ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

เหตุการณ์นี้ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นทั่วโลก คลื่นลมทะเลแรงขึ้น และอาจทำให้ 5 จังหวัดของไทยจมน้ำภายในอีก 15 ปีข้างหน้าหรืออาจเร็วกว่านั้น เนื่องจากน้ำแข็งละลายเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 30 %
เสนอให้พวกเราหันมาอยู่แบบพอเพียง และลดการใช้พลังงานให้น้อยลง เพื่อชะลอภาวะโลกร้อน และให้โอกาสคนรุ่นต่อไปมีโอกาสเห็น "ชายทะเล" ของแท้ๆ (ไม่ใช่ชายทะเลเทียม) กันครับ ไม่งั้นหลายจังหวัดอาจเปลื่ยนชื่อเป็นเกาะ เช่นเกาะสมุทรสาคร เป็นต้น:-

 

แผ่นน้ำแข็งยักษ์วิลคินส์ใกล้แตกออกจากทวีปแอนตาร์กติกา(ขั้วโลกใต้)​

​

แอนตาร์กติกา 27 มี.ค.-ผลสำรวจของนักวิทยาศาสตร์ชี้ปัญหาโลกร้อนส่งผลให้แผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่เท่ารัฐคอนเนตทิคัตของสหรัฐ ใกล้จะแตกออกจากทวีปแอนตาร์กติกา

นักธรณีวิทยาน้ำแข็งประจำศูนย์ข้อมูลน้ำแข็งและหิมะ มหาวิทยาลัยโคโลราโด เป็นผู้กระตุ้นเตือนให้บริติช แอนตาร์กติก เซอร์เวย์ ไปสำรวจเรื่องนี้ หลังศึกษาภาพถ่ายดาวเทียมขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ หรือนาซา พบว่าแผ่นน้ำแข็งวิลคินส์ ซึ่งมีขนาดใหญ่เท่ารัฐคอนเนตทิคัต หรือ ใหญ่กว่าเกาะแมนฮัตตันถึง 7 เท่า กำลังแยกตัวออกจากทวีปแอนตาร์กติกาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนที่แล้ว ขณะนี้มีเพียงก้อนน้ำแข็งเป็นทางยาวเพียงเส้นเดียว ที่ยังช่วยยึดติดแผ่นน้ำแข็งวิลคินส์กับทวีปแอนตาร์กติกา และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ยังสังเกตเห็นก้อนน้ำแข็งขนาดเท่าบ้านอีกหลายก้อนแตกกระจัดกระจายออกมาจากแผ่นน้ำแข็งวิลคินส์ด้วย.-สำนักข่าวไทย

2008-03-27 02:10:19

ที่มา http://news.mcot.net/international/index.php?page=5

คำพยากรณ์โลก โดย อ.ปริญญา ตันสกุล<O</O

การชำระล้างโลกของพระบิดา<O</O

กระบวนการทางเทคนิคของพระบิดาต่อไปนี้ จะเปิดเผยเฉพาะบางส่วนที่มนุษย์ควรรู้เท่านั้น เพื่อให้มนุษย์ได้ใช้เป็นข้อพิสูจน์ว่าความรู้ทั้งหมดทั้งสิ้น ล้วนเป็นพระเมตตาที่พระบิดาประทานมาให้เผยแพร่ มิใช่เป็นการกระทำขึ้นมาเองของมนุษย์ที่อวดอุตริจริงแท้หรือไม่<O</O
</O
หากทุกอย่างเป็นความจริงตามที่เผยให้รู้ไว้ล่วงหน้านี้ ย่อมจะเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าองค์จิตจักรวาล ผู้เป็นพระบิดาหรือพระผู้สร้างหรือว่าพระเจ้าล้วนมีจริงเป็นแน่แท้ แต่จะมีใครสักกี่คนกันเล่า ที่จะมีโอกาสข้ามผ่านกลียุคครั้งที่ 4 นี้ไปได้เพื่อถึงวันเวลาแห่งการพิสูจน์นั้น?<O</O
</O
ขึ้นตอนโดยสังเขปทางเทคนิคของพระบิดา<O</O
</O
1. ก่อนวันชำระครั้งใหญ่จะเริ่มต้นขึ้น 15 วัน แกนหมุนรอบตัวเองของดาวเคราะห์โลก ที่ทำมุมกันแนวดิ่งอยู่ 23.5 องศานั้น จะถูกกำหนดให้มันค่อย ๆ ขยับตัวเพื่อเบี่ยงเบนไปจากแนวเดิมเรื่อย ๆ จะทำให้ขั้วโลกเหนือก้มหัวลงหันเข้าหาดวงอาทิตย์มากขึ้น<O</O

2. น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเหนือจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น จากกรณีที่เกิดขึ้นในข้อแรก ทำให้น้ำแข็งละลายกลืนกับน้ำในมหาสมุทรอย่างรวดเร็ว<O</O
</O
3. เมื่อโลกเอียงในลักษณะก้มหัวมากขึ้นเรื่อย ๆ น้ำจากขั้วโลกเหนือก็จะพากันไหลหลั่งลงสู่เบื้องล่างเป็นคลื่นน้ำระลอกใหญ่ ในอันที่จะนำไปสู่คลื่นยักษ์ถาโถมแผ่นดิน และบริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่จะกลืนแผ่นดินต่อไป<O</O
</O
4. ขณะเดียวกันก็จะกำหนดให้เกิดการสั่นสะเทือนใต้มหาสมุทร บริเวณขั้วโลกใต้ เพื่อกระเทาะเอาก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ให้หลุดออก เพื่อใช้เป็นมวลในการถ่วงดุลด้านน้ำหนักมวลระหว่างขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้ ในกระบวนการทางเทคนิคที่จะกล่าวถึงในข้อ 5 และ 6 เป็นลำดับต่อไปนั่นเอง<O</O

