มีคำทำนายภัยพิบัติ พระยาธรรมที่ท่านทั้งหลายคิดว่าเชื่อถือได้กันบ้างหรือเปล่า

"ความคิดเราคือความคิดท่าน
ความคิดเราท่านรู้ทุกอย่าง"

 

มนุษย์ทุกคนถ้ามีจิตใจที่บริสุทธิ์ สำนึกถึงความผิดที่ตนได้กระทำมา มีจิตใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ด้วยจิตใจบริสุทธิ์ไร้มารยา ขอขมาต่อสิ่งที่ทำผิดพลาดด้วยความจริงใจ ทุกคนสามารถเป็นพุทธะได้ พุทธะไม่มีทุกข์ไม่มีจิตใจคิดเบียดเบียนมีแต่เมตตา มันเป็นสุขที่อธิบายได้ยากมาก ผู้เข้าถึงแล้วจะรู้เอง เราได้เข้าถึงเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ1วันที่มีความสุข ไม่เคยได้ประสบมาก่อนในชีวิตย้ำว่ามนุษย์ทุกคนสามารถเป็นพุทธะได้....
....ขอบคุณท่านที่ตามปกป้องคุ้มครองเรามาโดยตลอด ตามส่งเราในการเดินทางที่ผ่านมา เรารู้เราเข้าใจ เราสำนึกในบุญคุณของทุกคน ผู้ที่มีสิ่งพิเศษติดตัวมา ส่วนเราไม่มีสิ่งพิเศษใดๆเลย มีเพียงความปรารถนาดีต่อมนุษย์ทุกคนและสัตว์ทุกชีวิต อยากให้มีความสุขความสามัคคีก็เท่านั้น...เรามีเพียงเท่านี้
....ทุกท่านมีความรู้มากกว่าเรา ทุกท่านมีความสามารถมากกว่าเราทุกท่านมีความสามารถที่จะสั่งสอนผู้คนให้เข้าถึงความเป็นพุทธะได้ทำไมต้องรอเรา ทำไมต้องเป็นเรา เราสงสัยเรื่องนี้มากช่วยตอบให้หายสงสัยที ...ท่านทุกคนที่มีความสามรถทางจิตล้วนเป็นสิ่งที่ติดตัวมา ทุกท่านมาจากสวรรค์ทั้งสิ้นแต่เรานี่สิ เรามาจากนรกขุมไหนไม่อาจทราบได้..

 

คนที่รอผู้ที่ว่าพระศรีอาริย์ส่วนใหญ่ จะรอเพราะคาดหวังว่าจะมีชีวิตสุขสบายครับ

ผมโตมากับตำนานพระศรีอาริย์เลยแหละ ฟังเทศน์ฟังธรรมเข้าวัด ก็ถูกสอนให้ทำบุญทำทานรักษาศีลกันเยอะ ๆ แล้วอทิษฐานว่าให้ได้ไปเกิดในยุคพระศรีอาริย์กัน

ตัวผมเอง ก็รอพระศรีอาริย์เหมือนกัน
รอฟังธรรม รอฟังความจริง

แต่ผมยังจะต้องเกิดดับต่อไปหลังยุคพระศรีแน่นอน แต่ก็ไม่แน่ว่าผมจะได้เจอกับท่านในยุคของท่าน
เพราะผมปรารถณาพุทธภูมิ ที่ว่าอาจจะไม่ได้เข้ายุคพระศรีก็เพราะว่าผมเองก็น่าจะมีกรรมเยอะอยู่

ส่วนในยุคกลางศาสนานี้
ผมว่าคนที่มาน่าจะไม่ใช่พระศรีอาริย์

ถ้าเป็นพระศรีอาริย์ท่านคงจะไม่ลงมาเพื่อบรรลุธรรม อาจจะทำเพียงสั่งสอนธรรมะเบื้องต้นเท่านั้น หรือไม่ก็เป็นนักปกครอง

ผมไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายท่านจะมีภาคแบ่งจิต หรือยังทำงานอยู่สักเท่าไร และผมก็อยากรู้ตรงนี้มากครับ เพราะถ้าพวกท่านทั้งหลายยังทำงานอยู่ ป่านนี่สัตว์คงพ้นทุกข์ไปเยอะกว่านี้
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
คนที่ยังมีวาสนาไม่ถึงที่จะบรรลุธรรมก็ยังมี ท่านอย่าได้สงสัยเลยว่า ทำไมเขารอพระศรีอาริย์กัน

