NEW! NEW AGE PLUS+ พลังงานใหม่ พลังงานอิสระ....

ดูเหมือนจะเริ่ม ขาดสติ มากขึ้นแล้ว จะพิมพ์ ก็เขียนไม่ถูกแล้ว

ภาษาจอ ขำง่ะ

 

• 1) ภาษาฟอร์แทรน (FORmula TRANstation : FORTRAN) จัด เป็นภาษาระดับสูงที่เก่าแก่ที่สุด ได้รับการคิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรก ราว พ.ศ. ...
• 2) ภาษาโคบอล (Common Business Oriented Language : COBOL) ...
• 4) ภาษาปาสคาล (Pascal) ...
• 5) ภาษาซีและซีพลัสพลัส (C และ C++) ...
• 6) ภาษาวิชวลเบสิก (Visual Basic) ...
• 8) ภาษาจาวา (Java) ...
• 9) ภาษาเดลฟาย (Delphi)

เสิชคำว่าภาษาคอมพิวเตอร์มันจะขึ้นมาแบบนี้ละ เลือกซักภาษาแล้วกัน โอเคผมมโนเรื่อง ต้องเป็นภาษา C งั้นท่านก็ตอบเป็นภาษาอื่นไป

งั้นเหรอแต่ทำไมผมเลื่อนไปดูมันมีคำว่า edit ข้างล่างด้วยละ ? แปลกนะเนี่ย ลีลาตุ้ดมาละเรอะ แปลกดี

 

ขำทำไม ก็ภาษาของฉันเป็นโลกที่คล้ายจอคอมพ์ ? มันจะเป็นได้ยังไงโลกอัดอยู่ในจอคอมพ์ว่างั้น ? หรือจะบอกว่า เวลาพูดนี่ออกมาเป็นจอคอมพ์ ? วิปลาศไปไกลแล้วนะลูกภูดิชหญ้าลูกหญ้าๆ

 

สิทธิ์ที่ฉันจะไป edit .... แล้วคำสั่ง edit เขียนขึ้นมาทำเปือก อะไรเล่า .... ขี้เกียจตอบคำถาม .... คนฉลาดอย่างเธอเลย พับผ่าสิ

 

อะๆ แถมหรือจะพิมพ์ออกมาเป็นจอคอมพ์ เอ้ะยังไง มันไม่เห็นจะจริงนี่ มันกลายเป็นงั้นได้ไงอะ หัดรู้ธรรมเฉพาะหน้าบ้างนะ วิปลาศน่ะใกล้แล้ว

 

ก็ไม่ต้องตอบสิใครว่าอะไร โง่นะเราน่ะ

 

ก็ขำนิ ภาษาจอคอมฯ ไม่เคยเห็นนิ

ขำไม่ได้เหรอ ..... บ่ะ ขำก็ไม่ได้

 

อ่าวตอบมาแล้วเหรอ ไหนบอกขี้เกียจตอบละ รับไม่ได้ละสิ น่าสงสาร เดี๋ยวพาไปเลี้ยงไหมลูก โอ๋เอ๋ๆ

 

ขำไปเลย ในเมื่อภาษานั้นเป็นสิ่งที่เอ็งพิมพ์มาเอง เชิญขำตามสะดวกผมจะขำตามละเนี่ย เอาเลยๆถือป้ายไฟด้วยเอ้า

 

โง่ก็เป็นเรื่องของฉัน .... แต่เธอจะสอนคนโง่ให้ฉลาด มีปัญญาแค่นี้เหรอ
ไม่ตอบ หรือ ตอบก็เป็นสิทธิ์ของฉัน

มีไรมั๊ย? ...