5. เมื่อครบ 15 วันตามกำหนดที่จะชำระความครั้งใหญ่แล้ว แกนหมุนรอบตัวเองของดาวเคราะห์โลกจะเบี่ยงเบนไปจากเดิม 8.5 องศา หรืออยู่ที่ 32 องศากับแนวดิ่งแล้ว ตรงพิกัดตำแหน่งนี้จะเป็นกำหนดเวลาที่ส่วนโค้งของโลก จะเริ่มบดบังแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ได้อย่างเหมาะเจาะพอดีอีกต่างหากด้วย ดังนั้นวันแรกแห่งการชำระความในกรณีชำระโลกครั้งใหญ่ ที่มนุษย์จะสังเกตมายาได้ก็คือ ฟ้าจะเริ่มมืดสลัวลง ผิดปรกติ<O</O
</O
6. ดาวเคราะห์โลกจะค่อย ๆ ม้วนตัวก้มหัวเอาขั้วโลกเหนือ คว่ำลงแทนที่ตำแหน่งขั้วโลกใต้อย่างช้า ๆ โดยมีน้ำหนักจากขั้วโลกเหนือที่ไหลลงสู่ด้านล่าง และก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ทางด้านขั้วโลกใต้ช่วยส่งเสริม กระบวนการทางเทคนิคนี้ให้แนบเนียนกลมกลืนยิ่งขึ้น เมื่อขั้วโลกเหนือย้ายตนเองไปสู่ขั้วโลกใต้แล้วก็จะค่อย ๆ พลิกม้วนตัวขึ้นเพื่อย้อนคืนสู่ตำแหน่งเดิมของตนต่อไป โดยไม่ย้อนรอยเดิม แนวแกนหมุนรอบตัวเองตำแหน่งใหม่ในยุคพลังงานใหม่ก็คือ 22 องศากับแนวดิ่ง เพื่อสร้างฤดูกาลใหม่ที่สมดุลให้กับมนุษย์ยุคพลังงานใหม่แห่งโลกเสรี<O</O
</O
ระยะเวลาที่โลกม้วนตัวตีลังกาครบ 1 รอบ จะใช้เวลาดำเนินการทั้งสิ้น 30 วัน!<O</O
</O
7. คำกล่าวที่ว่า

 

ชาวนา ชาวสวนเผาหญ้าแห้งในหน้าร้อนก็เพราะว่าป้องกันไม่ให้เกิดไฟใหม้ในสวนเค้า ไม่งั้นแล้วถ้ามีสะเก็ดไฟตกมาโดนหญ้าแห้งไฟจะไหม้ทั้งสวน

ถ้าต้องการไม่ให้ชาวนา ชาวสวนเผาหญ้าแห้ง ก็น่าจะหาทางออกทางอื่นให้เค้า เช่น มีรถไปซื้อกองหญ้าแห้ง หรือประชาสัมพันธ์ให้เอาหญ้าแห้งไปทำปุ๋ยแทน

 

เกษตรกรฟิลิปปินส์ชี้ปริมาณข้าวที่จำกัดทำให้ราคาข้าวพุ่งสูงขึ้น​

​

มะนิลา 26 มี.ค. - เกษตรกรฟิลิปปินส์ออกโรงเตือนสถานการณ์วิกฤติขาดแคลนข้าวจะเลวร้ายลง พร้อมคาดการณ์ว่าราคาข้าวจะพุ่งสูงขึ้น ขณะที่คาดว่าปริมาณการเก็บเกี่ยวข้าวในเดือนหน้าจะลดลง

นายจิมมี ตาดิโอ ประธานสภาเกษตรกรผู้ปลูกข้าวแห่งชาติฟิลิปปินส์ ระบุว่า ตามการประเมิน คาดปริมาณการผลิตข้าวจะอยู่ที่ 1.9 ล้านเมตริกตัน ซึ่งจะหมดไปในเวลาเพียง 2 เดือน เปรียบเทียบกับปริมาณการผลิตช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ยังไม่เกิดภาวะขาดแคลนข้าวทั่วโลก ฟิลิปปินส์มีผลผลิตข้าวเกินความต้องการ 2 ล้านเมตริกตัน ทำให้คาดว่าราคาข้าวจะพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 40 เปโซ (ราว 32 บาท) จากราคาปัจจุบันที่กิโลกรัมละ 18 เปโซ (น้อยกว่า 16 บาท) ในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. ดังนั้น เกษตรกรจึงควรสำรองข้าวไว้สำหรับการบริโภคในครัวเรือน เพื่อจะได้ไม่เดือดร้อนจากปัญหาราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้น

นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัญหาข้าวแพงและการขาดแคลนข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักของชาวฟิลิปปินส์ อาจก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในประเทศ ขณะที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศสัปดาห์นี้ว่า ได้นำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย ท่ามกลางภาวะขาดแคลนข้าวทั่วโลก ประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย ของฟิลิปปินส์ ได้มีคำสั่งให้ปราบปรามการกักตุนข้าว เพื่อรักษาราคาให้คงที่
ขณะที่นางเจสซิกา แคนโตส แห่งเครือข่ายไรซ์ วอทช์ แอนด์ แอ็กชั่น กลุ่มเฝ้าติดตามการพัฒนาในภาคเกษตรกรรม ระบุว่า รัฐบาลควรจะเน้นช่วยเหลือชาวนาให้ทำเกษตรสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มผลผลิต แทนที่การพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ และแนะให้รัฐซื้อข้าวโดยตรงจากเกษตรกร แทนที่การซื้อจากพ่อค้าคนกลาง