บางคนพ้นได้แต่ก็ยังหลง
บางคนวาสนาไม่ถึงก็เลยรอ
บางคนมีจุดประสงค์ในการอยู่ให้ถึงยุคพระศรีเพื่อที่จะมีชีวิตสุขสบาย
บางคนก็อยู่เพื่อต้องการจะเรียนรู้ หรือได้ชื่นชมบารมี หรืออยู่เพื่อหวังได้ฟังคำตอบที่ตนยังติดขัดข้องใจอยู่
ธรรมดาของโลกน่ะแหละครับ

คนที่มีความปรารถณาอยู่ เขาก็อยู่เพื่อรอให้ได้ในสิ่งที่ตนคาดหวังกันทั้งนั้น

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม มโนกรรมมาอย่างนี้ พฤติกรรมก็เป็นไปตามนั้น
วิบากกรรม ที่เป็นผลสพท้อนจากกรรมที่เราก่อ ก็มีผลให้เราเป็นไปตามวิบากกรรมที่เราต้องเผชิญเหมือนกัน

////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ถ้าขอพรอะไรได้สักข้อ อยากขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ว่าไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไร ขอให้ผมมีสติปัญญาที่เฉียบแหลม แต่มีใจเอื้อเฟื้อต่อสัตว์ที่มีอะไรด้อยกว่าตนเสมอ ตั้งแต่ชาติหน้าและตลอดไป.. และอย่าได้ลืมว่าผมปรารถณาพุทธภูมิ จนกว่าผมจะสามารถบรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งได้

 

*** สัจจะธรรม ****

ผู้คนหลากหลายจะเสียใจ
เสียดายเวลาที่ผ่านไปในชีวิต
เมื่อรู้ว่าคำสอนของคนที่รอคอย
คือ "สัจจะ"

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

สิ่งที่ท่านดลใจให้เราเข้าไปฟัง มันเป็นความรู้สึกลึกๆในใจเรา มันเป็นจิตใต้สำนึกของเรา เมื่อฟังไปก็น้ำตาไหลไปด้วย เราไม่อยากเชื่อว่าเราจะมีบุญบารมีมากมายขนาดนั้น แต่ชาตินี้ทุกวันนี้มันต่างกันราวฟ้ากับดิน เราไม่มีแม้เงินจะติดบันชี ใช่เราอาจจะเคยปรารถนาพุทธภูมิหากชาตินี้มีวาสนาได้บวชอีกครั้ง เราจะทำให้ถึงที่สุดเมื่อเวลามาถึงคงหนีไม่พ้น...คำใดเป็นคำตรัสพระพุทธเจ้า ย่อมเปลี่ยนแปลงไม่ได้ คำใดเป็นคำพูดจากปากพระอรหันต์ในอดีตที่ผ่านมาทุกคำย่อมเชื่อถือได้...
....เรายังเดินต่อไปพร้อมกับหาคำตอบให้กับใจตนเอง เราเกิดมาทุกชาติเราก็ตั้งอยู่ในศีลในธรรมทุกชาติ ชาตินี้ก็เช่นเดียวกัน..
...วันนี้พอแค่นี้ไม่มีความสงสัยอะไรแล้ว และไม่มีอะไรจะถามพวกท่านแล้ว เราหาคำตอบอดีตชาติของเราได้สองชาติแล้ว...ท่านบางคนในนี้อดีตชาติเคยเป็นอาจารย์ของเรา..

 

ในโอกาสต่อๆไปอีกไม่นานเราจะเอาประสบการณ์ที่เราได้กระทำมา วิธีปฏิบัติฝึกฝนตนเอง วิธีถอนรากราคะเหตุแห่งการเกิด มาบอกเล่าให้พวกท่านฟัง จะได้นำไปปฎิบัติ แต่ต้องยอมเสี่ยงยอมตายก่อน ให้คิดเสมอว่าเกิดมาก็ต้องตายอยู่แล้วจะตายช้าตายเร็วก็ตายเหมือนกันต้องลองต้องรู้ให้ได้ หากตายก็จะไม่ให้เสียชาติเกิด ถ้าทุกท่านคิดอย่างนี้ได้เชื่อว่าท่านได้พบความจริงแน่นอน
/////////////////////////////////////////////
.....ถวายเป็นพุทธบูชาและทดแทนคุณครูบาอาจารย์ที่เมตตาต่อศิษย์ดื้อคนนี้.....

