พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=314 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=314>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    เห็นแล้วก็ ไม่กล้ากินเลย
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ยินดี ดีใจ และขอโมทนาบุญด้วยครับ
     
  3. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ค้างพระประจำตัว:พระผงยาวาสนาปัสิริ คะแนนร้อยขอบชิดซุ้ม และพระสมเด็จไตรโลกอุดรปัสิริ คุณพุทธันดร ซึ่ง
    -พระศุกร์ได้เสวยอายุมา ๒ ปีเศษแล้ว และจะเสวยอายุจนถึงอายุ ๖๒ ปี พระปัญจสิริองค์นี้จึงควรเน้นองค์พระให้มีสีฟ้า ซึ่งเป็นตำแหน่งศรี(ความเป็นมงคล) และก็เป็นธาตุกลาง

    -สีที่บังคับคือสีดำเป็นเดชเดิม เสริมธาตุน้ำให้เข้มแข็ง และจะเป็นหลักเป็นฐานด้านการงานฐานที่อยู่อาศัยในปีที่อายุย่างในเดือนตุลาคมปีนี้

    -สีที่บังคับอีกสีคือสีแดงเป็นฐานการงานที่อยู่อาศัยเดิม ย้ายมาเป็นเรื่องของชื่อเสียงในการโคจรรอบใหม่ในปีที่อายุย่างมาถึง การนำธาตุไฟมาเสริมในตำแหน่งมนตรี จึงสมควรอย่างยิ่ง

    -ธาตุทองเป็นธาตุที่ไม่เกิดโทษ จึงเป็นการประสมธาตุทั้ง ๔

    -ส่วนธาตุไม้ และธาตุดินไม่ต้องการมาก เพียงเติมให้ธาตุทั้ง ๕ สมดุลเท่านั้น ดังนั้นเน้นมากไม่ได้ โดยเฉพาะธาตุดินเน้นมากจะเหนื่อยมาก เพราะความเหน็ดเหนื่อยจากความพยายามไม่เพียงไม่เกิดผลดีเท่าไหร่ แต่ซ้ำร้ายจะเข้าตาจนเพราะตำแหน่งกาลีมาสถิตย์ที่นี่เมื่ออายุย่างมาถึง แต่ก็อยู่เพียงปีเดียว..

    เหตุที่ผมเลือกพระสมเด็จไตรโลกอุดรที่มีสีแดงตรงองค์พระเนื่องจากเกิดผลดีกับคุณแด๋นตั้งแต่เดือนเกิดปีนี้ จะส่งผลให้เกิดความนิยมชมชอบในตัวคุณ ผู้คนเอ่ยถึงในทางที่ดี เรียกว่าความเป็นมนตรีเด่นมาก จึงนำธาตุไฟเสริมให้เด่นยิ่งขึ้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010209.JPG
      P1010209.JPG
      ขนาดไฟล์:
      243.8 KB
      เปิดดู:
      40
    • P1010210.JPG
      P1010210.JPG
      ขนาดไฟล์:
      267.2 KB
      เปิดดู:
      33
    • P1010211.JPG
      P1010211.JPG
      ขนาดไฟล์:
      229.2 KB
      เปิดดู:
      65
    • P1010212.JPG
      P1010212.JPG
      ขนาดไฟล์:
      270.1 KB
      เปิดดู:
      53
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เมื่อสักพักนี้ ได้เข้าไปอ่านกระทู้อยู่กระทู้นึง พออ่านดูเข้าใจได้ว่า เป็นกลุ่มเซียนพระ ซึ่งมีความคิดเห็นในการดูถูก ดูหมิ่น และปรามาส พระวังหน้าและพระวังหลวง(พระกรุวัดพระแก้ว) เป็นอย่างมาก

    เมื่ออ่านแล้วสะท้อนใจว่า กลุ่มคนในยุคหลัง ได้ดูถูก ดูหมิ่น และปรามาส บรรพบุรุธของตนเอง ผมเองก็พยายามที่จะอุเบกขา วางเฉย เพราะเหตุ ใครทำอะไร ย่อมได้อย่างนั้น ไม่มีคนๆไหนที่หนีกรรมได้สักคนเดียว ไม่มีเลย

    ความรู้มีเพียงน้อยนิด แต่กลับมาอ้างตนเองและกลุ่มว่า เก่ง ต้องดูตามมาตรฐานเซียน คำว่า "มาตรฐานวงการพระเครื่อง" ใครเป็นผู้ที่กำหนดขึ้น และรู้ได้อย่างไรว่า สิ่งที่กำหนดขึ้นนั้นถูกต้อง เช่น มีการอธิบายว่า มวลสารของสมเด็จวัดระฆัง มีปูนเปลือกหอย ,ผงที่ลบมีอยู่ 5 ประเภท โธ่เอ๋ย สักๆว่าแต่เขียน ยังไม่รู้เลยว่า ธรรมชาตุของปูนเปลือกหอยเป็นอย่างไร ,ผงที่ลบที่บอกว่ามี 5 ประเภทนั้น ลบอย่างไร เอาแค่นี้ก่อน เรื่องต่างๆ ต้องใช้ปัญญาในการพิจารณา คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาดเสมอ ขอให้ระวังกันไว้ให้ดี

    ผมเองเคยแสดงความคิดเห็นแล้วมีผู้ที่ไม่เห็นด้วย ผมเคยท้าสาบาน แต่ไม่มีสักคนที่กล้าจริง "คน"ก็คือ"คน"อยู่วันยังค่ำ "คนทั้งชา ,กาแฟ ,น้ำหวาน ,เหล้าขาว ,วิสกี้ ,บรั่นดี ,เหล้าโรง ,กระแช่ ,น้ำส้ม ,น้ำมะนาว ,น้ำใบบัวบก ,น้ำโคลน ,น้ำปัสสาวะ ,น้ำมูก ,น้ำตา ฯลฯ คนกันให้ทั่วๆ" นี่แหละ "คน" ตัวจริง และผมเองก็ยังพร้อมเสมอสำหรับคนพวกนี้ จะได้ส่งไปนรกไม่ช้าเกินไป ได้ไปกันเร็วๆ ไปกันทั้งกลุ่มและทั้งคณะ หุหุหุ

    รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ<O:p</O:p
    กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย<O:p</O:p
    ไป่เห็นชะเลไกล กลางสมุทร<O:p</O:p
    ชมว่าน้ำบ่อน้อย สุดล้ำลึกเหลือ

    ***************************************

    บุคคลใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อ sithiphong กับบุคคลใช้ชื่อในเว็บพลังจิตชื่อ ..... ,บุคคลใช้ชื่อในเว็บพลังจิตชื่อ ..... ขอตั้งจิต,ตั้งสัจจะและสาบานต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ และทั้ง 16 ชั้นฟ้าว่า พระพิมพ์กรุวัดพระแก้วมีจริง ขอให้บุคคลใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อ sithiphong จงประสบกับความสำเร็จตลอดกาล และขอให้บุคคลใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อ..... ,บุคคลใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อ....... จงประสบกับความวิบัติตลอดกาลและเมื่อตายไปขอไปอยู่ในนรกขุมสุดท้ายและต่อไปถ้ายังคงเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ ขอให้เกิดในยุคที่ไม่มีพระพุทธศาสนาและเป็นยุคที่มีภัยภิบัติตลอดกาล แต่ถ้าพระพิมพ์กรุวัดพระแก้วไม่มีจริง ขอให้บุคคลใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อ sithiphong จงประสบกับความวิบัติตลอดกาลและเมื่อตายไปขอไปอยู่ในนรกขุมสุดท้ายและต่อไปถ้ายังคงเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ ขอให้เกิดในยุคที่ไม่มีพระพุทธศาสนาและเป็นยุคที่มีภัยภิบัติตลอดกาล และขอให้บุคคลใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อ..... ,บุคคลใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อ....... .... จงประสบกับความสำเร็จตลอดกาล การถอนคำที่ตั้งจิต,ตั้งสัจจะและสาบานดังกล่าวนี้ ต้องให้อีกฝ่ายยินยอมให้ถอนคำที่ตั้งจิต,ตั้งสัจจะและสาบานนี้ จึงจะมีผลในการถอนคำที่ตั้งจิต,ตั้งสัจจะและสาบาน แต่หากอีกฝ่ายไม่ยินยอมให้ถอนคำที่ตั้งจิต,ตั้งสัจจะและสาบาน ก็ให้มีผลตลอดกาล และทุกๆคนไม่มีเวรกรรมและไม่เป็นเจ้ากรรมนายเวรซึ่งกันและกันตลอดไป<!-- / message --><!-- sig -->

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    อยากรู้จังว่า เมื่อเซียน(กำมะลอ) เห็นแล้ว จะว่าเก๊หรือเปล่า หุหุหุ

    ถ้าเข้ามาอ่าน ก็บอกด้วยว่า รูปพระพิมพ์ที่นำมาลง แท้หรือเก๊ กล้าๆหน่อยน๊ะ ให้สมกับเป็นลูกผู้ชายตัวจริง ไม่อิงแอบ หุหุหุ
    tatumabcd,Tackled ,ปลัดไม้,chusa,ปทุมธานี<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1078831", true); </SCRIPT> ,Romli the kid,T-1970,อดุลย์ เมธีกุล ที่ขาดไม่ได้ มันตรัย
    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ต้องขอโทษ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่านด้วย
    กลุ่ม"คนบัวใต้น้ำ"ต้องให้หนักสุดๆ ให้ลงขุมที่ลึกที่สุดเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2008
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 22 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 17 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, :::เพชร:::+, aries2947+, chaiudom, kwok+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ท่านผู้อ่านทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ อย่าได้เดินตามแนวทางกลุ่ม "คนบัวใต้น้ำ" นะครับ จงระวังให้หนัก ให้ใช้สติและปัญญาให้มากๆนะครับ

    โมทนาสาธุครับ
    .
     