 

เกี่ยวไรกับผม อวยว่าฉลาดท่านก็บอกผมเอง จะบอกว่ามีปัญญาแค่นี้ท่านก้บอกผมเองอีกละ
ขี้มโนอยู่เรื่อย ผู้ชายนะผู้ชายอย่าดัดจริตแบบ ตุ้ดให้มากนัก เดี๋ยวสาวๆจะไม่แล แต่คงไม่สนหรอกมั้งก็ตุ้ดนี่นา

ก็เรื่องของเอ็งอีกละจะตอบไม่ตอบใครว่าอะไร? ที่พิมพ์มาก็มโนไปเองทั้งนั้น นี่ถามจริงนิสัยเริ่มเป็นตุ้ดมานานหรือยัง ? หรือพึ่งเริ่ม จะไม่ตอบก็ไม่ว่ากันนะ เห็นอารมณ์แปรปรวน ท่าทางเมนส์จะมา แต่มีเมนส์ด้วยเหรอ?

 

นี่ไม่รู้เลยเหรอ? ....เธอเป็นคนอย่างไร?

 

ผมไม่รู้เพราะผม ไม่มโน ผมตั้งสติมั่นรู้ธรรมเฉพาะหน้า ไม่มโนเอาธรรมมามองเป็นหน้าจอคอมพ์อะนะ ลองไปถามพระภิกษุดูมีใคร มองเห็นโลกเป็นหน้าจอคอมพ์ไหม ภาษาที่ตรงสุดคือ ไม่ใช่ตัวตน
มันก็เลยแสดงออกมาเองไงว่าเอ็งน่ะ "มโน"

 

หากยังไม่เข้าใจความสำคัญ ของภาษา ก็ดูตัวอย่างๆง่าย ดู กับ รู้ลมหายใจ เขาก็บอกอยู่ว่ารู้แต่คนน่ะทำกันโดยการ ดูลมหายใจแทน แล้วทีนี้เอ็งจะมาภาษาสุรุ่ยสุร่ายไม่ได้ เพราะจะทำให้คนอื่นเขาผิดทางกันหมดเข้าใจยัง? ถึงได้บอกว่าอย่ามโน สอน หรือหากไม่ได้ มโนก็ควรใช้ภาษาที่ "ตรงกับอาการ" ไม่ใช่มายกตัวอย่างแบบนี้ หากจะยกตัวอย่างก็บอกไปว่าตัวอย่างไม่ใช่ว่าอภิปรายแบบโง่ๆ งั่งๆ แล้วจะสอนใครให้ถูกทางได้?

 

แล้วที่สำคัญ เอ็งเถียง และ แถ กับข้ามาเนี่ยมากี่หน้าแล้ว? เอ็งก็ยังไม่ได้อะไรเลย ด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ก็บอก และ ชี้ ให้เห็นแล้ว ก็ยังจะ แถ อีก เนี่ยมันอะไร? มันก็แสดงแล้วใช่ไหมว่าเอ็งน่ะยึดตัวตน

แล้วเดี๋ยวก็จะแถอีกว่า ไหนยึดยังไง ก็เลื่อนไปอ่านดูเอาเอง ถ้าโง่ไม่รู้เรื่อง ก็เชิญโง่ต่อไปตามกรรม แล้วหากจะถามว่าแล้วผมไม่ยึดหรือไง? ก็ลองไปอ่านเอาและทดลองทำเอาเองนะ ว่าธรรมที่ผมแสดงน่ะจริงไหม ทีนี้ก็จะรู้ได้ด้วยตนอยู่แล้ว ดังนั้นคำถามควายๆอย่างนี้ ไม่ต้องถามกลับเพราะขี้เกียจพิมพ์วนไปวนมาอยู่นั่นแหละ วนกันไปหลายหน้าแล้ว มันไม่ได้อะไรเลยด้วยซ้ำ

 

สวัสดีทุกๆท่าน และขอขอบคุณทุกข้อความ เพราะทุกข้อความ ข้าพเจ้าสัมผัสได้ถึงความรักและความปรารถนาดีที่ท่านมีให้แก่ข้าพเจ้า ดังนั้นข้าพเจ้าจึงขออนุญาตกล่าวคำอนุโมทนาในทุกข้อความในวันนี้ที่เป็นวันพระ เพราะเป็นวันของพระท่านจริงๆ ^^