 

สู้ๆครับ เหล่าฮีโร ทั้งหลายแวะมาทักทายก่อนนอน

 

แล้วในความคิดของท่าน Zalievan คิดว่าเป็นเช่นรัย เบื่อๆครับแชทแก้เบื่อ

 

สงสัยท่านผู้นั้นคงกลับมาทวงผืนแผ่นดินโลกคืน ล่ะมั้งขำๆครับ
ผมคิดว่าคนไทย แต่ไม่รู้ว่าใคร และอยู่ที่ไหน
.
.
.
ผมมีคำถาม
มีใครพอจะทราบเรื่องผู้หญิงคนหนึ่งที่อุ้มโลกและมองโลกอยู่ หรือเปล่าครัช??

 

ผมไม่ได้ติดตามศาสนาอื่น ๆ เลยครับ ผมติดตามแค่ศาสนาพุทธอย่างเดียว

ผมไม่ได้คิดเดาทางว่าคนที่มา ท่านจะเป็นอย่างโน้นอย่างนี้หรอกครับ

แต่มันก็คิดนั่นแหละเนาะ เรียกให้ถูกก็คือ ผมมีความคาดหวังมากกว่า
คาดหวังอยากจะให้คำทำนายพระธรรมิกราชเป็นจริง

เผื่อว่าผมจะได้รู้คำตอบในสิ่งที่ผมไม่รู้ได้ก็แค่นั้นแหละครับ
ถ้าคนที่มาเป็นคนสำคัญของศาสนาอื่นก็แล้วไปครับ

ผมก็คงจะปรารถณาเป็นผู้รู้ เพื่อที่จะสอนคนให้รู้ตามในภายภาคหน้าอยู่เหมือนเดิม

 

มืดตึ๊บครับ

รู้แต่ในตำนานกรีกคนที่แบกโลกคือแอตลาส
ส่วนความเชื่อตามศาสนาพราหมณ์ สิ่งที่ชูแผ่นดินอยู่ น่าจะเป็นปลาอานนท์
ศาสนาพุทธ สอนว่าดินตั้งอยู่บนน้ำ น้ำตั้งอยู่บนลม ลมตั้งอยู่บนอากาศ

แต่หาข้อมูลเกี่ยวกับผู้หญิงที่โอบอุ้มโลก ไม่เจอเลยครับ

แต่น่าจะเกิดแล้วนี่ เหตุการณ์ สตรีผู้โอบอุ้มและเฝ้ามองโลก น่าจะต้องมองจากอวกาศหรือเปล่า

เหมือนเคยเห็นผ่านตาแต่ตอนนี้หาข้อมูลนี้ไม่เจอแล้วครับ เดา ๆ ว่าเพราะไม่เกิดเหตุอะไรตามคำทำนายในตอนนั้น ก็เลยพากันลบคลิปกันหมด

 

นักเลขศาสตร์ชาวอเมริกัน เตือน 23 กันยายน 2560 จะเป็นวันสิ้นโลก เพราะดาวเคราะห์เอ็กซ์ หรือดาวนิบิรุ จะพุ่งชนโลก ด้านนาซายันชัด เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ ดาวที่ว่าไม่มีจริง ถ้ามีต้องเห็นนานแล้ว

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2560 เว็บไซต์ฟ็อกซ์นิวส์ รายงานว่า นายเดวิด มี้ด (David Meade) นักเลขศาสตร์ชาวอเมริกัน ผู้เขียนหนังสือ "Planet X - The 2017 Arrival" ได้ออกมาประกาศว่า ดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ที่ชื่อ ดาวเคราะห์เอ็กซ์ (Planet X) หรือที่รู้จักในชื่อ ดาวนิบิรุ (Nibiru) จะพุ่งชนโลกในวันที่ 23 กันยายน 2560 มันจะทำให้เกิดภัยพิบัติอันตรายนานัปการขึ้นบนโลก ชนิดฟ้าถล่มดินทลาย ตั้งแต่ ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว และสึนามิ มันจะทำให้โลกถึงแก่กาลอวสาน และมวลมนุษยชาติจะดับสูญ