ทั้งนี้ นอกจากจะเผชิญปัญหาข้าวราคาแพงแล้ว ยังมีรายงานการขาดแคลนข้าวโพดในพื้นที่จังหวัดเซบู ทางภาคกลางของฟิลิปปินส์อีกด้วย หนังสือพิมพ์ฟิลิปปินส์ เดลี อินไควร์เรอร์ รายงานว่า ราคาข้าวโพด ซึ่งเป็นอาหารทางเลือก ปรับตัวขึ้นเป็น 2 เท่า. - สำนักข่าวไทย

2008-03-26 15:28:27

เกาหลีใต้จะปล่อยสต๊อกข้าวเพื่อควบคุมราคา​

​

โซล 26 มี.ค. - เจ้าหน้าที่ของทางการเกาหลีใต้ รายงานว่า เกาหลีใต้จะปล่อยข้าวในสต๊อกของรัฐบาล จำนวน 50,000 เมตริกตัน (หรือ 55,120 ตัน) ในเดือนหน้า เพื่อควบคุมราคาข้าวไม่ให้เพิ่มสูงขึ้น

กระทรวงอาหาร เกษตร ป่าไม้ และประมง ของเกาหลีใต้ จะนำข้าวออกขายให้แก่ประชาชน ในวันที่ 8 เม.ย. ข้าวนับเป็นหนึ่งในบรรดาสินค้าสำคัญที่รัฐบาลเกาหลีใต้กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า จะต้องควบคุมไม่ให้มีการปรับขึ้นราคาตามอย่างน้ำมัน หรือสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ ในตลาดโลก โดยปกติเกาหลีใต้จะปล่อยสต๊อกข้าวทุกปี แต่จำนวนข้าวที่จะปล่อยออกในเดือนหน้านี้ มากกว่าเมื่อปีที่แล้วถึงกว่า 2 เท่า

อย่างไรก็ตาม หากแผนการปล่อยสต๊อกข้าวไม่สามารถควบคุมราคาได้ กระทรวงฯ ยังมีแผนที่จะปล่อยข้าวออกมาอีก 40,000 เมตริกตัน (หรือ 44,090 ตัน). - สำนักข่าวไทย

2008-03-26 16:59:39

นายกฯ กัมพูชาสั่งห้ามส่งออกข้าว แก้ปัญหาราคาผันผวน​

​

พนมเปญ 26 มี.ค. - นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชา มีคำสั่งห้ามส่งออกข้าว เพื่อแก้ปัญหาราคาข้าวผันผวน ซึ่งขณะนี้มีราคาพุ่งสูงกิโลกรัมละเกือบ 1 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 32 บาท)

นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ระบุว่า กัมพูชาจะระงับการส่งออกข้าวเป็นเวลา 2 เดือน คำสั่งดังกล่าวเป็นมาตรการชั่วคราว เพื่อรับประกันความมั่นคงด้านอาหารในประเทศ หลังราคาข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักของชาวกัมพูชา ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมีการเก็งกำไรในตลาดท้องถิ่น เช่นเดียวกับราคาก๊าซหุงต้มที่ถีบตัวสูงขึ้นเป็น 2 เท่า

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีฮุน เซน กล่าวเมื่อวานนี้ว่า ราคาข้าวที่ไต่ระดับสูงขึ้นนั้นเป็นการบ่อนทำลายทางเศรษฐกิจ และการที่ประชาชนปล่อยข่าวลือว่าข้าวขาดแคลน เป็นการสร้างความเสียหายให้รัฐบาล. - สำนักข่าวไทย

2008-03-26 17:21:09

เตือนคนครึ่งโลกเสี่ยงขาดแคลนข้าว ​

​

ลอส บานอส, ฟิลิปปินส์ 27 มี.ค.- ผู้เชี่ยวชาญด้านข้าวระบุว่า คนครึ่งโลกรับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก แต่มีเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่มีข้าวเหลือมากพอ

สถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ หรืออีร์รี เผยว่า ศักยภาพของดินคือปัจจัยกำหนดว่าประเทศใดจะมีข้าวมากเพียงพอ ประเทศผู้ปลูกข้าวรายใหญ่อย่างไทย อินเดีย เวียดนาม พม่า กัมพูชา และบังกลาเทศ ล้วนตั้งอยู่บนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ มีที่ราบขนาดใหญ่ และใช้พื้นที่ทางการเกษตรกว่าครึ่งเพื่อการปลูกข้าว ในทางตรงกันข้ามประเทศผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่อย่างฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียมีสภาพภูมิประเทศเป็นเกาะหรือคาบสมุทรที่เหมาะสำหรับปลูกข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน หรือมะพร้าว ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวมาตั้งแต่ปี 2412 ส่วนอินโดนีเซียนำเข้ามาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 ทั้งสองประเทศรับประทานข้าวเป็นหลักและมีประชากรรวมกันเกือบ 300 ล้านคน

