้านทิศเหนือ มีการตัดถนนเพื่อเชื่อมวังสวนดุสิตเข้ากับพระบรมมหาราชวังและกับพื้นที่อื่นๆ ถนนเหล่านั้นก็มีนามอันเป็นพรแก่พระมหานคร และยังได้สะท้อนความทรงจำเรื่อง 'สวนขวา' สถานที่สำราญพระราชหฤทัยในพระบรมมหาราชวังที่สืบมาจากสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ด้วย
สวนขวาของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ตั้งอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ถือเป็นสวนในบ้านแบบจีน และถือเป็นจุดเริ่มต้นของการแสวงหาเครื่องถ้วยและของตกแต่งจากจีนมาประดับเรือนและแต่งที่บูชา ความนิยมเสาะแสวงหาเครื่องถ้วยได้แพร่หลายไปยิ่งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 เมื่อมีการเลือกเฟ้นเครื่องถ้วยชิ้นงามๆ ที่มีลวดลายเดียวกันมาจัดตั้งเป็นโต๊ะบูชาแบบจีน เรียกกันว่า 'การเล่นเครื่องโต๊ะ' และมีการประกวดเครื่องโต๊ะแข่งขันกัน พ่อค้าจีนในสยามจึงออกไปจัดทำและซื้อเครื่องถ้วยชามจากเมืองจีน เพื่อให้ต้องกับรสนิยมของชาวสยามที่ต่างไปจากความนิยมในเมืองจีน มีแม้กระทั่งการสั่งทำเครื่องโต๊ะจากเมืองจีนในลวดลายที่นิยมกัน 26 ชิ้น ให้เป็นลายเดียวกันทั้งโต๊ะ แล้วส่งเข้ามาขาย จนกลายเป็นมาตรฐานการเล่นเครื่องโต๊ะของไทยในเวลาต่อมา เมื่อสมเด็จพระปิยมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้นำชื่อลวดลายต่างๆ ของเครื่องถ้วยจีนที่นิยมสะสมและประกวดกัน มาตั้งชื่อถนน สะพาน เกาะ พระที่นั่งและตำหนักต่างๆ ในวังสวนดุสิต จึงสะท้อนให้เห็นทั้งความนิยมในการเล่นเครื่องโต๊ะในยุคของพระองค์ และ 'ความทรงจำ' จากสวนขวาในพระบรมมหาราชวังที่มาปรากฏในวังสวนดุสิต
วังสวนดุสิตนั้นเติบโตขึ้นไปทางเหนือของพระนคร มีการสร้าง ถนนสายสั้นๆ หลายสายเชื่อมต่อกันจนเป็นถนนสายยาว 'ชื่อ' ของถนนและสถานที่บางแห่งมีความหมายอันเป็นมงคลตามคติชาวจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลวดลายที่เรียกกันว่า 'ฮก ลก ซิ่ว' ในภาษาแต้จิ๋ว ตัวอย่างเช่น ถนนฮก หมายถึงความสุขสมหวังดังใจปรารถนา ถนนพุดตาน คนจีนเชื่อว่าดอกพุดตานหรือโบตั๋นเป็นพญาดอกไม้ เป็นเครื่องหมายของโชควาสนา ถนนลก หมายถึงความบริบูรณ์ทั้งโภคทรัพย์และบริวาร ถนนทับทิม คนจีนเชื่อว่าทับทิมเป็นผลไม้ที่มีเมล็ดมาก เป็นสัญลักษณ์ความบริบูรณ์ หรือการมีบุตรสืบสกุลจำนวนมาก ถนนเต๊ก เต๊กแปลว่ากวางดาว มีลายขาวพร้อยเหมือนเหรียญอีแปะ แสดงถึงโภคทรัพย์ ถนนราชวัต แปลว่ารั้ว ในที่นี้คือลายลูกคลื่นหรือน้ำ อันเป็นที่มาของความมั่งคั่ง เมื่อเขียนลายรีดๆ ผอมๆ ในที่แคบ จึงได้เป็นรูปรั้ว หรือลายราชวัต ถนนซิ่ว หมายถึงอายุยืนยาว ถนนประแจจีน ได้ชื่อมาจากลายประแจจีน แสดงถึงความยืดยาว หรือซิ่ว
นอกจาก 'ฮก ลก ซิ่ว' แล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงอวยพรราชสำนักแห่งนี้ด้วยคำมงคลอื่นๆ เช่น ถนนซางฮี้ อันแปลว่าความสุขสองเท่า
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 มีการประกาศเปลี่ยนนามถนน 18 สายในพระนคร ชื่อถนนที่ตั้งขึ้นใหม่ในเขตดุสิตครั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นความทรงจำใหม่ที่มีต่อยุคของรัชกาลที่ 5 โดยถนนลก ได้ชื่อว่าถนนพระรามที่ 5 เพื่อระลึกถึงกษัตริย์ผู้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังดุสิต ส่วนถนนอื่นๆ โดยรอบก็ถูกเปลี่ยนชื่อเช่นกัน เช่น ถนนซางฮี้ กลายเป็นถนนราชวิถี ถนนเบญจมาศ คือถนนราชดำเนินนอก ถนนราชวัต ได้รับนามว่าถนนนครชัยศรี เป็นต้น ปัจจุบันยังมีชื่อถนนสายสั้นๆ ที่ตกค้างเป็นอนุสรณ์ของยุคสมัยแห่งการเล่นเครื่องโต๊ะ บ่งบอกลักษณะและสีของเครื่องถ้วยอยู่ในเขตดุสิตด้วย คือถนนสังคโลกอันหมายถึงเครื่องถ้วยสุโขทัย ถนนขาวหมายถึงเครื่องถ้วยจีนเนื้อดีชั้นเยี่ยมสีขาวสะอาด และถนนเขียวไข่กาซึ่งหมายถึงเครื่องถ้วยเคลือบสีเขียวหม่นเหมือนหยก นอกจากนั้น ก็ยังมีชื่อที่ตกค้างอยู่ในความทรงจำของผู้คน โดยไม่มีชื่อถนนเหลืออยู่อีกต่อไป เช่น ซังฮี้ (จากชื่อซางฮี้เดิม) ที่กลายมาเป็นชื่อเรียกสะพานกรุงธนบุรีและสี่แยกก่อนขึ้นสะพาน หรือราชวัตร (จากเดิมราชวัต) ที่กลายมาเป็นชื่อย่านเก่าใกล้สถานีรถไฟสามเสน
ชื่อเหล่านี้ เป็น 'ความทรงจำ' จากรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ยังคงปรากฏอยู่ในปัจจุบัน
หมายเหตุ : เก็บความจากเรื่อง 'พร' ของพระนครในสมัยรัชกาลที่ 5 โดย อ.กัณฐิกา ศรีอุดม คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้สนใจโปรดติดตามบทความฉบับเต็มใน วารสารเมืองโบราณ ปีที่ 32 ฉบับที่ 1 (มกราคม-มีนาคม พ.ศ.2549) ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจรายวัน(จุดประกาย)23/02/49