โดย เดวิด มี้ด ได้อัปโหลดวิดีโอชื่อ September 23, 2017: You Need to See This ลงบนเว็บไซต์ยูทูบเพื่อเตือนชาวโลกถึงหายนะที่กำลังจะมาถึง ซึ่งมันได้สร้างความตื่นตระหนกและพูดถึงกันไปต่าง ๆ นานา ถึงขั้นมีการทำเว็บไซต์เคาท์ดาวน์ นับถอยหลังวันสิ้นโลกอีกด้วย มี้ดอ้างว่าพระคัมภีร์ไบเบิลได้ทำนายเหตุการณ์วันสิ้นโลกที่จะเกิดขึ้นเอาไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ เพิ่งเกิดขึ้นบนโลก ไม่ว่าจะเป็น สุริยุปราคาครั้งล่าสุด หรือ เฮอริเคนฮาวี ล้วนเป็นสัญญาณเตือนภัยพิบัติวันสิ้นโลก

โดยข้อความในไบเบิลที่มี้ดนำมาอ้าง คือในส่วนของ (ลูกา21:25-26) ความว่า

"จะมีหมายสำคัญที่ดวงอาทิตย์ ที่ดวงจันทร์ และที่ดวงดาวทั้งปวง และบนแผ่นดินก็จะมีความทุกข์ร้อนตามชาติต่าง ๆ ซึ่งมีความฉงนสนเท่ห์เพราะเสียงกึกก้องของทะเลและคลื่น มนุษย์จะสลบไสลไปเพราะความกลัว เนื่องจากสังหรณ์ถึงเหตุการณ์ซึ่งจะบังเกิดในโลก เพราะว่าบรรดาสิ่งที่มีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน"


เดวิด มี้ด นักโหรศาสตร์เจ้าของทฤษฎีวันสิ้นโลก ผู้ประกาศว่าโลกจะวิบัติ ในวันที่ 23 กันยายน 2560

นอกจากนี้แล้ว มี้ดยังอ้างอิงข้อมูลจากในไบเบิลในส่วนของ (วิวรณ์ 12:1–2) ซึ่งอธิบายเกี่ยวกับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์ ระบุว่า

"มีหมายสำคัญยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งปรากฏในสวรรค์ คือสตรีคนหนึ่งสวมดวงอาทิตย์เป็นเสื้อผ้า และมีดวงจันทร์อยู่ใต้เท้าของนาง บนศีรษะของนางมีมงกุฎที่เป็นดาวสิบสองดวง สตรีนั้นมีครรภ์ และร้องด้วยความทรมานเพราะเจ็บครรภ์"

จากการตีความพระคัมภีร์บทดังกล่าวนั้น มี้ดเชื่อว่าสตรีที่กล่าวถึงคือราศีกันย์ (Virgo) และในวันที่ 23 กันยายน ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ รวมทั้งดาวพฤหัสบดี จะโคจรมาหากัน ซึ่งจะเกิดขึ้นแบบนี้ทุก ๆ 12 ปี เป็นปรากฏการณ์หายาก เรียกกันว่า สิงโตแห่งเผ่ายูดาห์ (The Lion of the tribe of Judah) และมันเป็นปรากฏการณ์ที่เหล่านักทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดต่าง ๆ เชื่อกันอย่างถวายหัว ในขณะที่ความเชื่อทั้งหลายอันมีการเชื่อมโยงไปสู่ดวงดาวนี้ ไม่เคยได้รับการยืนยันใด ๆ จากนิกายต่าง ๆ ในศาสนาคริสต์ ไม่ว่าจะเป็นคาทอลิก โปรเตสแตนต์ หรือแม้แต่ออร์โธดอกซ์

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ามี้ดจะยืนยันเป็นจริงเป็นจังถึงวันสิ้นโลกที่จะเกิดขึ้น แต่มันก็เป็นเพียงทฤษฎีที่เขาเชื่อเท่านั้น ก่อนหน้านี้เขาเขียนหนังสือว่าดาวนิบิรุจะพุ่งชนโลกในเดือนตุลาคม แต่เขาก็เลื่อนวันให้เร็วขึ้น เป็นวันที่ 23 กันยายน เนื่องจากเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่าง เฮอริเคนฮาวี และสุริยุปราคา