อีร์รีระบุว่า แม้จีนเป็นผู้ปลูกข้าวรายใหญ่ที่สุดในโลก มีผลผลิตข้าวสูงที่สุดในโลก และเป็นผู้บริโภคข้าวรายใหญ่ที่สุดในโลก แต่ก็ไม่ใช่ผู้ส่งออกรายสำคัญเพราะให้ความสำคัญกับปากท้องของประชาชนในประเทศเป็นหลัก ข้าวที่ซื้อขายในตลาดโลกมีเพียง 30-35 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 7 ของข้าวที่ปลูกทั่วโลกในแต่ละปี ปริมาณที่จำกัดดังกล่าวทำให้ราคาข้าวผันผวนได้ง่าย ขณะนี้ราคาข้าวใกล้แตะระดับตันละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ยุคปฏิวัติการเกษตรในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษหลังปี 1980 ช่วงนั้นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีช่วยให้ได้ผลผลิตสูง ราคาข้าวไม่ถึงตันละ 400 ดอลลาร์สหรัฐ อีร์รีชี้ว่า ราคาข้าวแพงขึ้นเพราะปริมาณข้าวในตลาดโลกลดลง อันเป็นผลจากปัจจัยหลายอย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกัน เช่น ภัยธรรมชาติในบังกลาเทศ โรคและแมลงศัตรูพืชในเวียดนาม ปัญหาการเมืองในพม่า และการที่เกษตรกรหันไปปลูกพืชทำเชื้อเพลิงชีวภาพมากกว่าข้าว.-สำนักข่าวไทย

2008-03-27 11:22:01

เวียดนามรับปากจะจัดหาข้าวให้ฟิลิปปินส์​

​

มะนิลา 27 มี.ค.

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ข้าวป่วนอีกเขมรหยุดขายไทย-เวียดนาม </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>27 มีนาคม 2551 21:17 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ชาวกรุงพนมเปญพากันแย่งยื้อเพื่อเป็นเจ้าของข้าวถุงที่ทางการนำออกจำหน่ายในราคา 1,800 เรียลต่อกก. (127 เรียลต่อ 1 บาท) ท่ามกลางข่าวลือว่ากำลังเกิดการขาดแคลนข้าวอย่างรุนแรงในประเทศ ซึ่งทำให้เกิดการกักตุนและยิ่งทำให้ราคาพุ่งสูงไม่หยุด (ภาพ: AFP) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>
ผู้จัดการรายวัน-- นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้สั่งหยุดการส่งออกข้าวตลอดเวลา 2 เดือนข้างหน้า หลังจากตลาดข้าวในประเทศปั่นป่วนเนื่องจากราคาถีบตัวสูงขึ้นสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้มีรายได้น้อยไปทั่ว ขณะที่รัฐบาลเร่งนำข้าวในสต๊อคออกบรรจุถุงจำหน่ายให้แก่ประชาชนในราคาถูก

แม้ว่ากัมพูชาเป็นผู้ส่งออกรายเล็กซึ่งในปีนี้มีข้าวส่งออกเพียงประมาณ 2 ล้านตัน การหยุดส่งออกย่อมส่งผลโดยตรงต่อการขาดแคลนข้าวในตลาดโลกขณะที่ราคาพุ่งขึ้นอยู่ตลอดเวลา โดยนักวิเคราะห์คาดว่าอาจจะได้เห็นราคาพุ่งขึ้นถึง 1,000 ดอลลาร์ต่อตันในกลางปีนี้

สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน ได้สั่งเมื่อวันพุธ (26 มี.ค.) ให้หยุดการจำหน่ายข้าวให้ไทยและเวียดนาม รวมทั้งหยุดการส่งออกโดยตรงเป็นเวลา 2 วัน และจะมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่งเมื่อสถานการณ์ราคาในประเทศกลับคืนสู่ภาวะปกติ

"ด้วยเหตุด้านความมั่นคงด้านอาหาร กัมพูชาได้ตัดสินใจห้ามส่งออกข้าวไปยังประเทศไทยและประเทศเวียดนาม รัฐมนตรีกระทรวงการเงินนายเกียตชน (Keat Chhon) จะเป็นผู้แจ้งเรื่องนี้ให้สาธารณชนได้รับทราบในวันนี้" สำนักข่าวเอเคพี (Agence Kampuchean-Presse) ซึ่งเป็นสำนักข่าวของรัฐบาลรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีอ้างคำกล่าวของผู้นำกัมพูชา



</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าวระหว่างพิธีวางศิลาฤกษ์พัฒนายกระดับถนนสายไพลิน-พระตะบองเมื่อวันพุธ (26 มี.ค.) กล่าวประณามพวกกักตุนข้าวและปล่อยข่าวลือ (ภาพ: AFP) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>นายกฯ กัมพูชาระบุดังกล่าวระหว่างเดินทางไปเป็นประธานในพิธีเริ่มการซ่อมบำรุงทางหลวงเลข 57 ที่เชื่อมเมืองไพลินกับ จ.พระตะบอง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศผู้นำกัมพูชายังหวังว่าไทยกับเวียดนามรวมทั้งผู้ส่งออกในกัมพูชาจะเข้าใจถึงความจำเป็นที่กัมพูชาต้องตัดสินใจเช่นนี้ พร้อมทั้งสั่งการให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ตามแนวชายแดนต้องปฏิบัติตามคำสั่งห้ามส่งออกข้าวอย่างเคร่งครัด

ได้มีการแพร่ข่าวเล่าลืออย่างแพร่หลายว่ากัมพูชากำลังขาดแคลนข้าวอย่างหนัก ประชาชนทั่วไปกำลังอดอยากอย่างหนัก ซึ่งได้นำไปสู่การกักตุนข้าว ทำให้ข้าวชนิดต่างๆ มีราคาสูงขึ้น

สมเด็จฯ ฮุนเซนได้ออกปรามพวกที่ไม่หวังดีและฉวยโอกาสกักตุนข้าวเพื่อเก็งกำไร โดยระบุว่าราคาข้าวที่พุ่งขึ้นสูงเกิดจากความต้องการในตลาดโลกที่สูงขึ้น

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เกาะสันติภาพ (Koh Santepheap) ในตอนเช้าวันเดียวกัน ทางการได้นำข้าวสาร 200 ตันออกบรรจุถุงชั่งน้ำหนักจำหน่ายให้แก่ชาวพนมเปญ เสียมราฐ และ กัมปงธม กิโลกรัมละ 1,800 เรียล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนหลังจากราคาจำหน่ายปลีกพุ่งขึ้นสูงเกินกำลังซื้อของประชาชนที่มีรายได้ต่ำ