</TD></TR></TBODY></TABLE>http://archaeology.thai-archaeology.info/index.php?option=com_content&task=view&id=516&Itemid=0

พระสมเด็จฮก ลก ซิ่ว คืออีกพระนามหนึ่งของสมเด็จปัญจสิริ นั่นเอง

 

ใครจะไปทำร้ายเจ้าโดมันได้.. อิทธิคุณที่มีกระแสเมตตามากมายขนาดนั้น ใครเห็นก็อยากจะกอดรัดฟัดเหวี่ยงซะงั้น ขนากเอาไว้ในรถ ยังไม่ได้ใส่ ยังมีคนช่วยเหลือมากมายขนาดนั้น วันพุธหน้าจะลองแขวนเดี่ยว ไปสมัครงานดูอิทธิคุณแห่งน้ำว่าน จะได้นำมาบอกกล่าวกัน ไม่ต้องไปใช้เงินเป็นล้าน มันเวอร์เกิน ขอเพียงมีศรัทธา และวาสนาเท่านั้น บางครั้งจะได้รับกันฟรีๆ

 

ร่วมด้วย ๙ บาทครับ ๑๖ นิ้ว เป็นกำลังพระโสฬสมงคล เมื่อนำเลข ๙+๑+๖=๑๖ อีก จึงรวมความเป็นโสฬสมงคลโดยแท้ สาธุ..