ขณะที่ทฤษฎีเรื่องดาวนิบิรุ ก็ดูเหมือนจะเป็นเพียงความเชื่อของคนบางกลุ่ม โดยก่อนหน้านี้องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ นาซา (NASA - National Aeronautics and Space Administration) ก็ได้ออกมาเปิดเผยหลายครั้งแล้วว่าดาวเคราะห์ที่ว่านั้นไม่มีอยู่จริง ถ้ามันมีดาวเคราะห์น้อยที่สามารถพุ่งชนโลกในเร็ว ๆ นี้แล้วละก็ ทีมนักดาราศาตร์และนักวิทยาศาสตร์คงตรวจพบมันตั้งแต่ 10 ปีที่ก่อน และป่านนี้มนุษย์บนโลกต้องสามารถมองเห็นมันได้ด้วยตาเปล่าแล้ว



"โครงการสำรวจพื้นที่มุมมองกว้างบนท้องฟ้าในย่านรังสีอินฟราเรดของนาซา (WISE - Wide-Field Infrared Survey Explorer) ทำการสำรวจวัตถุต่าง ๆ นับร้อย ๆ ที่โคจรอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งปรากฏว่า ไม่พบหลักฐาน ๆ ใด ๆ ที่สามารถบ่งชี้ได้เลยว่ามีดาวดังกล่าวอยู่ในระบบสุริยะ" องค์การนาซา กล่าว

ด้าน โจนาธาน ซาร์ฟารี นักเขียนของดิเอ็กซ์เพรส ก็ได้ออกมาบอกเช่นกันว่า มันเป็นเรื่องปกติ ที่เรื่องดาราศาสตร์จะถูกโยงไปเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อต่าง ๆ และควระระมัดระวังในความเชื่อพวกนี้

"จริง ๆ แล้วไม่มีตรงไหนในคัมภีร์ไบเบิลที่ระบุถึงวันที่ 23 กันยายน อย่างชัดเจน ดังนั้นคริสเตียนทุกท่านจำเป็นต้องระมัดระวังให้มาก กับความเชื่อที่อ่อนไหวโน้มน้าวใจเหล่านี้" โจนาธาน ซาร์ฟารี กล่าว

ภาพจาก writers-web-services.com
ข้อมูลจาก bible.com, rt.com, thesun.co.uk

https://hilight.kapook.com/view/160349

ลืมแล้วครับว่าสตรีนางนั้นอุ้มท้องดาวดวงไหน

 

อาจารย์ช่างน่าสงสารเป็นยิ่งนัก 5555

 

ท่านเทวินตพรหมและท่านจิตยิ้ม เราคิดถึงทั้งสองคนนี้เป็นอย่างมาก(อาจารย์) เราอยากอธิบายความเกี่ยวข้องกันระหว่างเทพแต่ระความเชื่อ แต่เราเรียบเรียงให้ทุกคนเข้าใจง่ายๆไม่เป็น...เอาเป็นว่าเทพกรีก_โรมัน_พราหมณ์ ล้วนเป็นเรื่องเดียวกัน เป็นที่มาของคนแต่ละยุคนับตั้งแต่อายุมนุษย์1แสนปีโดยประมาณลงมา มนุษย์แต่ละยุคจะผูกเรื่องไว้อยู่ที่ยุคไหนเจริญที่สุดบนโลก เรื่องเทพแค่เป็นการตามหาตนเองเมื่อได้เป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์แล้วเทานั้น
....สิ่งที่จะทำให้มนุษย์รู้ที่มาตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นตัวตน ทั้งหมดผูกอยู่ที่เรื่องไตรภูมิพระร่วง สระทั้งเจ็ดเป็นที่พักของสัตว์ "สระอโนดาด" เป็นที่พักอันชุ่มเย็นและเป็นสุขของสัตว์ทั้งหลาย สัตว์นี้หมายถึงมนุษย์ทุกคน
...ทุกอย่างเกิดขึ้นจากการผูกคำเข้าด้วยกัน อโนดาด= อะ แปลว่า ไม่
โน แปลว่า ไม่
(ภาษาอิสาน) ดาด แปลว่า มาก
คือเมื่อใจไม่(ไม่ต้องการเกิด)ก็จะถึงสระนี้ ภาษาไทยเรียกว่า..บ่อ ภาษาอิสาน...บ่