ข้าพเจ้าต้องขออนุญาตในการมโนอีกครั้ง ก็เพราะว่าข้าพเจ้ากำลังอยู่ในโลกของมโน. หรือโลกที่เต็มไปด้วยพลังงานของความคิดเห็น. และถึงแม้จะเกิดความคิดเห็นขึ้นมากมายผ่านข้อความทั้งหลายที่ตอบโต้กันไปมา แต่ข้าพเจ้าก็สามารถมองเห็นความจริงของความรัก และความเมตตาที่ท่านมีให้ หลบซ่อนอยู่ภายใต้ข้อความเหล่านั้น

อย่างที่ท่าน 999 ได้กล่าวไว้ “ เปิดมิติใด มิตินั้นมาสู่" เมื่อเปิดมิติแห่งความเจริญ ดร.เจริญก็เดินทางมาสู่ เมื่อเปิดมิติแห่งเมตาตรอน เมตาตรอนก็เดินทางมาสู่เช่นกัน และข้าพเจ้าก็พบเมตาตรอนในกระทู้นี้ ^^

ข้าพเจ้าใช้ความรู้สึกในการโพสต์ โดยพยายามไม่ใช้ความคิดเห็น แต่หากจะมีความคิดเห็นหลงมาบ้าง นั่นก็คงเป็นเพราะข้าพเจ้าอาจจะยังคงหลงในเงาตัวเอง หรือมโนไปเอง หรือ หลงในความคิดเห็นนั้น

สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ทั้งคุณซาตาน (sataniel) และคุณ 999 ล้วนมีพลังของ "เมตาตรอน"

คำว่าเมตาตรอนในความรู้สึกของข้าพเจ้า มาจากคำว่า "เมตตา+อิเลคตรอน" หรือ "กระแสแห่งความเมตตา" เพราะสิ่งที่ท่านได้นำมาโพสต์ เปี่ยมไปด้วยกระแสแห่งความเมตตา สั่งสอนที่ทำให้ผู้ที่ยังหลงอยู่ในความคิดเห็นอันผิด ให้กลับมาเข้าใจได้ถูก ทั้้งๆที่ท่านจะวางเฉยเสียก็ได้

พอพูดถึงอิเล็กตรอน ข้าพเจ้าก็คิดถึง ระบบการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหลาย ที่ทำงานได้ด้วยการเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้ามาจากแบตเตอรี่ หรือ แหล่งกำเนิดพลังงาน ในขณะเดียวกันก็ได้ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยในการทำงานไว้ด้วย ดังนั้นเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหลายจึงได้มีการติดตั้งฉนวนกันความร้อนไว้ในตัวเอง

ข้าพเจ้าคิดถึงโลกใบนี้ก็คงจะไม่ต่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือ AI (สิ่งประดิษฐ์)

เช่นเดียวกัน ธรรมชาติที่เป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง ก็ยังได้สร้างดิน และ ฟ้า และมหาสมุทร ที่มีคุณสมบัติในการเป็นฉนวนกันความร้อน และซึมซับความร้อนจากแหล่งพลังงานต้นกำเนิด (ดวงอาทิตย์) ไม่ให้มากหรือน้อยจนเกินไป เมฆและชั้นบรรยากาศทำหน้าที่กันรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ ให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโต ในขณะเดียวกันพื้นดิน และมหาสมุทร ต่างก็ดูดซับความร้อน แล้วกลับเป็นพลังงาน สู่ต้นไม้และพืชพันธุ์ธัญญาหาร

ทั้งฟ้า ดิน และมหาสมุทร ล้วนเป็นความเมตตา หรือเป็นกระแสแห่งความรัก ความเมตตา ที่ธรรมชาติมีให้แก่โลกเพื่อความเจริญที่ยั่งยืน ดังนั้นข้าพเจ้าเชื่อว่า เมตาตรอน หรือ อิเล็กตรอนหรือกระแสแห่งความเมตตาจึงอยู่ในทุกหนทุกแห่ง แม้กระทั่งในตัวของเราทุกคน