ในกรุงพนมเปญราคาข้าวคุณภาพสูงได้พุ่งขึ้นจาก 3,000 เป็น 4,500 เรียลต่อ กก. (อัตราแลกเปลี่ยน 127 เรียลต่อ 1 บาท) และ ข้าวคุณภาพต่ำราคาพุ่งจาก 1,800 เป็น 2,500 เรียล

เศรษฐกิจกัมพูชาเติบโต 8-11% ในช่วงปีใกล้ๆ นี้ แต่กว่าครึ่งหนึ่งของประชากร 14 ล้านคน ยังมีรายได้เพียงไม่ถึง 20 บาทต่อวัน แต่ละคนจึงสามารถซื้อข้าวสารได้เพียงวันละ 1 กก.เท่านั้น โดยต้องตัดอาหารชนิดอื่นออกไป

ครูสอนโรงเรียนมัธยมในกรุงเปญผู้หนึ่งกล่าวว่าตนเองมีเงินเดือนเพียง 400,000 เรียล ไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงครอบครัวได้เมื่อราคาข้าวพุ่งขึ้นสูงเช่นปัจจุบัน



</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ภาพถ่ายวันที่ 27 มี.ค.2551 -เจ้าหน้าที่ทางการนำข้าวในสต๊อคออกบรรจุถุงจำหน่ายราคาถูกกว่าท้องตลาดให้ประชาชนทั่วไปในกรุงพนมเปญ หลังจากราคาถีบตัวสูงขึ้นทำให้ประชาชนที่มีรายได้ต่ำอยู่แล้วเดือดร้อนไปทั่ว (ภาพ: AFP) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>สมเด็จฯ ฮุนเซนให้สัมภาษณ์ในวันอังคาร (25 มี.ค.) ระหว่างไปเป็นประธานในพิธีทางศาสนาที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.กัมปงธม ระบุว่า ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย ได้แสดงความต้องการซื้อข้าวจากกัมพูชา เนื่องเป็นข้าวราคาถูกที่สุดในภูมิภาคนี้ ขณะที่ในปัจจุบันได้ขายให้กับไทยและเวียดนามอยู่แล้ว

ปัจจุบันรัฐบาลมีข้าวในสต๊อคจำนวน 50,000 ตัน มากพอที่จะรับมือกับวิกฤติการณ์ต่างๆ ได้ แต่ก็ยืนยันว่าไม่มีการขาดแคลนข้าวบริโภคในประเทศอย่างแน่นอน

นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวว่าข้าวน่าจะขึ้นราคาตั้งแต่ปี 2543-2544 ที่ไม่เกิดอุทกภัยและกัมพูชาผลิตข้าวได้มาก ผลผลิตได้ลดลงในช่วงหลายปีมานี้เนื่องจากเกิดน้ำท่วมผืนนาติดต่อกันมาเกือบจะทุกปี

อย่างไรก็ตาม ทางการได้ยืนยันในเดือน ธ.ค.ปีที่แล้วว่าจะมีข้าวส่งออกขายต่างประเทศได้จำนวน 2 ล้านตัน แม้ว่าช่วงฤดูทำนาปีที่แล้วจะเกิดอุทกภัยสร้างความเสียหายแก่นาข้าวอย่างมากมายก็ตาม

นายจันสะรุน (Chan Sarun) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรป่าไม้และประมงกัมพูชากล่าวว่าตัวเลขประมาณการดังกล่าวคิดคำนวณจากผลผลิตข้าวเปลือกทั้งหมดจากฤดูการผลิต 2550-2551 หลังจากหักปริมาณที่จะต้องสำรองเอาไว้เพื่อบริโภคในประเทศ และ เพื่อการเพาะปลูกในฤดูกาลผลิตปีหน้าทั้งหมดแล้ว

นับเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่กัมพูชามีข้าวส่งออกได้ในปริมาณเท่าๆ กัน ขณะที่รัฐบาลประกาศจะเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหม่ของภูมิภาค

ตามรายงานของกระทรวงเกษตรฯ การทำนาในกัมพูชาได้ผลผลิตเฉลี่ย 2.061 ตันต่อเฮกตาร์ (6.25 ไร่) ซึ่งนับว่ายังต่ำ ขณะที่กำลังมีการเก็บเกี่ยวก็จะมีการส่งออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการค้าข้ามพรมแดนไปยังจังหวัดเขตที่ราบปากแม่น้ำโขงในเวียดนาม ซึ่งฤดูเก็บเกี่ยวต่างกันกับในกัมพูชา



</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ภาพถ่ายวันที่ 27 มี.ค.2551-- แม่ค้ากำลังรอลูกค้าที่ร้านชำแห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญ ในร้านมีข้าวหลากคุณภาพเพื่อจำหน่ายในหลายระดับราคา ปีนี้กัมพูชามีข้าวส่งออก 2 ล้านตัน แต่จะหยุดส่งออกเป็นเวลา 2 เดือน (ภาพ: Reuters) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>สื่อกัมพูชาได้วิจารณ์ในหลายโอกาสว่า การค้าข้าวในประเทศยังไม่เป็นระบบ การส่งออกส่วนใหญ่ยังต้องผ่านพ่อค้าคนกลางซึ่งเป็นพ่อค้าชาวไทย มาเลเซียและสิงคโปร์ คนกลุ่มนี้กดราคารับซื้อจากชาวนานำไปสีเพื่อส่งออกอีกที