....บ่อเกิดแล้ว....บ่เกิดแล้ว.....
....บ่อเกิดแล้ว....บ่เกิดแล้ว....
...สัตว์บ่อเกิด....ใจคนบ่เกิด(ไม่อยากมาเกิด)

....ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจอย่างละเอียดต้องนั่งฟัง เหมือนพระเทศน์จึงจะเข้าใจ...รอถ้าเรามีบุญได้บวชค่อยมาฟัง..จะให้กระจ่างแจ่มแจ้งแก่ใจท่านทุกคน...
...ส่วนเรื่องการถอนรากราคะเราของดไว้ก่อน มันจะเป็นการข้ามขั้นตอน วิธีแนะนำตามความถูกต้องเหมาะสม เราจะพิจารณาก่อนว่าอันไหนสมควรไม่สมควร อันไหนควรก่อนควรหลัง
...ธรรมจักรเริ่มขับเคลื่อนแล้ว...
...จักรราศีหมุนไปแล้ว....
...เริ่มหมุนเมื่อวันที่16ที่ผ่านมานี้เอง...

......คิดถึงท่านเทวินตพรหมจัง.....
.........สวัสดี........

 

ผู้ดูแลความเรียบร้อยของโลกและปกป้องดูแลพระพุทธศาสนานั่นคือพญานาค...นาคาแปลว่าเรือน
..เจ้าของเรือนคือพญานาค เรือนนี้หมายถึงโลก ภัยธรรมชาติทุกอย่างมาจากอำนาจของพญานาค เมื่อมนุษย์ไม่ตั้งอยู่ในศีลในธรรมภัยธรรมชาติก็จะรุนแรง เมื่อจิตใจมนุษย์มีโทสะมากภัยธรรมชาติจะมาทางน้ำ เมื่อจิตใจมนุษย์มีกามราคะมากภัยธรรมชาติจะมาทางอัคคีภัย ชุมชนใดแผ่นดินใดตั้งอยู่ในศีลในธรรมชุมชนนั้นแผ่นดินนั้นจะปลอดภัย...ถึงมีภัยก็ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดา พญานาค ย่อมปกป้องคุ้มครองรักษา คุณธรรมเบื้องต้นที่ทำให้เกิดเป็นมนุษย์คือ...ศีล5...รักษาเสีย เมื่อรักษาเสียได้ เสียนั้นก็กลายเป็นดี..เสียจะไม่มี...มีแต่ดีมีแต่เจริญ
...รักษาเสียหมายถึงศีลข้อใดที่ยังด่างพร้อยก็รักษาให้ดีให้งาม แล้วจะดีขึ้นไปเรื่อยๆ เริ่มรักษาทีละข้อ สุดท้ายก็ครบ5ข้อได้ไม่ยาก
....ตั้งไว้อย่างนี้ เมื่อศีล5บริสุทธิ์ วาจาก็บริสุทธิ์ ใจก็บริสุทธิ์ เมื่อใจบริสุทธิ์กายย่อมบริสุทธิ์ เมื่อกายบริสุทธิ์เทวดาย่อมรักษา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมปกป้องคุ้มครอง ทั้งหมดทั้งมวลอยู่ที่ความเชื่อและความศรัทธาของแต่ละคน พุทธศานิกชนผู้ตั้งมั่นในคำสอนพระพุทธเจ้าย่อมมีความเชื่อเรื่องนี้...

.....สวัสดี....

 