  7. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    จานเดินนำอีกแล้ว
    สาธุด้วยครับ
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ chaipat [​IMG]
    ในวันที่พบกันท่านที่มีความประสงค์

    จะเลี่ยมกรอบพระแบบพลาสติค แบบเฉพาะ เปิดหน้า - หลัง หรืออื่นๆ

    ซึ่งตัวช่างเอง เขาก็ให้เกียรติเรา ปฏิเสธเจ้าอื่นๆ รับของเราอย่างเดียวก่อน

    ดังนั้น ท่านที่ต้องการแบบไหนโปรดกรุณา เขียนรายละเอียดกำกับไว้พร้อม

    โปรดอย่าอธิบาย ผมจำไม่ได้ครับ เดี๋ยวจะไม่ถูกใจ

    เป็นงาน Hand Made ยกเว้นทรงครอบแก้ว ช่างไม่รับครับ

    ผมเองก็คุยตั้งนานก็ยังไม่ยอมรับทำครับ

    และขอบวกค่าบุหรี่ช่าง 45 บาทด้วยครับ (สำหรับผมไม่สูบครับ)

    ค่าน้ำชาเขียวไม่คิด ค่ารถเมลล์ไม่คิดครับ

    หากส่งไปรษณีย์ EMS ก็ขอบวกด้วยครับ

    เฉพาะครั้งนี้ครับ เพราะงานผมจะมา อีกทีคงจะปลายปีมั้งครับ

    1 วันทำได้ประมาณ 10 - 13 องค์ครับ 8.30 - 18.30 น. เรียกว่า

    นั่งเฝ้าบิดกันไปมาครับ

    สาธุครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ่า จานครับจาน ถ้าสัก 1-300 องค์ ไหวหรือเปล่าครับ
    เรื่องจริงๆนะครับ ไม่ได้ล้อเล่น

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มีอยู่เรื่องนึงที่ผมลืมสนิทเลย คือเรื่อง ตู้พระไตรปิฎก วันที่นัดพบกัน จะไปคุยกันเรื่องนี้ด้วยนะครับ

    http://palungjit.org/showthread.php?t=68899&page=56

    <TABLE class=tborder id=post1003752 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> 27-02-2008, 05:20 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1108</TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ประกาศ เรื่องตู้พระไตรปิฎก

    ขณะนี้ มีท่านที่รับจองตู้พระไตรปิฎกเกือบหมดแล้วครับ คงเหลือ 1 ตู้ที่ผมจองไว้ ซึ่งจะเป็นคณะของท่านอาจารย์ประถม อาจสาครและคณะศิษย์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร เท่านั้นครับ

    ส่วนงานบุญด้านอื่นๆ ก็ยังคงมีอยู่นะครับ เช่นการสร้างฉัตรทองคำ ,พระทองคำ ,พระเงิน ,พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ และส่วนของการก่อสร้างพระเจดีย์รวมทั้งการตกแต่งพระเจดีย์ครับ

    โมทนาสาธุครับ


    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ตั้งจิต [​IMG]
    กึ๋ยส์ ทำไมเดี๋ยวนี้มีคนทำบุญกันเยอะจัง เผลอไม่ได้เลย ที่เหลือ 1 ตู้นี่หมายถึงให้พวกเราได้มีโอกาสร่วมกันทำใช่มั้ยครับ หากใช่ งั้นในนามของผมและครอบครัวขอร่วมสร้างกุศลถวายตู้และพระไตรปิฎก เป็นเงินจำนวน 2000 บาท ครับ (ให้โอนเข้าบัญชีไหน กำหนดเวลาเมื่อไรบอกด้วยนะครับ)(ping)
    โมทนาสาธุ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ถูกต้องแล้วครับ เหลือ 1 ตู้นี่คณะเราครับ แค่นี้ก็แย่งกันทำบุญแล้วครับ

    แต่ส่วนอื่นๆที่ผมแจ้งไป ยังให้ร่วมทำบุญกันอยู่นะครับ

    โมทนาสาธุครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  10. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ขออนุญาติท่านปา-ทานนิดครับ
    ถึงท่านพี่...............ทั้ง สองที่คุยกันเรื่องหุ้นเมื่อวันเสาร์น่ะครับ ถ้าได้ซื้อเวลานี้ เริ่มเคลื่อนตัวแล้วครับ อีกสัก 4-5บาทข้างหน้าอย่าลืมขายนะครับ เดี๋ยวเวลามันลงจะลงเร็วขายไม่ทันครับ;)
    nongnooo...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2008
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระพิมพ์ที่ผมมอบให้ท่านที่ร่วมทำบุญในกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ นั้น มีความแตกต่างกันกับพระพิมพ์รุ่นเดียวกัน(องค์เดิมและองค์ผู้อธิษฐานจิตเดิม)อย่างสิ้นเชิง โดยผมได้นำพระพิมพ์ของวังหน้า นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกด้วยกัน 3 ครั้ง


    1.ครั้งแรกในเดือน มกราคม 2550
    ผมนำเข้าพิธีพุทธาภิเษก การอาราธนาพระบารมี พระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุทเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า และหลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า
    ซึ่งผมเรียกพระพิมพ์ที่เข้าพิธีพุทธาภิเษกในครั้งนี้ว่า พระพิมพ์ชุดพิเศษ 2


    2.ครั้งที่สองในเดือนกุมภาพันธ์ 2550
    ผมนำพระพิมพ์เข้าพิธีพุทธาภิเษก การอาราธนาพระบารมี พระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุทเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า และหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์
    ซึ่งผมเรียกพระพิมพ์ที่นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกในครั้งที่สองว่า พระพิมพ์ชุดพิเศษ 2

    พระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุทเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า
    ลงประวัติและคำบูชา(บทสวด)ด้วยครับ

    กระทู้ พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....
    เริ่มตั้งแต่กระทู้หมายเลข # 3116
    http://www.palungjit.org/board/showt...22445&page=312
    http://www.palungjit.org/board/showt...22445&page=313

    และ # 3161
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=22445&page=317



    พระพิมพ์ชุดพิเศษ 2 องค์ผู้อธิษฐานจิต พระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุทเถระเจ้า,พระอุปคุตเถระเจ้าและหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร อธิษฐานจิตให้ ส่วนองค์ผู้อธิษฐานจิตเดิม ผมไม่แจ้งให้ทราบ เนื่องจากองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่ พลังองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่คลุมพลังองค์ผู้อธิษฐานจิตเดิมครับ

    3.ครั้งที่สามในเดือน เมษายน (วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2550)
    ผมนำเข้าพิธีพุทธาภิเษก รับพระเมตตา,พระกรุณา และขอพระบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกกุสันโธ ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์ และสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี อธิษฐานจิตพระพิมพ์ให้
    ซึ่งผมเรียกพระพิมพ์ที่นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกในครั้งที่สาม นี้ว่า พระพิมพ์ชุดพิเศษ 3 รุ่นฟ้าลิขิต
    ได้รับพระเมตตา,พระกรุณา และขอพระบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุธสันโธ ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์ และสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี อธิษฐานจิตพระพิมพ์ให้ (ส่วนองค์ผู้อธิษฐานจิตพระพิมพ์เดิม ผมขอสงวนสิทธิ์ไม่แจ้งให้ทราบครับ เนื่องจากองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่ พลังองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่คลุมพลังองค์ผู้อธิษฐานจิตเดิมครับ) พลังอิทธิคุณครอบจักรวาล<O:p</O:p
    <O:p</O:pท่านใดที่บูชาไปแล้ว ขอให้แยกเก็บจากพระพิมพ์ทั่วๆไป และเก็บไว้ในที่สูง อีกเรื่องคือให้ระวังการปรามาสให้จงหนัก กรรมเร็วและแรงมากครับ