นายกฯ กัมพูชาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญเรียกร้องให้มีการจัดตั้งสมาคมประเทศผู้ส่งออกข้าวขึ้นมา เพื่อให้มีอำนาจต่อรองกับตลาดโลก รวมทั้งการต่อรองกับกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันอีกด้วย


ไทยกับเวียดนามซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวมากเป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลกได้ตกลงจะร่วมการจัดตั้งสมาคมผู้ผลิตและส่งออกข้าวขึ้นมา ภายใต้กรอบกลุ่มยุทธศาสตร์ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง หรือ ACMECS ซึ่งกัมพูชา ลาวและพม่าเป็นสมาชิกอยู่ด้วย
<TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เตือนคนครึ่งโลกเสี่ยงขาดแคลนข้าว </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบทางอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ผู้เชี่ยวชาญด้านข้าวระบุว่า คนครึ่งโลกรับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก แต่มีเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่มีข้าวเหลือมากพอ

​

สถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ หรืออีร์รี เผยว่า ศักยภาพของดินคือปัจจัยกำหนดว่าประเทศใดจะมีข้าวมากเพียงพอ ประเทศผู้ปลูกข้าวรายใหญ่อย่างไทย อินเดีย เวียดนาม พม่า กัมพูชา และบังกลาเทศ ล้วนตั้งอยู่บนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ มีที่ราบขนาดใหญ่ และใช้พื้นที่ทางการเกษตรกว่าครึ่งเพื่อการปลูกข้าว ในทางตรงกันข้ามประเทศผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่อย่างฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียมีสภาพภูมิประเทศเป็นเกาะหรือคาบสมุทรที่เหมาะสำหรับปลูกข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน หรือมะพร้าว ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวมาตั้งแต่ปี 2412 ส่วนอินโดนีเซียนำเข้ามาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 ทั้งสองประเทศรับประทานข้าวเป็นหลักและมีประชากรรวมกันเกือบ 300 ล้านคน​

อีร์รีระบุว่า แม้จีนเป็นผู้ปลูกข้าวรายใหญ่ที่สุดในโลก มีผลผลิตข้าวสูงที่สุดในโลก และเป็นผู้บริโภคข้าวรายใหญ่ที่สุดในโลก แต่ก็ไม่ใช่ผู้ส่งออกรายสำคัญเพราะให้ความสำคัญกับปากท้องของประชาชนในประเทศเป็นหลัก ​

ข้าวที่ซื้อขายในตลาดโลกมีเพียง 30-35 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 7 ของข้าวที่ปลูกทั่วโลกในแต่ละปี ปริมาณที่จำกัดดังกล่าวทำให้ราคาข้าวผันผวนได้ง่าย ขณะนี้ราคาข้าวใกล้แตะระดับตันละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ยุคปฏิวัติการเกษตรในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษหลังปี 1980 ช่วงนั้นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีช่วยให้ได้ผลผลิตสูง ราคาข้าวไม่ถึงตันละ 400 ดอลลาร์สหรัฐ อีร์รีชี้ว่า ราคาข้าวแพงขึ้นเพราะปริมาณข้าวในตลาดโลกลดลง อันเป็นผลจากปัจจัยหลายอย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกัน เช่น ภัยธรรมชาติในบังกลาเทศ โรคและแมลงศัตรูพืชในเวียดนาม ปัญหาการเมืองในพม่า และการที่เกษตรกรหันไปปลูกพืชทำเชื้อเพลิงชีวภาพมากกว่าข้าว​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS
</CENTER>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ดิฉันสังเกต แม่น้ำเจ้าพระยาแทบทุกวัน ช่วงก่อนดิฉันเคยเขียนว่าอีกประมาณ ครึ่งเมตรน้ำจะล้นตลิ่ง แต่ขณะนี้มันลดลงไปเห็นหินแล้ว ตรงแถววัดบุคคโลน่ะคะ ตอนก่อนน้ำมันขึ้นมาถึงบันไดเกือบสุดท้าย เลี้ยงปลาแล้วปลาเยอะมากๆแต่ตอนนี้มองจากสะพาน (นั่งรถยนต์) น้ำมันลดลงไปจนเห็นเสาบันไดแล้วก็เลยว่าน้ำจืด มันจะขาดแคลนหรือป่าว ภูเขาน้ำแข็งก็หลุดออกมีแต่น้ำเค็มมากขึ้น น้ำจืดหายากแน่ๆ ซื้อตุ่มน้ำกันไว้บางก็ดีนะคะ

 

ฟ้าดินมิดมิดถึง 7 วัน คงหมายถึง 7วัน เป็นหนึ่งราตรี (7ครั้ง) รวมแล้วสี่สิบเก้าวัน ไม่ได้ลดลงครับ ตามที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายพระองค์บอกให้รู้ตัวกันไว้ล่วงหน้าหลายต่อหลายครั้ง เรื่องข้างล่างนี้ก็เล่าไว้โดยท่านหลี่เซียนเป่า ซึ่งก็หมายถึงยุคที่เราอยู่ในขณะนี้ล่ะครับ :-

พระโพธิสัตว์กวนอิม ยังเมตตาอีกว่าตอนนี้จิตของคนเสื่อมมีแต่ความเหี้ยมโหดคิดอยากทำอะไรก็ทำจนไอของความชั่วร้ายลอยขึ้นสู่เบื้องบนจนสะเทือนฟ้าเบื้องบนทำให้เกิดภัยพิบัติขึ้นมามากมาย นี่เป็นกำหนดการที่เกิดจากการกระทำความชั่วของคน สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่รู้จะช่วยได้อย่างไร