พระโพธิสัตว์กวนอิมคือผู้หญิงที่อุ้มโลกใบนี้..เป็นการแบ่งภาคของพระโพธิสัตว์ มาเพื่อช่วยมนุษย์ และพระองค์มีหลายกายหลายภาค...อันนี้ความรู้สึกลึกๆเรารู้สึกคุ้นเคยกับพระองค์มาก เมื่อได้เห็นบทคาถาท้ายบทสวดที่ว่า.."คะเต คะเต ปาระคะเต ปาระสังคะเต โพธิสวาหา" คาถานี้เมื่อเห็นครั้งแรกรู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยเห็นและเคยสวดที่ไหนมาก่อน ตอนที่เราศึกษาธรรมะอย่างจริงจัง และปฏิบัติสมาธิทุกวันเมื่อสองปีที่แล้ว มีเสียงมากระซิบข้างหูว่า..เร่งเข้าประสกเร่งภาวนาเข้า และมีนิมิตเราขอเรียกว่าเทวดา...เทวดาทั้งสองพาเราไปดูวิธีทำสมาธิในแบบหลวงปู่มั่น ในห้วงอวกาศ ทั้งสองแนะนำเราว่า จะเกิดอะไรขึ้นก็ให้มีพุทโธไว้ อย่าทิ้งพุทโธ ให้ภาวนาไว้แม้จะประสบกับอะไรอยู่อย่าทิ้งคำภาวนา...
และเราได้ยินเสียงเคาะเหมือนเสียงหลวงจีนวัดเส้าหลินเคาะเวลาสวดมนต์พอเรากำหนดสมาธิตามไป มีเสียงบอกมาว่านี่แหละที่ตั้งของโทสะ
....ขอบคุณท่านเทวดาทั้งสอง....
....หรือจะอยู่ในเวปนี้ด้วยก็ไม่อาจจะทราบได้ ท่านสอนเราทางจิตเราแนะนำต่อทางกายหยาบนี้แหละ...

***สิ่งที่เรารู้เราพูดมากไม่ได้เพราะคนไม่เชื่อก็หาว่าเราบ้า กลัวจะเป็นกรรมของเขา กลัวเขาเหล่านั้นลบหลู่ธรรม เอาเป็นว่าความรู้ที่เรามีมันมากมายเหลือเกินแต่หาคนเข้าใจตามได้ยากมากรอถ้าบุญบวชมีทุกท่านได้กระจ่างแก่ใจแน่นอน***

 

ผมมีความสงสัยว่า ในเมื่อศาสนาพุทธ สอนการไม่เกิดแล้ว
ทำไมยังมี การไป-มา ของผู้ที่ไม่น่าจะมีการไป-มาแล้วอยู่น่ะครับ

ในพระไตรปิฏก มีการสอนเรื่องภาคแบ่งจิตด้วยเหรอครับ และถ้าการแบ่งภาคมาเกิดมี ทำไมไม่มีให้ศึกษาในพระไตรปิฏกบ้างครับ

ในศาสนาพราหมณ์ก็มีการกล่าวถึงไว้ผมทราบแค่นั้น แต่ที่ผมมีความข้องใจมากก็คือ การแบ่งภาค ไม่ควรที่จะเป็นเอกเทศได้ขนาดนั้นนี่ครับ คือ ไม่ควรที่จะมีการ ไปเกิดได้เป็นอิสระจากจิตเดิมที่ถูกแบ่งมา แต่อันนี้ผมก็คงต้องเก็บเป็นความสงสัยไว้ก่อน

เคยมีคนพูดเหมือนหันว่าผมเป็นภาคแบ่งพระราหู แต่ผมก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไร
เพราะอย่างที่บอกครับ ผมเชื่อว่าศาสนาพุทธ สอนการนิพพาน ในเมื่อดวงจิตที่นิพพานไปแล้ว ก็ไม่ต้องไปต้องมาแล้ว ผมจะต้องแบ่งภาคออกมาตายเกิดอีกทำไม

ตามตำนาน เจ้าแม่กวนอิมไม่ใช่สตรี แต่เป็นบุรุษ ไม่ทราบว่าท่านมีความเห็นเป็นอย่างไรครับ

บางครั้ง การลบหลู่ธรรมกับการพยายามหาคำตอบ มันก็มีเส้นบาง ๆ ขีดกั้นอยู่

ความสงสัยที่มี ผมคงต้องหาคำตอบเองด้วยการฟังไว้ก่อน และทำให้รู้ได้เองให้ได้ในสักวัน

ทำไมความเชื่อเก่ากับความเชื่อใหม่นี่มันสร้างความสับสนจังเนี่ย
แต่พระอรหันต์กี่รูป ๆ ท่านก็ไม่เคยพูดถึงการแบ่งภาคจิตเลย
คนที่พูดส่วนมากก็มีแต่ผู้ที่หมุน ๆ ๆ ๆ เป็นพายุไต้ฝุ่น ทอร์นาโด เฮอริเคน อยู่งี้แหละ

 