 

กำหนดเวลากันไปเลย ท่านใดมีข้อมูลที่จะนำเสนอ ก็เสนอกันไปในช่วงเวลานี้ รวมทั้งท่านใดจะ certify พระวังหน้าปลอม หรือเก๊ หรือไม่มีจริง ก็ขอแบบที่"รู้จริง" กลัวว่า ไม่รู้ว่าไม่รู้

เห็นว่า ยังไม่ได้เวลา จึงถล่ม ยังไม่ได้ รอวาระเวลาก่อน ท่านผู้เสียหายที่รู้ตัวว่าถูกเซียนหลอกก็เข้ามาแสดงตัวกันได้

 

มีเรื่องมาเล่าสู่กันฟังอีกแล้วครับท่าน วันนี้ไสลับยางถ่วงล้อรถ เน้นนะครับว่าคนละสาขากับคราวที่แล้ว ปรากฎว่าเมื่อสอบถามว่าเท่าใดครับ ก็ได้รับคำตอบเหมือนครั้งก่อนว่าบริการให้ครับ ทั้งๆที่ควรชำระประมาณ 300บาทครับดีครับจะได้เก็บเงินไปทำบุญต่อครับ

 

กำลังโม้อยู่ครับ เป็นไงครับวันนี้ท่องยุทธจักรกับไปไหว้พระที่วัด....อลังกาลไหมครับ

 

วันนี้ได้พี่ผู้ใจดี(แต่ยั่วหน้าดู)แอบนำพระพิมพ์หลายอย่างมาเพิ่มความรู้ให้ครับ
อลังการ มากๆเช่นกันครับ เช่น สมเด็จพิมพ์........(ผมไม่สามารถหาได้เลยสักองค์แต่พี่ท่านมีเพียบ)และ(แอบให้ศึกษา)พระพิมพ์กรุโลกอุดร กรุ 1 2 หลากพิมพ์จำนวนมาก(ไม่เคยเห็นเลย)ครับ สาธุ สาธุ และสาธุ ครับ พี่เขายังฝากมาแซว ท่านปา-ทานด้วยครับ ว่าต้องเปลี่ยนจากคุณหนุ่ม เป็นคุณหนุ่มม๊ากมากครับ 5555(พี่ครับ ผมแซวให้แล้วอย่าลืมที่ตกลงกันไว้นะครับ5555)(ping)

 

น่าชื่นชมศิษย์พี่ที่ใช้บุญต่อบุญ ได้บุญเป็นทวี

ได้พระเครื่องดีๆ มาให้บูชา ไม่เคยรับเงินเป็นประโยชน์ส่วนตัว

ได้พระเครื่องมาจากปัจจัยส่่วนตัว(มากพอสมควร) เมื่อได้พระเครื่องมา

ไม่ได้นำมาค้าขายเข้ากระเป๋า แต่ให้นำเงินเข้าวัดหรือสถานที่ทำบุญโดยตรง

ต้องถือได้ว่า กำลังใจศิษย์พี่สูงจริงๆ น่าชื่นชมครับผม....

 

เมื่อวานนี้พวกเราได้ครบถ้วน3อิ่มครับ
1.อิ่มบุญที่ได้ทำบุญกันถึง3งาน
2.อิ่มความรู้เช่นเคยจากอ.ปู่ประถม และพี่ๆ
3.อิ่มอาหารข้าวก้นบาตร และขนมหวานที่แสนอร่อยครับ
และก็เป็นปรากฎการณ์ที่แปลกนะครับ ฝนได้โปรยปราย บางๆตั้งแต่เช้าสลับหยุดจนกลับเลยครับ (^)

 

ขอขอบคุณทุกท่านที่ริเริ่มและช่วยกันจัดงานนี้จนลุล่วงด้วยดีครับ(||)

 

สำหรับงานบุญ( 6 เมษายน 2551) "งานสรงน้ำ พระบรมสารีริกธาตุ ,พระธาตุ ,งานสรงน้ำหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และงานแสดงมุทิตาจิต ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร" ก็ได้ผ่านไปอย่างด้วยดีและเกินความคาดคิดหรือความคาดหมายมาก เดิมจะจัดกันในวงแคบๆ คิดว่าจะมีผู้ไปร่วมงานไม่เกิน 10-15 ท่าน แต่ต่อมาผมมานั่งคิดว่า ถ้าหากจะทำกันเพียงแค่นั้น ท่านอื่นๆ ก็อาจจะตำหนิผมได้ว่า ทำไมงานใหญ่เช่นนี้ไม่เชิญหรือไม่บอกกล่าวกันเพื่อที่จะไปร่วมงานบุญ ผมก็เลยเชิญท่านที่เคยร่วมงานกันมาหลายๆครั้ง เพื่อมาร่วมงานบุญนี้กัน

สำหรับงานบุญที่ผ่านมาสดๆร้อนๆ เป็นการรวบรวมงานบุญหลายๆงาน เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ ในการร่วมมือ ร่วมใจ ร่วมแรงกันหลายๆฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นพี่จิ๋ว(ลูกชายท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร) ,พี่แอ๊ว ,คณะลูกศิษย์ของพระอาจารย์รูปหนึ่ง และอีกหลายๆท่าน ร่วมด้วยช่วยกันทำให้งานนี้สำเร็จ สำเร็จ สำเร็จ ลุล่วงไปด้วยดีตลอดทั้งวัน

โมทนาสาธุครับ

.