    ***********************************************
    ***********************************************
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ส่วนงานบุญ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่ 1890-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ
    ผมขอนำรูปพระพิมพ์ที่ผมจะนำมามอบให้กับผู้ที่ร่วมทำบุญทุกท่านทราบก่อน ส่วนเรื่องของจำนวนเงินที่จะร่วมทำบุญและจำนวนพระพิมพ์ ในสัปดาห์หน้า ผมจะมาแจ้งให้ทราบกันครับ

    ชุดพิเศษ 2

    1.ครั้งแรกในเดือน มกราคม 2550
    ผมนำเข้าพิธีพุทธาภิเษก การอาราธนาพระบารมี พระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุทเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า และหลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า
    ซึ่งผมเรียกพระพิมพ์ที่เข้าพิธีพุทธาภิเษกในครั้งนี้ว่า พระพิมพ์ชุดพิเศษ 2


    2.ครั้งที่สองในเดือนกุมภาพันธ์ 2550
    ผมนำพระพิมพ์เข้าพิธีพุทธาภิเษก การอาราธนาพระบารมี พระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุทเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า และหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์
    ซึ่งผมเรียกพระพิมพ์ที่นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกในครั้งที่สองว่า พระพิมพ์ชุดพิเศษ 2


    [​IMG]
    พระปิดตาวังหน้า(หลังแบบ)

    [​IMG]
    พระสมเด็จวังหน้า

    [​IMG]
    พระสมเด็จวังหน้า

    [​IMG]
    พระสมเด็จหลังเบี้ย

    [​IMG]
    พระสมเด็จไกเซอร์

    [​IMG]
    พระเก๋งจีนไตรโลกอุดร(เนื้อกรมท่า)

    [​IMG]
    พระเก๋งจีนไตรโลกอุดร(เนื้อปัญจสิริ)

    [​IMG]
    พระสมเด็จ(เนื้อปัญจสิริ)

    [​IMG]
    พระปิดตาวังหน้า(สองหน้า)

    [​IMG]
    พระปิดตาสี่กร (เนื้อปัญจสิริและเนื้อกรมท่า)

    [​IMG]
    พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า (รักแดงหรือชาด)




    .

    <!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig -->
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียน พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน


    สำหรับพระบรมสารีริกธาตุ (วรรณะสีทองอุไร วรรณณะสีขาวนวล และพระเสโทธาตุ) และพระธาตุ (พระโมคคัลลานะเถระเจ้า ,พระสารีบุตรเถระเจ้า ,พระอนุรุทเถระเจ้า ,พระสิวลีเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า ,พระธาตุหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ) ,พระพุทธรูปปางลีลา ,พระพุทธรูปปางนาคปรก ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร(นั่งตอไม้) ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ,หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า(เนื้อหิน) ,พระอานนท์เถระเจ้า(เนื้อหิน) ,พระสังกัจจายนะ และพระควัมปติ ที่ผมจะอัญเชิญไปสรงน้ำและพระพุทธรูป(หินเขียวโขง) ที่พี่ท่านนึงจะอัญเชิญไปสรงน้ำนั้น

    การสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุ ผมจะใช้น้ำเปล่าสรง ส่วนพระพุทธรูป,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรและสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ฯลฯ ผมจะใช้น้ำอบไทยสรง

    ดังนั้น พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน ขอให้นำขวดน้ำที่ไม่ได้ใช้ไปด้วยนะครับ จะได้ขอต่อน้ำที่สรงพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุกลับไปบ้าน ไว้ดื่มหรืออาบได้ เพื่อความเป็นสิริมงคลกับตนเองและครอบครัว

    ส่วนน้ำอบไทยที่สรงพระพุทธรูป,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรและสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ถ้าท่านต้องการน้ำที่สรง ขอให้นำขวดเปล่าอีกขวด เพื่อไปต่อน้ำที่สรงด้วยนะครับ

    ผมยังมีตะกรุดแจกสำหรับทุกๆท่านด้วยนะครับ

    มาย้ำห้ามพลาดโดยเด็ดขาด ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งสิ่งที่เป็นสิริมงคลกลับบ้าน ได้ทั้งมาพบหน้า มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ผมเองแทบจะเร่งวันเร่งคืนให้ถึงไวๆ (ไม่ใช่มาม่า) นะครับ



    ผมมาแจ้งข่าวเพิ่มเติมเรื่องของการไปร่วมทำบุญและพบปะสังสรรค์กันในครั้งหน้า ผมได้รับข่าวดีมาก เนื่องจากพระอาจารย์รูปหนึ่งที่ผมได้ติดต่อนิมนต์มาร่วมในงาน ทางพี่ท่านนึงแจ้งข่าวมาว่า พระอาจารย์จะลงมา เพื่อแจ้งข่าวงานบุญสร้างศาลาปฎิบัติธรรมที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งยังขาดงบประมาณในการก่อสร้าง ประมาณหนึ่งแสนกว่าบาท

    ดังนั้น ผมจึงมาเรียนพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน ว่า ผมจะนำล็อคเก็ตหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ด้านหลังเป็นหลวงพ่อเงิน 1 องค์ ไปมอบให้กับผู้ร่วมทำบุญ 7,777 บาท ,ล็อคเก็ตหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ด้านหลังเป็นหลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก 1องค์ มอบให้กับผู้ร่วมทำบุญ 6,666 บาท ,พระสมเด็จ(เนื้อปูนเพชรผสมพระธาตุ) มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 4,444 บาท ,สมเด็จกลักไม้ขีด มอบให้กับท่านที่ร่วมทำบุญ 5,000 บาท และพระสมเด็จอกครุฑ(รุ่น2) มอบให้กับผู้ที่ร่วมทำบุญ 2,000 บาท ,พระสมเด็จ(ที่สร้างก่อนปี พ.ศ.2415 และทันสมเด็จพระพุฒจารย์โต พรหมรังสี ซึ่งแต่เดิมผมจะแจกฟรี) มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 300 บาท อีกทั้งยังมีตะกรุดซึ่งพระอภิญญาใหญ่ท่านอธิษฐานจิต(เช่นหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ,หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าฯลฯ) แจกฟรี ซึ่งหลังจากงานในวันนั้น ผมจะเก็บแล้ว และคงไม่นำออกมาแล้วจนกว่าจะถึงวาระและเหตุอันควร

    และขอเรียนเชิญพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่านไปร่วมงานบุญนี้กัน ห้ามพลาดโดยเด็ดขาดนะครับ

    ส่วนท่านใดจะมาและมากันกี่ท่าน โปรดแจ้งผมก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2551 นี้นะครับ ผมจะได้เตรียมเรื่องอาหารให้เพียงพอกับจำนวนท่านที่จะไปร่วมงานกัน

    สำหรับท่านที่แจ้งเข้ามาแล้วที่จะไปร่วมงานบุญและพบปะสังสรรค์กัน
    1.คุณตั้งจิต 4 ท่าน
    2.คุณพุทธันดร 2 ท่าน
    3.พี่ตุ่น 1 ท่าน
    4.คุณปุ๊ 1 ท่าน
    5.น้องเอ 1 ท่าน
    6.จาน chaipat 2 ท่าน
    7.เพื่อนผม(รัช) 1 ท่าน
    8.คุณkaicp 2 ท่าน
    9.คณะพี่แอ๊ว 3 ท่าน
    10.คุณnongnooo 2 ท่าน
    11.คุณtawatd 1 ท่าน
    12.คุณkwok 1 ท่าน
    13.คุณkhongbeng 1 ท่าน
    14.คุณdrmetta 2 ท่าน
    รวม 24 ท่าน

    ส่วนท่านอื่นๆที่ประสงค์จะไปร่วมงานบุญและพบปะสังสรรค์กัน ผมรบกวนแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ (โพสลงบอร์ดก็ได้หรือโทร.หาผมก็ได้ครับ)

    เรื่องของอาหารที่จะถวายพระภิกษุ 2 รูป และอาหารที่จะเลี้ยงผู้ที่ไปร่วมงาน ผมจะขอให้ทุกๆท่านที่ไปร่วมงาน ช่วยกันเฉลี่ยค่าใช้จ่ายนะครับ ผมไม่อยากจะรบกวน 2 -3 ท่านที่นำอาหารมาให้เราทานกันทุกๆครั้ง