เพียงแต่ว่ากระแส หรือพลังงานแห่งความเมตตานี้ถูกบดบังด้วยความคิดเห็นจากความหลงผิด ความคิดเห็นผิดที่ทำให้เราเห็นแก่ตัว จนขาดความรัก ความเมตตาที่ควรมีให้แก่กันและกัน ข้าพเจ้าคิดว่าความคิดเห็นที่สร้างให้เกิดความเห็นแก่ตัว หรือหลงผิดในความคิดนี่แหละ คือสิ่งที่ควรละเสีย หรือสักกายะทิฐิ หรือความคิดเห็นที่ทำให้เกิดทิฐิมานะ ความต้องการเอาชนะ จนเกิดเป็น ความโลภ ความโกรธ ความหลงในตนเองว่าดีแล้ว

ท่านที่สวดธรรมจักรพร้อมคําแปล คงจะพบเจอความหมายนี้

ขอขอบคุณ The show อีกครั้ง

หากมโนต่อไปว่า ตัวเรา คือ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำงานได้ด้วยพลังงานของกระแสไฟฟ้าที่ถูกผลิตจากแบตเตอรี่ หรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีขั้วต่างกัน 2 ขั้ว คือ บวก และ ลบ ทำให้เกิดการถ่ายเทหมุนเวียนพลังงานซ้ำๆ จนเกิดเป็นพลังงานกระแสไฟฟ้า จนทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้านั้นทำงานได้ มันก็คงไม่ต่างจากร่างกายมนุษย์ หากความคิดเห็นทั้งหลาย มีคุณสมบัติเป็นพลังงาน ร่างกายของมนุษย์ก็คงถูกสร้างขึ้นด้วยความคิดเห็นมากมาย ทั้งบวก และลบ ที่ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือร่างกายนี้ทำงานได้ ถ้าเช่นนั้นการหมุนวนของกระแสพลังงานในร่างกายนี้ แท้จริงก็คือ พลังงานการหมุนวนของพลังงานความคิดทั้งบวก และลบ ซึ่งแท้จริงมีคุณสมบัติเป็นเพียงแค่ ion ประจุไฟฟ้า เท่านั้น.

ซาตาน หรือ 999 เป็นเพียงแค่สิ่งสมมุติ แม้ภาษาที่ใช้ก็เป็นเพียงแค่สิ่งสมมุติ หรือนามธรรม ไม่ใช่ตัวตนจริงๆ สิ่งที่เห็นก็เป็นเพียงแค่ความคิดเห็น แต่ไม่สามารถบดบังตัวตน และความเมตตาที่มีอยู่ในข้อความได้ เช่นเดียวกับเมตาตรอนที่ถูกกงล้อแห่งความคิดเห็นจากอารมณ์ หรือ ธรรมารมณ์ หรือ ธกงล้อของธรรมชาติบดบังไว้ ก็คงจะมีแต่การเปิดวิสัยทัศน์ใหม่ๆให้รู้ตามสภาวะความเป็นจริงว่า "รูปนั้นไม่ใช่ตัวตน"

สิ่งที่คุณ 999 สอนข้าพเจ้า ท่านก็บอกถูกว่าข้าพเจ้ามโนของข้าพเจ้าไปเอง. แรกๆ ข้าพเจ้าก็เพ่งหรือจดจ่อด้วยความอยากรู้และอยากเห็น ทำต่อไปเรื่อยๆ ข้าพเจ้าเลยมองเห็นว่า การเพ่งนั้นทำให้ข้าพเจ้ามองเห็นว่า สติสัมปชัญญะของคนเรานั้นสามารถจดจ่ออยู่กับ 3 ส่วนจริงๆ
ส่วนหนึ่งคือจดจ่อกับร่างกายเนื้อหนัง อีกจุดหนึ่งจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่ภายนอกร่างกาย อีกจุดหนึ่งนั่นคือความรู้สึกนึกคิดของตนเอง

ข้าพเจ้าไม่ถนัดเกี่ยวกับเรื่องไฟฟ้านัก. แต่ก็น่าสงสัย ว่าเหตุใด จอภาพคอมพิวเตอร์หรือจอโทรทัศน์จึงทำงานได้ มันคงเหมือนกับการที่ ท้องฟ้า ท้องทะเล และบนพื้นดิน สะท้อนภาพจนทำให้เราเกิดมโนขึ้นได้อย่างไร