พระโพธิสัตว์กวนอิมได้พา หลี่เซียนเป่า ไปดูภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นในครั้งต่อไปตรงกับปีไหนเดือนไหนวันที่เท่าไหร่และเวลาเท่าไร แต่เป็นความลับของสวรรค์ไม่อาจเปิดเผยและรั่วไหลได้จะมี เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน ที่จะไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์และแสงจันทร์โลกจะมืดมิดหมด น่ากลัวมาก


พระโพธิสัตว์กวนอิมได้ฝึกฝน หลี่เซียนเป่า เป็นเวลา 49 วัน โดยไม่ให้ทานอะไรในสากลโลกนี้เลยเพื่อเป็นการบอกให้ทราบล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงๆ เพราะเมื่อถึงเวลานั้นมือห้านิ้วที่ยื่นออกไปก็จะมองไม่เห็นสามีภรรยาและลูกก็จะพลัดพรากจากกันผู้อาวุโสก็หาผู้น้อยไม่พบผู้น้อยก็หาผู้อาวุโสไม่พบ ของกินทุกอย่างจะมีพิษแผ่นดินจะแยกออกจากกัน คนที่สร้างบาปกรรมหรือคนที่จิตไม่เที่ยงตรงก็จะหล่นไป น่าสงสารเหลือเกินเลือดจะไหลนองเหมือนสายน้ำจนแทบจะทนดูไม่ไหว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจะลงมาช่วยคนถึงเวลานั้น จะเหลือเฉพาะคนที่บำเพ็ญจริงๆและกินเจตลอดชีวิต เพราะคนที่กินเจตัวจะเบาร่างกายจะสะอาดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถึงจะเข้าใกล้ได้ ส่วนคนที่บำเพ็ญดีพอถึงเวลาจะกลับคืนเบื้องบนเพื่อคืนโองการแก่พระแม่องค์ธรรม พอมีประชุมหลงฮว๋าฮุ่ยก็จะได้รับตำแหน่งตามอริยะฐานะที่ได้บำเพ็ญมา 100 คนจะเหลือเพียง 30 คนเพื่อเป็นเมล็ดพันธุ์สืบต่อไป (รอด 3 ใน 7ส่วน)

เวลานั้นห้องพระจะเป็นที่หลบภัยที่ปลอดภัยที่สุด ห้องพระนี่เป็นห้องพระที่มีรูปลักษณ์ที่สำคัญที่สุด ทุกๆคนก็มีห้องพระอยู่ในตัวเองให้บำเพ็ญดีๆ ฟ้ากับคนรวมเป็นหนึ่งเดียวบำเพ็ญให้จิตญาณของตัวเองสว่างไสวถ้าคนไหนจิตสว่างไสวก็จะสามารถพ้นจากภัยพิบัติได้ คนไหนบำเพ็ญจริงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซาบซึ้งใจก็จะให้ความช่วยเหลือ

รวมเวลาหกหมื่นกว่าปีครั้งนี้ เป็นการคิดบัญชีครั้งยิ่งใหญ่เพราะถึงกาลเวลาที่ฟ้าดินต้องเปลี่ยนแปลง สาเหตุก็เกิดจากกฎแห่งกรรมที่ทุกคนสร้างไว้เจ้ากรรมนายเวรร้อนรนเพื่อจะมาทวงหนี้เร็วขึ้นหลายหมื่นเท่า จะเห็นได้ว่าคนเรานั้นเกิดมาเอาแน่นอนอะไรไม่ได้จะตายเวลาไหนก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นพวกเรามีโอกาส มาพบอนุตตรธรรมนั้นเป็นเพราะบรรพบุรุษสร้างบุญกุศลเอาไว้แล้วหลายๆชาติ พวกเราทุกคนได้บำเพ็ญมาก่อนจึงได้รับธรรมะแบบง่ายดาย พวกเราทุกคนควรจะขอบคุณพระมหากรุณาธิคุณของฟ้าเบื้องบนและบรรพจารย์

http://www.mindcyber.com/content/data/0030-6.html<O​

 

จริงครับเมื่อก่อนท่านบอก 7 ราตรี หรือ 49 วัน แต่ว่าเบื้องบนลดโทษให้เหลือ 30 วัน และล่าสุดเหลือ 7 วัน หรือว่า 1 ราตรีครับผม

 

ถ้าเช่นนั้นก็ถือเป็นข่าวดีครับคุณ koh
พอจะบอกสาเหตุได้มั๊ยครับว่าเพราะอะไรและมีที่มาอย่างไรครับ?

 

บางเรื่องบอกได้ก็บอกบางเรื่องบอกไม่ได้ครับ...แต่อีกไม่นานคนที่เหลือรอดจะได้ไปที่ๆหนึ่งเป็นศูนย์ของโลกอยู่เมืองไทยเรานี่เอง..ทั่วโลกจะต้องเดินทางมาที่นี่ครับ...บอกมากกว่านี้ไม่ได้ครับ(แต่อยากให้ทุกคนเชื่อนะครับทุกเรื่องเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นจริงในไม่ช้า...และก็หนักพอสมควร..
หมายเหตุ..หนักพอสมควรเทวดานะ...แต่สำหรับมนุษย์อาจจะ....

 

ไม่เกิดก็ดีแล้วค่ะ คือ มันไม่เที่ยง เพราะไม่อยากให้เกิดเลย ไม่ได้คิดเรื่องแม่นไม่แม่นหรือถูกผิด เพราะท่านผู้ทำนายต่างๆ ก้อได้ใช้ความรู้ความสามารถต่างๆ เพื่อทำนายให้เราได้รู้กัน ส่วนดีก็คือให้เรามีความพร้อม และตั้งตัวอยู่ในความประมาท

ยังไงก็ตามต้องขอขอบคุณกับหลายๆ ท่านที่มีเจตนาดีนำข้อมูลข่าวสารมาให้พวกเราอ่าน รวมไปถึงวิธีการเตรียมใจเตรียมกาย ภายนอกภายใน ขอบคุณค่ะ

 

ขออภัยค่ะ ตั้งตัวอยู่ในความไม่ประมาทค่ะ ^^

เอ ไม่ทราบพอจะบอกได้บ้างหรือไม่ค่ะว่า ศูนย์กลางที่ว่านี่คือ ที่ใดค่ะ?