    ขอขอบคุณและโมทนาสาธุครับ

    .
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://palungjit.org/showthread.php?t=68899&page=57
    <TABLE class=tborder id=post1076325 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">31-03-2008, 09:06 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1138</TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เรียน พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน


    สำหรับพระบรมสารีริกธาตุ (วรรณะสีทองอุไร วรรณณะสีขาวนวล และพระเสโทธาตุ) และพระธาตุ (พระโมคคัลลานะเถระเจ้า ,พระสารีบุตรเถระเจ้า ,พระอนุรุทเถระเจ้า ,พระสิวลีเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า ,พระธาตุหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ) ,พระพุทธรูปปางลีลา ,พระพุทธรูปปางนาคปรก ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร(นั่งตอไม้) ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ,หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า(เนื้อหิน) ,พระอานนท์เถระเจ้า(เนื้อหิน) ,พระสังกัจจายนะ และพระควัมปติ ที่ผมจะอัญเชิญไปสรงน้ำและพระพุทธรูป(หินเขียวโขง) ที่พี่ท่านนึงจะอัญเชิญไปสรงน้ำนั้น

    การสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุ ผมจะใช้น้ำเปล่าสรง ส่วนพระพุทธรูป,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรและสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ฯลฯ ผมจะใช้น้ำอบไทยสรง

    ดังนั้น พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน ขอให้นำขวดน้ำที่ไม่ได้ใช้ไปด้วยนะครับ จะได้ขอต่อน้ำที่สรงพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุกลับไปบ้าน ไว้ดื่มหรืออาบได้ เพื่อความเป็นสิริมงคลกับตนเองและครอบครัว

    ส่วนน้ำอบไทยที่สรงพระพุทธรูป,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรและสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ถ้าท่านต้องการน้ำที่สรง ขอให้นำขวดเปล่าอีกขวด เพื่อไปต่อน้ำที่สรงด้วยนะครับ

    ผมยังมีตะกรุดแจกสำหรับทุกๆท่านด้วยนะครับ

    มาย้ำห้ามพลาดโดยเด็ดขาด ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งสิ่งที่เป็นสิริมงคลกลับบ้าน ได้ทั้งมาพบหน้า มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ผมเองแทบจะเร่งวันเร่งคืนให้ถึงไวๆ (ไม่ใช่มาม่า) นะครับ



    ผมมาแจ้งข่าวเพิ่มเติมเรื่องของการไปร่วมทำบุญและพบปะสังสรรค์กันในครั้งหน้า ผมได้รับข่าวดีมาก เนื่องจากพระอาจารย์รูปหนึ่งที่ผมได้ติดต่อนิมนต์มาร่วมในงาน ทางพี่ท่านนึงแจ้งข่าวมาว่า พระอาจารย์จะลงมา เพื่อแจ้งข่าวงานบุญสร้างศาลาปฎิบัติธรรมที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งยังขาดงบประมาณในการก่อสร้าง ประมาณหนึ่งแสนกว่าบาท

    ดังนั้น ผมจึงมาเรียนพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน ว่า ผมจะนำล็อคเก็ตหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ด้านหลังเป็นหลวงพ่อเงิน 1 องค์ ไปมอบให้กับผู้ร่วมทำบุญ 7,777 บาท ,ล็อคเก็ตหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ด้านหลังเป็นหลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก 1องค์ มอบให้กับผู้ร่วมทำบุญ 6,666 บาท ,พระสมเด็จ(เนื้อปูนเพชรผสมพระธาตุ) มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 4,444 บาท ,สมเด็จกลักไม้ขีด มอบให้กับท่านที่ร่วมทำบุญ 5,000 บาท และพระสมเด็จอกครุฑ(รุ่น2) มอบให้กับผู้ที่ร่วมทำบุญ 2,000 บาท ,พระสมเด็จ(ที่สร้างก่อนปี พ.ศ.2415 และทันสมเด็จพระพุฒจารย์โต พรหมรังสี ซึ่งแต่เดิมผมจะแจกฟรี) มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 300 บาท อีกทั้งยังมีตะกรุดซึ่งพระอภิญญาใหญ่ท่านอธิษฐานจิต(เช่นหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ,หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าฯลฯ) แจกฟรี ซึ่งหลังจากงานในวันนั้น ผมจะเก็บแล้ว และคงไม่นำออกมาแล้วจนกว่าจะถึงวาระและเหตุอันควร

    และขอเรียนเชิญพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่านไปร่วมงานบุญนี้กัน ห้ามพลาดโดยเด็ดขาดนะครับ

    ส่วนท่านใดจะมาและมากันกี่ท่าน โปรดแจ้งผมก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2551 นี้นะครับ ผมจะได้เตรียมเรื่องอาหารให้เพียงพอกับจำนวนท่านที่จะไปร่วมงานกัน

    สำหรับท่านที่แจ้งเข้ามาแล้วที่จะไปร่วมงานบุญและพบปะสังสรรค์กัน
    1.คุณตั้งจิต 4 ท่าน
    2.คุณพุทธันดร 2 ท่าน
    3.พี่ตุ่น 1 ท่าน
    4.คุณปุ๊ 1 ท่าน
    5.น้องเอ 1 ท่าน
    6.จาน chaipat 2 ท่าน
    7.เพื่อนผม(รัช) 1 ท่าน
    8.คุณkaicp 2 ท่าน
    9.คณะพี่แอ๊ว 3 ท่าน
    10.คุณnongnooo 2 ท่าน
    11.คุณtawatd 1 ท่าน
    12.คุณkwok 1 ท่าน
    13.คุณkhongbeng 1 ท่าน
    14.คุณdrmetta 2 ท่าน
    รวม 24 ท่าน

    ส่วนท่านอื่นๆที่ประสงค์จะไปร่วมงานบุญและพบปะสังสรรค์กัน ผมรบกวนแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ (โพสลงบอร์ดก็ได้หรือโทร.หาผมก็ได้ครับ)

    เรื่องของอาหารที่จะถวายพระภิกษุ 2 รูป และอาหารที่จะเลี้ยงผู้ที่ไปร่วมงาน ผมจะขอให้ทุกๆท่านที่ไปร่วมงาน ช่วยกันเฉลี่ยค่าใช้จ่ายนะครับ ผมไม่อยากจะรบกวน 2 -3 ท่านที่นำอาหารมาให้เราทานกันทุกๆครั้ง

    ขอขอบคุณและโมทนาสาธุครับ

    .
    <!-- / message --><!-- sig -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผมได้น้ำมนต์จากคุณเพชรมาเรียบร้อยแล้วครับ

    ในวันที่นัดพบกัน ผมจะนำไปเพื่อสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ ,พระธาตุ ,พระพุทธรูป และพระบูชาองค์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และพระสังกัจจายนะ

    โมทนาสาธุครับ

    .
    <!-- / message --><!-- sig -->.
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 11 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 10 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เรียนท่านผู้อ่าน
    ไม่มีใครหนีกรรมพ้นนะครับ
    ระวังเรื่องการปรามาสให้จงหนัก
    โมทนาสาธุครับ

    พระโมคคัลลานะ
    http://www.heritage.thaigov.net/reli...t/priest6.html

    [​IMG]