ข้าพเจ้าเป็นอย่างไร ก็ดูได้จากภาพสะท้อนที่ข้าพเจ้ามโนออกมา ตัวตนของข้าพเจ้าถูกสร้างขึ้นมาจากอัตตาจิตของความคิดเห็นของตัวเอง หาสาระอะไรมิได้ นอกจากมโนเท่านั้น มโนที่สร้างโลกแห่งความเป็นจริงของทุกมิติ ไม่ว่านรก หรือสวรรค์ ก็มาจากความคิดเห็นทั้งสิ้น บางทีโลกนี้ก็เป็นเพียงแค่นรกของใครบางคนเพื่อใช้ในการเรียนรู้เท่านั้น

ก่อนนอนคืนนี้ ข้าพเจ้าขอฝากบทเพลงไพเราะ ให้นอนหลับฝันดี

Reflection

 

เรื่องของเธอ...เธอตีความว่าอย่างไร?

เพราะการตีความ หรอการเข้าใจ

เป็นเรื่องบารมีใจของแต่ล่ะคนที่จะเข้าถึง

ก็เหมือนที่จิตยิ้มว่า...คืดไปเอง สรุปไปเอง

จนคนประหลาดมาอ่าน...ก็เข้าใจผิดไปอีกทอดหนึ่ง

ดังนั้นเรื่องของเธอ ฉันเห็นมานานแล้วแต่ไม่ได้

ท้วงว่า เพราะเธอรู้แค่ไหนก็แค่นั้น ได้แค่นั้น

เมื่อ ชาติ ต้องการจึงจะได้มาเจอฉันอีกหน

 

สวัสดีตอนเช้า ผู้อ่านที่รักทุกท่าน

คำว่า"เจอกันอีก หรือ see u again" ของคุณ 999 ถูกวางไว้แล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความหมาย 2 ด้าน ทั้งความเสียใจที่ต้องลาจาก และ การดีใจที่จะได้พบกันอีก ไม่ต่างจาก ความหมายของบทเพลง reflection ที่ข้าพเจ้านำมาลงไว้ มันมี 2 เวอร์ชั่น และ 2 ความหมายในบทเพลงเดียวกัน ส่วนนึงสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นตัวตนภายนอก และอีกเวอร์ชั่นมันเป็นภาพสะท้อนของตัวตนภายในที่แท้จริง

 

ภาพสะท้อนของเราถูกสร้างจากความคิดเห็นหลากหลายมุมมอง ดูได้จากความคิดเห็นที่เขามีต่อเรา ในขณะเดียวกันมันก็สะท้อนสิ่งที่เราเคยเป็น เคยทำ หรือ กล่าวได้ว่า นี่คือ พลังงานที่เราเคยสร้างด้วยการกระทำทั้งความคิด คำพูด และการกระทำด้วยตัวเราเอง. และเราในปัจจุบันนี้น่ะแหละที่เป็นผู้ดึงดูดอดีตให้กลับมาปรากฏอีกครั้ง เพื่อการทำใหม่ แก้ไขจากผิดให้เป็นถูก ด้วยการยอมรับความจริง

แม้อดีตเคยทำ แต่ปัจจุบันคือ....ข้าพเจ้า หากอดีตเคยดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นด้วยความคิดเห็น หรือมโนไปเอง สิ่งที่ข้าพเจ้าในปัจจุบันทำ คือ การยอมรับความผิดพลาด และเรียนรู้ที่จะยอมรับความจริง

ดังนั้น คุณ999 sataniel จึงได้มาเพื่อเตือนให้ข้าพเจ้ามองเห็นอัตตาจิตของตัวเองเท่านั้น.