 

พุทธพจน์ทำนายจากศิลาจารึก
ในเขตมหาวิหาร ในสวนมฤคทายวัน แปลได้ดังนี้​

<O</O
" พระจันทร์จะเริ่มเปล่งแสงฉายโลก เมื่อพวกที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลในสัตย์ ไร้ซึ่งศีลธรรมนั้นหมดสิ้นไป "​

 

พระนครผู้มีบุญ​

ในคริสต์ศาสนา ความในพระคัมภีร์วิวรณ์บอกว่า เมื่อคริสต์ศักราชครบ 2,000 ปีแล้ว พระเยซูคริสต์เจ้าจะเสด็จลงมาปกครองโลก โดยมีเมืองหลวงอยู่ที่นครเยรูซาเลม และการปกครองของพระเยซูในครั้งนี้จะกินเวลารวมทั้งสิ้น 1,000 ปี ในคติทางพระพุทธศาสนาก็เช่นเดียวกัน ได้มีความเชื่อในหมู่ของชาวพุทธแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะชาวพุทธของเมืองไทยว่า ภาคเหนือของไทยจะถูกสถาปนาขึ้นเป็นมหาอาณาจักรสัมมาทิฏฐิ พระอิศวรเป็นเจ้า หรืออินทราธิราช จึงนำเอาปราสาท 3 หลังขึ้นมาตั้งไว้บนแผ่นดิน คือ ปราสาทแก้ว ปราสาททอง ปราสาทเงิน กว้างหลังละ 1 กิโลเมตรเท่ากันทั้ง 3 หลัง แล้วเนรมิตกำแพงแก้วล้อมปราสาททั้ง 3 หลัง กว้างยาวเท่ากันด้านละ 4 กิโลเมตร กลางคืนจะสว่างเหมือนกลางวัน พระนครที่อินทราธิราชสร้างนั้นจะสว่างเหมือนกลางวัน พระนครที่อินทราธิราชสร้างนั้นจะได้นามว่า

 

สวัสดีค่ะพี่เกษม สบายดีนะค่ะ แล้วนี้ อย่างนี้ เรื่องภัยพิบัติอาจจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ คือ อาจจะหมายถึง ในปีนี้จะมีภัยบางส่วนมาเพื่อบอกเหตุใก้มนุษย์เราเตรียมตัวรับภัยใหญ่ในปีหน้านี้รึเปล่าค่ะ คือเมื่อ 2 วันก่อน ฝันว่ามาน้ำท่วม เป็นคลื่นใหญ่มาก ไม่แน่ใจว่า 12 เมตร รึ 12 ชั้น รึ วันที่ 12 เมษายนนี้ รึเปล่า แต่ในฝันได้ยินเสียงชาวบ้านพูดว่า 12 นี้ล่ะค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าหมายถึง 12 อะไร แต่เห็นเป็น คลื่นใหฐ่มากค่ะ สูงมาท่วมตึกสูงๆที่กลางตลาดคนก้อวิ่งแล้วก้อพูดกันเต็มไปหมด ว่า มันมาท่วมจากหลังตึกสูงๆนั้น มาอีกฝั่งเลย ประมาณนี้นะค่ะ แล้วได้ไปคุยกับพี่สาวคนหนึ่ง เค้าก้อบอกว่าเขาฝันเหมือนกันเลย คืนเดียวกันด้วยค่ะ น่ากลัวมากจนไม่อยากพูดถึง
พอมาคิดกันแล้ว เอ รึว่ามันจะเกิดเร็วๆนี้จริง คิดว่าเป็นจังหวัดหนึ่งในประเทศไทยเรานะค่ะ แล้วพึกที่เนไม่ได้ติดทางทะเลมากนะค่ะ เป็นย่านกลางเมือง ตลาดเลย มีคนเต็มไปหมด ค่ะ น่าจะเป็นกลางวันด้วย เพราะคนกำลังเดินกันเต็มนะค่ะ
ยังไงก้อขอให้ทุกท่านโชคดีค่ะ

 

คืนนี้ Falkman จะเตรียมตัวไปเยอรมันแล้ว ฝากให้ช่วยแปล E-mail ครับ..
เอาเป็นว่านายอนันดา (ชาวอินเดีย) เตือนแผ่นดินไหวด้วยเครื่อมือที่คล้ายระบบไฮโดรลิคของเค้าว่า..จะมีเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่อยู่ระหว่าง 4-9 ริตเตอร์ ที่จะสร้างความเสียหายรุนแรงได้ในช่วง 4 วันนี้ อาจเกิดคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่สะท้อนไปมาในทะเลด้วย ฝากเฝ้าระวังกันไว้ครับ..เพราะเห็นมีข่าวหนูในประเทศจีนอพยบออกมากันมากอาจเป็นสัญญาณเตือนอีกเรื่องหนึ่งครับ

นายอนันดาคนนี้ (เพื่อนFalkman) เค้าสร้างเครื่องมือในห้อง Lap เพื่อวิจัยและทดสอบแผ่นดินไหวมาตลอดครับ แต่ไม่ทราบว่าผลที่ออกมาแม่นยำขนาดไหน? ลองติดตามดูกันครับ

 

มาแล้วครับสัญญาณเริ่มแรก จับตาดูกันให้ดีๆ