    [SIZE=-1]พระโมคคัลลานะนั้น เป็นบุตรพราหมณ์นายบ้านผู้หนึ่ง ผู้โมคคัลลานโคตรและนางโมคคัลลี เกิดในตำบลบ้านไม่ห่างแต่กรุงราชคฤห์ มีระยะทางพอไปมาถึงกันกับบ้านสกุลแห่งพระสารีบุตร ท่านชื่อ โกลิตะ มาก่อน อีกอย่างหนึ่ง เขาเรียกตามโคตรว่า โมคคัลลานะ เมื่อท่านมาอุปสมบทในพระธรรมวินัยนี้แล้ว เขาเรียกท่านว่า โมคคัลลานะ ชื่อเดียว จำเดิมแต่ยังเยาว์จนเจริญวัยได้เป็นมิตรผู้ชอบกันกับพระสารีบุตร มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน มีสกุลดเสมอกัน ได้ศึกษาศิลปศาสตร์ด้วยกันมา ได้ออกบวชเป็นปริพาชกด้วยกัน ได้เข้าอุปสมบทในพระธรรมวินัยนี้ด้วยกัน[/SIZE]
    [SIZE=-1]จำเดิมแต่ท่านได้อุปสมบทแล้วในพระธรรมวินัยนี้ได้เจ็ดวัน ไปทำความเพียรอยู่ที่บ้านกัลลวาลมุตคาม แขวงมคธ อ่อนใจนั่งโงกง่วงอยู่ พระศาสดาเสด็จไปที่นั้น ทรงแสดงอุบายสำหรับระงับความโงกง่วงสั่งสอนท่านว่า โมคคัลลานะ เมื่อท่านมีสัญญาอย่างไร ความง่วงนั้นย่อมครอบงำได้ ท่านควรทำในใจถึงสัญญานั้นให้มาก ข้อนี้จักเป็นเหตุให้ท่านละความง่วงนั้นได้ ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นควรตรึกตรองพิจารณาถึงธรรม อันตนได้ฟังแล้วและได้เรียนแล้วอย่างไร ด้วยน้ำใจของตน ข้อนี้จักเป็นเหตุให้ท่านละความง่วงนั้นได้ ถ้ายังละไม่ได้ ท่านควรสาธยายธรรมอันตนได้ฟังและได้เรียนแล้วอย่างไร โดยพิสดาร ข้อนี้จักเป็นเหตุให้ท่านละความง่วงนั้นได้ ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นท่านควรยอนช่องหูทั้งสองข้าง และลูบตัวด้วยฝ่ามือ ข้อนี้จักเป็นเหตุให้ท่านละความง่วงนั้นได้ ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นท่านควรลุกขึ้นยืน แล้วลูบนัยน์ตาด้วยน้ำ เหลียวดูทิศทั้งหลาย แหวนดูดาวนักษัตรฤกษ์ ข้อนี้จักเป็นเหตุให้ท่านละความง่วงนั้นได้ ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นท่านควรทำในใจถึงอาโลกสัญญา คือความสำคัญในแสงสว่าง ตั้งความสำคัญว่ากลางวันไว้ในจิต ให้เหมือนกันทั้งกลางวันกลางคืน มีใจเปิดเผยฉะนี้ ไม่มีอะไรหุ้มห่อ ทำจิตอันมีแสงสว่างให้เกิด ข้อนี้จักเป็นเหตุให้ท่านลำความง่วงนั้นได้ ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นท่านควรอธิษฐานจงกรม กำหนดหมายเดินกลับไปกลับมา สำรวมอินทรีย์ มีจิตไม่คิดไปภายนอก ข้อนี้จักเป็นเหตุให้ท่านละความง่วงนั้นได้ ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นท่านควรสำเร็จสีหไสยา คือ นอนตะแคงข้างเบื้องขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมเท้า มีสติสัมปชัญญะ ทำความหมายในอันจะลุกขึ้นไว้ในใจ พอท่านตื่นแล้วรีบลุกขึ้น ด้วยความตั้งใจว่า เราจักไม่ประกอบสุขในการนอน เราจักไม่ประกอบสุขในการเอนข้าง (เอนหลัง) เราจักไม่ประกอบสุขในการเคลิ้มหลับ อนึ่ง ท่านควรสำเหนียกใจอย่างนี้ว่า เราจักไม่ชูงวง (คือถือตัว) เข้าไปสู่สกุล ดังนี้ เพราะว่า ถ้าภิกษุชูงวงเข้าไปสุ่สกุล ถ้ากิจการในสกุลนั้นมีอยู่ อันเป็นเหตุที่มนุษย์เขาจักไม่นึกถึงภิกษุผู้มาแล้ว ภิกษุก็คงคิดว่า เดี๋ยวนี้ใครหนอยุยงให้เราแตกร้าวจากสกุลนี้ เดี๋ยวนี้ดูมนุษย์พวกนี้มีอาการอิดหนาระอาใจในเรา เพราะไม่ได้อะไร เธอก็จักมีความเก้อ ครั้นเก้อ ก็จักเกิดความคิดฟุ้งซ่าน ครั้นคิดฟุ้งซ่านแล้ว ก็จักเกิดความไม่สำรวม ครั้นไม่สำรวมแล้ว จิตก็จักห่างจากสมาธิ อนึ่ง ท่านสำเหนียกใจอย่างนี้ว่า เราจักไม่พูดคำอันเป็นเหตุเถียงกัน ถือผิดต่อกันดังนี้ เพราะว่า เมื่อคำอันเป็นเหตุเถียงกัน ถือผิดต่อกันมีขึ้น ก็จำจักต้องหวังความพูดมาก เมื่อความพูดมากมีขึ้น ก็จักเกิดความคิดฟุ้งซ่าน ครั้นคิดฟุ้งซ่านแล้ว ก็จักเกิดความไม่สำรวม ครั้นไม่สำรวมแล้ว จิตก็จักห่างจากสมาธิ อนึ่ง โมคคัลลานะ เราสรรเสริญความคลุกคลีด้วยประการทั้งปวงหามิได้ แต่มิใช่สรรเสริญความคลุกคลีด้วยประการทั้งปวงเลย คือ เราไม่สรรเสริญความคลุกคลีด้วยหมู่ชน ทั้งคฤหัสถ์ ทั้งบรรพชิต ก็แต่ว่า เสนาสนะที่นอนที่นั่งอันใดเงียบเสียงอื้ออึง ปราศจากลมแต่คนเดินเข้าออก ควรเป็นที่ประกอบกิจของผู้ต้องการที่สงัด ควรเป็นที่หลีกออกเร้นอยู่ตามสมณวิสัย เราสรรเสริญความคลุกคลีเสนาสนะเห็นปานนั้น เมื่อพระศาสดาตรัสสอนอย่างนี้แล้ว พระโมคคัลลานะกราบทูลถามว่า โดยย่อด้วยข้อปฏิบัติเพียงเท่าไร ภิกษุชื่อว่าน้อมไปแล้วในธรรมที่สิ้นตัณหา มีความสำเร็จล่วงส่วน เกษมจากโยคธรรมล่วงส่วน เป็นพรหมจารีบุคคลล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วนประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย พระศาสดาตรัสตอบว่า โมคคัลลานะ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ได้สดับว่า บรรดาธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น ครั้นได้สดับดังนี้แล้ว เธอทราบธรรมทั้งปวงชัดด้วยปัญญาอันยิ่ง ครั้นทราบธรรมทั้งปวงชัดด้วยปัญญาอันยิ่งดังนั้นแล้ว ย่อมกำหนดรู้ธรรมทั้งปวง ครั้นกำหนดรู้ธรรมทั้งปวงดังนั้นแล้ว เธอได้เสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสุขก็ดี ทุกข์ก็ดี มิใช่ทุกข์มิใช่สุขก็ดี เธอพิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยง พิจารณาเห็นด้วยปัญญาเป็นเครื่องหน่าย พิจารณาเห็นด้วยปัญญาเป็นเครื่องประดับ พิจารณาเห็นด้วยปัญญาเป็นเครื่องสละคืน ในเวทนาทั้งหลายนั้น เมื่อพิจารณาเห็นดังนั้น ย่อมไม่ยึดมั่นสิ่งอะไร ๆ ในโลก เมื่อไม่ยึดมั่น ย่อมไม่สะดุ้งหวาดหวั่น เมื่อไม่สะดุ้งหวาดหวั่น ย่อมกับกิเลสให้สงบจำเพาะตน และทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่จำต้องทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นที่ต้องทำอย่างนี้อีกมิได้มี โดยย่อด้วยข้อปฏิบัติเพียงเท่านี้แล ภิกษุชื่อว่า น้อมไปแล้วในธรรมที่สิ้นตัณหา มีความสำเร็จล่วงส่วน เกษมจากโยคธรรมล่วงส่วน เป็นพรหมจารีบุคคลล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วนประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย พระโมคคัลลานะปฏิบัติตามพระพุทธโอวาทที่พระศาสดาทรงสั่งสอน ก็ได้สำเร็จพระอรหัตในวันนั้น [/SIZE]