ก่อนที่เราจะ see u again ข้าพเจ้าเข้าใจว่าเราทุกคนคุ้นเคยกับ ฌาณ4 เพราะมันเป็นธรรมชาติ เพียงแต่เราไม่มีสติสัมปชัญญะเพียงพอที่จะติดตามเท่านั้น ข้าพเจ้าพบว่ามันเป็นสติสัมปชัญญะช่วงก่อนที่เราจะฝัน หรือเปลี่ยนมิติเข้าไปจดจ่อในโลกของความฝันที่เต็มและอัดแน่นไปด้วยความคิดเห็น. บางทีข้าพเจ้าก็รู้สึกว่า โลกที่ข้าพเจ้ามีอยู่ ดำรงอยู่นี้มีจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่ การใช้สติสัมปชัญญะจดจ่อหรือเพ่งเข้าไปในโลกแห่งความคิดเห็นที่มีข้าพเจ้าเป็นศูนย์กลาง และรอบตัวก็มีแต่สิ่งที่ข้าพเจ้าสร้างจากความคิดเห็นที่ผ่านมาเท่านั้น มันสะท้อนผ่านการกระทำของบุคคลอื่นๆที่ข้าพเจ้าดึงดูดมาด้วยความคิดตนเอง จนกลายเป็นประสบการณ์ในปัจจุบัน และนี่คือ เวรกรรมที่มองเห็นได้จริงด้วยตา

ข้าพเจ้ายอมรับว่า ความคิดเห็นของข้าพเจ้า มันคงหลงยุคไปแล้วจริงๆ และคงใช้ไม่ได้กับยุคนี้ จริงๆ

เราจดจ่อสิ่งใด เราเรียกมิตินั้นมาสู่ทั้งด้าน+ และด้าน- ขณะเดียวกัน ความเป็น - หรือ อุปสรรค ก็เป็นสิ่งที่ปรากฏเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้เราเกิดความมานะพยายาม หรือความเพียร เท่านั้น ให้เรามีความพยายามมากขึ้นกว่าเดิมจนสามารถประสบความสำเร็จ

อดีตเคยทำ ปัจจุบัน.. คือ ข้าพเจ้า

กราบขอบคุณทุกข้อความที่มีแต่ความหวังดี และสนับสนุนให้เกิดความเจริญที่ยั่งยืน



See u again

 

ท่านทั้งหลายดูเพลงที่ข้าพเจ้าได้นำมาลง ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าฟังเพลงเหล่านั้น ข้าพเจ้ามักจะมีอารมณ์ความรู้สึกร่วมไปกับบทเพลงเสมอ มันเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่จิตเข้าไปเสพจนเกิดความรู้สึกร่วมเสมือนหนึ่งมีตัวเราอยู่ในบทละครนั้น

เมื่อข้าพเจ้านำคลิปเพลง how far I Go จากภาพยนตร์ Moana มาลง ข้าพเจ้ารู้สึกอินกับบทเพลง หรือ มีอารมณ์ร่วมในบทเพลงนั้นจนเผลอคิดไปว่า ข้าพเจ้าคือ Moana ซะเอง เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าเป็นเบล ในบทเพลง Beauty and the Beast และ Mullanใน reflection แต่ข้าพเจ้าก็ไม่เคยได้เป็นตัวของตัวเองเลย

มันทำให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ "กอไก่" ว่า ทุกอย่างเริ่มต้นจากการปรุงแต่งของตัวเราเองที่เข้าไปมีความรู้สึกร่วมในเหตุการณ์หรือสถานการณ์นั้นๆ จนทำให้มี ข.ค..ง........infinity. ไม่ว่าจะด้าน+ หรือ -

เราจดจ่อสิ่งใด เราก็เป็นสิ่งนั้น
ขอบคุณทุกอุปกรณ์ ข้าพเจ้าสัญญาว่าจะใช้มันค้นหาความจริงอย่างดีที่สุด

อุปกรณ์ที่ดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องจับต้องได้ แต่เป็นการให้อุปกรณ์ คือ ความรู้ที่เกิดจากความเมตตาเท่านั้น

กระทู้นี้จะถูกปิดลงอีกครั้งเวลา 22.22 นาฬิกา

SEE U AGAIN