 

สำหรับรายละเอียดของงานบุญนั้น ผมได้ตอบตกลงพี่ตุ่น(พิมพาภรณ์) ซึ่งทางคุณยายผีป่าได้ติดต่อมาทางพี่ตุ่น ว่าให้ผมช่วยเขียนเรื่องราวของงานบุญในวันนั้น นำไปลงนิตยสารพลังจิต

ผมเองก็ได้ตอบตกลงไปแล้ว โปรดติดตามอ่านได้ในนิตยสารพลังจิตนะครับ

โมทนาสาธุครับ

.

 

ผมยังไม่รู้เลยครับว่าเรื่องอะไร ไม่ค่อยได้คุยกับใครครับต้องคอยดูลูกด้วย

 

สำหรับงานบุญ มีการร่วมกันทำบุญหลายๆงานกัน

1.งานสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ่ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ

2.งานสร้างศาลาปฎิบัติธรรม ที่จังหวัดเชียงใหม่

3.งานถวายพระพุทธรูป ของน้องchaipat

ส่วนงานบุญย่อยก็มี

1.ผมถวายตะกรุด (ได้รับการอธิษฐานจิตโดยพระอภิญญาใหญ่ เท่าที่ผมทราบคือหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ,หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ,หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ,หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ฯลฯ) ถวายพระอาจารย์รูปหนึ่ง และพระอาจารย์ท่านได้แจกผู้ที่มาร่วมงาน แต่เนื่องจากตะกรุดไม่เพียงพอ ก็มีบางท่านไม่ได้รับไป ท่านอาจารย์ประถม ท่านบอกผมว่า หนุ่ม ปู่ยังไม่ได้ตะกรุดเลย ผมก็เรียนท่านว่า ไว้ผมจะนำมาฝากปู่อีกครั้งนะครับ

2.ผมถวายพระสมเด็จกรมท่าหลังเบี้ย (ซึ่งได้รับการอธิษฐานจิต โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี) และมีการสร้างและอธิษฐานจิตก่อนปี พ.ศ.2415 ซึ่งมีลงรักทั้ง 3 รักทั้งรักไทย(สีดำ) ,รักสมุ(รักพม่า สีน้ำเงิน) และชาด (รักจีน สีแดง) กับพระอาจารย์รูปหนึ่ง และพระอาจารย์ได้แจกผู้ที่มาร่วมงานกันทุกท่าน

3.ผมได้นำ CD ที่คุณเพชรฝากผมไว้ เพื่อมอบให้กับผู้ที่ร่วมทำบุญในกระทู้ "สร้างบุษบกประดิษฐานพระโมคคัลลานะรับมอบพระธาตุโมคคัลลานะ และพระกรุลำพูนอายุ๕๐๐-๗๐๐ ปี "

ในช่วงท้ายงาน ผมเองก็ได้มอบพระสมเด็จอกครุฑ รุ่น 1 ซึ่งเป็นพิมพ์ใหญ่ ให้กับผู้ที่ยังคงอยู่ในงานจนสุดท้ายของงานกันด้วยครับ

ส่วนในวันรุ่งขี้น ผมได้อัญเชิญพระบูชา หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ซึ่งสร้างขึ้นโดยใช้มวลสารคือ ปูนเพชร มีความสูงประมาณเกือบๆ 2 ฟุต ถวายพระอาจารย์รูปหนึ่ง เพื่อนำไปประดิษฐานที่ศาลาปฎิบัติธรรม ที่จังหวัดเชียงใหม่

เชิญทุกๆท่าน มาร่วมกันโมทนาบุญนะครับ

โมทนาสาธุครับ

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
มีข่าวดีมากๆ นับเป็นเรื่องที่ต้องภูมิใจมากๆสำหรับตัวผมเอง

แต่จะเป็นเรื่องอะไรนั้น โปรดติดตามในวันงานบุญ วันที่นัดพบกันครับ

มหาโมทนาสาธุครับ

.
</TD></TR></TBODY></TABLE>

เป็นเรื่องที่พระอาจารย์รูปหนึ่ง ท่านรับนิมนต์มาในงานนี้ครับ

ส่วนเรื่องอื่นๆ ต้องสอบถาม พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ นะครับ ผมเองก็ไม่ได้มีโอกาศคุยกับท่านอื่นๆมากนัก ต้องจัดเตรียมและดูแลเรื่องงานค่อนข้างมากอยู่ครับ

.