    [SIZE=-1][SIZE=-1]พระศาสดา ทรงยกย่องพระโมคคัลลานะเป็นคู่กับพระสารีบุตร ในอันอุปการะผู้เข้ามาอุปสมบทใหม่ในพระธรรมวินัย ดังกล่าวแล้วในหนหลัง อีกประการหนึ่ง ทรงยกย่องพระโมคคัลลานะว่าเป็นเยี่ยมแห่งภิกษุสาวกผู้มีฤทธิ์นี้ ฤทธิ์นี้หมายเอาคุณสมบัติเป็นเครื่องสำเร็จแห่งความปรารถนา สำเร็จด้วยความอธิษฐาน คือตั้งมั่นแห่งจิต ผลที่สำเร็จด้วยอำนาจฤทธิ์นั้น ท่านแสดงล้วนแต่พ้นวิสัยของมนุษย์ ดังมีแจ้งอยู่ในอิทธิวิธี อันนับเป็นอภิญญาอย่างหนึ่ง จัดว่าเป็นอสาธารณคุณ ไม่มีแก่พระสาวกทั่วไปก็ได้ การที่พระศาสดาทรงยกย่องพระโมคคัลลานะว่า เป็นเอตทัคคะในฝ่ายสาวกผู้มีฤทธิ์นั้น ประมวลเข้ากับการที่ทรงยกย่องพระสารีบุตรว่า เป็นเอตทัคคะในฝ่ายภิกษุผู้มีปัญญาจะพึงให้ได้สันนิษฐานว่า พระโมคคัลลานะ เป็นกำลังใหญ่ของพระศาสดาในอันยังการที่ทรงพระพุทธดำริไว้ให้สำเร็จ พระศาสดาได้สาวกผู้มีปัญญา เป็นผู้ช่วยดำริการ และได้สาวกผู้สามารถยังภารธุระที่ดำริแล้วนั้นให้สำเร็จ จักสมพระมนัสสักปานไร แม้โดยนัยนี้ พระโมคคัลลานะ จึงได้รับยกย่องว่าเป็นพระอัครสาวกคู่กับพระสารีบุตรเป็นฝ่ายซ้าย โดยหมายความว่า เป็นคณาจารย์สอนพระศาสนาในฝ่ายอุดรทิศดังกล่าวแล้ว หรือโดยหมายความว่าเป็นที่ ๒ รองแต่พระสารีบุตรลงมา[/SIZE]
    [SIZE=-1]พระธรรมเทศนาของพระโมคคัลลานะอยู่ข้างหายาก ที่เป็นโอวาทให้แก่ภิกษุสงฆ์ มีแต่อนุมานสูตร ว่าด้วยธรรมอันทำตนให้เป็นผู้ว่ายากหรือว่าง่าย พระธรรมสังคาหกาจารย์ สังคีติไว้ในมัชฌิมนิกาย[/SIZE]
    [SIZE=-1]พระโมคคัลลานะนั้น เห็นจะเข้าใจในการนวกรรมด้วย พระศาสดาจึงได้โปรดให้เป็นนวกัมมาธิฏฐายี คือ ผู้ดูนวกรรมแห่งบุรพาราม ที่กรุงสาวัตถี อันนางวิสาขาสร้าง[/SIZE]
    [SIZE=-1]แม้พระโมคคัลลานะ ก็ปรินิพพานก่อนพระศาสดา มีเรื่องเล่าว่าถูกผู้ร้ายฆ่า ดังต่อไปนี้ ในคราวที่พระเถรเจ้าอยู่ ณ ตำบลกาฬสิลาแขวงมคธ พวกเดียรถีย์ปรึกษากันว่า พระโมคคัลลานะเป็นกำลังใหญ่ของพระศาสดา สามารถนำข่าวในสวรรค์และนรกมาแจ้งแก่มนุษย์ชักนำให้เลื่อมใส ถ้ากำจัดพระโมคคัลลานะเสียได้แล้ว ลัทธิฝ่ายตนจักรุ่งเรื่องขึ้น จึงจ้างผู้ร้ายให้ลอบฆ่าพระโมคคัลลานะเสีย ท่านยังไม่ถึงมรณะ เยียวยาอัตภาพด้วยกำลังฌานไปเฝ้าพระศาสดาทูลลาแล้ว จึงกลับมาปรินิพพาน ณ ที่เดิม พระโมคคัลลานะอยู่มาจนถึงพรรษาที่ ๔๕ แต่ตรัสรู้ล่วงแล้ว ปรินิพพานในวันดับแห่งกัตติกมาส ภายหลังพระสารีบุตรปักษ์หนึ่ง พระศาสดาได้เสด็จไปทำฌาปนกิจแล้ว รับสั่งให้เก็บอัฐิธาตุมาก่อพระเจดีย์บรรจุไว้ ณ ที่ใกล้ซุ้มประตูแห่งเวฬุวนาราม ระยะทางเสด็จพุทธจาริกแต่บ้านเวฬุวคาม[/SIZE]
    [SIZE=-1]ครั้งหนึ่งนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่เวฬุวันวิหาร อาศัยเมืองราชคฤห์เป็นที่ภิขาจาร พระองค์ได้ปรารภพระมหาโมคคัลลานเถระให้เป็นเหตุ จึงได้ตรัสเรื่องราวนี้มีความว่า พระมหาโมคคัลลานเถระเป็นทุติยสาวกปรากฏด้วยอิทธิศักดายิ่งกว่าผู้ใดในไตรภพเว้นไว้แต่พระตถาคตองค์เดียว พระตถาคตให้เป็นเอตทัคคะว่า ประเสริฐเลิศด้วยอิทธิฤทธิ์ยิ่งกว่าสาวกในพระศาสนา ท่านได้เที่ยวไปสู่เทวจาริกในสวรรค์ นำเอาการกุศลที่เทพบุตรเทพธิดา กระทำอย่างนั้น ๆ เอามาบอกแก่มหาชนชาวมนุษย์ แล้วท่านลงไปสู่นรก นำเอาข่าวมาบอกแก่คนทั้งหลายว่า บุคคลกระทำบาปมีชื่อนี้ ๆ ไปทนทุกขเวทนาในนรกขุมนั้น ๆ ท่านได้โปรดสัตว์ที่ไปทนทุกข์ให้เป็นสุขสบาย ท่านขวนขวายในกิจของท่านมาช้านาน[/SIZE]
    [SIZE=-1]ครั้นอยู่มาสมัยหนึ่ง พระมหาเถระจำพระวัสสาอยู่ ณ กาฬศิลาประเทศ พวกเดียรถีย์นิครนถ์ทั้งหลาย ก็ปราศจากลาภสักการบูชา มหาชนเลื่อมใสในพระศาสนาเป็นอันมาก เดียรถีย์นิครนถ์ผู้ใหญ่จึงปรึกษาว่า ลาภสักการะ จะเกิดแก่พระสมณโคดม ก็อาศัยพระโมคคัลลานเถระผู้เดียว เพราะพระโมคคัลลานมีฤทธิ์ เที่ยวขึ้นไปบนสวรรค์ และลงนรก ได้เห็นความเป็นไปในที่นั้น ๆ แล้ว นำมาบอกแก่มหาชนชาวมนุษย์ ถึงผลของกุศลกรรมของผู้ที่อยู่บนสวรรค์ และอกุศลกรรมของผู้ที่อยู่ในนรก ดังนั้นถ้าคิดพิฆาตฆ่าและโมคคัลลานให้ตายแล้ว พระสมณโคดมก็จะเสื่อมจากลาภสักการบูชา พวกเดียรถีย์ทั้งหลายก็เห็นจริงพร้อมกัน เดียรถีย์ผู้ใหญ่จึงคิดเรี่ยไรทรัพย์จากพวกอุปฐากของตน ได้ทรัพย์พันตำลึง แล้วไปจ้างโจรให้ไปฆ่าพระโมคคัลลาน พวกโจรได้ไปล้อมกุฎีของท่าน คอยฆ่าท่านเมื่อเพลาปัจจุสมัยใกล้รุ่ง ฝ่ายพระโมคคัลลานเถระ เมื่อรู้เหตุว่าโจรมาล้อมกุฎี ก็หนีออกมาโดยช่องดาล โจรหาตัวท่านไม่พบก็กลับไป อยู่มาวันหนึ่งจึงพากันไปล้อมอีก ท่านก็หนีออกไปทางช่องช่อฟ้า พวกโจรพากันมาล้อมจะจับตัวท่านฆ่าให้ตาย แต่หาท่านไม่พบต้องพากันกลับไปโดยนัยดังนี้ถึง 2 เดือน[/SIZE]
    [/SIZE]