เจ้าแม่กวนอิมเป็นบุรุษครับท่านพูดถูกต้อง...ทั้งหมดเป็นพระโพธิสัตว์เป็นญาณหยั่งรู้ครับไม่ใช่เป็นตัวเป็นตนอย่างที่ทุกท่านเข้าใจ ส่วนพระโพธิสัตว์หรือผู้สั่งสมบารมีปรารถนาพุทภูมินั้นจะมีที่อยู่ที่เดียวกันครับ...
...อธิบายง่ายๆคือพระไตรปิฎกสังคยานามาแล้วหลายรอบ ครั้งแรกนั้นได้รวบรวมทั้งหมดไว้ด้วยกัน ยุคต่อมาพระผู้สังคยานาเห็นว่าคนรุ่นต่อไปจะศึกษามากเกินไป อาจจะทำเข้าใจยากเพราะเห็นว่ามนุษย์ยุคหลังๆปัญญาการเข้าถึงธรรมมีน้อย จึงมีความคิดแตกแยกทำให้พระไตรปิฎกฉบับแรกแตกเป็นลัทธิต่างๆแล้วแต่สายไหนจะคัดเอาคำสอนแบบไหนที่เห็นว่าง่ายต่อการสั่งสอนและเหมาะสมกับคนยุคหลังเพราะปัญญาทางธรรมที่จะเข้าถึงธรรมมีน้อย...ปัจจุบันนี้ข้าพเจ้าเองก็เป็นคนยุคเดียวกับทุกท่าน ปัญญาไม่ได้มากไปกว่าท่านทั้งหลายเลยโปรดเข้าใจอย่างนี้
...ถ้าอยากเข้าใจด้วยตนเองทุกท่านอย่ามีอคติกับนิกายต่างๆที่แยกออกไป ท่านต้องยอมรับก่อนว่าเป็นพุทธศาสนาเป็นคำสอนพระพุทธเจ้า ถ้าทุกท่านคิดได้อย่างนี้ก็จะทำให้ศึกษาได้เข้าใจง่ายขึ้นและศึกษาครบรอบด้าน
....สมัยพุทธกาลพุทธองค์ไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ ไม่แบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า พระองค์ยอมรับกับทุกคำสอนแล้วพระองค์ก็มาศึกษาปฏิบัติให้รู้แจ้งแก่ใจของพระองค์เอง
...สมัยเราบวชเรายังสงสัยในข้อธรรมบางอย่างแล้วเราก็หาคำตอบให้แจ้งแก่ใจตนเอง เราเรียนจากการระลึกนึกคิดไปถึงครั้งพุทธกาลว่าพระพุทธเจ้าพิจารณา ทางสายกลางอย่างไร เราก็ได้มาคิดว่าพระองค์พิจารณาตอนคนนอนหลับเทียบกับคนตาย คือหาคำตอบทุกอย่างจากลมหายใจ นี่แหละคำตอบทุกอย่างความสงสัยทุกอย่างหาคำตอบได้จากลมหายใจนี้แหละ
........หากมีคำใดกระทบจิตใจผู้ได้อ่านเราต้องขออภัยไว้ด้วย.....
...ทุกอย่างทุกคำทุกตัวอักษรเกิดจากความปรารถนาดีต่อทุกคน...
.....ให้คิดไว้เสมอว่าเราทุกคนล้วนโง่เหมือนกันเราจะช่วยกันพยุงกันไปให้พ้นจากความโง่ของตนเอง...

.....สวัสดี.....

 

ต่อไปเราจะของดตอบหรือเราจะลดการตอบข้อสงสัยที่ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติ เพราะถ้ามาหาที่ไปที่มาอยู่นี้มันจะทำให้ช้า ไม่ทันกาล หาคำตอบทั้งชาติก็ไม่สิ้นสุด
.....ความรู้ที่ได้เท่ากับใบไม้ทั้งป่า แต่สิ่งที่ควรนำมาสอนเท่ากับใบไม้กำมือเดียว....
....ความสงสัยไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆหาคำตอบได้จาก "ลมหายใจในพุทโธ"


"ลมหายใจ"
...ดูอะไรไม่สุขเท่าดูลม...
...เมื่อดูลมละเอียดแล้วก็เจอหาย...
...เมื่อลมหายก็เหลือแต่ใจ...
***เรียกว่าเห็นใจตนเอง****

........สวัสดี......