    <!-- / message --><!-- sig -->.
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 11 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 10 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เรียนท่านผู้อ่าน
    ไม่มีใครหนีกรรมพ้นนะครับ

    ระวังเรื่องการปรามาสให้จงหนัก
    โมทนาสาธุครับ

    พระโมคคัลลานะ
    http://www.heritage.thaigov.net/reli...t/priest6.html

    ครั้นถึงเดือน เป็นที่สุดจะออกพระวัสสา โจรทั้งหลายก็มาล้อมกุฎีอีก พระมหาเถระพิจารณาดู ก็รู้ประจักษ์ใจว่า กรรมของท่านได้กระทำไว้แต่ปางหลัง ตามมาทันแล้วในครั้งนี้ แม้ท่านจะหนีไปอยู่ในที่ใด ๆ ที่จะพ้นภัยนั้นอย่าสงกา เมื่อท่านพิจาณาเห็นดังนั้นแล้ว ก็นั่งอยู่ในกุฎี ไม่ได้หนีไปดังหนหลัง โจรทั้งหลายเห็นท่าน จึงเข้าไปทุบตีด้วยศาสตราวุธต่าง ๆ จนกระดูกท่านแหลก ปานประหนึ่งว่าเม็ดข้าวสาร แหลกละเอียดไปทั้งกาย แล้วพวกโจรก็นำร่างของท่านไปทิ้ง ฝ่ายพระมหาเถระได้เสวยทุกขเวทนา พ้นที่จะอุปมา แต่ยังทรงชีวิตอยู่ จึงคิดอยู่ในใจว่า ตัวท่านนี้จะดับสูญเข้าสู่นิพพานแล้ว จำจะไปถวายนมัสการลาพระผู้มีพระภาค แล้วจึงกลับมาเข้าสู่พระนิพพานในที่นี้ คิดดังนั้นแล้วจึงเข้าฌานสมาบัติ อธิษฐานผูกรัดร่าง กระดูกที่แหลกละเอียด ก็คุมกันเข้าเป็นแท่งเดียวดังเก่าด้วยกำลังฌาน แล้วจึงเหาะไปสู่เวฬุวันมหาวิหาร เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค กราบทูลลาเข้าสู่พระนิพพาน พระผู้มีพระภาคจึงมีพุทธฎีกาตรัสถามว่า จะนิพพานที่ใด ท่านกราบทูลว่า จะนิพพานที่กาฬศิลาประเทศ อันเป็นที่อยู่ของท่าน พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า ตถาคตได้เห็นท่านก็เป็นที่สุดแล้ว ท่านจงเทศนาให้ตถาคตฟังก่อน พระสงฆ์ทั้งหลายจะได้เห็นท่านได้ฟังเทศนาของท่านก็เป็นที่สุดในครั้งนี้
    ฝ่ายพระมหาเถระได้ฟังพุทธฎีกาดังนั้น จึงได้สำแดงปาฏิหาริย์เป็นเอนกอนันต์
    ครั้นสำแดงแล้ว ก็สำแดงธรรมเทศนาแก่บริษัทเป็นปัจฉิมที่สุด เหมือนธรรมเสนาบดีสารีบุตร กระทำปาฏิหาริย์ถวายพระผู้มีพระภาค เมื่อท่านไปกราบทูลลาจะเข้าสู่พระนิพพาน เมื่อพระมหาเถระกระทำปาฏิหาริย์ เห็นปานดังพระสารีบุตร เสร็จแล้วจึงทูลลาว่า กระหม่อมฉันอุตส่าห์สร้างบารมีมาก็ช้านาน ประมาณได้อสงไขยยิ่งด้วยแสนกัปป์โดยคณนา หวังจะพบพระพุทธองค์ และพระศาสนาของพระพุทธองค์ บัดนี้ก็สำเร็จสมปรารถนาแล้ว จะได้ถวายนมัสการบรมบาทพระชินสีห์ก็เป็นที่สุดแล้ว จึงถวายบังคมลา พระสัพพัญญูบรมครูแล้วกลับไปกาฬศิลาประเทศ เข้าไปสู่กุฎีที่อยู่จำพระวัสสา จึงเข้าสมาบัติตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป แล้วกลับถอยหลังลงมาเป็นอนุโลมปฏิโลมหลายครั้ง ครั้นออกจากสมาบัติแล้ว พระมหาเถระก็เข้าสู่พระนิพพาน
    กิตติศัพท์ที่พวกโจรเข้าทุบตีพระโมคคัลลานะนั้น ได้เลื่องลือไปในนิคมชนบทนานาประเทศ บรรดาอำมาตย์ได้นำความเข้ากราบทูลพระเจ้าอชาตศัตรู เมื่อพระองค์ทรงทราบก็เกิดสังเวชสลดพระทัย ทรงเห็นว่าการกระทำของพวกโจรไม่บังควร จำจะเสาะเอาตัวมาลงโทษให้จงได้ แล้วได้ทรงสั่งให้พวกอำมาตย์ ไปดำเนินการจนได้ตัวพวกโจร แล้วนำเข้าไปถวายพระเจ้าอชาตศัตรู เมื่อซักไซ้ไต่สวนได้ความว่า พวกสมณชีเปลือยใช้โจรให้ไปกระทำการดังกล่าว พระองค์จึงสั่งให้ไปจับพวกเดียรถีย์ชีเปลือยมาได้เป็นจำนวนมาก เมื่อซักไซ้ไต่ถามได้ความจริงแล้ว จึงสั่งให้ราชบุรุษ เอาพวกเดียรถีย์ชีเปลือย และพวกโจรที่จับมาได้ ฝังดินลึกเพียงสะดือ แล้วให้เอาใบไม้แห้งและฟางเกลี่ยไป จากนั้นจึงจุดไฟคลอก ครั้นเพลิงไหม้ทั่วกันแล้ว จึงให้เอาไถเหล็กมาไถ ให้ร่างกายขาดเป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่ตายด้วยกันทั้งหมด
    อยู่มาวันหนึ่ง บรรดาพระสงฆ์ทั้งหลาย สันนิบาตประชุมกันในโรงธรรมสภาศาลา สนทนากันว่าน่าอัศจรรย์ใจ ด้วยพระโมคคัลลาน ประกอบด้วยฤทธานุภาพเป็นอันมาก ควรหรือมาตายด้วยมือโจร ฝ่ายองค์พระบรมโลกนาถ ได้ทรงได้ยินการสนทนาดังกล่าว จึงเสด็จออกจากพระคันธกุฎี มาสู่โรงธรรมศาลา แล้วตรัสถามว่า ได้สนทนาเรื่องอันใดอยู่ เมื่อบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงได้มีพุทธฎีกาว่า สำแดงโมคคัลลานโอรสพระตถาคต ถูกโจรทุบตีให้ตาย จะได้มีแต่ปัจจุบันชาตินี้หามิได้ แต่ชาติก่อน ๆ ก็ตายด้วยโจรตีเช่นกัน ก็อาศัยอกุศลกรรมที่ได้กระทำไว้แต่ชาติหลังยังติดตามมา จึงถึงแก่ความมรณาไม่สมควรแก่ตน พระทศพลตรัสดังนี้แล้วก็ดุษณีนิ่งไป พระสงฆ์ทั้งหลายจึงทูลถาม ถึงกรรมที่พระโมคคัลลานกระทำไว้ พระพุทธองค์จึงนำอดีตมาประทานเทศนาว่า ในอดีตกาลแต่ปางหลัง มีกุลบุตรผู้หนึ่งปฏิบัติรักษามารดา บิดาตามืด ทั้ง 2 คน โดยไม่เกียจคร้าน ต่อมา มารดาบิดาจึงคิดอ่านจะหาภรรยาให้ลูกชาย เมื่อปรึกษาเรื่องนี้กับลูกชาย ก็ได้รับคำปฏิเสธว่าตนไม่ปรารถนา จะขอเลี้ยงมารดาบิดาไปจนตลอดชีวิต มารดาบิดาก็เฝ้าวอนว่าอยู่แล้ว ๆ เล่า ๆ ฝ่ายลูกชายขัดไม่ได้จึงยินยอมตามใจของมารดาบิดา มารดาบิดาจึงได้ไปขอกุมารี มาให้แก่ลูกชายของตน หญิงนั้นครั้นมาอยู่กับสามีแล้วปฏิบัติแม่ผัวพ่อผัวอยู่ไม่นาน ก็มีความเกียจคร้านเบื่อหน่าย คิดจะไปเสียให้พ้นจึงว่าแก่สามีของตนว่าตนไม่สบายใจ มารดาบิดาขี้บ่น ตนจะอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว สามีจึงตอบว่าก็ตามอัชฌาศัยของท่านเถิด ที่เราจะทิ้งมารดาบิดาของเราเสียนั้นมิได้ นางได้ฟังดังนั้นก็จนใจ จึงคิดกลอุบายจะให้ลูกชายทิ้งมารดาบิดาเสีย จะได้พากันไปอยู่ที่อื่นตามสบายใจ ครั้นสามีออกไปนอกบ้าน หญิงนั้นก็เที่ยวทิ้งของไว้เกลื่อนกลาด ครั้นสามีกลับมาพบเห็นก็บอกว่า มารดาบิดาของท่านทำเอาไว้ หญิงนั้นทำเช่นนี้อยู่เนือง ๆ ฝ่ายบุรุษผู้นั้นเป็นสัตว์มีวาสนา ได้บำเพ็ญบารมีมาช้านาน ได้ฟังคำหญิงพาลมาวอนเจรจาใส่โทษมารดาบิดา ก็ให้เร่าร้อนในหัวใจ ความรักใคร่ในมารดาแต่หนหลังนั้น ก็แตกออกเป็นสองภาค ด้วยความรักใคร่ในหญิงพาลส่งจิตไปตามภรรยา จึงตอบวาจาว่า มารดาบิดาของเรากระทำชั่วฉะนี้ ตกพนักงานพี่จะกระทำเอง ชายนั้นจึงให้มารดาบิดาบริโภคอาหารแล้วจึงมีวาจาว่า บัดนี้ญาติวงศาของท่านอยู่ในบ้านโน้น สั่งมาให้ตนพามารดาบิดาไป แล้วจึงให้มารดาบิดาขึ้นนั่งบนเกวียน แล้วจึงรีบไปตามมรรคา ครั้นถึงราวป่าแห่งหนึ่ง บุรุษนั้นคิดจะฆ่ามารดาบิดาให้ตาย จึงคิดอุบายบอกแก่มารดาบิดาว่า ราวป่านี้โจรส้องสุมอยู่เป็นอันมาก ถ้ารู้ว่าตนมามันก็จะฆ่าเสียให้ตาย บิดาจงเอาเชือกสายชักโคนี้เถิด แล้วเขาก็ลงจากเกวียนไป ชายนั้นเดินไปให้ไกลสักหน่อยหนึ่ง แล้วก็แกล้งแปลงเป็นเสียงโจรว่าคนสองคนนั้นจะไปไหน แล้วฉวยได้ไม้เข้าทุบตีมารดาบิดาแห่งตน ฝ่ายมารดาบิดาทั้งสองคนคิดว่าเป็นโจรจริง จึงร้องบอกลูกชายให้หนีไปให้พ้นมือโจร ส่วนตนทั้งสองแก่ชราแล้ว จะตายด้วยโจรก็ตามทีเถิด ฝ่ายลูกชายเมื่อทุบตีมารดาบิดาตายเสียแล้ว จึงเอาซากศพนั้นทิ้งเสียในราวป่า แล้วกลับมาสู่บ้านตนพร้อมภรรยา ตราบจนสิ้นชมม์วัสสาอายุแล้ว จุติไปเกิดโดยควรแก่อกุศลกรรม ที่ตนได้ทำไว้ในปัจจุบันชาติ
    เมื่อพระบรมศาสดา สำแดงบุพพกรรมแห่งพระโมคคัลลานด้วยประการฉะนี้แล้ว จึงมีพุทธฎีกาตรัสว่า สำแดงโมคคัลลานกระทำกรรมอันหยาบช้า ฆ่ามารดาบิดา ครั้นตนทำกาลกิริยาตาย ได้ไปทนทุกขเวทนาในนรกช้านาน มากกว่าหมื่นปีแสนปี ด้วยกรรมที่ตีมารดาบิดา ครั้นพ้นจากนรกแล้ว เศษบาปนั้นยังติดตามมา แต่โจรทั้งหลายฆ่าให้ตายดังนั้นถึง 500 ชาติ เป็นกำหนด สำแดงโมคคัลลานได้ทำอกุศลกรรมไว้ จึงได้เสวยวิบากผลสมควรแก่กรรมที่ตนได้กระทำมาแต่หนหลัง ยังพวกโจรและเดียรถีย์ที่ทุบตี สำแดงโมคคัลลานเล่า ก็ถึงซึ่งความวินาศฉิบหายน่าอเน็จอนาถ ฉะนี้
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเทศนาด้วยพระคาถาต่อไปว่า บุคคลใดเป็นคนเมามาก ประกอบด้วยโทโส มาประทุษร้ายแก่พระขีณาสพเจ้าอันหาโทษทัณฑ์มิได้ บุคคลนั้นจะต้องทุกข์ทั้ง 10 ประการ ทุกข์ใดจะถึงแก่ตน เห็นประจักษ์ตาในอัตภาพชั่วนี้ คือต้องทุกขเวทนาอันทารุณโทษ โรคนั้นแต่ล้วนสาหัส จะบังเกิดมีแก่อัตภาพในชาตินี้ ประการหนึ่ง ทรัพย์สินเงินทองที่ตนหามาได้ด้วยกสิกรรม วาณิชกรรม ก็จะเสี่อมสูญไปไม่เหลือ ถ้ามิดังนั้นก็จะทนทุกขเวทนา มีเขาตัดตีนตัดมีอ ตัดหู ตัดจมูกของตน เป็นจมูกของตน เป็นต้น จะบังเกิดโรคาพยาธิอันหนัก จะเป็นเปลี้ยง่อยตัวตายไปตำหระหนึ่งโรคที่หนักๆ จักบังเกิดมี คือเป็นโรคเรื้อนกุฏฐัง ที่เหลือกำลังจะรักษาเยียวยาได้ ถ้ามิดังนั้นจะเป็นบ้าใบ้พิกลจริต เสียจิตเสียใจไม่เป็นสมประดีดังคนทั้งหลาย จะบังเกิดความฉิบหายแก่ราชทัณฑ์อาชญา ท้าวพระยามหากษัตริย์จะริบเอาโภคทรัพย์สมบัติพัสถานของตน ถ้ามิดังนั้นตัวอยู่ดี ๆ มีคนมาโพนทนาว่า เป็นโจรกระทำผิดในราชศาสตร์ มีแต่เขาใส่โทษให้ต้องราชทัณฑ์อาญา มีแต่คนอิจฉาคือฉ้อส่อเสียด ให้เสียสมบัติพัสดุต่าง ๆ อนึ่ง จะมีทรัพย์พัสดุสิ่งใดอยู่ในเรือนตนจะมีโจรเข้าวิ่งชิงเอาไป อนึ่งญาติวงศา บุตร ภรรยา อันที่รักใคร่ จะบังเกิดมรณภัยล้มตายหายจาก พลัดพรากฉิบหายประลัยไป สุดแท้แต่จะวิบัติไปด้วย เหตุสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อนึ่ง ทรัพย์วัสดุเงินทองของรัก จะกลับกลายเป็นกระดูก เป็นกระเบี้อง เป็นถ่านเพลิงไป โดยต่ำตั้งแต่ข้าวเปลือกอยู่ในยุ้งฉาง ก็วิบัตเปื่อยเน่าผุไปเอง อนึ่ง จะเกิดไฟไหม้ไต้ลน ปีละสองสามหนให้จงได้ มิไหม้ด้วยไฟบ้านก็ไหม้ด้วยไฟป่า ไหม้ด้วยไฟฟ้า ถ้ามิฉะนั้น อยู่ดี ๆ จะมีไฟเกิดขึ้นด้วยธรรมดาเอง สุดแท้แต่จะเกิดไฟไหม้ให้ได้ อันบุคคลประทุษร้ายต่อผู้หาโทษมิได้ จะต้องทุกขฐานทั้ง 10 ประการ มิทุกข์สิ่งใดก็สิ่งหนึ่ง คงจะมาถึงตนในอัตภาพชั่วนี้ ครั้นสูญสิ้นชีวิตจากเมืองคน จะไปทนทุกขเวทนาในนรกสิ้นกาลช้านาน เพราะตนกระทำการทุจริตมิดี เห็นปานดังโจร และเดียรถีย์ทั้งหลายทำร้ายพระโมคคัลลานฉะนี้
    ครั้นพระพุทธองค์ตรัสเทศนาจบลง บริษัททั้งหลายก็สำเร็จมรรคผลธรรมวิเศษ ตามวาสนาบารมีที่ตนได้ก่อสร้างมา แต่ชาติหลังโน้น จึงเป็นอุปนิสัยให้สำเร็จความปรารถนา

    <!-- / message --><!-- sig -->
    .
     
  17. พุทธันดร

    พุทธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,969
    ขอบคุณมากค่ะ คุณเพชร
    สงสัยว่าศุกร์เสวยอายุนี่มันเป็นไงคะ่๋๋่่
     
  18. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ท่านปา-ทานครับเมื่อกี้มีหลังไมค์ มาวิเคราะห์ พิมพ์สมเด็จกลักไม้ขีดหลังเหรียญให้ฟังครับ โหสุดยอดครับ ไม่ใช่จาน ไม่ใช่กาละมังแล้วครับ แต่ต้องเป็นโอ่งแล้วครับ 55555(||)
     
  19. khongbeng

    khongbeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +657
    ไป ไป ไป ไป ไป....
     
  20. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ไป ไป ไป ไป นี่อ่านแล้วเหมือนไล่เลยแฮะ 55555(smile)
    น่าจะเปลี่ยนเป็น ไปด้วย ไปด้วย ไปด้วย ไปด้วย ครับ ...;)
     

แชร์หน้านี้

Loading...